ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – บทที่ 1111 อันธการมาเยือน

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 1111 อันธการมาเยือน

หลังจากเก้ามหาฟ้าบุพกาล ได้ยินคำพูดของหานเจวี๋ย พวกเขาโกรธเกรี้ยวสุดขีด โจมตีด้วยกระบวนท่าสังหาร

อนธการสิ้นแสงพลันอ้าปากกว้าง คำรามอย่างโกรธเกรี้ยวพ่นลมพายุทมิฬน่าหวาดหวั่นออกมา กวาดม้วนไปทั่วห้วงอวกาศพังทลาย มีเศษเสี้ยวห้วงมิติปะปนอยู่มากมาย เข้าท่วมทับเก้ามหาฟ้าบุพกาล

จ้าวซวงเฉวียนนำอยู่ด้านหน้าสุด มือถือทวนวิเศษเล่มหนึ่ง ตวัดปัดป้องอย่างรวดเร็ว ช้ำพลังจากอำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรคป้องกันพลังพายุของอนธการสิ้นแสง

มหามรรคอัมพรโจวซ่งมองฉากนี้ด้วยแววตาที่ผุดประกายความหวังขึ้นมา

เก้ามหาฟ้าบุพกาลที่มีชื่อเสียงก้องฟ้าบุพกาลในระยะนี้จะปราบเจ้าแดนต้องห้ามอันธการได้หรือไม่

ต้องทราบด้วยว่าแม้แต่หานฮวงก็ยังเอาชนะเก้ามหาฟ้าบุพกาลที่ร่วมมือกันไม่ได้!

จ้าวซวงเฉวียนพุ่งเข้ามาถึงด้านหน้าหานเจวี๋ยอย่างรวดเร็ว พลังของอนธการสิ้นแสงน่าหวาดกลัวจริงๆ แต่สำหรับพวกเขาแล้วยังไม่นับเป็นข้อได้เปรียบที่เพียงพอจะสะกดข่มได้

แปดเจ้าฟ้าบุพกาลที่เหลือปรากฏตัวขึ้นรอบกายหานเจวี๋ยเช่นกัน

เก้ามหาฟ้าบุพกาลเข้าปิดล้อมหานเจวี๋ย แต่ละคนชูฝ่ามือสองข้างขึ้นมา ทันใดนั้นห้วงมิติของหานเจวี๋ยพลันถูกผนึกไว้

ระดับที่ต่ำกว่าผู้สร้างมรรคาลงไป ไม่อาจสั่นคลอนพลังพันธนาการนี้ได้!

ทันทีที่ลงมือก็ทุ่มพลังทั้งหมดเข้าไป ดูเหมือนเก้ามหาฟ้าบุพกาลจะไม่ใช่เล่นๆ เลย

มหามรรคอัมพรโจวซ่งเห็นพวกเขาลงมือรวดเร็วและทรงพลังก็ตื่นเต้นปรีดาอยู่ในใจ

น่าสนุก!

ครืน…

แสงเจิดจ้าปรากฏขึ้น พลังเวทอันบ้าคลั่งกดทับทำให้อนธการสิ้นแสงแผดร้องด้วยความทรมาน มหามรรคอัมพรโจวซ่งไม่สามารถขยับเขยื้อนได้จึงจำเป็นต้องรับแรงกดดันที่ถาโถมลงมา เลือดเนื้อแหลกลาญเหลือเพียงโครงกระดูกสีทองร่างหนึ่ง

ห้วงมิติพังทลาย กาลเวลาแปรปรวนวุ่นวาย ปรากฏการณ์แปลกประหลาดโผล่ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ห้วงอวกาศแห่งนี้เปลี่ยนเป็นเลื่อนลอยลวงตา

เมื่อแสงเจิดจ้าสลายไป จ้าวซวงเฉวียนหน้าเปลี่ยนสี คนอื่นๆ ก็ตกใจเช่นกัน

พลังเวทของพวกเขาไม่เฉียดโดนร่างของหานเจวี๋ยเลย รอบกายหานเจวี๋ยปรากฏพลังงานที่ไม่ทราบแน่ชัดแผ่เป็นชั้น ต้านรับพลังของพวกเขาได้อย่างสบายๆ

“เป็นไปได้อย่างไร!”

จ้าวซวงเฉวียนตระหนกอยู่ในใจ เก้ามหาฟ้าบุพกาลสื่อใจกันได้ดียิ่ง เว้นระยะห่างออกไปไม่กล้าเข้าไปใกล้หานเจวี๋ยอีก

จากการประมือครั้งนี้ พวกเขารู้แล้วว่าตนมิใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการเลย

เมื่อครู่พวกเขาทุ่มพลังทั้งหมดแล้ว!

สีหน้าจ้าวซวงเฉวียนหมองคล้ำ กัดฟันถาม “เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่”

เหตุผลที่เขาโกรธเกรี้ยวและเสียกริยาปานนี้ เป็นเพราะเขารู้สึกเหมือนถูกหักหลัง

ดีร้ายอย่างไรพวกเขาก็ทุ่มเทไปมากมายปานนี้ ต่อให้เจ้าไม่อยากเข้าร่วมกับฝั่งเราก็ไม่สมควรตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกเรากระมัง!

ไม่ว่าใครก็มีความคิดเพ้อเจ้อกันทั้งนั้น โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ทุ่มทุนออกไปแล้ว

หานเจวี๋ยเอ่ยยิ้มๆ “ในเมื่อพวกเจ้าดื้อด้านกันขนาดนี้ เช่นนั้นข้าจะบอกพวกเจ้าเอาไว้ ยุคสมัยไร้สิ้นสุดจะถูกบุกเบิกขึ้นโดยข้า กล่าวให้ชัดเจนก็คือยุคสมัยแห่งอนธการ ฟ้าบุพกาลและอนธการอย่าได้แก่งแย่งกันเลย”

เขาลุกขึ้นยืน มือขวาค่อยๆ ยกชูขึ้นมา

เขาโบกมือเล็กน้อย ทันใดนั้นความมืดมิดพลันหลั่งไหลเข้ามาจากทั่วสารทิศโดยมีเขาเป็นจุดศูนย์กลาง เก้ามหาฟ้าบุพกาลไม่ทันตั้งตัว ห้วงอวกาศพังทลายเบื้องหน้ากลายเป็นห้วงมิติมืดมิด พวกเขากลายเป็นแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ในห้วงอวกาศนี้

ไม่นานนัก ทั่วทั้งฟ้าบุพกาลก็ตกอยู่ในความมืดมิด ท้องนภาของโลกทั้งหมดล้วนกลายเป็นนภายามราตรี ดวงตะวันทั้งหมดพลันสิ้นแสงไป

อนธการมาเยือน!

นี่คือกลยุทธ์อย่างหนึ่งของหานเจวี๋ย เปลี่ยนแปลงมุมมองของสรรพสิ่ง ซึ่งไม่ได้หมายความว่าแสงสว่างทั้งหมดจะเลือนหายไป หากทำเช่นนั้นกฎเกณฑ์ของฟ้าบุพกาลจะวุ่นวาย ส่งผลกระทบต่อมากมายหลายด้านนัก

“กลับไปซะ เชิญฟ้าบุพกาลและอนธการร่วมมือกันแล้วเข้ามาท้าทายข้าพร้อมกันเสียเถิด!”

หานเจวี๋ยหัวเราะอย่างโอหัง พลังโจมตีไร้รูปลักษณ์ปะทุออกมา พุ่งเข้าหาเก้ามหาฟ้าบุพกาล

ความคิดนี้ของหานเจวี๋ยไม่ได้เกิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน แต่มาจากความเปลี่ยนแปลงหลังจากที่เขาออกท่องฟ้าบุพกาล

หากว่ามหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่วิวัฒนาการไปตามที่เขาทราบมาก็จะน่าสนุกน้อยลงทั้งยังไม่จำเป็นแล้ว

ต่อให้หานฮวงทำลายฟ้าบุพกาล บุกเบิกยุคสมัยไร้สิ้นสุดขึ้น วันหน้าก็ยังต้องแบกรับชื่อเสียงฉาวโฉ่ในอดีตไว้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ บิดาอย่างเขาจะให้ความช่วยเหลือบุตรชายเอง

เทพมารอนธการกระตุ้นมหามรรค แต่กลับมีเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ เทพมารอนธการผู้เก่าแก่ไม่ทราบประวัติความเป็นมาอีกรายหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาทำลายล้างทุกสิ่ง สุดท้ายก็ค่อยมอบเกียรติยศให้ไปตกอยู่กับหานฮวง

และด้วยกระบวนการนี้จะทำให้หานเจวี๋ยได้ต่อสู้ตัดสินกับเจ้านวฟ้าบุพกาลได้

บทละครถูกร่างขึ้นแล้ว สรรพสิ่งแห่งฟ้าบุพกาลและอนธการมิใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าแดนต้องห้ามอันการเลย รอจนเจ้านวฟ้าบุพาลต้องออกมาด้วยตัวเอง เผชิญเหตุร้ายดับสูญไป หานฮวงเสี่ยงชีวิตเข้าสู้ ในสถานการณ์สิ้นหวัง อริยะสวรรค์เกรียงไกรปรากฏตัวขึ้น สองพ่อลูกร่วมมือกันโจมตีเจ้าแดนต้องห้ามอันธการจนล่าถอยไป กลายเป็นตำนานเล่าขานไปนับหมื่นยุค

ไม่ว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการชนะหรือว่าอริยะสวรรค์เกรียงไกรชนะ คนที่ได้อวดอ้างวางท่าก็คือเขาทั้งสิ้น

มหามรรคอัมพรโจวซ่งมองแผ่นหลังของหานเจวี๋ยด้วยความตกตะลึง

เก้ามหาฟ้าบุพกาลร่วมมือกันเช่นนี้ก็ยังพ่ายแพ้อีกหรือ

เป็นไปได้อย่างไรกัน!

สรุปแล้วเขาอยู่ในระดับใดกันแน่

หรือว่าจะมีระดับที่สูงส่งลึกล้ำขึ้นไปเหนือจากยอดมหามรรคอยู่จริงๆ

หานเจวี๋ยนั่งลงอีกครั้ง ค่อยๆ ยืดเอวบิดขี้เกียจ

“สิ่งที่เจ้าพูดเป็นความจริงหรือ”

น้ำเสียงเย็นชาสายหนึ่งแว่วมา มองเห็นหานฮวงเดินออกมาจากเงามืดมิด เขาแปลงกายไปอยู่ในร่างดั้งเดิมของเทพมารอนธการมีเพลิงสีม่วงคุโชนอยู่รอบกาย องอาจทรงอำนาจ เต็มไปด้วยแรงกดดัน

ทันทีที่เห็นเขา อนธการสิ้นแสงก็เริ่มเปล่งเสียงร้องอิ๋งๆ เสียงเล็กเสียงน้อย แตกต่างจากเสียงคำรามกร้าวก่อนหน้านี้

หานฮวงเมินเฉยต่ออนธการสิ้นแสง สายตาจ้องเขม็งไปที่หานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยที่อยู่ในสภาพร่างเงามืดดูชั่วร้ายอย่างยิ่ง แทบจะหลอมรวมไปกับห้วงอวกาศมืดมิด มีเพียงสองเนตรแดงเรื่อดุร้ายที่สะดุดตาอย่างยิ่ง

หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้าอยากท้าทายข้าหรือ”

หานฮวงพลันซัดฝ่ามือออกไปอย่างรุนแรง ฝ่ามือสวรรค์มหาเกรียงไกรพุ่งออกมาเสียงดังสนั่น ทว่าถูกพลังที่ไร้รูปลักษณ์สกัดขวางไว้

เขาขมวดคิ้ว

หานเจวี๋ยที่อยู่ใต้เปลวเพลิงดำทมิฬก็กำลังขมวดคิ้วอยู่

เจ้าตัวแสบ ไม่กลัวจะทำร้ายโดนบุตรชายตนเลยหรือ

เสี้ยวความไม่พอใจปรากฏขึ้นมาในใจของหานเจวี๋ย เขาแค่นเสียงเย็นชา “พลังกระจอกไร้ค่าก็กล้าอวดอ้างว่าเป็นสุดยอดผู้แข็งแกร่งเช่นนั้นหรือ หานฮวง เจ้าไม่คู่ควรกับนามเทพมารอนธการ ไสหัวไป!”

ครืน…

หานฮวงรู้สึกเพียงว่ามีพลังที่ยากจะอธิบายได้โถมกระแทกเข้ามา กระแทกจนสติเขาหลุดลอยไป กายเนื้อมอดสลาย วิญญาณปลิดปลิวไปไม่อาจหยุดยั้งได้

“เทพมารอนธการไม่ใช่แค่เปิดฉากทำลายล้างอย่างเหี้ยมหาญ อีกทั้งเจ้าเองก็มิใช่เทพมารอนธการเพียงหนึ่งเดียว รอจนอนธการและฟ้าบุพกาลร่วมมือกันแล้ว ข้าจะมาเอาชีวิตเจ้าอีกครั้ง จากนั้นค่อยสังหารญาติมิตรทั้งหมดของเจ้า รวมถึงสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเจ้า!”

น้ำเสียงเยียบเย็นของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการก้องสะท้อนอยู่ในหูหานฮวง หานฮวงไม่ทันได้แสดงความโกรธเคือง พลังอันน่าหวัดหวั่นทำให้เขาทรมานอย่างยิ่ง

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน จู่ๆ เขาก็รู้สึกได้ว่ามีมือข้างหนึ่งดันหลังเขาไว้ ในที่สุดเขาก็หยุดนิ่ง

เขาลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก พลังเวทในร่างที่หายไปอย่างกะทันหันกำลังก่อตัวขึ้นมาใหม่

เขาหันไปมอง คนที่ช่วยหยุดเขาไว้คือจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย

“ฝ่าบาท ท่าน…” หานฮวงมีสีหน้าแปลกใจ

สีหน้าของจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายซับซ้อน ถอนหายใจเบาๆ

ในอดีตเขาเคยสันนิษฐานว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการคือหานเจวี๋ย ต่อมามีข่าวแพร่ว่าหานเจวี๋ยคือเทพมารฟ้าบุพกาล เจ้าแดนต้องห้ามอันธการเป็นคนอื่น แม้ความจริงจะเป็นเช่นนี้ แต่เขามักจะโอบกอดเสี้ยวความหวังลมๆ แล้งๆ ไว้เสมอ

ตอนนี้พอเห็นหานฮวงถูกโจมตีจนตกอยู่ในสภาพนี้ เขาเชื่ออย่างสนิทใจแล้วว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการเป็นคนอื่น

หานเจวี๋ยไม่มีทางลงมือต่อบุตรธิดาอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้

“สารเลว ไอ้คนผู้นั้นจองหองเกินไปแล้ว!”

เมื่อนึกถึงคำพูดของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ หานฮวงตกอยู่ในความโกรธเกรี้ยวอย่างไม่อาจควบคุมได้

ในใจเขาหวาดหวั่นยิ่งกว่าเดิม

เหตุใดถึงมีตัวตนที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้อยู่ด้วย!

แข็งแกร่งยิ่งกว่าท่านพ่อของเขา!

ในอดีตถึงแม้เขาจะพ่ายแพ้ต่อหานเจวี๋ยอย่างสมบูรณ์ แต่แรงกดดันในขณะนั้นก็น่าตกใจอย่างยิ่งแล้ว แต่ยังคงไม่น่ากลัวเท่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการก่อนหน้านี้

เจ้าแดนต้องห้ามอันธการก็เป็นเช่นเดียวกับท่านพ่อของเขา อยู่ในอีกระดับหนึ่งที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า!

………………………………………………………………

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

Status: Ongoing
ชาติก่อนอายุสั้น ไม่ทันได้ใช้ชีวิต ชาตินี้จึงขอพากเพียรบำเพ็ญเซียน ลาภยศสตรีมีหรือจะสู้การเป็นอมตะ!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท