ตอนที่ 937 โจมตีอย่างต่อเนื่อง
ท้ายที่สุดแล้วผู้คนที่เคยอาศัยอยู่ในต่างประเทศล้วนมีจิตใจแข็งแกร่ง
โยมิ อาซากุสะปรับอารมณ์ได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ก่อนบ่นหลินม่ายให้คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางฟังด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“คุณปู่ฟาง คุณย่าฟาง ฉันแค่พลั้งเผลอพูดไม่ดีเกี่ยวกับคุณปู่ฟางที่สนามบินด้วยความโกรธ แต่ม่ายจื่อยืนกรานที่จะเขียนบทความและรายงานต่อเบื้องบน…”
ก่อนที่จะกล่าวจบ ฟางจั๋วหรานก็เดินเข้ามา “ทำไมคุณถึงกล่าวหาม่ายจื่อผิดๆ? เป็นผมเองแหละที่รายงานเรื่องนี้ต่อผู้มีอำนาจระดับสูง”
โยมิ อาซากุสะหันศีรษะไปตามเสียง ก่อนจะเห็นฟางจั๋วหรานผู้ซึ่งสง่างามราวกับหยก ดวงตาของหล่อนพลันส่องประกายทันใด
หลินม่ายเตือนอีกฝ่ายอย่างใจเย็น “ห้ามมอง นั่นคือสามีของฉัน ถ้ายังเอาแต่จ้องมองไม่กะพริบตาอีก ฉันจะตีคุณซะ!”
โยมิ อาซากุสะหลับตาลงด้วยความเขินอายและใบหน้าแดงซ่าน
หล่อนหันหน้าไปมองหลินม่าย และอดไม่ได้ที่จะบ่นในใจ
ในโลกมีผู้หญิงอย่างหลินม่ายได้อย่างไร กล้าพูดจาหยาบคายกับแขกของบ้าน และยังแสดงเจตนาว่าจะทำร้ายคนอื่นแบบนี้
หล่อนแสร้งทำตัวน่าสงสาร “คุณปู่ฟาง คุณย่าฟาง พี่ฟางทำแบบนี้กับหนูได้อย่างไรคะ? คุณปู่คุณย่าคะ ช่วยให้เหตุผลกับเขาด้วยนะคะ หากรายงานเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ต่อผู้อาวุโสระดับสูง แล้วพวกเขาจะมองคุณปู่ว่าเป็นคนอย่างไร? มันดูเหมือนว่าคุณปู่ฟางเป็นคนใจแคบ ที่คิดเอาผิดกับรุ่นลูกหลานแบบนี้…”
ก่อนที่หล่อนจะกล่าวจบ ฟางจั๋วหรานขัดจังหวะอีกครั้ง “นี่เป็นเรื่องเล็กน้อยเหรอ? งั้นบอกผมหน่อยว่าเรื่องแบบไหนคือเรื่องใหญ่?”
โยมิ อาซากุสะเม้มปากหนาของตนและพูดอย่างฉุนเฉียว “ฉันแค่พูดออกไปโดยไม่ทันได้คิด คุณกลับจริงจังกับมันไปได้…”
เมื่อเห็นว่าโยมิ อาซากุสะไม่เพียงปฏิเสธที่จะยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง แต่ยังกล้าตำหนิพวกเขาซึ่ง ๆ หน้า ซึ่งทำให้สีหน้าหลินม่ายหมองหม่นเป็นก้นหม้อ
หลินม่ายโต้กลับทันใด “งั้นฉันก็สามารถพูดโดยไม่ทันคิดเหมือนกัน หล่อนเป็นแค่โสเภณี และทั้งครอบครัวของหล่อนก็ไม่ต่างกัน! ฉันจะพูดไม่คิดเวลาที่อยู่ที่บ้าน และจะพูดแบบนี้ในที่สาธารณะอีกด้วย!”
โยมิ อาซากุสะได้รับการเลี้ยงดูแบบตามใจมาโดยตลอด เธอไม่เคยประสบกับสถานการณ์ที่น่าขายหน้าเช่นนี้มาก่อน มันจึงทำให้หล่อนตัวสั่นสะท้านด้วยความโกรธ
หล่อนกัดฟันกล่าวตอบ “หล่อนมันแค่เด็กบ้านนอก ไม่มีการศึกษา!”
คุณย่าฟางโกรธเคืองมากจนอยากตบหน้าอีกฝ่าย แต่หลินม่ายเร็วกว่า โดยก้าวออกไปข้างหน้าและตบโยมิ อาซากุสะอย่างแรง
จากนั้นเธอก็กระชากผมของอีกฝ่ายและลากออกไป จากนั้นขอให้ฟางจั๋วหรานนำสิ่งของที่หล่อนนำมาทั้งหมดออกไปจากบ้าน
ก่อนที่สองสามีภรรยาจะเดินไปถึงประตูลาน น้าถูก็ให้การร่วมมือเป็นอย่างดีและช่วยเปิดประตูให้ทันที
หลินม่ายโยนโยมิ อาซากุสะออกไป จนทำให้หล่อนล้มลงหน้าแนบพื้น
ก่อนที่หล่อนจะลุกขึ้น ฟางจั๋วหรานก็โยนของขวัญของหล่อนตามออกไปอีกครั้ง
หลินม่ายไม่ยอมแค่นั้น เธอเดินไปเหยียบย่ำของขวัญทั้งหมดของโยมิ อาซากุสะ
“เธอไม่ได้บอกว่าฉันเป็นเด็กบ้านนอกที่ไร้การศึกษาหรือยังไง? งั้นฉันก็จะทำอย่างที่เธอต้องการ โยมิ อาซากุสะ!”
คุณปู่ฟางได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาพูดสมทบด้วยสีเหยียดหยาม “ไปให้พ้น อย่าบังอาจมาเหยียบบ้านของเราอีก!”
เพื่อนบ้านหลายคนในละแวกนั้นต่างก็ออกมาดูเมื่อได้ยินเสียงเอะอะ
หลังเห็นว่าหญิงสาวที่ล้มลงอยู่บนพื้นคือโยมิ อาซากุสะ หญิงสาวผู้สร้างเรื่องอื้อฉาวทุกวันนี้
ทุกคนพลันมองหล่อนด้วยสายตาดูถูก
ยิ่งเป็นคนธรรมดามากเท่ใดก็ยิ่งรักชาติมากเท่านั้น พวกเขาจึงรู้สึกดูแคลนคนทรยศชาติอย่างโยมิ อาซากุสะมากที่สุด
โยมิ อาซากุสะไม่เคยประสบกับความอัปยศเช่นนี้มาก่อน หล่อนลุกขึ้นวิ่งหนีออกไปพร้อมกับร้องไห้
แม้ว่าโยมิ อาซากุสะจะนำความอัปยศมาสู่ตัวเธอเองโดยการมาหาถึงหน้าประตู แต่หลินม่ายก็ยังพยายามทำให้สถานการณ์ของหล่อนแย่ลงไปอีก
เมื่อวานนี้ หลินม่ายได้รับข่าวว่าโยมิ อาซากุสะซื้อบ้านในโครงการโกลเด้นกลอรี่เรสซิเดนซ์ด้วยราคามากกว่า 100,000 หยวน
เงินซื้อบ้านนั้นได้กู้ยืมมาจากธนาคาร
เหตุผลที่หลินม่ายรู้ความเคลื่อนไหวของโยมิ อาซากุสะอย่างละเอียด แน่นอนว่าเป็นเพราะเธอส่งคนตามไปเฝ้าดูอีกฝ่าย
เธอเคยเห็นผู้คนมากมายอย่างโยมิ อาซากุสะ ที่มีนิสัยราวกับงูพิษที่อาจแว้งกัดได้ทุกเมื่อ ดังนั้นหลินม่ายจึงต้องป้องกันไว้ก่อน
นี่เป็นเหตุผลหลักที่หลินม่ายส่งคนมาเฝ้าดูหล่อน
เหตุผลรองคือในตอนท้ายของงานเลี้ยงต้อนรับของโยมิ อาซากุสะ หลินม่ายได้ยินการสนทนาระหว่างหล่อนและผู้อำนวยการโรงงานฉี และมันเห็นได้ชัดว่าหล่อนถูกอีกฝ่ายโกง
หลินม่ายต้องการทราบกลอุบายของผู้อำนวยการฉี
อย่างไรก็ตามหลินม่ายตั้งใจที่จะโต้กลับ โดยการใช้เรื่องการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อบ้านและตั๋วเครื่องบินชั้นเฟิร์สคลาสไปประเทศเกาะของโยมิ อาซากุสะ
นี่เป็นเหตุผลที่เธอคิดหาวิธีถ่ายภาพโยมิ อาซากุสะในห้องโดยสารชั้นเฟิร์สคลาส
หลังอาหารเย็น หลินม่ายกลับไปยังห้องและเขียนบทความสั้น ๆ โดยไม่เปิดเผยตัวตนอีกครั้ง
เนื้อหาของบทความนี้คือ โยมิ อาซากุสะเป็นหนี้ธนาคารหลายล้านหยวน
แทบไม่ต้องคิดว่าหล่อนจะคืนเงินให้กับประเทศอย่างไร แต่หล่อนจงใจใช้ชีวิตอย่างหรูหราด้วยเงินที่ได้รับมา
ในขณะที่ผู้ประกอบการเอกชนผู้มั่งคั่งมูลค่าหลายล้านเดินทางชั้นประหยัดไปยังประเทศเกาะเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันออกแบบเสื้อผ้าแฟชั่น แต่ในทางกลับกันหล่อนกลับได้บินชั้นเฟิร์สคลาส
ไม่เพียงเท่านั้น หล่อนยังกู้เงินเพื่อซื้อห้องชุดสุดหรูอีกด้วย
หรือว่าธนาคารแห่งชาติจะเป็นตู้กดเงินส่วนตัวของโยมิ อาซากุสะ?
หล่อนสามารถกู้เงินก้อนใหม่เพื่อซื้อบ้านโดยไม่ต้องคืนเงินกู้ชุดที่แล้วได้อย่างไร?
ได้รับสิทธิพิเศษงั้นหรือ?
สิทธิพิเศษของหล่อนมาจากไหน? เป็นเพราะคุณปู่ของหล่อนใช่หรือไม่?
หลังจากเขียนบทความเสร็จ วันรุ่งขึ้นหลินม่ายส่งบทความดังกล่าวให้กับหนังสือพิมพ์ชั้นนำสองแห่งโดยไม่ระบุตัวตน
เมื่อหนังสือพิมพ์ชั้นนำทั้งสองแห่งตรวจสอบหาความจริง พวกเขาพบว่าข้อมูลที่หลินม่ายเขียนโดยไม่ระบุตัวตนนั้นเป็นความจริง
องค์ประกอบเล็ก ๆ ที่เธอเขียนพร้อมรูปถ่ายของโยมิ อาซากุสะที่บินในชั้นเฟิร์สคลาสปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์ในไม่ช้า
เซียวเจี๋ยได้เห็นข่าวนี้อย่างรวดเร็ว
เดิมทีหล่อนวางแผนที่จะรายงานโดยไม่เปิดเผยตัวต่อสื่อเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อบ้านของโยมิ อาซากุสะ แต่ไม่คาดคิดว่าจะมีบางคนลงมือทำแบบนั้นก่อน
แต่คนผู้นั้นดูเหมือนจะไม่มีรูปถ่ายภายในบ้านหลังใหม่ของโยมิ อาซากุสะ
เซียวเจี๋ยจึงส่งภาพแอบถ่ายของโยมิ อาซากุสะตอนที่จัดงานปาร์ตี้ในคืนนั้นโดยไม่ระบุตัวตนไปยังสำนักหนังสือพิมพ์
ตอนนี้ภาพหลักฐานทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์แล้ว
รูปภาพแทนคำพูดนับพัน โยมิ อาซากุสะเป็นหนี้ธนาคารจำนวนมหาศาล แต่ยังคงใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย
การตัดสินใจให้เงินกู้รอบที่ 2 เพื่อซื้อบ้านโดยไม่ได้ชำระคืนจากเงินกู้ก้อนแรกแม้แต่หยวนเดียว ได้จุดประกายความโกลาหลครั้งใหญ่ในสังคม และทำให้ประชาชนทั่วไปไม่พอใจอย่างมาก
สถานการณ์ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว ดึงดูดความสนใจจากเจ้าหน้าที่ระดับสูง และกระตุ้นให้เกิดกลไกการสอบสวน
ในขณะที่สถานการณ์ยังคงไม่คลี่คลาย หลินม่ายได้ติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด เมื่อเห็นว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงเริ่มสอบสวนโยมิ อาซากุสะ พ่อแม่ และเพื่อนของหล่อน รอยยิ้มเย็นชาก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของหลินม่าย
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่สนามบินซึ่งโยมิ อาซากุสะพยายามทำลายชื่อเสียงของคุณปู่ฟางและหลินม่าย เวลานั้นหล่อนมีเจตนาร้ายอย่างเห็นได้ชัด
ครั้งนี้หลินม่ายจะตอบแทนอีกฝ่ายด้วยวิธีการเดียวกัน และปล่อยให้โยมิ อาซากุสะเรียนรู้ว่าพลังของการตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์จากสาธารณชนคืออะไร
แม้จะอยากตาย สวรรค์ก็ไม่ทำตามประสงค์
หากไม่ใช่เพราะปัญหาสินเชื่อที่อยู่อาศัยของโยมิ อาซากุสะ รวมถึงการเพิ่งบินชั้นเฟิร์สคลาสและใช้ชีวิตอย่างหรูหรา เรื่องทั้งหมดนี้อาจไม่ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากสาธารณชน
อย่างไรก็ตามการกู้เงินเพื่อซื้อบ้านเป็นเรื่องที่ค่อนข้างอ่อนไหวสำหรับคนทั่วไป
ทำไมเราซึ่งเป็นประชาชนธรรมดาต้องเบียดเสียดกันในที่อยู่อาศัยที่รัฐบาลจัดหาให้มาหลายชั่วอายุคน ในขณะที่คนอย่างโยมิ อาซากุสะกลับสามารถใช้เงินจากธนาคารแห่งชาติเพื่อซื้อบ้านหรู?
แม้ว่าในอีกสิบหรือยี่สิบปี บ้านในโครงการโกลเด้นกลอรี่เรสซิเดนซ์จะไม่ถือเป็นคฤหาสน์ แต่ในสายตาของคนทั่วไปในยุคนี้ มันคือคฤหาสน์
พ่ออวี่และแม่อวี่ไม่รู้ว่าบ้านของหล่อนถูกซื้อด้วยเงินกู้ กระทั่งมีคนรายงานเรื่องของโยมิ อาซากุสะอีกครั้ง
พวกเขาคิดเสมอว่าบ้านของหล่อนถูกซื้อด้วยเงินที่ได้รับจากการทำธุรกิจ
ต่อให้พ่ออวี่และแม่อวี่รู้เรื่องนี้แล้ว พวกเขาก็ไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยว
แต่ธนาคารอาจอธิบายถึงการละเมิดกฎระเบียบในการให้เงินกู้แก่โยมิ อาซากุสะ โดยอ้างถึงการพิจารณาถึงชื่อเสียงของพ่อแม่ของเธอ
เงินกู้เริ่มต้นล้านหยวนของโยมิ อาซากุสะได้รับการอำนวยความสะดวกจากพ่อของเธอให้เป็นบุคคลสำคัญในการจัดการเรื่องดังกล่าว
พ่ออวี่และแม่อวี่จึงถูกลากลงไปในน้ำเพราะเหตุนี้
พ่ออวี่และแม่อวี่ไม่ใช่คนกลุ่มเดียวมีส่วนพัวพันกับเรื่องสินเชื่อที่อยู่อาศัยของโยมิ อาซากุสะ
ใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเงินกู้ทั้งสองก้อนของหล่อนล้วนถูกลากลงไปในน้ำ
คนเหล่านี้เกือบทั้งหมดเป็นลูกหลานของสหายร่วมรบของคุณปู่อวี่
บุคคลเหล่านั้นพิจารณาถึงความสัมพันธ์ของตนเองกับเหล่าผู้อาวุโสและคุณปู่อวี่ พวกเขาจึงยินยอมพร้อมใจที่จะช่วยเหลือเมื่อพ่ออวี่และแม่อวี่เข้ามาขอความช่วยเหลือ
เป็นผลให้พวกเขาใช้ชื่อตัวเองเป็นผู้ประกันการกู้ยืมเงินของโยมิ อาซากุสะโดยฝ่าฝืนข้อบังคับ มิฉะนั้นลำพังชื่อเสียงของพ่ออวี่และแม่อวี่ที่อยู่ในสายงานการศึกษา มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะมีอิทธิพลจนสามารถกู้เงินมากกว่าหนึ่งล้าน
คนเหล่านี้ถูกลากลงน้ำทีละคน ทว่าโยมิ อาซากุสะกลับปลอดภัยดี
เพราะโยมิ อาซากุสะไม่ได้กู้เงินก้อนแรกด้วยตัวเอง แต่พ่ออวี่เป็นผู้ค้ำประกันในนามของเขา
แม้หล่อนจะยื่นขอเงินกู้ครั้งที่สองจำนวน 100,000 หยวนด้วยตัวเอง กระนั้นก็ไม่ได้ติดสินบนใคร
เป็นการขอสินเชื่อตามช่องทางและขั้นตอนปกติ
เป็นธนาคารเองที่ให้กู้ยืมเงินแก่หล่อนโดยผิดระเบียบ
แม้ว่าโยมิ อาซากุสะจะสบายดี แต่พ่อแม่ของหล่อนถูกให้ออกจากราชการทั้งคู่ พวกเขาโกรธหล่อนมากจนล้มป่วยเข้าโรงพยาบาล
พี่ชายของหล่อนยังตีสั่งสอนหล่อนในโทษฐานได้ไปสร้างปัญหาและความอับอายให้กับพ่อและแม่
โดยไม่รอให้ไอร้อนระอุเกี่ยวกับปัญหาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยคลี่คลาย หลินม่ายเริ่มโจมตีระลอกที่สามต่อทันที
เธอเขียนบทความสั้น ๆ อีกครั้ง
บทความนี้มุ่งตรงไปยังคณะกรรมการจัดการแข่งขันนักออกแบบแฟชั่นแห่งชาติครั้งแรก
หลินม่ายตั้งคำถามกับคณะกรรมการจัดงานของการแข่งขัน โดยถามว่าทำไมผลงานของโยมิ อาซากุสะจึงได้รางวัลกระสวยทองคำ ขณะที่เถาจืออวิ๋นคว้าได้อันดับที่สามเท่านั้น
อย่างไรก็ตามผลงานเดียวกันนี้ของทั้งสองได้รับผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างมากในการแข่งขันแฟชั่นดีไซเนอร์ที่จัดขึ้นในประเทศเกาะ โดยผลงานของโยมิ อาซากุสะไม่ได้รับแม้กระทั่งรางวัลชมเชย ในขณะที่ผลงานของเถาจืออวิ๋นได้รับรางวัลที่หนึ่ง
ข้อความส่วนท้ายแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการแข่งขันนักออกแบบแฟชั่นแห่งชาติครั้งล่าสุดไม่ยุติธรรม และอาจถูกกลบด้วยวาระซ่อนเร้นหรือปัจจัยภายใน
เดิมทีหลังจากเรื่องอื้อฉาวของโยมิ อาซากุสะก่อให้เกิดความไม่พอใจต่อสาธารณชนทั่วประเทศ คณะกรรมการจัดงานการแข่งขันนักออกแบบแฟชั่นแห่งชาติก็ได้พิจารณาตัดความสัมพันธ์กับโยมิ อาซากุสะแล้ว
ขณะนี้ไฟได้ลุกลามไปถึงคณะกรรมการจัดงานแล้ว จนประธานการจัดการแข่งขันต้องเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง
พวกเขาวิ่งโร่ออกประกาศว่าโยมิ อาซากุสะถูกตัดสิทธิ์จากการชนะรางวัลกระสวยทองคำ เนื่องจากความประพฤติเสื่อมเสียทางศีลธรรมของหล่อน
รางวัลกระสวยทองคำจึงต้องส่งต่อให้อันดับรองลงมา ผู้ชนะรางวัลกระสวยเงินจะได้รับรางวัลนี้แทน ส่วนเถาจืออวิ๋นอันดับสามจะได้รับรางวัลกระสวยเงิน
ประธานการแข่งขันสามารถพลิกกระแสได้ด้วยการเคลื่อนไหวนี้ เพื่อป้องกันหายนะที่อาจเกิดขึ้น
หลินม่ายตระหนักว่าเธอจะทำให้สถานการณ์ลุกลามมาถึงจุดนี้ได้เท่านั้น
การบังคับให้คณะผู้จัดงานยอมรับผิดในงานก็เหมือนยิงขาตัวเอง พวกเขาจะไม่ทำสิ่งนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
ตราบเท่าที่โยมิ อาซากุสะขาดคุณสมบัติในการรับรางวัล นั่นก็ถือว่าบรรลุเป้าหมายของหลินม่ายแล้ว
ในยุคนี้ แม้ว่าวัยรุ่นจำนวนมากจะได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมต่างชาติ แต่ในเรื่องของหลักการ พวกเขายังคงยืนหยัดเพื่อความยุติธรรม
โยมิ อาซากุสะถูกต่อต้านจากกลุ่มคนหนุ่มสาวจำนวนมากเนื่องจากเรื่องอื้อฉาวที่ถูกขุดไม่สิ้นสุด
บางคนถึงกับจงใจบิดเบือนชื่อภาษาประเทศเกาะของหล่อน โดยมีคำพ้องฟังดูคล้ายกับ “สวี่เหม่ยลืมกำพืด” ซึ่งทำให้โยมิ อาซากุสะอับอายอย่างมาก
แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ยอมเปลี่ยนกลับไปใช้ชื่อเดิม
ห้องเสื้อชุนอิงเฉี่ยนเฉ่าถูกคว่ำบาตรเพราะคำพูดและการกระทำที่ไม่เหมาะสมของโยมิ อาซากุสะ ทำให้ยอดขายดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง
ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าที่จะออกไปข้างนอกด้วยเสื้อผ้าจากห้องเสื้อชุนอิงเฉี่ยนเฉ่า
กลัวผู้คนที่เดินผ่านจะมาชี้หน้าหาว่าสนับสนุน “คนเลว”
ผู้หญิงที่ซื้อเสื้อผ้าจากห้องเสื้อชุนอิงเฉี่ยนเฉ่าก่อนหน้านี้กล้าที่จะใส่พวกมันในบ้านของตัวเองเท่านั้น และสวมใส่เสื้อผ้าจากแบรนด์อื่นเมื่อต้องออกไปข้างนอก
ผู้หญิงที่มีฐานะดีล้วนทิ้งเสื้อผ้าจากห้องเสื้อชุนอิงเฉี่ยนเฉ่าอย่างไม่เสียดาย
เนื่องจากไม่มีใครซื้อเสื้อผ้าอีก ยอดขายร้านแฟรนไชส์จึงดิ่งฮวบถึงจุดที่ทนเปิดต่อไม่ได้ ก่อนที่ร้านแฟรนไชส์จะมาขอถอนตัวทีละราย
ยิ่งตอนนี้มีเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับรางวัลลูกกระสวยทองคำอีก
แม้ว่าคณะกรรมการจัดงานจะปฏิเสธว่ามีการโกงรางวัลอยู่เบื้องหลัง แต่คนทั่วไปตระหนักดีถึงความจริง ซึ่งนำไปสู่การคว่ำบาตรห้องเสื้อชุนอิงเฉี่ยนเฉ่าที่รุนแรงกว่าเดิม
สถานการณ์ยิ่งวุ่นวายมากขึ้นเมื่อร้านแฟรนไชส์เรียกร้องให้ถอนตัวจากข้อตกลง
ครั้งหนึ่งขณะเดินเล่นกับคุณย่าฟาง หลินม่ายเห็นเจ้าของร้านแฟรนไชส์ห้องเสื้อชุนอิงเฉี่ยนเฉ่ากว่าสิบคนรายล้อมโยมิ อาซากุสะ โดยเรียกร้องให้ยุติข้อตกลงแฟรนไชส์
โยมิ อาซากุสะถูกกลุ่มเจ้าของร้านแฟรนไชส์เหล่านั้นฉุดทึ้งไปมา ทำให้ผมเผ้ายุ่งเหยิงและอยู่ในสภาพน่าอับอายอย่างยิ่ง
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
กรรมตามสนองเธอแล้วล่ะยัยอวี่กั๋วหง บอกแล้วยิ่งขึ้นไปสูงมันยิ่งตกลงมาเจ็บ
ไหหม่า(海馬)