ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – บทที่ 1121 ฟ้าบุพกาลสิ้นหวัง เจ้าแดนต้องห้ามไร้พ่าย

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 1121 ฟ้าบุพกาลสิ้นหวัง เจ้าแดนต้องห้ามไร้พ่าย

เมื่อเผชิญกับคำถามของหานเจวี๋ย เจ้านวฟ้าบุพกาลเงียบไป เป็นเช่นนี้จริงๆ ข้อกำหนดพื้นฐานขั้นต้นในการละเว้นผู้สร้างมรรคารายอื่นของเขาคือต้องเป็นตัวตนที่ไม่สามารถคุกคามตนได้

เขาทราบชัดเจนดีว่าทั้งหมดนี้ไม่มีการแบ่งแยกถูกผิด สุดท้ายก็เป็นเขาที่ช้าไปก้าวหนึ่ง ก้ามข้ามผู้สร้างมรรคาไปไม่ได้

เจ้านวฟ้าบุพกาลเอ่ยขึ้นว่า “ในเมื่อเช่นนี้ ข้าก็จะไม่อ้อนวอนอันใดอีก อยากจะปลิดชีพข้าก็เอาเลย อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ระหว่างเจ้ากับข้าเพิ่งจะเริ่มเท่านั้น เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ข้าเคยไร้พ่ายมาก่อน เคยมีตัวตนไร้พ่ายก่อนหน้าข้าเช่นกัน ตอนนี้ตำแหน่งไร้พ่ายตกเป็นของเจ้าแล้ว แต่เจ้าจะครอบครองไปได้นานเพียงใดเล่า”

พอสิ้นเสียง เจ้านวฟ้าบุพกาลเริ่มควบรวมกฎเกณฑ์สูงสุดในทันใด พลังอันน่าหวาดหวั่นรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว

หานเจวี๋ยก็ไม่ขัดขวางเช่นกัน

ตูม!

เจ้านวฟ้าบุพกาลระเบิดกฎเกณฑ์เหนือธรรมชาติด้วยตัวเอง แรงระเบิดรุนแรงสั่นสะเทือนอาณาเขตมืดมิดแห่งนี้ สี่ผู้สร้างมรรคาที่ถูกพันธนาการไว้ร่างแหลกสลายไป

รอจนทุกอย่างกลับเป็นสีขาวโพลนแล้ว หานเจวี๋ยปรากฏกายขึ้น การระเบิดตัวเองของเจ้านวฟ้าบุพกาลไม่กระทบต่อเขาเลย

เขากำมือขวาเข้าหากัน คล้ายจะมีบางสิ่งพุ่งเข้าสู่ฝ่ามือ

เขามองผู้สร้างมรรคาทั้งหมดที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง

ดินแดนเวิ้งว้างกลับสู่ความเงียบสงัด

สี่ผู้สร้างมรรคาเงียบงัน ในใจเปี่ยมความสิ้นหวังไร้สิ้นสุด

แม้แต่เจ้านวฟ้าบุพกาลก็ดับสูญไปอย่างนั้นหรือ

แล้วพวกเขาจะต่อกรกับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการได้อย่างไร

ทันใดนั้น…

หานเจวี๋ยพลันยกมือขึ้น พลังกฎเกณฑ์พื้นฐานของดินแดนเวิ้งว้างลากตัวสี่ผู้สร้างที่ถูกพันธนาการไว้เข้ามาอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดถูกหานเจวี๋ยดูดเข้าสู่ฝ่ามือ

หานเจวี๋ยกำมือเล็กน้อยจากนั้นก็คลายออก จี้หยกสี่ชิ้นปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ ลายสลักในจี้หยกก็คือผู้สร้างมรรคาทั้งสี่

ยามนี้ การร่วมมือต่อสู้ของห้าผู้สร้างมรรคาสิ้นสุดลงแล้ว เจ้านวฟ้าบุพกาลระเบิดตัวเอง สี่ผู้สร้างที่เหลือถูกผนึก

จี้หยกสี่ชิ้นห้อยอยู่ตรงอกของหานเจวี๋ย แผ่ประกายแสงที่แตกต่างกันไป

หานเจวี๋ยหันหลัง มุ่งหน้าไปยังฟ้าบุพกาล

….

ณ ฟ้าบุพกาล ศึกใหญ่ดำเนินมายาวนาน อาณาเขตกว่าครึ่งพังทลายไม่เหลือซาก สรรพสิ่งสิ้นชีพไปนับไม่ถ้วน แรงกรรมปกคลุมตามห้วงอวกาศต่างๆ กลิ่นอายความตายเข้มข้น

ในส่วนลึกของฟ้าบุพกาล ศึกใหญ่ยังคงดำเนินต่อไป

สวินเซิ่งจุนลอยสูงอยู่ด้านบน ยังคงสะกดอนธการสิ้นแสงไว้ได้ แต่สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิดแล้ว

เหล่าผู้ทรงพลังที่เดิมทีตื่นเต้นดีใจกระวนกระวายขึ้นมาอีกครั้ง

สวินเซิ่งจุนแข็งแกร่งมากจริงๆ สะกดข่มอนธการสิ้นแสงมาตลอด แต่ก็ทำได้เพียงสะกดข่มเท่านั้น อนธการสิ้นแสงยังคงทรงพลังถึกทนนัก ไอพิฆาตลอยคลุ้งไม่สลายไป ระหว่างที่ต่อสู้อยู่ อนธการสิ้นแสงแลบลิ้นออกมาเป็นครั้งคราว ตวัดกลืนกินฟ้าดินและอริยะมหามรรคที่ชมการต่อสู้อยู่เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตน

สามเทพมารอนธการและเก้ามหาฟ้าบุพกาลเริ่มหารือแผนรับมือ

ในเวลานี้เอง จู่ๆ ร่างแยกของเจ้านวฟ้าบุพกาลก็สลายไป ทำให้ทุกคนตกตะลึง

จากนั้น เจ้าฟ้าบุพกาลคนอื่นๆ ก็พากันสลายไป ในไม่ช้าก็เหลืออยู่เพียงจ้าวซวงเฉวียน และอวี้ยวน

หวงจุนเทียนขมวดคิ้วเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น”

สีหน้าจ้าวซวงเฉวียนย่ำแย่ ไม่เอ่ยตอบ เขาเป็นเพียงเจ้าอัษฎาฟ้าบุพกาลกลับชาติมาเกิด เจตจำนงหลักไม่ได้ผูกติดกับเจ้านวฟ้าบุพกาล จึงไม่ทราบสถานการณ์ฝั่งเจ้านวฟ้าบุพกาลอย่างชัดเจน อวี้ยวนเองก็ไม่ต่างกัน ทั้งสองล้วนรับรู้ได้ว่าพลังในกายกำลังถูกดึงดูดออกไป ความรู้สึกนี้ทำให้พวกเขาตื่นตระหนก

ไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้น ห้วงมิติฟ้าบุพกาลเริ่มพังทลายลง มิติบิดเบี้ยว ราวกับถูกพายุซัดโถม ทั้งหมดจมดิ่งลง เป็นสถานการณ์ที่แปลกประหลาดอย่างยิ่ง

มหามรรคสามพันวิถีเสียการควบคุม สะบัดไหวอยู่เหนือฟ้าบุพกาลราวกับฝูงมังกรสามพันตัว เจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุดก็หม่นแสงลง ไม่ส่องสกาวศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป

การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดล้วนอยู่ในสายตาของเหล่าผู้ทรงพลัง อย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่สรรพสิ่งก็ตื่นตระหนกแล้ว การพังทลายของฟ้าบุพกาลนำมาซึ่งวันสิ้นโลกของจักรวาลนับไม่ถ้วน

“เกิดอะไรขึ้น”

“หรือเป็นเพราะพลังของสวินเซิ่งจุนกับอนธการสิ้นแสงแกร่งกล้าเกินไป”

“ไม่ถูกสิ พวกเจ้าลืมที่เจ้าแดนต้องห้ามอันธการกล่าวไว้ก่อนหน้านี้หรือ ฟ้าบุพกาลก็ถือกำเนิดจากผู้สร้างมรรคาเช่นกัน หรือว่าผู้สร้างมรรคารายนั้น…”

“เป็นไปไม่ได้…แม้กระทั่งตัวตนที่สร้างฟ้าบุพกาลก็สิ้นชีพเพราะเจ้าแดนต้องห้ามอันธการอย่างนั้นหรือ”

“อย่าคิดเหลวไหลไป บางทียุคสมัยไร้สิ้นสุดอาจจะกำลังมาเยือนแล้ว!”

เหล่าผู้ทรงพลังพากันวิพากษ์วิจารณ์ ความรู้สึกสับสนและกระวนกระวายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเปี่ยมล้นอยู่ในใจพวกเขา

สวินเซิ่งจุนก็สังเกตปรากฏการณ์นี้เช่นกัน เขาขมวดคิ้วแน่น เอ่ยพึมพำ “เกิดอะไรขึ้น ประวัติศาสตร์เปลี่ยนแปลงไปอย่างนั้นหรือ แต่เหตุใดข้าจึงสัมผัสถึงไม่ได้เลยเล่า…

“หรือเป็นเพราะการเข้าร่วมของข้าก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น”

ยิ่งคิดสวินเซิ่งจุนก็ยิ่งไม่สบายใจ แม้แต่อนธการสิ้นแสงก็ยังจัดการไม่ได้ แล้วเขาจะช่วยกอบกู้ฟ้าบุพกาลได้อย่างไร

ไม่ได้การแล้ว!

ต้องเร่งจบศึกโดยเร็ว!

ต้องกำจัดอนธการสิ้นแสง สัตว์ร้ายสุดแข็งแกร่งในตำนานให้ได้ก่อน!

สวินเซิ่งจุนกางสองแขนออก ทหารเทพรอบข้างล้วนมุดแทรกเข้าสู่ชุดเกราะของเขา ตัวเขากลายเป็นกระบี่เทพส่องแสงเจิดจรัสเล่มหนึ่ง โจมตีเข้าใส่อนธการสิ้นแสง

แรงกดดันน่าหวาดหวั่นครอบคลุมไปทั่วฟ้าบุพกาล ทำให้เหล่าผู้ทรงพลังทั้งหมดที่ชมการต่อสู้อยู่ไกลๆ ล้วนหายใจไม่ออก ความหวังอันไร้สิ้นสุดแผ่ซ่านอยู่ในใจของพวกเขา

การโจมตีนี้ต้องสังหารอนธการสิ้นแสงได้แน่!

หากว่าล้มเหลว เช่นนั้นพวกเขาก็จบเห่จริงๆ แล้ว!

ครืน…

สวินเซิ่งจุนโจมตีเข้าใส่อนธการสิ้นแสง แสงเจิดจ้าบาดตาทำให้ทั่วฟ้าบุพกาลสูญสิ้นสีสันไป เหล่าอริยะมหามรรคถูกดีดกระเด็นออกไป

อนธการสิ้นแสงยังคงคำรามอยู่

ทันใดนั้นแสงเจิดจ้าพลันหดตัวลง หานฮวงเพ่งมองออกไป สีหน้าเปลี่ยนเป็นย่ำแย่ขึ้นมาทันที

เห็นเพียงว่ามีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้าอนธการสิ้นแสง มีไอดำปกคลุมร่างกาย มีเพลิงแดงฉานโอบล้อม หากมิใช่เจ้าแดนต้องห้ามอันธการแล้วจะเป็นผู้ใดไปได้

เวลานี้เอง มือข้างหนึ่งของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการกุมอยู่ที่ลำคอของสวินเซิ่งจุน ยกเขาชูขึ้นสูง

ร่างกายของสวินเซิ่งจุนปรับขนาดลงมาจนเท่ากับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ กำลังดิ้นรนอย่างสุดกำลัง

ซูฉีและโจวซ่งต้าเต้าเทียนที่อยู่บนหัวของอนธการสิ้นแสงมองแผ่นหลังของหานเจวี๋ย สีหน้าชีดเซียวลงทันที

หวนนึกถึงวาจาของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการก่อนหน้านี้ หรือว่า…

มีอริยะมหามรรคสังเกตเห็นหานเจวี๋ยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาล้วนตกอยู่ในความสิ้นหวัง

เจ้าแดนต้องห้ามอันธการกลับมาแล้ว!

นี่แปลว่าฟ้าบุพกาลจะถูกทำลายล้าง!

สวินเซิ่งจุนไม่สามารถหนีรอดจากมือของหานเจวี๋ยได้ มือข้างนี้ผสานพลังผนึกอันแกร่งกล้าอย่างยิ่งไว้

เป็นไปได้อย่างไร!

สวินเซิ่งจุนเบิกตากว้าง มองหานเจวี๋ยอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“เจ้า…คือผู้ใด”

สวินเซิ่งจุนถามเสียงสั่น เขาคือผู้สร้างมรรคา นับแต่พิสูจน์ผู้สร้างมาก็ยังไม่เคยตกเป็นรอง

แต่เหตุใดพอเขาอยู่ต่อหน้าคนผู้นี้แล้วกลับไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้าน…

“ถูกต้อง เสียใจด้วยที่ต้องบอกกับพวกเจ้าว่า เจ้านวฟ้าบุพกาล เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาล มหาเทวาพ้นนิวรณ์ มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญ จอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์ห้าผู้สร้างมรรคานี้ตายด้วยน้ำมือข้าแล้ว ไม่มีตัวตนที่แข็งแกร่งกว่ามาช่วยพวกเจ้าได้อีกแล้ว

“พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องดิ้นรนอีก รอรับจุดจบเถอะ”

เสียงของหานเจวี๋ยก้องไปทั่วฟ้าบุพกาล แม้แต่สิ่งมีชีวิตสามัญก็ได้ยินกันถ้วนหน้า

เขากำมือขวาเต็มแรง บดขยี้สวินเซิ่งจุนจนแหลกต่อหน้าต่อตาเหล่าอริยะมหามรรค

มองเผินๆ ดูเหมือนสวินเซิ่งจุนจะร่างแยกวิญญาณสลายไปแล้ว!

แต่หานเจวี๋ยไม่ได้สังหารสวินเซิ่งจุนอย่างสมบูรณ์ เพียงขับไล่วิญญาณของเขากลับไป ออกจากช่วงเวลาปัจจุบันนี้

เขาทราบถึงประวัติฐานะของสวินเซิ่งจุนดี มีความเกี่ยวข้องกับเขาอยู่ ดังนั้นถึงลงมืออย่างมีเมตตา

เมื่อจัดการสวินเซิ่งจุนเสร็จ หานเจวี๋ยหันหลัง มองไปที่อนธการสิ้นแสง

อนธการสิ้นแสงกำลังเลียบาดแผลของตัวเองอยู่ ดูเหมือนลูกสุนัขที่ถูกรังแก

หานเจวี๋ยเพ่งสายตาเล็กน้อย อาการบาดเจ็บทั้งหมดของอนธการสิ้นแสงหายเป็นปลิดทิ้ง

เขามองเหล่าผู้ทรงพลังที่อยู่ด้านหลังอนธการสิ้นแสง เอ่ยด้วยรอยยิ้มเยาะหยัน “พวกเจ้าทำร้ายสัตว์เลี้ยงของข้า เช่นนั้นก็กลายเป็นอาหารของมันให้หมดเถอะ!”

ครั้งนี้ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปอีก

ผู้ทรงพลังทั้งหมดสิ้นหวังแล้ว

ฟ้าบุพกาลจะเป็นเช่นเดียวกับอนธการ สลายหายไปอย่างสิ้นเชิง ส่วนพวกเขาก็หนีไม่พ้นจุดจบที่ต้องดับสูญไป!

………………………………………………………………

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

Status: Ongoing
ชาติก่อนอายุสั้น ไม่ทันได้ใช้ชีวิต ชาตินี้จึงขอพากเพียรบำเพ็ญเซียน ลาภยศสตรีมีหรือจะสู้การเป็นอมตะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท