ตอนที่ 935 จัดการเจี่ยงจื้อเฉียง
เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงที่พูดคุยกับหลินม่ายก่อนหน้านี้เรียกผู้กำกับให้ออกมาด้านนอก
หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ผู้กำกับหันหน้ามองตำรวจชายวัยกลางคนด้วยแววตาเข้มงวด “ใช่ว่าคุณเพิ่งเริ่มทำงานซะเมื่อไหร่ คดีเล็กน้อยแบบนี้ยังปล่อยให้ผิดพลาดได้อีกเหรอ?”
เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนกล่าวหลบเลี่ยง “สองสามวันที่ผ่านมามีคดีความให้จัดการเยอะไปหน่อยน่ะครับ ผมไม่ค่อยสบายเลยจัดการเรื่องราวได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
หลินม่ายถึงกับเย้ยหยัน “ฉันไม่รู้สึกว่าจะเป็นอย่างนั้นเลยนะคะ คุณต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับนักข่าวแซ่เจี่ยงคนนั้นแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นคุณไม่กล้าตัดสินคดีความไม่ถูกต้องแบบนี้หรอกค่ะ”
เธอหันมองผู้กำกับก่อนจะพูดต่อว่า “ดูเหมือนความสัมพันธ์กับตำรวจคนนี้กับนักข่าวแซ่เจี่ยงจะค่อนข้างดีนะคะ คุณก็คงรู้ว่าเขาจงใจบิดเบือนกฏหมายเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว และยังยอมทำงานพลาดด้วย”
ผู้กำกับตอบรับ “ผมจะตรวจสอบดู”
เวลานี้เขาหันกลับมาหาตำรวจวัยกลางคน “ผมขอพักงานคุณชั่วคราวเป็นเวลาสามเดือน หลังจากสอบสวนทุกอย่างชัดเจนแล้ว ผมค่อยตัดสินใจลงโทษคุณทีหลัง”
จากนั้นเขาหันไปหาตำรวจหญิงด้านข้าง “เธอไปรื้อคดีนี้ขึ้นมาอีกครั้งแล้วตัดสินใหม่”
ใบหน้าของตำรวจชายวัยกลางคนถึงกับซีดเซียว
เขากับเจียงจื้อเฉียงเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน และพวกเขาสามารถตรวจสอบมันได้แน่
ถึงเวลานั้นเมื่อผู้กำกับทราบว่าเขาบิดเบือนกฎหมายเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เกรงว่าวันนั้นเขาคงถูกไล่ออก
อนาคตคงจบสิ้นแล้ว
ข้อพิพาททางแพ่งเพียงเล็กน้อยดังกล่าว ตำรวจควรจะจัดการเรื่องเหล่านี้ให้เสร็จสิ้น ไม่จำเป็นต้องให้คนระดับสูงเข้าแทรกแซง
ไม่เหมือนคดีอาญาที่ต้องตรวจสอบไปทีละขั้นตอน
เขาจึงใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ตรงนี้เพื่อปล่อยลูกพี่ลูกน้องของเขาไป และจงใจคุมขังตัวป้าคนนั้นเอาไว้ และยังให้จ่ายเงินประกันตัวเพื่อระบายความโกรธแค้นแทนลูกพี่ลูกน้องของเขา
ตอนนี้ไม่เพียงแต่เขาจะตกงาน แต่เขายังไม่สามารถระบายความแค้นให้กับเจี่ยงจื้อเฉียงได้อีกด้วย
เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงรับคดีนี้ทันที พร้อมกับพาหลินม่ายและป้าเฉียนไปตรวจสอบอาการบาดเจ็บที่โรงพยาบาล
แม้ผลการตรวจสอบร่างกายจะยังไม่ออกจนกว่าจะถึงบ่ายวันพรุ่งนี้ แต่จากการวินิจฉัยเบื้องต้นของแพทย์ระบุไว้ว่าได้รับการกระทบกระเทือนเล็กน้อย เป็นอาการบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น
หลินม่ายเอาแต่บ่นป้าเฉียนว่ายอมรับเงินจากนักข่าวแซ่เจียงมาอย่างโง่เขลา
การถูกทำร้ายเช่นนี้ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็กจะต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และเงินหนึ่งร้อยหยวนมันไม่เพียงพอ
เวลานี้ป้าเฉียนรู้สึกเสียใจมาก
หลินม่ายพาตัวป้าเฉียนไปพบแพทย์ และบอกกล่าวกับแพทย์ว่าต้องการใช้ยาที่ดีที่สุดเพื่อให้หล่อนหายโดยเร็ว
เวลานี้ป้าเฉียนทั้งรู้สึกผิดและละอายใจ
หล่อนได้ค่ารักษาพยาบาลของหลินม่ายและชายแซ่เจี่ยงไปแล้ว ต่อมามีการเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลจากหลินม่ายอีกครั้ง
หลินม่ายไม่เพียงไม่กล่าวหาว่าหล่อนโลภ แต่ยังให้หมอจ่ายยาที่ดีที่สุดให้ด้วย ซึ่งสิ่งนี้ทำให้หล่อนยิ่งประทับใจมากขึ้น!
แพทย์ที่ดูแลทราบอยู่แล้วว่านี่คือคดีพิพาททางแพ่ง
เขาเข้าใจคำพูดของหลินม่ายในพริบตา
ความหมายของเธอคือ ป้าคือเหยื่อและจ่ายค่ารักษาพยาบาลด้วยตนเองอย่างกล้าหาญ แล้วยังเลือกยาที่ดีที่สุด เพราะสุดท้ายแล้วผู้กระทำผิดจะรับผิดชอบมัน
แพทย์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ “ผมจะจัดการให้ครับ”
ในปัจจุบันนี้โรงพยาบาลรักษาให้กับพนักงานและสมาชิกในครอบครัวโดยคิดราคาเพียงครึ่งหรือว่าฟรี แน่นอนว่าโรงพยาบาลไม่อาจหาเงินได้มากนัก
จนกระทั่งต่อมามีการยกเลิกสวัสดิการรักษาครอบครัวของพนักงาน โรงพยาบาลจึงร่ำรวยขึ้น
เวลานี้แพทย์จึงค่อนข้างกระตือรือร้นเมื่อมีผู้เสียหายจากข้อพิพาททางแพ่งเข้ามารักษาในโรงพยาบาล เพราะจะได้รับเงินจากพวกเขา
หลังจากที่แพทย์ดูแลป้าเฉียนอย่างปลอดภัยแล้ว หลินม่ายหยิบเงินให้กับป้าเฉียนอีกหนึ่งพันหยวนเพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาล
แม้ป้าเฉียนจะโลภมาก แต่หล่อนก็ยังเป็นคนที่รู้จักผิดชอบชั่วดี
หลินม่ายเคยมอบเงินให้กับหล่อนแล้วสองพันหยวน และตอนนี้ยังจะมอบให้อีกหนึ่งพันหยวน หล่อนจึงไม่กล้าที่จะรับมันไว้
หลินม่ายบอกกล่าวว่าทั้งหมดเป็นความผิดของเธอเอง เป็นความผิดพลาดในการตัดสินใจทำให้ป้าเฉียนต้องพบเจอกับเรื่องร้ายแรงในวัยชรา
หากหล่อนรับเงินหนึ่งพันหยวนนี้ไป หลินม่ายถึงจะสบายใจได้ ทำให้เวลานี้ป้าเฉียนสัมผัสได้ว่าหลินม่ายเป็นคนดีจริง ๆ
ในช่วงบ่ายของวันถัดมา ผลการตรวจร่างกายออกมาแล้ว และยืนยันว่าป้าเฉียนบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
ตำรวจหญิงเรียกเจี่ยงจื้อเฉียงกลับมาที่สถานีตำรวจอีกครั้ง
เจี่ยงจื้อเฉียงได้ทราบข้อกล่าวหาทั้งหมดจากลูกพี่ลูกน้องของเขาแล้วว่าคดีทั้งหมดพลิกผันโดยสมบูรณ์
เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงจะใช้เวลาสักสามสี่วันเพื่อจะจับกุมเขา
และเขาพยายามอย่างหนักที่จะหาทางหยุดคดีนี้
เขาไปพบลูก ๆ ของป้าเฉียนและพยายามสร้างข้อตกลงลับ
สุดท้ายแล้วคดีเล็กน้อยอย่างการทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายสามารถยอมความได้
ตราบใดที่อีกฝ่ายยอมความ เขาก็จะไม่ถูกลงโทษใด ๆ
แต่ว่าลูก ๆ ของป้าเฉียนไม่มีใครคิดยอมความ
ทำให้เจี่ยงจื้อเฉียงกระวนกระวายราวกับมดยืนบนกระทะร้อน
หลังจากเลิกงาน เขากำลังจะกลับบ้านและคิดระบายความโกรธกับภรรยาและลูก ทว่าเขากลับถูกตำรวจลากตัวไปต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน
ตอนนั้นเขาอับอายและต้องการหาที่ระบายโทสะ
เขามาถึงสถานีตำรวจและเห็นหลินม่ายยืนอยู่ที่ประตูสถานี
หลินม่ายเดินเข้าหาเขา ก่อนจะกล่าวประชด “ฉันจำได้ว่านักข่าวเจี่ยงพูดว่าถ้ามีคนทำให้คุณอับอาย ตราบใดที่คน ๆ นั้นยอมขอโทษ คุณก็จะไม่มีวันไล่ตาม แต่นี่กลับร้องตะโกนไปทั่ว พอเกิดเรื่องขึ้นจริง ๆ ทำไมไม่เป็นแบบที่พูดไว้เลยคะ ป้าด่าคุณสองสามคำ แล้วก็ขอโทษคุณแล้ว แต่คุณกลับเตะต่อยจนทำให้หล่อนต้องบาดเจ็บ ที่แท้ก็แค่คนหน้าซื่อใจคด พูดอย่างทำอย่าง!”
เวลานี้เจี่ยงจื้อเฉียงเข้าใจแล้วว่าทำไมป้าคนนั้นถึงมาดุด่าเขาอย่างไม่มีเหตุผล ทุกอย่างเป็นเพราะหลินม่ายอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
แต่ต่อให้เขาทราบถึงความจริง เขาก็ไม่สามารถหลบหนีโทษของกฏหมายได้
ตำรวจได้รับเอกสารตัดสินจากศาล และบอกกล่าวให้ลงโทษเขาภายในหนึ่งสัปดาห์
เพราะฝ่ายผู้เสียหายไม่ยอมความ เจี่ยงจื้อเฉียงจึงถูกตัดสินให้จำคุกสามเดือน
แน่นอนว่าสำนักข่าวจะไม่เก็บผู้ที่มีความประพฤติเช่นนี้เอาไว้
ในช่วงปี 1980 นักข่าวมักจะเป็นหูเป็นตาให้กับชาวบ้านทั่วไป และใช้สื่อเพื่อปกป้องคนอ่อนแอ
หากนักข่าวไม่มีความซื่อสัตย์ แล้วจะมีความสามารถปกป้องความยุติธรรมของผู้คนได้อย่างไร?
สำนักข่าวไล่เจี่ยงจื้อเฉียงออกจากตำแหน่งทันที
อีกทั้งเจี่ยงจื้อเฉียงยังทุบตีภรรยาของเขาตลอดเวลา ภรรยาของเขาจึงใช้โอกาสนี้เพื่อหย่ากับเขา และพาลูก ๆ หนีไปไกลโดยไม่ยอมให้พบเจอหน้าเขาอีก เพื่อป้องกันไม่ให้เขาค้นหาพวกเธอพบและทุบตีแม่ลูกหลังจากออกจากคุก
หลังจากที่หลินม่ายจัดการกับเจี่ยงจื้อเฉียงแล้ว โยมิ อาซากุสะก็ซื้อบ้านหลังใหญ่สามห้องนอนหนึ่งห้องนั่งเล่นในโกลเด้นกลอรี่เรสซิเดนซ์
บ้านหลังใหญ่สามห้องนอน และหนึ่งห้องนั่งเล่นมีพื้นที่กว่า 90 ตร.ม.
เพราะโยมิ อาซากุสะเลือกชั้นที่ยอดเยี่ยม ราคาของมันจึงสูงกว่าชั้นทั่วไปหนึ่งพันหยวนต่อตารางเมตร
หล่อนซื้อบ้านตัวอย่างเพราะว่าต้องการย้ายเข้าโดยเร็วที่สุด
บ้านตัวอย่างมีราคาแพงกว่ามาก เพราะมันถูกตกแต่งอย่างดี โยมิ อาซากุสะใช้เงินกว่าหนึ่งแสนหยวนเพื่อซื้อบ้านหลังนี้
หล่อนกู้เงินจากธนาคารได้เพียงหนึ่งแสนหยวนเท่านั้น ซึ่งมันยังไม่เพียงพอ ทำให้ต้องหยิบยืมเงินจากบริษัทเพิ่มเติมอีกหลายหมื่นหยวน
เวลานี้การเงินภายในบริษัทของหล่อนไม่ค่อยดีนัก และโยมิ อาซากุสะก็ยังคงทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อซื้อบ้าน ทำให้ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินรู้สึกอับจนหนทางเมื่อเห็นผู้บริหารใช้เงินอย่างนี้
หลังจากย้ายเข้าบ้านหลังใหม่ โยมิ อาซากุสะก็นึกครึ้มอกครึ้มใจจัดงานเลี้ยงบ้านใหม่เพื่อฉลองความสำเร็จ
แน่นอนว่าหล่อนต้องการโอ้อวด
แต่ไม่รู้ว่าโยมิ อาซากุสะอยากจะฉลองอยู่หรือไม่ถ้าหล่อนรู้ว่าโกลเด้นกลอรี่เรสซิเดนซ์เป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของหลินม่าย
แม้หล่อนจะมองว่าหลินม่ายคือศัตรูตัวฉกาจ แต่หล่อนก็ไม่รู้ว่าหลินม่ายทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วย
ในคืนงานเลี้ยง โยมิ อาซากุสะเชิญเพื่อนทุกคนให้มาร่วมงาน
ทุกคนกิน ดื่ม เต้นรำกันอย่างสนุกสนาน บรรยากาศเต็มไปด้วยความรื่นเริง
แต่มีสองคนที่กำลังเบียดเสียดกันอยู่ในมุมห้องอย่างลับ ๆ
หนึ่งในนั้นคือเซี่ยวเจี๋ย หล่อนถือแก้วไวน์แดงยกจิบเล็กน้อยก่อนจะมองโยมิ อาซากุสะด้วยรอยยิ้มแสยะ
หล่อนนึกคิดอย่างชั่วร้ายว่าหลังจากนี้อีกสองสามวันตนจะเปิดเผยหลักฐานการกู้เงินของโยมิ อาซากุสะต่อสื่อ และจะดูว่านังสุนัขตัวเมียนี้จะยังหัวเราะมีความสุขได้อีกหรือไม่
อีกคนคือหลูเจียซิ่ง
แม้เขาจะถูกตัดสินโทษ แต่หลังจากนั้นหนึ่งปีเขาได้รับอภัยโทษก่อนจะออกมาเป็นอิสระอีกครั้ง
เขาหันมองโยมิ อาซากุสะที่รายล้อมด้วยชายกลุ่มใหญ่ ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย คิดแค้นเคืองในใจว่าทำไมเขาถึงโดนลงโทษอยู่คนเดียว แต่คนปล่อยข่าวลือออกไปกลับไม่เป็นอะไรเลย!
สุดท้ายแล้วเขารู้สึกว่าทุกสิ่งเป็นเพราะโยมิ อาซากุสะ
เขาคิดได้ว่าแม้ตนเองจะจับก้นเถาจื้ออวิ๋นจริง แต่ถ้าโยมิ อาซากุสะไม่เข้ามายุ่งในตอนนั้น เรื่องราวคงไม่วุ่นวายขนาดนี้
เขาไม่ได้นึกถึงว่าหากเขาไม่ยื่นมือปลาหมึกออกไปสัมผัสก้นของเถาจืออวิ๋น เขาก็จะไม่ถูกลงโทษใด ๆ
เวลานี้ในบ้านเต็มไปด้วยบรรยากาศการเฉลิมฉลอง เหล่าฝูงแร้งฝูงกาทั้งหมดกำลังเต้นรำอย่างบ้าคลั่ง ทันใดมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
โยมิ อาซากุสะสบถขึ้นอย่างหงุดหงิด “ใครอีกล่ะ?”
หล่อนเดินไปเปิดประตู ก่อนที่จะอ้าปากดุด่าคนที่มาเยือนโดยไม่ได้รับเชิญ หล่อนกลับถูกอีกฝ่ายตบหน้าอย่างแรง
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ใช้หนี้หัวบานแน่ยัยโยมิ รอร่วงกระแทกพื้นลงมาจากอีโก้ของเธอเลย
ไหหม่า(海馬)