บทที่ 1052 ทวนศักดิ์สิทธิ์อนธการ
เทพมารปฐมยุคลุกขึ้นยืน เมื่อได้ยินนามของหานฮวงดวงตาพลันฉายแววแปลกใจ
เขาถือกำเนิดได้ระยะหนึ่งแล้ว ถึงแม้จะมิเคยออกจากวังจักรพรรดิมหาโชค แต่เคยได้ยินชื่อของหานฮวงจากปากเหล่าผู้บำเพ็ญในวังจักรพรรดิมหาโชคอย่างเรียกได้ว่าหนาหูเลยทีเดียว
อริยะอันดับหนึ่งแห่งฟ้าบุพกาล!
ผู้เลิศล้ำหมื่นยุค!
สุดยอดเทวทัณฑ์!
และอีกมากมาย!
หานฮวงได้รับฉายามากมายหลากหลาย กิตติศัพท์การต่อสู้ที่เขาสร้างไว้เหล่านั้นถูกเล่าขานไปชั่วกาลนาน ทุกครั้งที่เทพมารปฐมยุคได้ยินตำนานเหล่านั้นของหานฮวง จิตใจจะฮึกเหิมขึ้นมา
วันนี้จะได้พบหานฮวงตัวจริงทั้งที เขาจะไม่ตื่นเต้นได้หรือ
ไม่นานนัก ลำแสงสีม่วงสายหนึ่งพุ่งเข้ามา คนผู้หนึ่งที่ยืนอยู่เหนือลำแสงสีม่วงกระโจนลงมา บุคลิกทรงอำนาจ ทุกก้าวย่างเกิดกระแสลม เกราะศึกสีม่วงที่ก่อตัวขึ้นจากปราณม่วงอนธการราวกับมีจิตศักดิ์สิทธิ์แฝงอยู่ ดูราวกับมีเทพมารฟ้าบุพกาลตามหลังเขามาติดๆ เดินตามทุกฝีก้าว
เทพมารปฐมยุคมองไปที่หานฮวง ตื่นตะลึงกับอำนาจแกร่งกร้าวทรงพลังของเขา
เขายากจะจินตนาการได้ว่าบนโลกนี้จะมีผู้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้อยู่ด้วย ลำพังแค่กลิ่นอายของเขาก็เพียงพอจะทำให้คนขวัญผวาได้แล้ว
เทพมารปฐมยุคที่เป็นดั่งกบในกะลาตะลึงงันไป
หานฮวงไม่เหลือบแลเทพมารปฐมยุคเลย เมื่อเข้ามาในห้องโถงเขามองไปที่หานหลิง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีวันนี้เช่นกัน ข้าก็นึกสงสัยอยู่ว่าจักรพรรดิที่สยบบุตรแห่งสวรรค์แห่งตระกูลหานของข้าได้เป็นผู้ใดกัน”
หานหลิงลุกขึ้นมา ยิ้มแล้วกล่าวไปว่า “พี่รองล้อกันเล่นแล้ว ท่านย่อมคาดเดาเอาไว้แล้ว มิเช่นนั้นคนเจ้าอารมณ์อย่างท่านคงบุกเข้ามาในทันที ไหนเลยจะอดทนรอคอยได้”
หานฮวงหัวเราะแล้วพยักหน้ารับ ยิ่งมองหานหลิงก็ยิ่งรู้สึกพอใจ
เขาเหลือบมองเทพมารปฐมยุคเล็กน้อย เอ่ยขึ้นว่า “น้องสี่ ให้เขาถอยออกไปเถอะ”
หานหลิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พี่รอง ท่านไม่รู้สึกหรือว่าเขาดูเหมือนใครคนหนึ่ง”
เมื่อหานฮวงได้ยินก็มีสีหน้าประหลาดใจ
เทพมารปฐมยุคกลับกระวนกระวายขึ้นมา
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็ให้เขาอยู่ฟังที่นี่ด้วยเถอะ นับว่าเป็นการเพิ่มพูนความรู้ให้” หานฮวงหัวเราะเบาๆ พลางเอ่ยออกไป สายตากลับไปอยู่ที่ร่างหานหลิงอีกครั้ง
หานหลิงยิ้มรับพร้อมรอฟัง ไม่มีความเผด็จการเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ทำตัวสมเป็นน้องสาวยิ่งนัก
หานฮวงพอใจกับท่าทีของนางมาก เอ่ยไปว่า “ข้าผสานรวมกฎเกณฑ์สูงสุดของฟ้าบุพกาล ผลาญนภา พ้นนิวรณ์และอวิชชาสี่โลกมหามรรคเข้าด้วยกัน พลังบรรลุถึงระดับที่ไม่เคยมีปรากฏมาก่อนแล้ว ข้าใช้พลังของสี่กฎเกณฑ์สูงสุดบ่มเพาะศาสตราเทพชิ้นหนึ่งขึ้น ศาสตราเทพชิ้นนี้ผสานพลังของสี่กฎเกณฑ์สูงสุดไว้ แต่ข้ายังมีธุระอื่นต้องไปจัดการ คิดๆ ดูแล้วในบรรดาพี่น้องมีเพียงเจ้าที่แข็งแกร่งที่สุด และมีรากฐานเป็นของตนแล้ว ดังนั้นจึงต้องการมอบให้เจ้า”
ศาสตราเทพอย่างนั้นหรือ
หานหลิงยิ้มอย่างจนใจ นางส่งมอบเทพมารปฐมยุคให้จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายช่วยอบรมเลี้ยงดู หานฮวงกลับโยนศาสตราเทพของเขามาให้นางอีก นี่มันเรื่องอะไรกัน
หานฮวงมองออกว่าหานหลิงมีเจตนาจะปฏิเสธ จึงเอ่ยขึ้นว่า “วังจักรพรรดิมหาโชคอยู่ระหว่างสร้างฐานอำนาจ หากได้รับศาสตราเทพชิ้นนี้ไปจะทำสงครามได้ผ่อนคลายมากขึ้น รอจนวังจักรพรรดิมหาโชคกลายเป็นกลุ่มอิทธิพลเรืองอำนาจอย่างแท้จริงแล้วข้าค่อยมาพาเขากลับไป”
หานหลิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อันที่จริงวังจักรพรรดิมหาโชคก็มีศาสตราเทพเช่นนี้อยู่เหมือนกัน ก็คือคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ เขามีนามว่าเทพมารปฐมยุค ข้าวางแผนจะมอบให้จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายดูแล”
หานฮวงผงะไป มองไปที่ร่างของเทพมารปฐมยุคอีกครั้ง ถามออกไป “เทพมารปฐมยุคหรือ ปฐมยุคเป็นอย่างไร”
เทพมารปฐมยุคตอบทันควัน “เหนือกว่าฟ้าบุพกาลและอนธการขึ้นไปก็คือปฐมยุค!”
“เป็นไปไม่ได้!”
หานฮวงตวาดกร้าว เอ่ยด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ “เทพมารอนธการคือเทพมารที่แข็งแกร่งที่สุดและมีคุณสมบัติเลิศล้ำที่สุด เจ้าเคยพบเทพมารอนธการมาก่อนหรือไม่”
เทพมารปฐมยุคพลันตระหนักได้ว่าหานฮวงประกาศว่าตนคือเทพมารอนธการ ถึงแม้สรรพสิ่งฟ้าบุพกาลจะไม่เชื่อก็ตาม
เขาเชิดหน้าเอ่ยกลับไปว่า “ถึงแม้จะไม่เคยพบแต่ต้องเป็นเช่นนี้แน่!”
“เฮอะๆ เช่นนั้นหรือ”
หานฮวงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา กลิ่นอายน่าหวาดหวั่นพลันปะทุออกมา กดทับเทพมารปฐมยุคให้ทรุดลงบนพื้น
เทพมารปฐมยุคแสดงสีหน้าตื่นตระหนก มองหานฮวงอย่างไม่อยากจะเชื่อ
แข็งแกร่งเหลือเกิน!
แข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าฝ่าบาทเลย!
เป็นไปได้อย่างไร!
นี่น่ะหรือเทพมารอนธการ
“พี่รอง เขาเปรียบเสมือนบุตรชายของข้า ไยต้องรังแกชนรุ่นหลังด้วย” เสียงของหานหลิงแว่วดังขึ้น รัศมีพลังมหาศาลของหานฮวงสลายไปในชั่วพริบตา ว่างเปล่าไปทันที
หานฮวงมองไปที่หานหลิงด้วยความแปลกใจ ถึงไม่เขาจะไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดและไม่ได้เอาจริง แต่ไม่คิดเลยว่าหานหลิงจะสลายพลังของเขาทิ้งได้ง่ายดายปานนี้
ยอดเยี่ยมมาก
ดูเหมือนเขาจะประเมินน้องสาวคนนี้ของตนต่ำเกินไปจริงๆ นางมาถึงวันนี้ได้มิใช่เพราะพึ่งพาสามบุตรแห่งสวรรค์ของตระกูลหานอย่างหานเย่ หานเหยาและหานป้าเสินเท่านั้น
ก็ถูกแล้ว
น้องสี่อยู่ข้างกายท่านพ่อนานที่สุด ยามนี้ออกมาโลดแล่นย่อมต้องพลังเลิศล้ำแน่นอน
พอนึกมาถึงตรงนี้ ดวงตาหานฮวงปรากฏเจตนาแห่งการต่อสู้ทันที
จู่ๆ เขาก็อยากท้าประลองกับหานหลิงขึ้นมา
หานหลิงเข้าใจเจตนาของเขา แต่ไม่ได้ประหม่าและไม่ได้โกรธเคืองเลย เพียงยิ้มแล้วปล่อยผ่านไป
หานหลิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อพี่รองอยากมอบศาสตราเทพให้ เช่นนั้นน้องสาวอย่างข้าก็น้อมรับ”
หานฮวงได้ฟังก็ยิ้มออกมา เอ่ยตอบว่า “เช่นนั้นก็ต้องขอบใจน้องสี่แล้ว”
ในเมื่อหานหลิงตอบรับแล้ว ในฐานะพี่รองอย่างหานฮวงย่อมไม่สร้างความลำบากใจให้
“วันหน้าก็หาเวลากลับบ้านกันเถิด พวกเราจะได้ประลองกันในแบบจำลองการทดสอบ ดีหรือไม่” หานฮวงถามด้วยรอยยิ้ม
หานหลิงก็พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม
หานฮวงโบกมือคราหนึ่ง ทวนยาวสีดำเล่มหนึ่งที่มีปราณม่วงเลื้อยพัวพันพุ่งลงมาจากนภา ปักทะลุพื้นตำหนักเชื่อมนภา ตัวทวนสั่นไหวรุนแรง ส่งเสียงดังหวึ่งๆ ที่ทำให้เทพมารปฐมยุคอกสั่นขวัญแขวน
นี่คือศาสตราเทพระดับใดกัน
น่ากลัวเหลือเกิน…
เทพมารปฐมยุคตกใจ หานฮวงทำลายมุมมองของเขาได้อีกครั้ง
สายตาของหานหลิงทอดมองไปยังทวนยาวสีดำ ทวนเล่มนี้ยาวนับร้อยจั้ง ปลายทวนกินพื้นที่ปาไปหนึ่งในสามแล้ว ดูราวกับมีกิเลนสองตัวเลื้อยพัวพัน คมทวนเฉียบคมเย็นเยียบ เต็มไปด้วยอักขระศักดิ์สิทธิ์ที่ก่อตัวจากกฎเกณฑ์สูงสุด
หานหลิงรับรู้ได้ถึงพลังชีวิตอันแกร่งกล้าจากภายในทวนเล่มนี้ เกิดจิตวิญญาณแล้วเช่นกัน
ทวนเล่มนี้ไม่ธรรมดาเลย
หานหลิงโบกมือคราหนึ่ง ดูดทวนดำเข้าสู่มือ ปราณม่วงระเบิดออกมาอย่างบ้าคลั่ง ตัวทวนสั่นไหวต้องการจะหลุดพ้นจากมือนาง แต่นางเพ่งสายตาแวบหนึ่งก็บังคับกดดันทำให้มันยอมสยบได้
‘ยอดเยี่ยม!’
หานฮวงชื่นชมในใจอีกครั้ง เขาทราบถึงความร้ายกาจของทวนเล่มนี้ดี พลังนั้นเทียบได้กับยอดมหามรรคระยะสมบูรณ์ แต่นางใช้เพียงมือเดียวก็สามารถสะกดทำให้มันไม่อาจดิ้นรนหลุดพ้นได้แล้ว
หรือว่าหานหลิงจะมีพลังที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพลังของเขาเลย
ไม่มีทาง!
คุณสมบัติของเขาเลิศล้ำ ซ้ำยังได้รับโอกาสวาสนามากมายปานนั้น หานหลิงจะเทียบได้อย่างไร
แต่เมื่อนึกถึงหานเจวี๋ยขึ้นมา แววตาของหานฮวงก็แปรเปลี่ยนเป็นซับซ้อนอยู่บ้าง
เขาคาดเดาในตัวบิดาของตนไม่ออกเลย
ดูเหมือนต้องหาเวลากลับไปเยี่ยมท่านพ่อบ้างแล้ว ถือโอกาสวัดความสามารถด้วย
หานฮวงคิดเช่นนี้
“ทวนนี้มีนามว่าทวนศักดิ์สิทธิ์อนธการ อยู่เหนือกว่ายอดสมบัติมหามรรคกลายเป็นสมบัติเลิศมรรคาแล้ว ความสำเร็จของมันไม่มีทางสิ้นสุดลงเท่านี้ ยังสามารถพัฒนาต่อไปได้อีกถึงขั้นที่อาจจะก้าวข้ามระดับเลิศมรรคาได้ด้วยซ้ำ น้องสี่ เจ้าจงใช้ให้ดีเถิด”
หานฮวงเอ่ยประโยคนี้จบก็จากไปอย่างรวดเร็ว
พอเขาจากไป บรรยากาศกดดันภายในห้องโถงก็สลายไปทันที
เทพมารปฐมยุคมองไปที่ทวนศักดิ์สิทธิ์อนธการ แววตาร้อนแรงยิ่ง
หานหลิงถามยิ้มๆ “อยากได้หรือ”
เทพมารปฐมยุคพยักหน้ารับสุดชีวิต
“ฝันไปเถอะ ออกไปได้แล้ว”
หานหลิงแค่นเสียงใส่เบาๆ เทพมารปฐมยุคกระอักกระอ่วนจำเป็นต้องถอยออกไป
หานหลิงมองทวนศักดิ์สิทธิ์อนธการ เริ่มพิจารณาว่าควรมอบให้ผู้ใดดูแลดี
หานเย่มีธนูปฐมเทพทลายโลกาแล้ว ซ้ำยังเป็นของที่ท่านพ่อของนางมอบให้ ไม่ด้อยไปกว่าทวนศักดิ์สิทธิ์อนธการเลย
มอบให้หานเหยาอย่างนั้นหรือ
เช่นนั้นจะทำอย่างไรกับหานป้าเสินเล่า
หานหลิงค่อนข้างกลัดกลุ้มแล้ว
ส่วนเทพมารปฐมยุคไม่มีทางมอบให้ได้แน่นอน เด็กคนนี้มีใจคิดคด นางชุบเลี้ยงเทพมารปฐมยุคเพียงเพราะต้องการใช้ประโยชน์เท่านั้น ไม่ได้จะปฏิบัติด้วยเสมือนบุตรของตนจริงๆ
ทวนศักดิ์สิทธิ์อนธการสั่นสะท้าน คล้ายกำลังอ้อนวอนหานหลิงอยู่
………………………………………………………………