บทที่ 22 มีคนคิดจะใช้พวกผมข่มขู่คุณแม่สินะ
“แม่คะ เมื่อกี้คุยโทรศัพท์กับมี๊(แม่บุญธรรม)จิ่วเอ๋อร์เหรอคะ?” สวี่อี้หานอุ้มถังไอศกรีมรสสตรอเบอรี่มานั่งลงข้างๆสวี่รั่วฉิง
“อี้หานคิดถึงคุณมี๊(แม่บุญธรรม)เหรอ?” สวี่รั่วฉิงเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน
เด็กหญิงจึงพยักหน้า
เมื่อก่อนตอนที่คุณแม่ยังอยู่ที่ต่างประเทศ มี๊จิ่วเอ๋อร์ก็มักจะพาเธอกับพี่ชายออกไปเที่ยวข้างนอกบ่อยๆ ตอนนี้มี๊จิ่วเอ๋อร์ไม่ได้อยู่ที่เมืองหลินชวน เธอเลยรู้สึกเหงาๆ
สวี่อี้ฝานพูดออกมานิ่งๆว่า “แกอยากให้มี๊จิ่วเอ๋อพาแกออกไปเที่ยวล่ะสิ”
เมื่อถูกจี้จุดเด็กหญิงก็ถลึงตาใส่พี่ชายตัวเอง ส่งเสียงฮึดฮัดออกมา พร้อมกับกอดถังไอศกรีมแน่น
“แม่ครับ แม่มีอะไรอยากบอกผมกับอี้หานใช่ไหม” สวี่อี้ฝานทำเป็นมองไมเห็นท่าทางของน้องสาว แล้วเอ่ยถามสวี่รั่วฉิงด้วยเสียงเรียบนิ่งเหมือนเคย “วันนี้ครูประจำชั้นกับผอ.มาหาผม มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าครับ?”
สมกับเป็นสวี่อี้ฝานจริงๆ!สวี่รั่วฉิงตกใจที่ลูกชายตัวเองเฉลียวฉลาดขนาดนี้ เธอลูบหัวเล็กๆของสวี่อี้ฝานแล้วพูดว่า “รอแม่แป๊บหนึ่งนะ”
พูดจบ หญิงสาวก็ลุกขึ้นไปหยิบรูปพวกนั้นมา
สวี่อี้หานไม่เข้าใจ ทว่าก็ยังตักไอศกรีมคำใหญ่เข้าปาก “ อื้อ พี่รู้ได้ยังไงว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น?”
วันนี้ครูประจำชั้นกับผอ.ก็มาหาเธอเหมือนกัน แต่เธอก็ไม่เห็นจะรู้สึกว่ามันแปลกตรงไหนเลยนี่นา?
สวี่อี้ฝานยิ้มหยันออกมา พร้อมกับดีดนิ้วใส่หน้าผากของน้องสาวเบาๆ “โง่”
ไม่นานสวี่รั่วฉิงก็กลับมาที่ห้องรับแขก จากนั้นก็วางรูปที่ได้รับมาวันนี้ลงบนโต๊ะ
เธอไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังเด็กทั้งสอง
สวี่อี้ฝานกับสวี่อี้หานเป็นเด็กฉลาดและหัวไว ดังนั้นควรบอกเด็กทั้งสองว่ามีคนคอยแอบตามพวกเขาอยู่ พวกเขาจะได้ระวังตัวและปลอดภัยมากขึ้น
สวี่อี้ฝานหยิบรูปขึ้นมาพินิจพิจารณาอย่างตั้งใจ
ไม่นานหลังจากนั้น สวี่อี้ฝานก็เงยหน้าขึ้นมา “ตอนไปเที่ยวเมื่อสุดสัปดาห์ก่อน มีคนสะกดรอยเราเหรอครับ?”
จากมุมกล้องในรูป เห็นได้ชัดว่าใช้กล้องรูเข็มแอบถ่าย
ที่คุณแม่เอากลับมาด้วย แสดงว่าต้องมีคนส่งมาให้แน่ๆ
ดวงตากลมโตสีดำที่มีส่วนคล้ายลี่ถิงเซิ่งฉายแววตื่นตัว “มีคนคิดจะใช้พวกผมข่มขู่คุณแม่สินะ”
เสียงของสวี่อี้ฝานนิ่งเย็น ไม่เหมือนเด็กอายุหกขวบเลยสักนิด
เขาวางรูปลงบนโต๊ะเหมือนเดิม จากนั้นก็กระโดดลงจากโซฟา ขาสั้นๆเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง ไม่นานหลังจากนั้นก็หอบโน๊ตบุ๊คกลับมาที่ห้องรับแขก
เขาเปิดเครื่อง แล้วค้นหาตำแหน่งของสวนสนุกที่สวี่รั่วฉิงพาพวกเขาไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วบนอินเทอร์เน็ต นิ้วมือกดลงบนแป้นพิมพ์รัวๆ ผ่านไปสิบนาที เขาก็กดปุ่มเอ็นเตอร์ พร้อมกับเอ่ยพูดออกมาว่า “เจอแล้ว เป็นนักสืบเอกชนในเมืองหลินชวน อาทิตย์ที่แล้วมีแค่พวกเขาที่อยู่สวนสนุกเดียวกันกับพวกเรา”
สวี่รั่ววฉิงเบิกตาอ้าปากกว้าง
เร็วเกินไปไหม? สวี่อี้ฝานทำยังไงถึงหาเจอว่าใครเป็นคนแอบถ่ายพวกเขา?
เมื่อกี้เธอเพิ่งไหว้วานให้ซูจิ่วเอ๋อร์ช่วยสืบอยู่เลยว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเป็นใคร
จากนั้นก็เห็นสวี่อี้ฝานตีหน้านิ่งเหมือนลี่ถิงเซิ่ง นิ้วมือของเขากดบนแป้นพิมพ์ด้วยความเร็วรัว
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ในที่สุดเขาก็แสดงสีหน้า “เป็นแบบนี้นี่เอง”ออกมา พร้อมทั้งจิ๊ปากหนึ่งที
“มิน่าล่ะ ที่แท้ผู้หญิงมารร้ายคนนั้นก็คอยชักใยอยู่เบื้องหลังนี่เอง” สวี่อี้ฝานวางโน๊ตบุ๊คลงบนโต๊ะ เมื่อหันมาเห็นท่าทางตกใจของแม่และน้องสาว ก็ยักไหล่แล้วอธิบายว่า “แม่ครับ คนที่ส่งนักสืบมาสะกดรอยตามพวกเรา กับคนที่ส่งรูปพวกนั้นมาให้แม่ เต็มสิบไม่แปดก็เก้าผมว่าน่าจะเป็นคุณน้า”
“ผู้หญิงนิสัยไม่ดีคนนั้นอีกแล้ว!” เมื่อสวี่อี้หานได้ยินว่าสวี่รั่วยีแอบเล่นตุกติก ก็กำหมัดแน่น “ไม่จบไม่สิ้น!อยากให้บอกป๊าปี๊เร็วๆนักใช่ไหม!”
สวี่รั่วฉิงกลับไม่แปลกใจที่คนเบื้องหลังคือสวี่รั่วยี
เดิมทีเธอก็คิดว่าผู้ต้องสงสัยอาจจะเป็นสวี่รั่วยีหรือไม่ก็คู่แข่งของลี่ซื่อกรุ๊ปอยู่แล้ว
คงต้องให้ซูจิ่วเอ๋อร์ช่วยตรวจสอบอีกที จะได้เหลือผู้ต้องสงสัยแค่คนเดียว
ในเมื่อเป็นสวี่รั่วยี คงจัดการง่ายหน่อย
“อี้ฝันฉลาดจริงๆ!” สวี่รั่วฉิงหอมแก้มลูกชายเป็นรางวัล ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าเคร่งเครียด พร้อมกับบอกเจ้าก้อนถั่วทั้งสองว่า “ในเมื่อรู้แล้วว่าเป็นใคร ก็ต้องระมัดระวังตัวให้มากกว่าเดิมนะ ถ้าไม่ใช่แม่ไปรับพวกหนูที่โรงเรียน ก็ห้ามไปกับคนแปลกหน้าเด็ดขาด”
“คุณแม่ สบายใจได้เลย!”
ก้อนถั่วทั้งสองตบอกรับประกัน
ในเมื่อผู้หญิงนิสัยไม่ดีคนนั้นกล้ามาหาเรื่องคุณแม่ของพวกเขา พวกเขาก็จะทำให้ “คุณน้าแท้ๆ” ได้รู้ว่าเด็กแสบเป็นยังไง!
……
วันต่อมา หลังจากที่ซูจิ่วเอ๋อร์ส่งคนไปตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่าตระกูลสวี่ให้คนสะกดรอยตามสวี่รั่วฉิง ก็ทิ้งงานแฟชั่นโชว์มากดโทรหาเพื่อนสนิท
“รั่วฉิง คนที่ส่งคนมาสะกดรอยตามแก ไม่ใช่คนอื่นไกล แต่เป็นตระกูลสวี่นั่นแหละ ไม่รู้ว่าพวกเขารู้ตัวตนที่แท้จริงของแกหรือยัง…….งั้นฉันจะให้คนไปลบประวัติแกอีกครั้งก็แล้วกัน แต่แกก็ต้องระวังให้มากๆ ตระกูลสวี่มีอิทธิพลในเมืองหลินชวน ที่นั่นพวกเขาคือเจ้าถิ่น”
“แกไม่ต้องห่วง ฉันจะระวังตัว อีกอย่างอี้ฝันก็สืบรู้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะ เฮ้อ ไม่รู้ว่าการที่เขาฉลาดตั้งแต่เด็กๆแบบนี้เป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย ตอนนี้ฉันยิ่งทำงานที่ลี่ซื่อกรุ๊ปอยู่ด้วย โชคดีที่อี้ฝันกับลี่ถิงเซิ่งไม่เคยเจอกัน ไม่อย่างนั้นคนฉลาดอย่างลี่ถิงเซิ่ง คงเดาความสัมพันธ์ระหว่างอี้ฝันกับเขาออกแน่”
เมื่อซูจิ่วเอ๋อร์ได้ยินว่าสวี่อี้ฝานช่วยสวี่รั่วฉิงสืบหาความจริงจนเจอ ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “แกมีลูกชายฉลาดขนาดนั้นอยู่ด้วย ฉันก็สบายใจแล้วล่ะ อีกอย่าง ฉันค้นเจอเรื่องน่าสนใจบางอย่างของสามีภรรยาฮิลล์มาด้วยล่ะ หวังว่าจะช่วยอะไรแกได้บ้างนะ”
“ขอบคุณนะ จิ่วเอ๋อร์” สวี่รั่วฉิงเอ่ยขอบคุณ
เธอไม่คิดเลยว่าหลังจากที่ถูกสวี่รั่วยีโยนลงน้ำ เธอจะยังมีชีวิตรอดมาจนถึงวันนี้
โชคดีที่ตอนนั้นซูจิ่วเอ๋อมาเที่ยวทะเลพอดี ถึงได้ช่วยชีวิตของเธอเอาไว้ได้
ตั้งแต่ตอนนั้นทั้งสองก็กลายเป็นเพื่อนสนิทที่มองตาก็รู้ใจกัน
ในตอนที่สวี่รั่วฉิงกำลังจะพูดคุยสัพเพเหระกับซูจิ่วเอ๋อร์ต่อ โทรศัพท์ที่เอาไว้สำหรับทำงานก็สั่นครืดขึ้นมา
เมื่อซูจิ่วเอ๋อร์ได้ยิน ก็พูดยิ้มๆว่า “ยุ่งน่าดูเลยสิ นี่คงมีคนโทรมาบอกให้แกปรุงน้ำหอมอีกแล้วสินะ? งั้นฉันไม่รบกวนแล้วดีกว่า”
สวี่รั่วฉิงแปลกใจ ดึกดื่นขนาดนี้ ใครจะโทรมาบอกให้เธอปรุงน้ำหอมให้ตอนนี้?
บนหน้าเว็บเธอก็เขียนไว้ชัดอยู่นะ ว่าให้ติดต่อมาเวลากลางวัน หลังจากสองทุ่มขึ้นไปเธอจะไม่รับ
สวี่รั่วฉิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างสงสัย เมื่อเห็นแจ้งเตือนบนหน้าจอ ก็พลันขมวดคิ้วมุ่น
ทำไมเป็นลี่ถิงเซิ่ง
สวี่รั่วฉิงกดรับสาย “ประธานลี่ โทรมาดึกดื่นขนาดนี้มีเรื่องอะไรเหรอคะ?”
เสียงทุ้มต่ำของลี่ถิงเซิ่งดังขึ้นมาจากปลายสาย “ผมให้เวลาคุณหนึ่งชั่วโมง รีบมาประชุมที่บริษัท”
เมื่อได้ยินดังนั้นสวี่รั่วฉิงก็อึ้ง
เธอเงยหน้ามองนาฬิกา
ก็พบว่าเป็นเวลาห้าทุ่มครึ่ง
“ประธานลี่ ตอนนี้มันห้าทุ่มครึ่งแล้วนะคะ ฉันขับรถไปบริษัทอย่างน้อยก็หมดไปแล้วหนึ่งชั่วโมง! มีเรื่องอะไรทำไมต้องประชุมกลางดึกแบบนี้ด้วย!คุณจะจ่ายค่าโอทีให้ไหมล่ะ!”
สวี่รั่วฉิงกระชากแผ่นมาสก์หน้าออกอย่างฟึดฟัด
หลายวันมานี้เธอไม่ได้พักผ่อนดีๆเลย กว่าจะได้มีเวลาดูแลตัวเองแบบนี้ ลี่ถิงเซิ่งก็ยังจะเรียกให้ไปประชุมที่บริษัทอีกเหรอ!