ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – บทที่ 1113 เข้าฝันพิฆาตศัตรู ไปมาไร้ร่องรอย

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 1113 เข้าฝันพิฆาตศัตรู ไปมาไร้ร่องรอย

‘ในเมื่อเลือกเส้นทางนี้แล้ว เช่นนั้นก็ทำได้เพียงไปต่อจนถึงที่สุด’

มหาเทวาพ้นนิวรณ์คิดเงียบๆ ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว จะไปพึ่งพิงเจ้าแดนต้องห้ามอันธการก็เสี่ยงมากเกินไป ต่อให้เจ้าแดนต้องห้ามอันธการรับตัวเขาไว้ก็ยังไม่แน่ว่าเขาจะได้อะไรมากนัก

จะมาเลือกข้างตอนนี้ก็สายไปแล้ว!

อีกอย่างก็ยังไม่แน่ว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะได้ชัย!

คิดจบมหาเทวาพ้นนิวรณ์ก็เข้าสู่ภวังค์นิทราอีกครั้ง อย่างที่หานเจวี๋ยกล่าวไว้ ให้เฝ้ารอความเปลี่ยนแปลงของมหาเคราะห์อย่างสงบ

….

หลังจากอันธการเข้าครอบงำ หานเจวี๋ยก็ไม่เคยพบพานปัญหาใดๆ อีกเลย อนธการสิ้นแสงก็ไม่พบเหยื่ออีกต่อไป เรื่องนี้ทำให้มันร้อนรนกระวนกระวาย คำรามอยู่เสมอ เสริมความน่าพรั่นพรึงให้อันธการยิ่งขึ้น

หานเจวี๋ยนั่งอยู่บนศีรษะหลานชาย ตรวจดูจดหมายไปด้วย

นับตั้งแต่เจ้าแดนต้องห้ามอันธการเผยตัวขึ้น ความเคลื่อนไหวในแวดวงสหายยิ่งคึกคักขึ้นเรื่อยๆ แต่การต่อสู้กลับลดลงมากนัก

หากต้องการให้ฟ้าบุพกาลและอนธการร่วมมือกัน ยังคงต้องใช้เวลา ซึ่งหานเจวี๋ยรอได้

ข่าวที่เจ้าแดนต้องห้ามอันธการเอาชนะหานฮวงและและเก้ามหาฟ้าบุพกาลได้แพร่ไปทั่วฟ้าบุพกาลอย่างรวดเร็ว เรื่องนี้ไม่มีทางปิดบังไว้ได้ มีเพียงต้องป่าวประกาศต่อสาธารณชนถึงจะทำให้ทั้งสองฝ่ายยอมละวางความแค้นได้ ยิ่งเจ้าแดนต้องห้ามอันธการแข็งแกร่งเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสที่อนธการและฟ้าบุพกาลจะร่วมมือกันมากขึ้น

ภายในตำหนักอนธการ

หานฮวงอับอายจนพาลโกรธ ก่นด่าทุกคนในโถงตำหนัก

แต่ทุกคนไม่โกรธเคืองเลย ยังคงอดทนโน้มน้าวเขาต่อไป

หานฮวงยังคงต้องการเผชิญหน้ากับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการตัวต่อตัว

เต้าจื้อจุนรับคำสั่งจากหลี่เต้าคง มุ่งหน้าไปยังสำนักเลิศนพวิถีแล้ว หานฮวงโกรธเกรี้ยวในเรื่องนี้ยิ่ง แต่ก็แค่โมโหเกรี้ยวกราดเท่านั้น ไม่ได้ขัดขวางห้ามปราม เหล่าศิษย์ร่วมสำนักต่างเข้าใจดีดังนั้นจึงไม่รู้สึกโกรธเขา

หานฮวงจำเป็นต้องระบายออกมาบ้างจริงๆ

ผู้ใดเผชิญหน้ากับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการก็เสียการควบคุมกันทั้งสิ้น

หลังจากระบายอารมณ์ไปสักพัก หานฮวงถึงได้นั่งลง เอ่ยอย่างห่อเหี่ยว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นก็ร่วมมือเถอะ ข้าเตรียมจะปิดด่าน อำนาจจัดการอนธการทั้งหมดยกให้พวกเจ้าดูแล ส่วนอนธการสิ้นแสง…ตอนนี้ยังไม่ต้องไปยุ่ง เลี่ยงไม่ให้ประสบความสูญเสียหนักกว่าเดิม”

ทุกคนพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย แต่พวกเขาไม่สังเกตเห็นความหวาดหวั่นที่ฉายวาบผ่านดวงตาหานฮวงไป

ใช่แล้ว หวาดหวั่น

เป็นครั้งแรกที่หานฮวงเกิดความรู้สึกเช่นนี้ขึ้น

มีเพียงตัวเขาที่ทราบดีว่าอนธการสิ้นแสงมิใช่สัตว์ร้ายทำลายล้างอันใด แต่เป็นบุตรชายที่เขาสร้างขึ้น เพียงแต่เขาผนึกสติปัญญาของอนธการสิ้นแสงไว้ เพื่อให้มันดำเนินภารกิจของตนอย่างเต็มที่

ร่างเดิมของผู้ทรงพลังมากมายก็ล้วนอยู่ในรูปลักษณ์ของสัตว์ร้ายทั้งสิ้น เห็นแล้วชวนให้คนผวา เพียงแต่แปลงกายให้ดูงามสง่าทรงภูมิกันเท่านั้น

ในใจหานฮวงเป็นกังวล เขาเลือนหายไปจากด้านในโถงตำหนักทันที

เหล่าศิษย์สืบทอดสำนักซ่อนเร้นต่างเริ่มยุ่งง่วนขึ้นมาแล้ว

….

หลายพันปีต่อมา ในช่วงที่อนธการและฟ้าบุพกาลอยู่ระหว่างร่วมมือกัน สาวกของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ก่อตั้งลัทธิอันธการที่โดดเด่นไม่ด้อยไปกว่าสำนักเลิศนพวิถีขึ้น

ในเวลานี้ กลุ่มอิทธิพลต่างๆ ถึงตระหนักได้ว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการไม่ได้เพิ่งเผยตัวผงาดขึ้นมา แต่วางแผนมาเนิ่นนานแล้ว

อิทธิพลของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการแผ่ขยายไปมหาศาลปานนี้ทั้งที่อยู่ใต้จมูกของพวกเขา

ลัทธิอันธการอันยิ่งใหญ่เริ่มออกตามหาเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอิทธิพลใดหากกล้าขัดขวาง ล้วนจะเผชิญกับการปิดล้อมโจมตีจากลัทธิอันธการ ในลัทธิอันธการมียอดมหามรรคอยู่หลายคน แต่จำนวนอริยะมหามรรคกลับน้อยนิด สาวกระดับเสรีและเบิกฟ้ามีจำนวนมากที่สุด

ไอพิฆาตของอนธการสิ้นแสงแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ดังนั้นลัทธิอันธการจึงตามหาเจ้าแดนอันธการพบได้ไม่ยากเลย

สือตู๋เต้าและจิ่งเทียนกงกลายเป็นผู้นำลัทธิอันธการ มีกลุ่มมิ่งเป็นแกนหลัก ในไม่ช้ากฎระเบียบของลัทธิอันธการก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นอย่างรวดเร็ว สือตู๋เต้าไม่กล้าผลีผลามไปรบกวนหานเจวี๋ย ดังนั้นจึงรวมศูนย์อำนาจเข้ามาก่อน

ยามที่เข้าใกล้อนธการสิ้นแสง สือตู๋เต้าและจิ่งเทียนกงได้เข้ามารวมกลุ่มกัน

เมื่อเห็นอนธการสิ้นแสงที่น่าหวาดผวาอย่างยิ่ง พวกเขาก็รู้สึกประหม่านัก กลัวว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะไม่อยู่แล้วและพวกเขาจะถูกอนธการสิ้นแสงกลืนกินเข้าไปในคำเดียว

น่าจะเป็นไปไม่ได้

เจ้าแดนต้องห้ามอันธการไม่มีทางทอดทิ้งพวกเขาแน่นอน!

ทั้งสองทำใจกล้าเหาะเข้าไปหา เมื่ออนธการสิ้นแสงมองเห็นพวกเขาก็ตื่นเต้นขึ้นมาในทันใด

ขณะที่อนธการสิ้นแสงเตรียมจะเขมือบทั้งสองเข้าไป หานเจวี๋ยก็เคลื่อนย้ายพวกเขามาอยู่ตรงหน้า ทำให้หายไปจากครรลองสายตาของอนธการสิ้นแสง

ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงตอนนี้ อนธการสิ้นแสงไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของหานเจวี๋ยเลย หานเจวี๋ยได้ติดตั้งเขตอาคมหนึ่งไว้บนศีรษะมันแล้ว ทำให้มันรับรู้ไม่ได้

“คารวะเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ!”

ทั้งสองคุกเข่าลงตรงหน้าหานเจวี๋ย ทำความเคารพอย่างนอบน้อม

พวกเขาตื่นเต้นอย่างยิ่ง

ผ่านมาหลายร้อยล้านปี ในที่สุดก็ได้พบหน้าพูดคุยกับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการตัวเป็นๆ มิใช่การเข้าฝันและมิใช่ภาพมายา

หานเจวี๋ยเห็นพวกเขาก็พอใจมากเช่นกัน

ความจงรักภักดีของพวกเขาทำให้หานเจวี๋ยรู้สึกเกินความคาดหมายนัก

หานเจวี๋ยเอ่ยไปว่า “ความทุ่มเทของพวกเจ้าข้ารับรู้มาโดยตลอด วันนี้จะเทศนาธรรมแก่พวกเจ้าก่อน หวังว่าในมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ที่จะมาถึงนี้พวกเจ้าจะทำให้ข้าพอใจได้”

เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงอีก ทำให้ทั้งสองจมจ่อมสู่สภาวะตระหนักมรรค ความคิดถูกฉุดรั้งสู่ฉากมายาที่มีเจ้าแดนต้องห้ามอันธการเทศนาธรรมให้พวกเขาเป็นการส่วนตัว

หานเจวี๋ยทอดสายตามองลัทธิอันธการที่อยู่ไกลออกไป เป็นกลุ่มอิทธิพลยิ่งใหญ่ทรงพลัง ถึงแม้จะเป็นเพียงฝูงนกกระจอกในสายตาเขา แต่กองกำลังระดับนี้ก่อคลื่นมรสุมให้แก่ฟ้าบุพกาลได้แน่นอน

อันธการเข้าครอบงำมาเนิ่นนานปานนี้ ฟ้าบุพกาลและอนธการยังไม่มีความเคลื่อนไหว ทำให้หานเจวี๋ยค่อนข้างหมดความอดทนแล้ว

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องใช้ลัทธิอันธการกระตุ้นเสียแล้ว!

หานเจวี๋ยเข้าฝันสาวกทั้งหมดในลัทธิอันธการ ภายในแดนความฝันเขาถ่ายทอดพลังวิเศษพิฆาตศัตรูด้วยการเข้าฝันให้แก่พวกเขา รวมถึงสือตู๋เต้าและจิ่งเทียนกงด้วย

เขาต้องการนำพาความสิ้นหวังที่แท้จริงมาสู่ฟ้าบุพกาล ทำให้สรรพสิ่งสูญเสียความฝันถึงดินแดนอันแสนสงบเสี้ยวสุดท้ายไป

ห้าพันปีต่อมา สือตู๋เต้าและจิ่งเทียนกงพาลัทธิอันธการจากไป พวกเขาไม่เหมาะที่จะอยู่ใกล้ๆ อนธการสิ้นแสง

ไม่นานนัก ลัทธิอันธการก็เริ่มปรากฏทั่วทุกมุมฟ้าบุพกาล พวกเขาเข้าฝันสังหารศัตรูอย่างบ้าคลั่ง ทุกครั้งที่เข้าฝันล้วนจะไปปรากฏตัวต่อหน้าศัตรู ทำให้สาวกลัทธิอันธการกระจายตัวไปทั่วหัวระแหง เมื่อมีคนต้องการสังหารพวกเขา พวกเขาก็สามารถใช้พลังวิเศษนี้เคลื่อนย้ายไปปรากฏตัวต่อหน้าศัตรูรายอื่นได้ เปลี่ยนแปลงฉับพลันจะยากคาดเดา

ฟ้าบุพกาลตกอยู่ในความหวาดผวาอีกครั้ง

จ้าวซวงเฉวียนตระหนักได้ว่าไม่อาจเฝ้ารอต่อไปได้อีก เขาพาแปดเจ้าฟ้าบุพกาลเดินทางไปเข้าพบหานฮวง

เวลานี้หานฮวงกำลังเผชิญหน้ากับอีกสองตัวตนที่อ้างว่าตนคือเทพมารอนธการอยู่

เป็นสื่อหยวนหงเหมิงและหวงจุนเทียน

เดิมทีทั้งสองคิดจะเฝ้ารอต่อไป ผลคือพอเห็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการปรากฏตัวขึ้นก็จำเป็นต้องเข้าเผชิญเคราะห์ก่อนกำหนด

เจ้าแดนต้องห้ามอันธการแข็งแกร่งเกินไป หานฮวงมิใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย หวงจุนเทียนและสื่อหยวนหงเหมิงย่อมต้องออกโรง

หานฮวงขมวดคิ้วแน่น พอได้ฟังสื่อหยวนหงเหมิงบอกเล่าประวัติความเป็นมาของตน ดวงตาเขาเผยเจตนาสังหารออกมา

ในอดีตสื่อหยวนหงเหมิงเลยมาเข้าฝันเขา ประกาศว่าต้องการต่อสู้ตัดสิน ไม่คิดเลยว่าโชคชะตาจะเล่นตลกนัก ทั้งสองกลับต้องมาร่วมมือกัน

“ข้าเชื่อว่าเจ้าคือเทพมารอนธการ แต่หวงจุนเทียนเล่า เจ้ากลายเป็นเทพมารอนธการได้อย่างไร”

หานฮวงมองหวงจุนเทียนด้วยแววตาคมปลาบ

เขารับรู้ได้ถึงกลิ่นอายแบบเดียวกัน นี่เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยประสบมาก่อน แม้ในใจเขาจะตื่นเต้นแต่ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกต่อต้าน

หวงจุนเทียนตอบว่า “ย่อมเป็นอานิสงส์จากสื่อหยวนหงเหมิง แต่ก่อนเขาพึ่งพากายเนื้อข้ารักษาชีวิตไว้ ยามนี้ย่อมต้องตอบแทนข้าบ้าง”

หานฮวงมองไปที่สื่อหยวนหงเหมิงอีกครั้ง ถามไปว่า “เจ้าสร้างเทพมารอนธการได้หรือ”

สื่อหยวนหงเหมิงมองความคิดเขาออก ตอบไปว่า “ไม่ได้ หวงจุนเทียนเพียงได้รับโอกาสวาสนาประการหนึ่งเท่านั้น ฟ้าบุพกาลก็รองรับเทพมารอนธการมากขนาดนั้นไม่ได้ ที่พวกเรามาได้ก็เพราะกระแสชะตาแห่งมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ มาร่วมมือกันเถอะ ทำลายล้างเจ้าแดนต้องห้ามอันธการไปด้วยกัน บุกเบิกยุคสมัยไร้สิ้นสุดไปด้วยกัน เมื่อเวลานั้นมาถึง อนธการจะไม่ได้มีเพียงหนึ่งเดียว เทพมารอนธการก็จะมิได้มีเพียงพวกเราอีกต่อไป บางทีเผ่าพันธุ์เทพมารอนธการอาจจะถือกำเนิดขึ้นเพราะเหตุนี้”

………………………………………………………………

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

Status: Ongoing
ชาติก่อนอายุสั้น ไม่ทันได้ใช้ชีวิต ชาตินี้จึงขอพากเพียรบำเพ็ญเซียน ลาภยศสตรีมีหรือจะสู้การเป็นอมตะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท