บทที่2 หกปีผ่านไป แล้วเธอก็กลับมา
หกปีผ่านไป สนามบินนานาชาติหลินชวน
หญิงสาวที่ร่างสูงยาว สวมสูทสีดำ กระโปรงทรงเอสั้น เผยให้เห็นขาที่ขาวและเรียวยาว
ใบหน้าของเธอสวมแว่นดำที่ปิดไปครึ่งหน้า ถึงแม้จะบังหน้าไว้ แต่หุ่นนั้นก็เผยให้เห็นออร่าที่ไม้แพ้ดาราระดับแนวหน้าเลยทีเดียว
ร่างกายที่เผ็ดร้อน สะดุดตาท่ามกลางกลุ่มคนที่พลุกพล่าน
ด้านหลังของหญิงสาวยังมีเด็กอายุห้าหกขวบตามด้วย น่ารักสุดๆ
บนหน้าของเด็กชายไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรสักนิด ท่าทางเคร่งขรึมเย็นชา ให้อารมณ์เหมือนผู้ใหญ่
ส่วนอารมณ์บนใบหน้าของเด็กผู้หญิงก็ชัดเจนมาก
เธอกะพริบตาที่ดำโต เงยหน้าขึ้นถาม “นี่คือบ้านเกิดของหม่ามี๊หรอคะ”
เสียงที่อ่อนเยาว์ ทำให้คนซาบซึ้งมาก สวี่รั่วฉิงยกมุมปากขึ้น มองเด็กหญิงอย่างเอ็นดู “อื้ม”
หกปีก่อน เธอถูกยัดลงในกระสอบ มัดกับก้อนหินแล้วโยนทิ้งลงทะเล
ตอนแรกคิดว่าชีวิตนี้จะจบลงแล้ว แต่โชคดีที่ถูกคุณตระกูลซูช่วยชีวิตไว้
คุณตระกูลซูเก็บเธอเอาไว้ ถึงมีชีวิตรอดได้ แล้วก็ยังให้ตั๋วเครื่องบินไปต่างประเทศและให้เงินเธอจำนวนหนึ่ง
ถึงต่างประเทศได้ไม่นาน สวี่รั่วฉิงก็รู้ว่าตัวเองนั้นท้อง
“น้องสาวสุดที่รัก ถ้าพี่ปรากฏตัวต่อหน้าแก แกจะแปลกใจไหมนะ”
สวี่รั่วฉิงพึมพำเสียงเบา แสงจันทร์ส่องเข้ามาในตา แต่ตอนที่สายตานั้นมองไปที่หนูน้อยทั้งสอง แววตาก็อบอุ่นขึ้น
หลังจากท้อง สวี่รั่วฉิงไม่ได้คิดจะคลอดเด็กสองคนนี้ออกมา
จากมุมมองของเธอ นี่คือความอัปยศในคืนนั้น
เป็นข้อยืนยันเรื่องตลกที่เธอนั้นมีชีวิตรอดมาได้สิบกว่าปี
จนหลังจากที่เธอได้ขึ้นไปนอนบนเตียงผ่าตัดแล้ว เธอก็รู้สึกคิดผิด
ไม่ว่าคืนนั้นจะเป็นยังไง ไม่ว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นยังไง สุดท้ายก็เลือดเนื้อเชื้อไขของเธออยู่ดี
เพราะฉะนั้น สวี่รั่วฉิงเลยคลอดหนูน้อยทั้งสองออกมา แล้วก็เลี้ยงดูมาอย่างยากลำบากจนโต
ครั้งนี้ เธอจะไม่ให้พวกเขารังแกอะไรอีกแล้ว
ครั้งนี้ เธอจะไม่ใช่สวี่รั่วฉิงอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นแอนนาที่เป็นนักปรุงน้ำหอมระดับนานาชาติ
กลับมาครั้งนี้ เธอได้รับเชิญจากตระกูลลี่
ผ่านมาหลายปี ก็ไม่รู้ว่าน้องสาวสุดที่รักอยู่ในบ้านลี่จะเป็นยังไงบ้าง
สวี่รั่วฉิงยิ้มแล้วลูบไปที่หัวของหนูน้อยทั้งสอง
สวี่อี้หานลูบไปที่มือของสวี่รั่วฉิงอย่างน่ารักมาก
แต่สวี่อี้ฝานกลับทำหน้าตารังเกียจแล้วเบ้ปาก “หม่ามี๊ อย่าทำผมคนอื่นเสียทรงได้ไหมเนี่ย”ฟังแล้ว สวี่รั่วฉิงก็หัวเราะเบาๆ “โอเค”
ทั้งๆ ที่เป็นแฝดชายหญิงแม่เดียวกันแท้ๆ ทำไมทั้งสองคนถึงนิสัยต่างกันได้ขนาดนี้ล่ะ
สวี่รั่วฉิงไม่ได้สังเกตว่า ตรงที่ไม่ไกลนั้น มีผู้ชายคนนึงกำลังจ้องมองมาทางนี้
“ผู้หญิงคนนั้น……เป็นใครกัน”
จู่ๆ ลี่ถิงเซิ่งก็เอ่ยปาก ในแววตาที่ลึกซึ้งนั้นเต็มไปด้วยความสงสัย
ไม่รู้ทำไม ผู้หญิงคนนี้ให้ความรู้สึกคุ้นเคยกับเธอมากๆ
เลขาที่อยู่ข้างๆ นั้นรู้สึกประหม่า คนในสนามบินเยอะขนาดนี้ เขาจะรู้ข้อมูลของคุณผู้หญิงคนนี้ได้ยังไง
ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากคนในบ้านแล้ว ประธานของเขาเคยสนใจผู้หญิงคนอื่นเมื่อไหร่กัน
แล้วยังเป็นคนที่…มีลูกด้วย
“ท่านประธานครับ เรามารับครอบครัวของคุณฮิลล์นะครับ”
หลี่อานผู้เป็นเลขา พูดเตือนอย่างอ่อนโยน
ได้ยินแล้ว ลี่ถิงเซิ่งถึงได้เก็บสายตากลับมา
ห่างไกลเกินไป เขาเห็นหน้าของเด็กสองคนนั้นไม่ชัด ถ้าได้เห็น ต้องอึ้งแน่นอน
เด็ดฝาแฝดชายหญิงคู่นี้หน้าตาคล้ายเขามาก
อีกด้านนึง สวี่รั่วฉิงก็เหมือนรู้ตัว ค่อยๆ เอียงคอ แต่กลับไม่เจออะไร
เธอคงรู้สึกไปเองแหละ
“เรื่องดีของตระกูลลี่ใกล้เข้ามาแล้ว คู่ครองตลอดหกปี สุดท้ายก็ได้รักกัน”
สวี่รั่วฉิงกำลังเตรียมตัวจะก้าวขาออกไป แต่กลับเห็นจอทีวีใหญ่ในสนามบิน กำลังถ่ายทอดข่าวบันเทิงอยู่
รูปภาพประกอบนั้นเป็นรูปของภรรยาลี่และสวี่รั่วยีไปเดินห้างด้วยกัน
มุมปากของสวี่รั่วฉิงแสยะยิ้ม หวังว่าสวี่รั่วยียังจะดำรงตำแหน่งสะใภ้ลี่อย่างมั่นคงได้
เธอไม่ได้ดูต่อ แล้วก็พาหนูน้อยทั้งสองค่อยๆ ออกไป
สนามบิน ผู้หญิงส่วนใหญ่อารมณ์แปรปรวน แล้วลี่ถิงเซิ่งก็เห็นเนื้อหาในจอทีวีใหญ่
หน้าตาไร้ความรู้สึกเหมือนเดิม แล้วสถานการณ์ก็เต็มไปด้วยความอึมครึม “ลองหาดูซิว่าเป็นบริษัทบันเทิงบริษัทไหน ซื้อมาให้ฉันซะ”
เขาบอกเมื่อไหร่ว่าจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น
หลี่อานเห็นสีหน้าของลี่ถิงเซิ่งไม่ค่อยดี แล้วก็หนาวสั่นทันที
เขาเพิ่งจะเตรียมตัวพูด แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น โทรศัพท์ของประธานนั่น
หลังจากที่เห็นเบอร์โทรชัดเจนแล้ว หลี่อานก็ยื่นโทรศัพท์ไปด้วยสีหน้าซับซ้อน “ท่านประธานครับ เป็นสายจองคุณสวี่ครับ”
หลี่อานนับถือคุณสวี่คนนี้มาก ท่านประธานนั้นเป็นคนนอนไม่หลับ แต่ขอแค่มีเธออยู่ข้างๆ ท่านประธาน ท่านประธานจะหลับสนิทได้ยังไงล่ะ
คุณท่าน(หญิง)ก็ชอบคุณสวี่คนนี้มาก ไม่งั้น คงไม่ให้ท่านประธานหมั้นกับคุณสวี่หรอก
สิ่งที่ทำให้หลี่อานไม่เข้าใจก็คือ ถึงแม้ว่าคุณสวี่จะเป็นว่าที่ภรรยา แต่ไม่รู้ทำไม ท่านประธานถึงไม่ยอมให้พวกเขาเรียกคุณสวี่ว่าคุณนายล่ะ
หลังจากลังเลอยู่พักใหญ่ สุดท้ายลี่ถิงเซิ่งก็รับโทรศัพท์
“ถิงเซิ่ง คุณจะกลับมาเมื่อไหร่ คุณไม่ได้กลับมาพักผ่อนดีๆ มาสามวันแล้วนะคะ”
เสียงที่อ่อนหวาน แสดงความใส่ใจเต็มเปี่ยม
“ดูอีกทีละกัน เดี๋ยวมีประชุมสำคัญอีกน่ะ”
ลี่ถิงเซิ่งเอ่ยปากอย่างเย็นชา น้ำเสียงค่อนข้างรำคาญ
สวี่รั่วยีที่อยู่ปลายสายนั้นกำโทรศัพท์แน่นอย่างไม่รู้ตัว เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจน ท่าทางที่ลี่ถิงเซิ่งมีต่อเธอนั้นเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ
หกปีแล้ว เครื่องหอมของยายแก่คนนั้น หมดไปแล้ว
เธอแอบหาเซียนเครื่องหอมไม่รู้กี่ครั้ง แต่ก็ไม่มีใครคิดค้นเครื่องหอมแบบนั้นออกมาได้เลย
ไม่มีเครื่องหอมแบบนั้น เธอก็ทำให้ลี่ถิงเซิ่งนอนหลับสนิทไม่ได้
เธอไม่พอใจกับความเย็นชาของลี่ถิงเซิ่งมาก
แล้วก็เคยสั่งให้คนไปตามหายายแก่คนนั้นในชนบท แต่ยายแก่กลับก็เหมือนกับว่าระเหยไปจากโลกนี้ หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ยังดีที่เธอได้นัดกับแอนนาที่เป็นเซียนเครื่องหอมนานาชาติ เธอไม่เชื่อว่าเซียนเครื่องหอมระดับนานาชาติชั้นหนึ่ง จะทำของในแบบที่เธอต้องการไม่ได้
หลังจากตัดสินใจแล้ว สวี่รั่วยีก็พูดอย่างน่าสงสารว่า “ถิงเซิ่ง ฉันรู้ว่าคุณงานยุ่งมาก แต่คุณมาอยู่กับฉันหน่อยไม่ได้เลยหรอ”
“หกปีก่อนคุณบังคับ”
“วันนี้ผมจะกลับไปคืนนึง แค่นี้นะ”
สวี่รั่วยียังพูดไม่ทันจบก็ถูกลี่ถิงเซิ่งตัดบทแล้ว จากนั้นก็ตัดสายไป
ถึงหกปีที่แล้วเป็นเขาจะทำเรื่องละอายใจกับไว้ แต่หลายปีมานี้เขาไม่ได้ทำไม่ดีกับสวี่รั่วยีเลย แล้วเรื่องละอายใจพวกนั้นก็หายไปนานแล้วด้วย
หลี่อานเห็นสีหน้าเคร่งขรึมอันน่ากลัวของลี่ถิงเซิ่งแล้ว ก็กลืนน้ำลายไปทีนึง กลัวว่าจะหาเรื่องเข้าตัว
……
วันรุ่งขึ้น
หลังจากจัดแจงหนูน้อยทั้งสองแล้ว สวี่รั่วฉิงก็สวมแว่นดำแล้วออกจากบ้านไป มุ่งหน้าไปที่ลี่ซื่อกรุ๊ป
สิ่งที่สวี่รั่วยีให้ความสำคัญนั้น เธอต้องแย่งมาด้วยตัวเองให้ได้
สิ่งที่เป็นของตัวเองนั้น ก็ควรเอากลับคืนมาแล้ว
ใต้ตึกลี่ซื่อกรุ๊ป
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าได้นัดไว้รึเปล่าคะ” พนักงานต้อนรับยืนขึ้นแล้วถามอย่างสุภาพ
“ฉันมาสมัครเป็นผู้ช่วยประธานค่ะ” สวี่รั่วฉิงยิ้มอ่อนแล้วพูด
พนักงานต้อนรับมองดูสวี่รั่วฉิงที่หน้าตาดูมีเสน่ห์แล้ว แววตาแสดงให้เห็นถึงความดูถูก น้ำเสียงก็เบาลงด้วย “ขอโทษด้วยนะคะ คุณผู้หญิง ท่านประธานของเราไม่ต้องการผู้ช่วยค่ะ”
สวี่รั่วฉิงรู้ว่าในใจเธอคิดอะไร หลังจากหัวเราะเบาๆ แล้ว ก็ขี้เกียจอธิบาย
ยังไงแล้วเป้าหมายของเธอก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ไม่ใช่รึไง
“ฉันว่าคุณควรจะบอกกับประธานของคุณหน่อยนะคะ ลองถามดูว่าเขาต้องการรึเปล่า”
สวี่รั่วฉิงกลับมาคราวนี้ แน่นอนว่าเตรียมตัวมาหมดแล้ว
เธอมีความมั่นใจมากพอว่าสามารถทำให้คนคนนั้นรับเธอไว้ได้
“คุณผู้หญิงท่านนี้ ฉันพูดชัดเจนแล้วนะคะ กรุณาอย่าขัดขวางการทำงานของฉัน เข้าใจไหมคะ”
“คนที่คิดอยากจะมาเกาะอย่างคุณ คนที่คลานขึ้นมาบนเตียงท่านประธานของเรา เดือนนึงมีตั้งสิบกว่าคน คุณตัดใจเรื่องนี้ซะเถอะ”
บนหน้าของพนักงานต้อนรับเต็มไปด้วยความขยะแขยง คนที่ใช้ร่างกายทำมาหากินนั้น ไม่มีใครให้ความสำคัญหรอก
“ยิ่งไปกว่านั้น เรามีภรรยาท่านประธานแล้ว คุณก็ไม่ต้องทำงานที่ไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ”
ภรรยาท่านประธานหรอ
สวี่รั่วยีหรอ
เหอะ หกปีก่อน เพื่อตำแหน่งแล้วสวี่รั่วยีวางยาเธอ ตอนนี้เธอกลับมาแล้ว สวี่รั่วยียังจะอยู่บนตำแหน่งนี้ได้ราบรื่นรึเปล่า
“เอะอะอะไร”
จู่ๆ เสียงที่เยือกเย็นก็ดังขึ้นจากด้านหลังของสวี่รั่วฉิง