ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – บทที่ 1064 สวรรค์ประทานโชคเก้าครั้งรวด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 1064 สวรรค์ประทานโชคเก้าครั้งรวด

“ฮ่าๆ เช่นนี้มิเท่ากับประเคนโลกมหามรรคของพวกเราให้เจ้าหรอกหรือ เป็นตะพาบในไหของเจ้ามิใช่หรือไร”

หานฮวงเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มมิเชิงยิ้ม วาจาเปี่ยมด้วยสำเนียงเย้ยหยัน

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายไม่ปริปาก เรื่องเช่นนี้เขาไม่คิดจะเข้าไปสอด ปล่อยให้หานฮวงและหานหลิงตัดสินใจเอง

มหาเทวาพ้นนิวรณ์เอ่ยตอบว่า “ทุกโลกมหามรรคล้วนมีกฎเกณฑ์เหนือธรรมชาติเป็นของตน กฎเกณฑ์เหนือธรรมชาติของข้าคือการรองรับ อีกอย่างโลกมหามรรคที่ก่อตัวขึ้นก่อนหน้านี้ล้วนจะผสานรวมเข้ากับฟ้าบุพกาลพินาศไปด้วยกันผันแปรสู่ยุคสมัยไร้สิ้นสุด พูดกันอีกอย่างคือ ต่อไปพ้นนิวรณ์จะไม่หวนกลับมาคงอยู่แล้ว ตอนนี้ข้ากำลังช่วยพวกเจ้าเพียงเพราะอยากมอบโอกาสให้พ้นนิวรณ์สักครั้ง มอบทางรอดให้แก่สรรพสิ่งพ้นนิวรณ์”

หานฮวงขมวดคิ้ว

หานหลิงเอ่ยถาม “โลกมหามรรคผสานรวมจะทำให้สรรพสิ่งสิ้นชีพหรือ”

“สิ่งมีชีวิตของโลกมหามรรคอื่นๆ บ้างก็กลายเป็นสิ่งมีชีวิตฟ้าบุพกาล บ้างก็ถูกพลังแห่งยุคสมัยไร้สิ้นสุดดูดซับไปเพื่อใช้ค้ำจุนและบุกเบิกยุคสมัยอันไร้สิ้นสุดต่อไป”

คำตอบของมหาเทวาพ้นนิวรณ์ทำให้หานหลิงขมวดคิ้วเช่นกัน

กล่าวเช่นนี้คือ ตอนนี้ยังมิใช่เวลาที่เหมาะจะบุกเบิกโลกมหามรรคขึ้น

“พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล โลกมหามรรคของพวกเจ้าเป็นเพียงเค้าโครงเริ่มต้นเท่านั้น ยังไม่นับเป็นโลกมหามรรค เว้นแต่จะถูกฟ้าบุพกาลดูดดึงเข้าไป หาไม่แล้วก็ไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อพวกเจ้ามากนัก”

มหาเทวาพ้นนิวรณ์เอ่ยต่อไป

หานฮวงและหานหลิงสอบถามต่อไป มหาเทวาพ้นนิวรณ์ก็ชี้แจงคลายความกังวลให้พวกเขาอย่างมีความอดทน

สรุปคือมหาเทวาพ้นนิวรณ์กำลังเตรียมสละตัวเองเพื่อช่วยเสริมกำลังให้พวกเขา เพียงหวังว่าในอนาคตพวกเขาจะช่วยเหลือสรรพสิ่งพ้นนิวรณ์

สุดท้ายสองพี่น้องตัดสินใจขอเวลาใคร่ครวญดูสักระยะหนึ่งก่อน ภพลวงตาวิวัฒนาการสิ้นสุดลงตรงนี้

จิตรับรู้ของหานเจวี๋ยกลับสู่ความจริง

เขาถามในใจว่า ‘ถ้อยคำทั้งหมดที่มหาเทวาพ้นนิวรณ์กล่าวมาจากใจจริงหรือไม่’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งแสนล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

[มาจากใจจริง]

หานเจวี๋ยถึงได้คลายหัวคิ้วลง

ไม่คิดเลยว่ามหาเทวาพ้นนิวรณ์จะเปิดเผยความรู้สึกนึกคิดออกมาตรงๆ เช่นนี้

ดูเหมือนเจ้านวฟ้าบุพกาลจะบีบคั้นเขาจนหมดหนทางแล้วจริงๆ

ทันทีที่บุกเบิกยุคสมัยไร้สิ้นสุดขึ้น ผู้สร้างมรรคาที่ถูกดูดซับโลกมหามรรคเข้าไปเหล่านั้นน่าจะตกเป็นทาสของเจ้านวฟ้าบุพกาล แต่ก่อนเพียงถูกสะกดข่มแต่ในอนาคตเกรงว่าจะกลายเป็นทาสอย่างแท้จริงแล้ว

อันที่จริงโลกปฐมยุคของหานเจวี๋ยก็สามารถรองรับโลกมหามรรคของเหล่าบุตรธิดาได้ แต่เขาไม่มีทางยอมปล่อยให้โลกมหามรรคของตนแตกแยกพังทลาย ทันทีที่เขาทำเช่นนั้นโลกมหามรรคของบุตรธิดาจะถูกหลอมรวมกับโลกปฐมยุคไม่มีวันพิสูจน์ผู้สร้างมรรคาได้ตลอดกาล

แต่มหาเทวาพ้นนิวรณ์กลับต่างออกไป ต่อให้พ้นนิวรณ์ล่มสลาย เขาคิดจะเสริมกำลังช่วยเหลือสรรพสิ่งของตนไว้ก่อนที่โลกมหามรรคพ้นนิวรณ์จะพังทลายลง

ผู้สร้างมรรคารายนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากบ่วงกรรมทุกสิ่งเลยแต่กลับมีจิตเมตตาอันเป็นวิสัยของมนุษย์

‘เมื่อยุคสมัยไร้สิ้นสุดมหาถึง โลกมหามรรคของมหาเทวาพ้นนิวรณ์จะสลายหายไปอย่างสิ้นเชิงหรือไม่’

เพื่อความปลอดภัยถามเพิ่มสักหน่อยดีกว่า!

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งแสนล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

[ใช่]

เฮ้อ น่าสงสาร!

นี่คือความสำเร็จจากการทับถมของโครงกระดูกนับหมื่นกระมัง เจ้านวฟ้าบุพกาลประสบความสำเร็จ ทว่าแลกมาด้วยการสังเวยอนาคตของผู้สร้างมรรคาคนอื่นๆ

ในเมื่อเป็นเช่นนี้หานเจวี๋ยก็จะไม่ขัดขวางแล้ว

หานเจวี๋ยมองไปที่ซั่นเอ้อร์ ซั่นเอ้อร์ยังคงฝึกบำเพ็ญอยู่

สมควรหากิจกรรมหลักทำได้แล้ว!

ใช้สวรรค์ประทานโชคเก้าครั้งรวด!

หานเจวี๋ยเคลื่อนย้ายไปโผล่ในอารามเต๋าของอาณาเขตเต๋าหลัก เขาถูมือเล็กน้อย จากนั้นก็ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย

เขาเป็นผู้สร้างมรรคา ร่างกายย่อมไม่มีอาการปวดเมื่อยอีก เขาทำไปเพื่อให้รู้สึกมีความหมายเท่านั้น

ความจริงใจนำไปสู่จิตวิญญาณ!

หลังจากทำกายบริหารเสร็จเขาก็นั่งลงอีกครั้ง

[เริ่มใช้งานสวรรค์ประทานโชค ผู้มีมหาโชคแต่กำเนิดจะปรากฏขึ้นในหมู่เชื้อสายของท่านแบบสุ่มเลือก]

[หานเทียนเชื้อสายของท่านตื่นรู้ในมหาโชคแต่กำเนิด…ดาวมารสมคบ]

[หานซินอวี่เชื้อสายของท่านตื่นรู้ในมหาโชคแต่กำเนิด…ดาวมายาเคลิบเคลิ้ม]

[โม่จั้งเชื้อสายของท่านตื่นรู้ในมหาโชคแต่กำเนิด…ดาวสวรรค์อำนวยพร]

[หานฝานเชื้อสายของท่านตื่นรู้ในมหาโชคแต่กำเนิด…ดาวชะตามิวางวาย]

[หลงหมิงกู่เชื้อสายของท่านตื่นรู้ในมหาโชคแต่กำเนิด…ดาวเรืองฤทธา]

[หานเสวียนจีเชื้อสายของท่านตื่นรู้ในมหาโชคแต่กำเนิด…สุดยอดดาวรู้แจ้ง]

[หานจงเต้าเชื้อสายของท่านตื่นรู้ในมหาโชคแต่กำเนิด…ดาวเทวารุ่งนภา]

[หานเฟิงเชื้อสายของท่านตื่นรู้ในมหาโชคแต่กำเนิด…ดาวห้วงนิลกาฬ]

[หานอู๋ฮุ่ยเชื้อสายของท่านตื่นรู้ในมหาโชคแต่กำเนิด…สุดยอดดาวไร้ขอบเขต]

หานเจวี๋ยมองแจ้งเตือนที่เรียงเป็นพรวนอยู่ตรงหน้า ดูเหมือนจะยอดเยี่ยมทั้งสิ้น

เขาเริ่มตรวจสอบไปทีละคนๆ พลังมหาโชคส่วนใหญ่สอดคล้องกับชื่อพลังอย่างยิ่ง ส่วนใหญ่ล้วนเป็นเชื้อสายตระกูลหานแห่งมรรคาสวรรค์ บ้างก็เป็นสายเลือดตระกูลหานที่ออกไปร่อนเร่อยู่ด้านนอกเช่นเดียวกับซั่นเอ้อร์

ในหมู่นั้นมีโม่จั้งที่เกี่ยวข้องกับคนรู้จักเก่าคนหนึ่งด้วย

โม่จู๋ ในอดีตเป็นศิษย์ร่วมสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ของหานเจวี๋ย ทั้งสองยังเคยมีความสัมพันธ์เชิงสิเน่หาต่อกันระยะหนึ่งด้วย

โม่จู๋กลายเป็นอริยะมรรคาสวรรค์แล้ว ด้วยความบังเอิญของโชคชะตาทำให้พบโม่จั้งเข้า ทำนายพบว่าเป็นเชื้อสายของเขา เห็นว่าเด็กคนนี้กำพร้าโดดเดี่ยวจึงรับตัวเขาเป็นศิษย์

สำหรับเรื่องนี้ หานเจวี๋ยไม่ได้มีความซาบซึ้งใจสักเท่าไร นับตั้งแต่ตระกูลโม่ล่มสลาย โม่จู๋ตั้งใจฝึกบำเพ็ญเสมอมา ยามอยู่ในระดับครึ่งอริยะเคยได้รับความช่วยเหลือจากหานอวี้จึงพิสูจน์มรรคสำเร็จ

สาเหตุที่หานอวี้รู้จักโม่จู๋ก็เป็นเพราะโจวฝาน ส่วนโจวฝานก็เนื่องจากได้รับคำขอร้องฝากฝังจากโม่ฟู่โฉวทำให้ต้องมอบตำแหน่งอริยะมรรคาสวรรค์ให้

โม่จู๋รับรู้เรื่องราวทั้งหมดดี นางไม่ได้ใช้ประโยชน์จากกำลังสนับสนุนนี้เลย กลับเก็บตัวยิ่งนัก ราวกับกลายเป็นหานเจวี๋ยอีกคนหนึ่ง ฝึกบำเพ็ญอยู่เงียบๆ ไปตามกระแสเวลาไม่รู้จบ เมื่อไม่นานมานี้นึกอยากเดินทางไปเยือนโลกมนุษย์สามัญเพื่อหาประสบการณ์จึงได้พบกับโม่จั้งเข้า

บางทีนี่อาจจะเป็นโชคชะตาของนาง ศิษย์ที่เพิ่งรับตัวไว้บังเอิญได้รับสวรรค์ประทานโชคจากหานเจวี๋ยพอดี

หานเจวี๋ยแบ่งร่างแยกออกมาเก้าร่าง มุ่งหน้าไปหาเชื้อสายผู้ได้รับสวรรค์ประทานโชคทั้งเก้าราย

….

มรรคาสวรรค์ ณ ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม

ภายในอาณาเขตเต๋าที่เงียบสงัดซึ่งตั้งอยู่ในซอกมุมเงียบสงบมุมหนึ่ง หน้าประตูอาณาเขตมีรูปสลักสตรีอยู่สองตน ไม่มีศิษย์คอยเฝ้าเลย

ภายในอาณาเขตเต๋า โม่จู๋ในชุดนักพรตเต๋าสีขาวสะอาดนั่งอยู่บนเบาะกลมที่สร้างขึ้นจากกลีบผกานับไม่ถ้วน ใบหน้าของนางสงบเยือกเย็น บุคลิกสูงส่งพ้นโลกีย์ เรือนผมยาวพลิ้วไหวนิดๆ ราวกับมีสายลมอ่อนๆ หมุนวนอยู่รอบกาย

ไกลออกไป หน้าเสาหินต้นหนึ่ง มีเด็กหนุ่มชุดฟ้าคนหนึ่งกำลังฝึกฝนพลังวิเศษอยู่ อายุราวสิบห้าสิบหกปี ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ผิวพรรณขาวกระจ่างกว่าบุรุษทั่วไป ปราศจากสีเลือด

ทันใดนั้นเด็กหนุ่มชุดฟ้าพลันหน้าเปลี่ยนสี ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด จู่ๆ เขาก็รับรู้ได้ว่ามีพลังกำลังเอ่อท้นขึ้นมาภายในร่างตนไม่ขาดสาย ปรับเปลี่ยนกายเนื้อของเขา ความรู้สึกนี้เลิศล้ำโดยแท้ คล้ายการฝ่าทะลวงระดับตบะ

หานเจวี๋ยปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเด็กหนุ่มชุดฟ้า เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พลังวิเศษที่เจ้าฝึกฝนไม่ต่างกับวรยุทธ์ในโลกมนุษย์สามัญเลย น่าเสียดายพรสวรรค์ของเจ้านัก”

เด็กหนุ่มชุดฟ้าตกใจเพราะเขา รีบกระเด้งตัวขึ้นมาทันที ถามด้วยความตระหนก “เจ้าเป็นใคร”

เขาหันไปมองโม่จู๋แล้วตะโกนขึ้นว่า “อาจารย์ มีศัตรูขอรับ!”

โม่จู๋ลืมตาขึ้น พอเห็นหานเจวี๋ยก็อดตะลึงงันไปไม่ได้

หานเจวี๋ยไม่หันไปมองเลย แต่จ้องโม่จั้งแล้วเอ่ยว่า “ข้าจะสอนพลังวิเศษให้เจ้า เอาหรือไม่”

โม่จั้งกัดฟันเอ่ย “ไม่เอา ข้ามีอาจารย์อยู่แล้ว!”

สีหน้าหานเจวี๋ยเย็นชาลงในชั่วพริบตา เอ่ยด้วยไอสังหารพลุ่งพล่าน “หากข้าสังหารอาจารย์ของเจ้าทิ้ง เจ้าจะขวางข้าได้หรือ”

ไอสังหารน่าหวาดหวั่นพุ่งเป้าไปที่โม่จั้ง โม่จั้งตกใจทรุดฮวบลงกับพื้นทันที เหงื่อไหลท่วมร่าง มองหานเจวี๋ยด้วยความหวาดกลัว

เขาไม่เคยเผชิญกับไอสังหารเช่นนี้มาก่อน!

………………………………………………………………

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

Status: Ongoing
ชาติก่อนอายุสั้น ไม่ทันได้ใช้ชีวิต ชาตินี้จึงขอพากเพียรบำเพ็ญเซียน ลาภยศสตรีมีหรือจะสู้การเป็นอมตะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท