ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – บทที่ 1117 ห้าผู้สร้างมรรคารวมตัว

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 1117 ห้าผู้สร้างมรรคารวมตัว

พลังของผู้สร้างมรรคาทำให้สรรพสิ่งตื่นตะลึง พวกเขาถึงขั้นที่ลืมแสดงความปิติปรีดาไปแล้ว

แม้แต่หานฮวง สื่อหยวนหงเหมิงและพวกหานหลิงก็กำลังเงยหน้ามองมือใหญ่มโหฬารน่าหวาดกลัวที่ใหญ่โตกว่าฟ้าบุพกาลข้างนั้นอยู่

มือใหญ่มโหฬารของมหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญยื่นเข้าไปทางอนธการสิ้นแสง คล้ายว่าต้องการจะตะครุบพวกเขาออกไปจากฟ้าบุพกาล

อนธการสิ้นแสงที่มีร่างกายใหญ่โตเมื่อเผชิญกับมือข้างนี้แล้วดูเล็กจิ๋วยิ่งกว่าเม็ดทราย เป็นครั้งแรกที่อนธการสิ้นแสงรู้สึกถึงความหวาดกลัว มันแผดเสียงคำรามทุ้มต่ำ ร่างกายสั่นสะท้าน

ซูฉีและโจวซ่งต้าเต้าเทียนเงยหน้ามอง ตะลึงตาค้าง ไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง

นี่คือพลังระดับใดกัน

สามารถฝึกบำเพ็ญจนไปถึงขั้นนี้ได้จริงๆ น่ะหรือ

นี่คือความคิดที่อยู่ในใจของผู้ทรงพลังทั้งหมดในที่นี้

เมื่อเผชิญหน้ากับพลังระดับนี้ หานเจวี๋ยกลับไม่ลุกขึ้นมาเลย เขายกมือขวาขึ้น ตวัดคว้าผ่านนภา ในวินาทีนั้น มือใหญ่มโหฬารของมหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญพลันถูกพลังที่มองไม่เห็นคว้าเอาไว้ เริ่มบิดเบี้ยวขึ้นมาจากนั้นก็พังทลายลงสลายตัวไปดั่งหมอกควัน

ฉากนี้ฉุดดึงความคิดของผู้ทรงพลังทั้งหมดกลับมา

เป็นไปได้อย่างไรกัน!

แม้แต่ผู้สร้างมรรคาที่อยู่เหนือฟ้าบุพกาลก็ยังทำอะไรเจ้าแดนต้องห้ามอันธการไม่ได้อย่างนั้นหรือ

มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญเงียบไปแล้ว ตอนนี้เขาก็ตกใจมากเช่นกัน แต่เขาไม่สะดวกจะแสดงออกมาต่อหน้าสรรพสิ่งทั้งปวง

หลังจากที่อนธการสิ้นแสงไม่รับรู้ถึงภัยคุกคามจากผู้สร้างมรรคาแล้วก็บ้าคลั่งขึ้นมาอีกครั้ง ลิ้นที่ใหญ่ยิ่งกว่าสายธารดาราตวัดม้วนตัวอริยะมหามรรคคนหนึ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว กลืนเข้าปากเคี้ยวดังกร้วมๆ

ในเวลานี้ เหล่าผู้ทรงพลังตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้ง

“ห้ามหยุดมือ บุกต่อไป เป้าหมายของพวกเจ้าคืออนธการสิ้นแสง ส่วนเจ้าแดนต้องห้ามอันธการให้เป็นหน้าที่ของพวกเรา!”

จ้าวซวงเฉวียนตวาดเสียงกร้าว สุ้มเสียงเปี่ยมด้วยเพลิงพิโรธ

เขาต้องการใช้โทสะข่มความหวาดกลัวในจิตใจ หากแม้แต่พวกเขาก็ตื่นตระหนกไปด้วยแล้วคนระดับล่างจะสู้ต่อไปได้อย่างไร

ชั่วขณะนั้น ศึกดุเดือดปะทุขึ้นมาอีกครั้ง

แต่การเผชิญหน้ากับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการและอนธการสิ้นแสงที่แข็งแกร่งไร้พ่าย ถึงแม้เหล่าผู้ทรงพลังจะทุ่มอย่างสุดกำลังแล้วก็เห็นได้ชัดว่าไม่มีประโยชน์เลย

สรรพสิ่งที่ชมการต่อสู้อยู่ในความฝันรู้สึกหวาดกลัวและสิ้นหวังขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน

ฟ้าบุพกาลกำลังจะล่มสลายจริงๆ น่ะหรือ

….

ณ ดินแดนเวิ้งว้าง เหล่าผู้สร้างมรรคามารวมตัวกันใต้พฤกษาเทพ สถานที่อยู่ของเจ้านวฟ้าบุพกาล

ร่างแยกของหานเจวี๋ยก็มาเช่นกัน เขาถูกเจ้านวฟ้าบุพกาลเข้าฝันไปเรียกตัว ดังนั้นจึงส่งร่างแยกที่อยู่ในอาณาเขตเต๋าที่สามไป

เขาเป็นถึงเทพผู้สร้างแล้ว ร่างแยกเหมือนร่างจริง เจ้านวฟ้าบุพกาลก็แยกไม่ออกเช่นกัน

เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาล มหาเทวาพ้นนิวรณ์ มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญ จอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์ล้วนมากันพร้อมหน้า

พวกเขามองไปที่เจ้านวฟ้าบุพกาลอย่างเงียบงัน

สีหน้าหานเจวี๋ยราบเรียบไร้อารมณ์ แต่ในใจกลับนึกสนุก

ข้าก็อยากเห็นนักว่าพวกเจ้าจะใช้แผนลับใดมาจัดการข้า!

เจ้านวฟ้าบุพกาลเอ่ยขึ้นว่า “ตอนนี้วิกฤตการณ์ใหญ่หลวงมาเยือนฟ้าบุพกาล เจ้าแดนต้องห้ามอันธการผู้นั้นแข็งแกร่งกว่าผู้สร้างมรรคาทั่วไปมากนัก”

ผู้สร้างมรรคาทั่วไป…

มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญสีหน้าไม่น่ามอง เขามองเห็นสายตาหานเจวี๋ย รู้สึกอับอายยิ่งขึ้นไปอีก

มหาเทวาพ้นนิวรณ์เอ่ยถาม “ท่านจัดการเขาได้หรือไม่”

เจ้านวฟ้าบุพกาลกล่าวว่า “ไม่มีความมั่นใจเต็มที่”

ยามที่กล่าวประโยคนี้ออกไป ในใจของเจ้านวฟ้าบุพกาลซับซ้อนอย่างยิ่ง

เขาดูแคลนเจ้าแดนต้องห้ามอันธการมาตลอด แต่พอเห็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการสลายพลังของมหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญทิ้งได้ง่ายๆ เขาก็ตกใจขึ้นมา

เป็นไปได้อย่างไร!

ต้องทราบก่อนว่าเจ้านวฟ้าบุพกาลก็ยังจัดการอย่างสบายๆ เช่นนั้นไม่ได้ มือใหญ่มโหฬารข้างนั้นมิใช่พลังวิเศษ แต่เป็นมือจากยอดสมบัติของมหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญ ใช้กายเนื้อต่างยอดสมบัติ ยากจะทำลายล้างได้ในการโจมตีเดียว

“อันตรายถึงขนาดนี้ เช่นนั้นข้าซ่อนตัวอยู่ในอาณาเขตเต๋าดีกว่า ทุกท่านก็ทราบดีว่าอาณาเขตเต๋าของข้าเลิศล้ำนัก คงปกป้องชีวิตเอาไว้ได้”

หานเจวี๋ยเอ่ยออกไป คิ้วขมวดแน่น

มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญเอ่ยด้วยความโกรธ “อยู่ในสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ เจ้าจะหลบซ่อนหดหัวได้อย่างไร ต่อให้เจ้าหลบซ่อนแล้วจะซ่อนไปจนถึงเมื่อไรเล่า เจ้าแดนต้องห้ามอันธการซ่อนตัวได้มิดชิดถึงเพียงนี้ ไม่ช้าก็เร็วต้องไปเยือนโลกมหามรรคของเจ้าแน่”

โลกมหามรรคของหานเจวี๋ยล่องลอยอยู่ในดินแดนเวิ้งเวิ้งมาโดยตลอด เหล่าผู้สร้างมรรคาล้วนทราบกันดี

มหาเทวาพ้นนิวรณ์ฉงนอยู่ในใจ หานเจวี๋ยอยากหลบเลี่ยงจริงๆ น่ะหรือ

เขาย้อนนึกถึงประสบการณ์ในอดีตอย่างละเอียด มีความเป็นไปได้จริงๆ

แต่หากเป็นเช่นนี้ มหาเทวาพ้นนิวรณ์สมควรจะจัดการอย่างเล่า

เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลเอ่ยขึ้นว่า “จำเป็นต้องสู้ พวกเราร่วมมือกันต่อกรกับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการได้ ข้าสงสัยว่าหากเจ้าแดนต้องห้ามอันธการบุกเบิกยุคอันธการขึ้นมาได้ เขาต้องแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิมแน่ อาจจะแข็งแกร่งถึงขั้นสังหารผู้สร้างมรรคาได้ด้วยซ้ำ!”

จอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์เงียบงันมาโดยตลอด ไม่ปริปากเลย

เจ้านวฟ้าบุพกาลเอ่ยขึ้นว่า “ถูกต้อง เป็นเช่นนี้จริงๆ ข้าขอพูดตามตรง ข้าพยายามจะก้าวข้ามระดับผู้สร้างมรรคามาโดยตลอดแต่ไม่ประสบความสำเร็จ คาดว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการก็น่าจะมีเป้าหมายเช่นนี้อยู่เหมือนกัน ข้าไม่ทราบแน่ชัดว่าเขาทำให้สำเร็จได้อย่างไร แต่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับยุคสมัยแห่งอันธการจริงๆ”

ระดับที่สูงยิ่งขึ้นหรือ!

จิตใจของสี่ผู้สร้างมรรคาหนักอึ้ง หานเจวี๋ยก็แสร้งเล่นละครเช่นกัน

เจ้านวฟ้าบุพกาลกวาดสายตามองพวกเขา เอ่ยขึ้นว่า “จะให้โอกาสพวกเจ้าได้เลือกเป็นครั้งสุดท้าย จะร่วมสู้ไปด้วยกันหรือไม่ หากทำสำเร็จ ข้าจะบอกวิธีบรรลุถึงระดับที่สูงกว่าต่อพวกเจ้า เลือกเอาเองเถอะ”

เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลและมหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญเลือกเข้าร่วม

มหาเทวาพ้นนิวรณ์และจอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์มองไปที่หานเจวี๋ย นับเป็นการเผยฝั่งออกมาแล้ว

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “พวกท่านสู้กันไปก่อนเถอะ ข้าต้องใช้เวลาอีกสักพัก ช่วงนี้ตบะใกล้ถึงจุดฝ่าทะลวงแล้ว รอข้าทะลวงขั้นสำเร็จจะได้มีโอกาสชนะมากขึ้น”

ฝ่าทะลวงหรือ

ผู้สร้างมรรคาทั้งหมดมองไปที่เขาด้วยความตกใจ

เจ้านวฟ้าบุพกาลคิดในใจ ‘กำลังจะทะลวงสู่ระยะปลายหรือ เร็วจริงๆ’

เขายังไม่เคยประมือกับหานเจวี๋ยมาก่อน แต่หานเจวี๋ยสามารถข่มจอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์ได้ จะต้องมีตบะระยะกลางแล้วแน่นอน ส่วนระยะปลาย ไหนเลยจะบรรลุได้เร็วปานนั้น

ตอนนี้หานเจวี๋ยก็คงจะฝ่าทะลวงสู่ผู้สร้างมรรคาระยะปลายเท่านั้น

ฟ้าบุพกาลถือกำเนิดมาเนิ่นนาน เจ้านวฟ้าบุพกาลอยู่ในระดับผู้สร้างมรรคามานานเหลือเกิน แค่จะทะลวงขั้นเล็กๆ สักขั้นก็ต้องใช้เวลานับล้านล้านปี หรือถึงขั้นที่อาจจะนานกว่านั้น

ชาตินี้หานเจวี๋ยเพิ่งถือกำเนิดมานานแค่ไหนกันเล่า

ต่อให้โดดเด่นเลิศล้ำเพียงใดก็ต้องมีขีดจำกัดเช่นกัน

เมื่อมหาเทวาพ้นนิวรณ์และจอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์ได้ยิน ก็ทำได้เพียงเข้าร่วมการต่อสู้ด้วย

เจ้านวฟ้าบุพกาลก็ไม่ได้สร้างความลำบากใจให้หานเจวี๋ยเช่นกัน

หานเจวี๋ยแยกตัวไป

เจ้านวฟ้าบุพกาลเอ่ยขึ้นว่า “ไปเถอะ มุ่งหน้าสู่ฟ้าบุพกาล คิดหาทางโยกย้ายเจ้าแดนต้องห้ามอันธการออกมาสู้กันนอกฟ้าบุพกาล”

สี่ผู้สร้างมรรคาไม่ได้คัดค้านใดๆ

พวกเขามุ่งหน้าไปยังฟ้าบุพกาลด้วยกัน ซึ่งก็แปลว่านี่คือครั้งแรกที่พวกเขาจะร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน ต่างฝ่ายต่างก็รู้สึกแปลกประหลาดอย่างยิ่ง

พวกเขาตระหนักถึงข้อหนึ่งขึ้นมาได้ ยุคสมัยอันรุ่งโรจน์สูงส่งของพวกเขากลายเป็นอดีตไปแล้ว

ตอนนี้ยังเป็นถึงขนาดนี้ หากยุคสมัยไร้สิ้นสุดมาถึงจะต้องมีชนรุ่นหลังผงาดขึ้นมามากมายแน่นอน ผู้สร้างมรรคาจะเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากเจ้านวฟ้าบุพกาลฝ่าทะลวงสำเร็จ ผู้สร้างมรรคาก็จะไม่ใช่ตัวตนแข็งแกร่งที่สุดอีกต่อไป สถานะย่อมลดระดับลง

เมื่อนึกถึงจุดนี้ พวกเขาต่างก็รู้สึกเศร้าหมอง

ต่อสู้กันทั้งในทางลับทางแจ้งมาเนิ่นนาน แต่กลับไร้ความหมาย

อีกด้านหนึ่ง

มีอริยะมหามรรคสิ้นชีพอย่างน่าอนาถในปากของอนธการสิ้นแสงมากขึ้นเรื่อยๆ ตบะของอนธการสิ้นแสงก็เพิ่มมหาศาลขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน

การกลืนกินยังคงเป็นวิธีเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างรวดเร็วที่สุดตลอดกาล

สามเทพมารอนธการและเก้ามหาฟ้าบุพกาลยังคงพยายามหาทางต่อกรกับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการอยู่ แต่พวกเขาเข้าประชิดตัวหานเจวี๋ยไม่ได้เลย

แต่ในเวลานี้เอง จู่ๆ หานเจวี๋ยก็ลุกขึ้นมา

เขารับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของเหล่าผู้สร้างมรรคา

ในที่สุดก็มาแล้ว!

เขารอคอยวันนี้มาเนิ่นนานนัก

การต่อสู้กับผู้สร้างมรรคาแบบหนึ่งต่อห้า!

………………………………………………………………

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

Status: Ongoing
ชาติก่อนอายุสั้น ไม่ทันได้ใช้ชีวิต ชาตินี้จึงขอพากเพียรบำเพ็ญเซียน ลาภยศสตรีมีหรือจะสู้การเป็นอมตะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท