ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – บทที่ 1120 สวินเซิ่งจุน

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 1120 สวินเซิ่งจุน

การปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันของผู้แข็งแกร่งลึกลับทำให้ทั่วสนามรบเงียบงัน กลิ่นอายน่าหวาดหวั่นนั้นทำให้พวกเขานึกถึงผู้สร้างมรรคาที่ลงมือก่อนหน้านี้

หรือมีผู้สร้างมรรคาที่อยู่เหนือขึ้นไปจากยอดมหามรรคปรากฏตัวขึ้นมาอีกรายแล้ว!

เขาอยู่ฝ่ายไหนกัน

จนกระทั่งเหล่าผู้ทรงพลังมองเห็นพวกเต้าจื้อจุนทั้งสี่ถึงได้ถอนหายใจเล็กน้อยอย่างโล่งใจ

เป็นพวกเดียวกัน!

หลี่เต้าคงเงยหน้าขึ้น เอ่ยถามเสียงขรึม “แน่ใจหรือว่าเขาจะช่วยพวกเรา”

วาจาเมื่อครู่นั้นทำให้ความรู้สึกไม่ค่อยดีผุดขึ้นมาในใจเขา

เต้าจื้อจุนเอ่ยว่า “อืม น่าจะใช่”

น่าจะหรือ

สีหน้าหลี่เต้าคงมืดมนลงทันที

เสาสำแสงขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เงาร่างผู้ทรงพลังลึกลับก็เด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน มองจากรูปพรรณสัณฐานของเขาแล้วโดยรวมอยู่ในร่างมนุษย์ สูงใหญ่มโหฬารนัก ใหญ่โตยิ่งกว่าเทพมารอนธการทั้งสามในที่แห่งนี้

เป็นครั้งแรกที่อนธการสิ้นแสงเต็มไปด้วยความรู้สึกหวาดผวา มันคำรามเสียงต่ำใส่ผู้ทรงพลังลึกลับรายนั้น ดวงตาทั้งสิบแปดข้างจ้องเขม็งไปในทิศทางเดียว

ไม่นานนัก บุรุษคนหนึ่งในชุดเกราะทอแสงสีเงิน มีเงามายาของโลกขนาดใหญ่ใบหนึ่งลอยอยู่เหนือศีรษะก็กระโจนออกมา ใบหน้าเขาหล่อเหลาทรงอำนาจ ด้านหลังมีทหารเทพนับไม่ถ้วนล่องลอยอยู่ ขนาดและรูปลักษณ์แตกต่างกันไป ทุกย่างก้าวที่เขาเดินแผ่นเงินบนชุดเกราะจะแกว่งไกวตาม เกิดเสียงกระทบที่สั่นสะเทือนวิญญาณแว่วขึ้น ผู้ที่ตบะอ่อนด้อยต่างจิตใจกระสับกระส่าย จิตใต้สำนึกตกอยู่ในความสับสนว้าวุ่น

แต่สรรพสิ่งที่รับชมการต่อสู้ในความฝันกลับไม่เป็นอะไร เพราะมีพลังของหานเจวี๋ยกางกั้นอยู่ ชายเกราะเงินคนนี้ถึงไม่สามารถคุกคามสรรสิ่งทั้งปวงได้

“ข้าคือสวินเซิ่งจุน จดจำนามของข้าไว้ ข้ามาเพื่อให้ความช่วยเหลือพวกเจ้า!”

ชายเกราะเงินเอ่ยอย่างเย่อหยิ่ง มองหยามอนธการสิ้นแสง

เขายกมือขึ้นแล้วซัดออกไป ทหารเทพนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นสู่นภา กลายเป็นเส้นโค้งงดงามนับไม่ถ้วนวาดผ่านอวกาศมืดมิด ราวกับธารดาราจะร่วงหล่น พุ่งทะยานไร้สิ่งกีดขวาง รวดเร็วสุดขีด ทั้งหมดร่อนลงบนร่างของอนธรการสิ้นแสง โถมทับจนอนธการสิ้นแสงร้องโหยหวน

ร่างกายของอนธการสิ้นปรากฏรอยปริร้าวขึ้นเป็นครั้งแรก เลือดสดๆ ไหลทะลักออกมาดั่งมหาสมุทรปั่นป่วน น่ารันทดอย่างยิ่ง

“ผู้สร้างมรรคา!”

หานฮวงจ้องมองสวินเซิ่งจุน สองมือกำแน่น

มีผู้สร้างมรรคาโผล่มาอีกคนแล้ว!

ฟ้าบุพกาลแห่งนี้ซุกซ่อนผู้สร้างมรรคาเอาไว้มากน้อยเพียงใดกันแน่

ไม่ใช่เพียงเขาเท่านั้น ผู้ทรงพลังชั้นแนวหน้ารายอื่นๆ ในฟ้าบุพกาลก็มีความรู้สึกซับซ้อนเช่นกัน

เมื่อย้อนนึกดูแล้ว จู่ๆ พวกเขาก็รู้สึกอับอายไร้ที่ยืนขึ้นมา ต่างนึกว่าตนไร้พ่ายแล้ว ต่อให้มีศัตรูเก่งฉกาจก็ไม่มีทางเหนือไปจากพวกเขามากนัก ไม่คิดเลยว่า…

การโจมตีของสวินเซิ่งจุนเผด็จการอย่างยิ่ง ร่างของอนธการสิ้นแสงเริ่มปริแยก ทำให้สรรพสิ่งตื่นเต้นยินดี

ฟ้าบุพกาลจะรอดแล้วหรือ

อนธการสิ้นแสงรู้สึกทรมาน พลันคลุ้มคลั่งขึ้นมาอย่างเต็มที่ มันคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวใส่สวินเซิ่งจุน รัศมีพลังในกายเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สวินเซิ่งจุนแสดงสีหน้าแปลกใจ จากนั้นก็เอ่ยอย่างเหยียดหยาม “พลังของผู้สร้างมรรคา มิน่าเล่า แต่กายเนื้อของเจ้าไม่อาจรองรับพลังแกร่งกล้าถึงเพียงนี้ไหว!

“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นตัวอะไรก็ตามล้วนต้องตายในวันนี้!”

สวินเซิ่งจุนชูมือขวาขึ้นสูง แสงเจิดจ้าแผ่พุ่งออกมาจากฝ่ามือ สายธารกาลเวลาถาโถมออกมา แม่น้ำยาวสายนี้ก่อตัวเป็นไม้คทาด้ามหนึ่ง ยอดคทาดูคล้ายจันทร์เสี้ยว ตัวคทาดูเหมือนรากไม้ที่ผ่านการเคลือบด้วยโลหะ

คทาด้ามนี้ลอยกลับหัว พลังกาลเวลาไร้สิ้นสุดโจมตีใส่อนธการสิ้นแสง

มิติกาลเวลารวมตัวกันดั่งสายธารสีเงิน พลังรุนแรงเผด็จการเข้าครอบคลุมอนธการสิ้นแสงอย่างไม่อาจสกัดต้านได้ ท่ามกลางสายธารนั้น กายเนื้อของอนธการสิ้นแสงแห้งเหี่ยวลงด้วยความเร็วในระดับที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ดูเหมือนจะแก่ชราลงอย่างรวดเร็ว ไม่ช้าก็เหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก ดูน่าพรั่นพรึงอย่างยิ่ง

สรรพสิ่งตื่นเต้นดีใจขึ้นมา จะชนะแล้วหรือ

แต่ในเวลานี้เอง ผิวพรรณของอนธการสิ้นแสงเริ่มฟื้นฟูกลับมาอีกครั้ง ความเร็วในการฟื้นฟูรวดเร็วกว่าตอนแก่ชราลงก่อนหน้านี้เสียอีก ไม่ถึงสองลมหายใจอนธการสิ้นแสงก็อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อม รัศมีพลังแกร่งกล้ายิ่งกว่าเดิม

“โฮก…”

อนธการสิ้นแสงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว ลำแสงสีดำน่าหวาดหวั่นพุ่งออกมาจากปาก สะเทือนสายธารกาลเวลาสลายไป เข้าโจมตีสวินเซิ่งจุน

สวินเซิ่งจุนขมวดคิ้ว ชูมือซ้ายขึ้นมา ใช้ฝ่ามือสกัดต้านพลังนี้ไว้

“ข้าประเมินเจ้าต่ำไป”

สวินเซิ่งจุนแค่นเสียง เขาสำแดงพลังวิเศษอีกครั้ง

เหล่าผู้ทรงพลังในสนามรบล้วนล่าถอยออกไปหมดแล้ว ยกอนธการสิ้นแสงให้สวินเซิ่งจุนจัดการ

สวินเซิ่งจุนเป็นผู้สร้างมรรคาตัวจริง สามารถสะกดข่มอนธการสิ้นแสงได้สบายๆ แต่ไม่สามารถสังหารอนธการสิ้นแสงลงอย่างสมบูรณ์ได้

พอเห็นฉากนี้ ความรู้สึกของหานฮวงซับซ้อนอย่างยิ่ง

เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้…

ตัวตนที่เขาสร้างขึ้นมากลับแข็งแกร่งกว่าเขา

ต่อให้ได้รับพลังมาจากเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ แต่อาศัยสิ่งใดถึงแข็งแกร่งขึ้นมามหาศาลปานนี้ภายในระยะเวลาสั้นๆ เท่านี้ หรือจะเป็นความห่างชั้นของผู้สร้างมรรคาจริงๆ ขอเพียงก้าวข้ามไปได้ก็สามารถมองหยามทุกระดับที่ต่ำกว่าได้อย่างนั้นหรือ

….

ณ ดินแดนเวิ้งว้าง ภายในอาณาเขตที่ครอบงำด้วยความมืดมิดจากพลังของเทพผู้สร้าง

เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาล มหาเทวาพ้นนิวรณ์ มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญและจอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์ต่างถูกปราณอันธการเข้ารัดพัน ผูกมัดเรียงรายกันอยู่ ขยับเขยื้อนไม่ได้

พวกเขาได้แต่มองเจ้านวฟ้าบุพกาลต่อสู้กับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ

แต่สถานการณ์ไม่น่าชื่นชมเลย เจ้านวฟ้าบุพกาลถูกสะกดไว้อย่างสมบูรณ์

เจ้าแดนต้องห้ามอันธการวางตัวสูงส่งอยู่เบื้องบน มือขวาตวัดคว้าวุ่นวายในอวกาศ พลังวิเศษอันธการต่างๆ ที่เขาเพิ่งสร้างขึ้นโถมเข้าใส่ร่างของเจ้านวฟ้าบุพกาล

เจ้านวฟ้าบุพกาลไม่ทราบเลยว่าถูกสังหารไปมากน้อยเพียงใดแล้ว ยังคงพยายามต่อสู้อย่างยากลำบาก

สู้กันมาจนถึงตอนนี้ เจ้านวฟ้าบุพกาลหมดความคิดจะเอาชนะหานเจวี๋ยให้ได้แล้ว เขาเพียงคิดจะถ่วงเวลาไว้เพื่อสร้างโอกาสให้ฟ้าบุพกาล

พลังของเทพผู้สร้างกลายเป็นลำแสงมืดดำนับไม่ถ้วนร่วงลงไป สะกดข่มเจ้านวฟ้าบุพกาล วิญญาณของเจ้านวฟ้าบุพกาลหลุดลอยไป ก่อตัวสร้างกายเนื้อขึ้นใหม่ เข้าโจมตีจากด้านหลังหานเจวี๋ย

พลังของเจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุดรวมตัวกันกลางสองฝ่ามือของเจ้านวฟ้าบุพกาล หดรวมเป็นพลังที่แข็งแกร่งสุดขีดก่อนที่หนึ่งแสงเจิดจ้าจะแผ่ออกมา อักขระมหามรรคนับไม่ถ้วนพลันระเบิดออก เข้าท่วมทับหานเจวี๋ย

วินาทีต่อมา แสงจ้าและอักขระมหามรรคหดตัวลง ทั้งหมดถูกดูดเข้าสู่มือหานเจวี๋ย

เขากำมือเข้าหากันในทันใด พลังเจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุดถูกขยี้จนแหลก

เจ้านวฟ้าบุพกาลหวาดหวั่นจับใจ

เขาต้องทะลวงระดับแล้วอย่างแน่นอน!

มิใช่ผู้สร้างมรรคาเป็นอันขาด!

วินาทีนี้ จิตใจของเจ้านวฟ้าบุพกาลหมดอาลัยตายอยากแล้ว หยุดมือในทันใด

หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างติดตลก “เหตุใดจึงหยุดมือเล่า”

เจ้านวฟ้าบุพกาลเอ่ยถามเสียงเคร่งขรึม “เจ้าก้าวข้ามผู้สร้างมรรคาไปแล้วใช่หรือไม่”

“ถูกต้อง!”

หานเจวี๋ยมิได้ปิดบัง มาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องปิดบังอีก

เจ้านวฟ้าบุพกาลเงียบไป

หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้ายอมแพ้ ฟ้าบุพกาลของเจ้าจะย่อยยับ เจ้าก็ต้องตายเช่นกัน”

เจ้านวฟ้าบุพกาลหวาดหวั่นใจจริงๆ แต่เขายังคงคิดหาหนทางต่อไป

“เจ้าจะสังหารข้าก็ได้ แต่ละเว้นสรรพสิ่งฟ้าบุพกาลด้วยเถิด” เจ้านวฟ้าบุพกาลเอ่ยเสียงแผ่วต่ำ

สี่ผู้สร้างมรรคาตะลึงงัน ไม่อยากเชื่อว่าเจ้านวฟ้าบุพกาลจะยอมก้มหัว

เหนือกว่าผู้สร้างมรรคาหรือ…

ในใจของพวกเขาก็สิ้นหวังเช่นกัน

ไม่แปลกเลยที่พวกเขาร่วมมือกันแล้วก็ยังเอาชนะเจ้าแดนต้องห้ามอันธการไม่ได้…

เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้…

เจ้าแดนต้องห้ามอันธการเป็นผู้ใดกันแน่

หานเจวี๋ยเอ่ยยิ้มๆ “ฟ้าบุพกาลต้องล่มสลาย”

“เจ้า…”

เจ้านวฟ้าบุพกาลโกรธเคือง เดิมทีเขาชิงชังเจ้าแดนต้องห้ามอันธการนัก แต่พอเห็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการทรงพลังเช่นนี้ก็ไม่กล้าคิดเพ้อฝันอีก ลงมือทันที

หานเจวี๋ยก็ไม่แสร้งออมมืออีก ยกมือตวัดคว้า พลังของเทพผู้สร้างระเบิดอออกมา กฎเกณฑ์เหนือธรรมชาติของเจ้านวฟ้าบุพกาลที่เพิ่งรวมตัวกันสลายออกไป เขาถูกหานเจวี๋ยกระชากเข้ามาอยู่ตรงหน้า

“เจ้านวฟ้าบุพกาล อันที่จริงเจ้าไม่ได้ทำผิดอันใดเลย แต่อ่อนแอเกินไปก็เท่านั้น หากว่าข้าสู้เจ้าไม่ได้ เจ้าก็จะกำจัดข้าเช่นกัน หรือไม่ก็ทำให้ข้ายอมสยบต่อเจ้า ใช่หรือไม่” หานเจวี๋ยจ้องมองเจ้านวฟ้าบุพกาล เอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น

………………………………………………………………

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

Status: Ongoing
ชาติก่อนอายุสั้น ไม่ทันได้ใช้ชีวิต ชาตินี้จึงขอพากเพียรบำเพ็ญเซียน ลาภยศสตรีมีหรือจะสู้การเป็นอมตะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท