บทที่ 1075 ยอดปฐมยุค
“ถูกต้อง เจ้ากล่าวถูกแล้ว”
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม กลับทำให้หานชิงเอ๋อร์รู้สึกเหมือนต่อยปุยนุ่นไม่มีผิด
เห็นได้ชัดว่านางอยากให้บิดาสำแดงพลังออกมา ผ่านมาเกือบสองร้อยล้านปีแล้วที่หานเจวี๋ยไม่ออกโรงเลย ทำให้สรรพสิ่งลืมเลือนการมีอยู่ของเขาไปนานแล้ว มีเพียงผู้บำเพ็ญรุ่นอาวุโสที่ทราบถึงความน่ากลัวของอริยะสวรรค์เกรียงไกร
หานชิงเอ๋อร์เบะปากเอ่ยไปว่า “ท่านพ่อช่างทำให้คนเดาทางไม่ออกนัก เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าแข็งแกร่งถึงเพียงนั้นแต่กลับเกรงกลัวว่าคนจะทราบถึงพลัง”
เจียงเจวี๋ยซื่อ หานทั่วตลอดจนพวกหานฮวง ทุกคนที่นางรู้จักขอเพียงมีคุณสมบัติเหนือชั้นก็ล้วนอยากสร้างชื่อเสียงทั้งสิ้น
หานเจวี๋ยพูดคุยกับหานชิงเอ๋อร์ต่อไปอีกหลายชั่วยามจึงจากไป
เขามาที่อารามเต๋าของหานทั่ว
หลายล้านปีที่ผ่านมาหานทั่วเก็บตัวเงียบยิ่ง ตั้งใจฝึกบำเพ็ญ
เมื่อเห็นหานเจวี๋ย หานทั่วก็ตื่นเต้นมากเช่นกันรีบทำความเคารพทันที พ่อลูกพบหน้ากันทว่าไม่ได้มีความสนิทสนมเช่นตอนอยู่กับบุตรสาว ความรู้สึกห่างเหินนี้กลับคล้ายเจ้านายกับลูกน้องมากกว่า
หานเจวี๋ยไม่ได้ใส่ใจ สองพ่อลูกเริ่มสนทนากัน
ต่อมาหานเจวี๋ยก็ไปหาหานฮวงและหานหลิงไล่กันไป
….
เมื่อกลับมาที่อารามเต๋า หานเจวี๋ยทอดถอนใจอยู่ภายใน
ก็ยังยกระดับไม่เสร็จสิ้นอยู่ดี
เก้าเทวดาราและซั่นเอ้อร์ไม่นึกสงสัยที่หานเจวี๋ยหายตัวไปเป็นครั้งคราวแล้ว ถึงอย่างไรพวกเขาก็ได้ทราบแล้วว่าสำนักซ่อนเร้นยิ่งใหญ่นัก ท่านปฐมบรรพชนมีลูกศิษย์นับไม่ถ้วน บางครั้งท่านปฐมบรรพชนก็ออกไปเยี่ยมเยือนบุตรหลานหรือเหล่าศิษย์บ้างก็เป็นเรื่องปกติ
หลายพันปีต่อมา ในที่สุดการยกระดับอาณาเขตเต๋าที่หานเจวี๋ยเฝ้ารอคอยก็เสร็จสิ้น
[โปรดตั้งชื่อให้ระดับที่เหนือกว่าเทพผู้สร้างขึ้นไป]
ตั้งชื่อ!
ยอดเยี่ยมนัก!
หานเจวี๋ยคิดไปคิดมา เช่นนั้นก็เรียกว่าระดับยอดปฐมยุคแล้วกัน
[การยกระดับอาณาเขตเต๋าหลักเสร็จสมบูรณ์]
[การยกระดับอาณาเขตเต๋าแห่งที่สองเสร็จสมบูรณ์]
[การยกระดับอาณาเขตเต๋าแห่งที่สามเสร็จสมบูรณ์]
[อาณาเขตเต๋ายกระดับ ค่ายกลยกระดับสู่ระดับยอดปฐมยุค ขอบเขตมิติภายในอาณาเขตเต๋าขยายใหญ่ขึ้น]
[ห้วงมิติภายในอาณาเขตเต๋าแต่ละแห่งเชื่อมต่อกัน]
[ไอเซียนอาณาเขตเต๋าเพิ่มขึ้นสิบเท่า ปราณฟ้าประทานเพิ่มขึ้นสิบเท่า]
[อาณาเขตเต๋าสามารถปิดกั้นการสอดแนมทุกรูปแบบได้]
พอเห็นแจ้งเตือนที่ยาวเรียงกันเป็นพรวนเช่นนี้ หานเจวี๋ยก็รู้สึกเบิกบาน
ในเวลานี้เอง พลังวิญญาณภายในอาณาเขตเต๋าเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน
เหล่าศิษย์ตื่นตะลึงเมื่อพบว่าห้วงมิติภายในอาณาเขตเต๋าขยายใหญ่ขึ้นซ้ำยังรวดเร็วมากด้วย พวกเขาล้วนนึกถึงหานเจวี๋ยขึ้นมา
ซั่นเอ้อร์และเก้าเทวดาราก็รับรู้ได้ถึงพลังวิญญาณที่เพิ่มพูนขึ้น พากันมองไปที่หานเจวี๋ย เห็นเพียงว่าหานเจวี๋ยหลับตาอยู่สีหน้าสงบนิ่ง พวกเขาจึงไม่กล้ารบกวน พวกเขาลุกขึ้นเดินออกจากอารามเต๋าไปร่วมชมบรรยากาศครื้นเครง
อาณาเขตเต๋ายกระดับเสร็จสิ้น ตอนนี้นับว่าหานเจวี๋ยสบายใจอย่างสิ้นเชิงแล้ว ในที่สุดก็สามารถตั้งใจฝึกบำเพ็ญให้ดีได้
เขาเริ่มปิดด่านฝึกบำเพ็ญ
พลังวิญญาณในอาณาเขตเต๋าแห่งที่สามเพิ่มพูนขึ้นอย่างต่อเนื่องหลายหมื่นปี ถึงอย่างไรพลังวิญญาณมหาศาลที่ผสานอยู่ในอาณาเขตเต๋าทั้งหมดก็ถึงจุดที่น่าหวาดหวั่นมากพออยู่แล้ว พอเพิ่มขึ้นมาอีกสิบเท่าก็ย่อมเกินกว่าที่จะจินตนาการได้แล้ว
ในช่วงหลายหมื่นปีต่อจากนั้น เหล่าศิษย์ในเขตเซียนร้อยคีรี อาณาเขตเต๋าแห่งที่สองและสามต่างพบว่าสามารถพบปะกันและกันได้ทำให้พวกเขาตกใจอย่างยิ่ง
บนเขาสูงลูกหนึ่ง เหล่าเทพมารฟ้าบุพกาลอย่างมู่หรงฉี่ เทพมารขุนพลสวรรค์ ไก่คุกรัตติกาลและพวกหานมิ่งมารวมตัวกัน
“ข้าลองประมวลดูเล็กน้อยแล้ว พื้นที่ห้วงมิติในปัจจุบันนี้ของอาณาเขตเต๋าไม่ด้อยไปกว่าฟ้าบุพกาลเลย เกินกว่าจะจินตนาการได้”
มู่หรงฉี่เอ่ยอย่างสะท้อนใจ เหล่าเทพมารได้ฟังก็ตะลึงงัน
ใหญ่ถึงขั้นที่เทียบกับฟ้าบุพกาลได้แล้วหรือ
ไก่คุกรัตติกาลร้องว่า “คงมิใช่ว่าอาณาเขตเต๋าของพวกเราก็คือโลกมหามรรคของนายท่านหรอกกระมัง”
ดวงตาของอู้เต้าเจี้ยนพลันเปล่งประกาย เอ่ยไปว่า “มีความเป็นไปได้สูงจริงๆ ขนาดตอนที่นายท่านไม่อยู่ศัตรูทรงพลังเหล่านั้นก็ยังบุกเข้ามาไม่ได้ กล่าวกันว่าโลกมหามรรคผสานรวมเกื้อหนุนกับผู้เป็นเจ้าของโลกไม่ใช่หรือ ดังนั้นพลังแห่งอาณาเขตเต๋าของพวกเราก็คือพลังของนายท่าน!”
เหล่าเทพมารรู้สึกว่าสมเหตุสมผลยิ่งกว่าเดิม
จู่ๆ พวกเขาก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
อาณาเขตเต๋าคงอยู่มานานเพียงใดเล่า
ก่อนหานเจวี๋ยจะพิสูจน์มรรคได้ก็มีอาณาเขตเต๋าแล้ว…
เฮือก…
พวกเขานึกถึงความเป็นไปได้บางอย่างขึ้นมา ยิ่งเคารพเลื่อมใสในตัวหานเจวี๋ยมากกว่าเดิม
ขณะที่เหล่าศิษย์ตกตะลึงต่ออาณาเขตเต๋าอยู่ ฟ้าบุพกาลก็เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้ง งานชุมนุมฟ้าบุพกาลจัดขึ้นแล้ว ผลคือยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลพามารร้ายนับไม่ถ้วนเข้าโจมตีเมืองทศพิธ
ไม่มีหานเจวี๋ยประจำการอยู่ เทพมหาทัณฑ์ทำได้เพียงนำกำลังดวงจิตมหามรรคเข้าต่อต้านยอดมารร้ายฟ้าบุพกาล โชคดีที่เหล่าผู้ทรงพลังแทบทั้งหมดในฟ้าบุพกาลตามมารวมตัวกันแล้ว สถานการณ์รบจึงไม่ย่ำแย่ตกเป็นรองฝ่ายเดียว
ครืน…
ผืนแผ่นดินกว้างไพศาลพังถล่มอย่างบ้าคลั่ง ฝุ่นดินฟุ้งตลบลอยม้วนขึ้นสูง ป่าเถื่อนทรงพลัง
เมืองทศพิธมีค่ายกลคอยปกป้อง แสงเจิดจ้าส่องแยงตา ไม่ว่ามารร้ายมากมายปานใดจะโถมเข้าโจมตีล้วนไม่อาจทำลายค่ายกลได้ นอกเมืองทศพิธห่างออกไปหมื่นลี้มีเงาร่างใหญ่มโหฬารร่างหนึ่งอยู่ รอบกายเขามีอักขระมหามรรคล่องลอย ไอมารที่เกิดจากแรงกรรมนับไม่ถ้วนพัวพันรอบกาย
ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาล!
รูปลักษณ์เขาดูดุร้าย ดูราวกับสวมเกราะศึกเอาไว้ไม่สามารถสอดส่องสภาพร่างกายแท้จริงได้ ทว่ากลับเผยส่วนใบหน้าออกมา เป็นใบหน้ายิ้มที่ดูดุร้ายและชั่วร้ายอย่างยิ่งดวงหนึ่ง
“พวกเจ้ามีความสามารถเพียงเท่านี้หรือ แล้วจ้าวซวงเฉวียนเล่า”
ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลหัวเราะดังลั่นอย่างโอหังเหี้ยมโหดอย่างยิ่ง
เทวทัณฑ์หลายสิบคนโจมตีเข้าใส่ แต่ละคนใช้พลังวิเศษมหามรรคทำให้ท้องนภามืดสลัวฉีกขาดแตกร้าว
ตูม! ตูม! ตูม…
พลังเวทนับไม่ถ้วนโจมตีใส่ร่างยอดมารร้ายฟ้าบุพกาล ทว่ากลับถูกร่างกายเขาดูดซับเข้าไปทั้งหมด ไม่เกิดความเสียหายแม้แต่น้อย
แสงกระบี่สายหนึ่งพลันส่องสว่างบนท้องนภา ปราณกระบี่พุ่งทะลวงผ่านเอวของยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลจนขาด มารร้ายไม่รู้เท่าไรที่อยู่ตามทางถูกทำลาย
มือใหญ่ข้างหนึ่งพลันโผล่ขึ้นมาด้านหลังยอดมารร้ายฟ้าบุพกาล บีบขยี้กลางอากาศจากนั้นท้องนภาก็ถล่มลงมา ห้วงมิติแตกแยกกระจัดกระจายราวกับพายุฝนโหมกระหน่ำโปรยปราย เสียงแหลมเสียดหูทำให้วิญญาณของสรรพสิ่งในเมืองทศพิธสั่นสะท้าน
หลี่เต้าคงปรากฏตัวขึ้น แม่น้ำมรรคกระบี่สายหนึ่งทอดลงจากนภา กระแสน้ำหลากทะลักไร้สิ้นสุด พลังของมันเพียงพอจะโถมทับโลกนับพันนับหมื่น ยากจะคาดคะเนความกว้างใหญ่ของแม่น้ำได้
“เดรัจฉานชั่วร้าย หยุดโอหังได้แล้ว!”
หลี่เต้าคงแค่นเสียงเย็นชา เรือนผมยาวปลิวสะบัด เงากระบี่นับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในแม่น้ำมรรคกระบี่ แรงกดดันมหาศาลกดทับเข้าใส่ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาล
ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลไม่เหลือบแลเลยสักนิด ในเวลานี้ผู้ทรงพลังที่สามารถสั่นคลอนฟ้าบุพกาลได้อย่างจ้าวซวงเฉวียน ชิงเทียนเสวียนจี เต้าจื้อจุน จ้าวเซวียนหยวน ราชันเทวาฟ้าไพศาลและจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เฉียนคุนปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศล้อมรอบตัวยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลไว้ พวกเขาสำแดงพลังออกมาในทันใด
ก่อค่ายกล!
มหามรรคสามพันวิถีแห่งฟ้าบุพกาลสั่นคลอน พลังแห่งมหามรรคสามพันวิธีร่วงหล่นลงมา ชั้นนภาของก้นบึ้งฟ้าบุพกาลพังถล่ม สะกดทับยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลอย่างรวดเร็วสุดขีด ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลตั้งตัวไม่ทัน เข่าข้างหนึ่งทรุดลงบนแผ่นดินที่พังทลาย
“ฮ่าๆๆ! ยังกล้ากำแหงอยู่หรือไม่ ในฟ้าบุพกาลแห่งนี้ข้าไม่อนุญาตให้ผู้ใดกำแหงไปกว่าข้าได้!”
ชิงเทียนเสวียนจีหัวเราะดังลั่น ทวนวิเศษเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือเขามีอำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรคพัวพัน พุ่งแหวกอากาศมุ่งโจมตีทรวงอกของยอดมารร้ายฟ้าบุพกาล
จ้าวซวงเฉวียนกระโจนเข้าสู่ค่ายกลมหามรรคสามพันวิถี คิดจะเข้าจัดการยอดมารร้ายฟ้าบุพกาล
เวลานี้เอง ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลเผยรอยยิ้มประหลาดออกมา จู่ๆ ก็ระเบิดตัวออกหายไปไม่เหลือร่องรอย
ทันใดนั้น พลังเลิศล้ำน่าหวาดหวั่นพลันแผ่ออกมาทำให้เหล่าผู้ทรงพลังต้องหันมองด้วยความตกใจ เห็นเพียงว่ามียอดมารร้ายฟ้าบุพกาลนับไม่ถ้วนปรากฏตัวขึ้นทั่วสารทิศ ทั้งหมดล้วนมีร่างใหญ่โตมโหฬาร พุ่งเข้ามาจากปลายขอบฟ้า
“เป็นไปได้อย่างไร!”
“นี่คือร่างแยกหรือ”
“ไม่ใช่ กลิ่นอายยังคงน่าหวาดหวั่นอย่างยิ่ง”
“พวกเราลองทดสอบดูเถิด”
“ระวังด้วย สถานการณ์ผิดปกติ!”
ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลนับไม่ถ้วนที่ถาโถมเข้ามาทำให้ฝ่ายเมืองทศพิธอกสั่นขวัญแขวน พวกเขามองเห็นว่ามารร้ายทั้งหมดที่อยู่ตามรายทางล้วนมุดหายเข้าไปในร่างของยอดมารร้ายฟ้าบุพกาล ช่วยเพิ่มพลังให้ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
จ้าวซวงเฉวียนขมวดคิ้วแน่น “นี่มันพลังใดกัน”
เขากุมอกตัวเอง รู้สึกว่าพลังในร่างกำลังจะเบิดออกมา ความรู้สึกนี้ทรมานเหลือเกิน
และสาเหตุของทุกสิ่งนี้ก็มาจากยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลตนนั้น!
………………………………………………………………