บทที่ 1130 ดาวเลิศเวทวิถี
วิชายุทธ์ของฉู่เสี่ยวชีเป็นเพียงวิชาที่หานเจวี๋ยสร้างขึ้นมาส่งๆ เท่านั้น แต่พออยู่ในโลกมนุษย์สามัญแล้วนับเป็นวิชายุทธ์ชั้นเลิศแน่นอน หากไม่มีหานเจวี๋ยคอยเทศนาธรรมช่วยเหลือ คนธรรมดาก็ยากจะทำความเข้าใจได้
นักพรตเต๋าชุดเขียวฝึกบำเพ็ญอยู่หลายวันแต่ก็ล้มเหลวตลอด
ทว่าเขาก็ไม่ได้รีบร้อนเลย มีความอดทนยิ่งนัก
ริมลำธารสายหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนัก ฉู่เสี่ยวชีกำลังช่วยทำความสะอาดแผลที่หลังให้ถังหว่านอยู่ ถังหว่านใช้อาภรณ์คลุมทรวงอกของตนไว้ หลังที่เดิมทีสมควรขาวเนียนกลับมีรอยแผลประปรายอยู่ทั่วหลัง เห็นแล้วน่าตกใจ
ถังหว่านใช้วิชาถ่ายทอดเสียงคุยกับฉู่เสี่ยวชี
“พวกเราจะต้องถูกจับไว้เช่นนี้หรือ”
“รอดูไปก่อนเถอะ ตบะเขาสูงเกินไป พวกเราต่อต้านไม่ได้”
“พลังวิเศษของท่านสามารถสังหารศัตรูที่เหนือชั้นกว่าได้มิใช่หรือ”
“เรื่องนั้นข้าเพียงคุยโม้กับเจ้าน่ะ เหนือกว่าสักขั้นสองขั้นก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่อีกฝ่ายเป็นถึงระดับก่อกำเนิดนี่สิ”
“เอาเถอะ”
ทั้งสองตกอยู่ในห้วงความคิด ต่างคนต่างมีความคิดในใจ
ฉู่เสี่ยวชีก็ขมขื่นใจนัก ไม่ทราบว่าท่านปู่จะเป็นอย่างไรบ้าง ท่านปู่ หลานชายท่านกำลังจะตายแล้ว
ในมุมมองของฉู่เสี่ยวชี ขอเพียงท่านปู่ออกโรง ผู้บำเพ็ญก่อกำเนิดคนนี้ต้องตายแน่นอน แต่ที่นี่อยู่ห่างไกลจากถ้ำพำนักของท่านปู่มากเหลือเกิน ท่านปู่ไม่มีทางมาช่วยเขาทัน
ไม่ได้การแล้ว!
ต้องคิดหาทางเอาตัวรอดให้ได้!
ฉู่เสี่ยวชีคิดเงียบๆ เริ่มใคร่ครวญหาวิธี
ในเมื่อสู้ไม่ได้ ก็ได้แต่ใช้เล่ห์กลเท่านั้น
แต่จะเล่นเล่ห์อย่างไรก็เป็นปัญหาลำบากอย่างหนึ่ง
ตกเย็น นักพรตชุดเขียวเรียกตัวฉู่เสี่ยวชีไป ที่แท้นักพรตเต๋าชุดเขียวก็รู้สึกว่าวิชายุทธ์นี้ยากเกินไป ต้องการให้ฉู่เสี่ยวชีช่วยเหลือ
ฉู่เสียวชีนึกดีใจ ได้วิธีแล้ว!
เขาเริ่มผสมเคล็ดจิตมั่วซั่วบางอย่างเข้าไปในวิชายุทธ์ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกจับได้ เขาจึงแอบปรับเปลี่ยนไปทีละนิดๆ
เดิมทีนักพรตเต๋าชุดเขียวก็หนักใจกับความลึกล้ำของวิชายุทธ์นี้อยู่แล้ว มีจุดที่ติดขัดอยู่มากมายเหลือเกิน ดังนั้นจึงไม่ได้สังเกตรายละเอียด
ไกลออกไปร้อยลี้
หานเจวี๋ยเห็นฉู่เสียวชีเล่นลูกไม้ก็อดขบขันไม่ได้ เด็กคนนี้ช่างเสแสร้งมากเสียจริง
ด้วยอยู่ว่างไม่มีอะไรทำ หานเจวี๋ยจึงตัดสินใจจะใช้สวรรค์ประทานโชคสักครั้ง
สวรรค์ประทานโชคจะได้รับทุกสิบล้านปี ยามนี้มีสะสมอยู่ทั้งหมดสี่สิบหกครั้งแล้ว
[เริ่มใช้งานสวรรค์ประทานโชค ผู้มีมหาโชคแต่กำเนิดจะปรากฏขึ้นในหมู่เชื้อสายของท่านแบบสุ่มเลือก]
[เฉินเจวี๋ยเชื้อสายของท่านตื่นรู้ในมหาโชคแต่กำเนิด…ดาวเลิศเวทวิถี]
[ดาวเลิศเวทวิถี: มหาโชคแต่กำเนิด มีพลังเวทให้ใช้อย่างไร้สิ้นสุด ไม่มีวันเหือดแห้ง]
พลังเวทไร้สิ้นสุด ไม่เลวเลย แต่ก็กล่าวได้เพียงว่าดีแค่ในระยะแรกเท่านั้น เมื่อตบะบรรลุถึงระดับหนึ่งแล้วก็จะได้ผลลัพธ์เช่นนี้เหมือนกัน
เขาทำนายดูเงียบๆ เฉินเจวี๋ยอยู่ห่างจากโลกนี้ไปไกลแสนไกล ถูกปิดกั้นไว้ด้วยจักรวาลฟ้าบุพกาลหลายสิบล้านแห่ง ดูเหมือนชาตินี้คงยากจะได้พบพานกับฉู่เสี่ยวชี
ครั้งนี้หานเจวี๋ยไม่คิดจะชุบเลี้ยงผู้ได้รับเลือกจากสวรรค์ประทานโชค ปล่อยให้เฉินเจวี๋ยดำเนินชีวิตไปตามธรรมชาติ
ครั้งต่อไปจะรวบรวมให้ครบร้อยครั้งแล้วค่อยใช้ทีเดียว ให้ตื่นรู้ขึ้นมาในคราวเดียวจากนั้นค่อยรวบรวมเข้ามา ชุบเลี้ยงให้กลายเป็นทัพเทวาแห่งผู้สร้าง!
ยังขาดอีกห้าสิบห้าครั้ง ต้องอีกแค่ห้าร้อยห้าสิบล้านปีเท่านั้น
หานเจวี๋ยทอดสายตาสอดส่องฉู่เสี่ยวชีอีกครั้ง
อีกห้าร้อยล้านปีให้หลัง ฉู่เสี่ยวชีจะกลับชาติมาเกิดอีกกี่ครั้งกัน
พอเห็นฉู่เสี่ยวชีที่มีบุคลิกสดใสเจ้าปัญญาเช่นนั้น หานเจวี๋ยก็รู้สึกหักใจไม่ลงแล้ว
ช่างเถิด เขาวนเวียนกลับชาติมาเกิดมากพอแล้ว สมควรหลุดพ้นจากวังวนทุกข์สังสารวัฏเสียที
หานเจวี๋ยยิ้มน้อยๆ จากนั้นหลับตาลง
….
สองเดือนต่อมา แผนร้ายของฉู่เสี่ยวชีดำเนินต่อไป สภาวะการบำเพ็ญของนักพรตเต๋าชุดเขียวเริ่มผิดปกติขึ้นเรื่อยๆ เขาตระหนักได้ว่าเกิดปัญหาขึ้นแล้ว ไปเอาความกับฉู่เสี่ยวชีทันที บังคับข่มขู่ฉู่เสี่ยวชี
ฉู่เสี่ยวชีคุกเข่าอย่างไร้ศักดิ์ศรียิ่ง หวาดหวั่นเกรงกลัวจนน้ำมูกน้ำตาไหล แสดงฉากนี้ต่อหน้าถังหว่าน ทำให้นักพรตเต๋าชุดเขียวคิดว่าเขาไม่ได้เสแสร้ง ถึงอย่างไรบุรุษก็รักศักดิ์ศรีกันทั้งสิ้น เขาจำต้องคลายความคลางแคลงลง
ช่วยไม่ได้จริงๆ เขาติดอยู่ในขั้นก่อกำเนิดมานานเหลือเกิน ถึงขีดจำกัดสูงสุดแล้ว เขาต้องการวิชายุทธ์ชั้นยอดที่สามารถทะลวงผ่านระดับก่อกำเนิดไปได้
ผ่านไปอีกหนึ่งเดือน นักพรตเต๋าชุดเขียวเกิดจิตมารขึ้น มีไอชั่วร้ายพัวพันอยู่ตรงหว่างคิ้ว ดูราวกับมารร้าย
เขาไปหาเรื่องฉู่เสี่ยวชีอีกครั้ง ครั้งนี้ใช้พลังทรมานฉู่เสี่ยวชีด้วย ฉู่เสี่ยวชีร้องไห้โหยหวน บอกว่าตนก็ฝึกบำเพ็ญมาเช่นนี้เหมือนกัน ครั้งนี้ฉู่เสี่ยวชียังปัสสาวะราดด้วย กางเกงเปียกชื้น ไร้ศักดิ์ศรีอย่างยิ่ง
นักพรตเต๋าชุดเขียวอดสงสัยไม่ได้ หรือว่าวิชายุทธ์จะขัดแย้งกัน
แต่จะให้ยอมแพ้เท่านี้ก็หักใจไม่ลงจริงๆ
หากพลาดโอกาสวาสนาครานี้ไป วันหน้าจะมีหนทางอีกหรือ
ไม่ได้!
จะหลับหูหลับตาเชื่อไม่ได้
ดวงตานักพรตเต๋าชุดเขียวทอแววโหดเหี้ยม เขาตรึงร่างฉู่เสี่ยวชีไว้ เริ่มใช้วิชาลับของตน แยกวิญญาณออกมาผสานเข้าไปในร่างของฉู่เสี่ยวชี ครอบงำความทรงจำของเขา!
หลังจากฉู่เสี่ยวชีถูกตรึงร่างก็ร้องในใจว่าแย่แล้ว
เขาตกอยู่ในความสิ้นหวัง
สมควรตาย
เล่นละครไปมากมายเพียงนี้ ขายหน้าต่อถังหว่านจนไม่เหลือศักดิ์ศรีแล้ว ยังหนีไม่พ้นความตายอีก…
หากรู้เช่นนี้แต่แรกคงสู้กันอย่างซึ่งหน้าไปแล้ว จะได้ตายอย่างมีศักดิ์ศรีหน่อย
ถังหว่านชักกระบี่ออกมา จ่อแทงเข้าไปทางด้านหลังของนักพรตเต๋าชุดเขียว ผลคือถูกพลังเวทของเขาดีดกระเด็นออกไปสำรอกโลหิตออกมา หล่นลงบนพื้นสลบเหมือดไป
ผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานพออยู่ต่อหน้าผู้บำเพ็ญระดับก่อกำเนิดแล้ว ช่างอ่อนแอเหลือเกิน
แสงสีเขียวแผ่ออกมาจากสองเนตรของนักพรตเต๋าชุดเขียว วิญญาณลอยออกมา มุดเข้าสู่หว่างคิ้วของฉู่เสี่ยวชี วินาทีนั้นฉู่เสี่ยวชีหมดสติไป ไหล่ตกคอพับ ตัวคนหมดสติไปอย่างสมบูรณ์
ผ่านไปไม่กี่ลมหายใจ ร่างของนักพรตเต๋าชุดเขียวสั่นสะท้าน เขาเบิกตากว้าง เอ่ยเสียงสั่น “สิ่งใดกัน!”
ตูม!
กายเนื้อของนักพรตเต๋าชุดเขียวระเบิดออก แม้แต่แก่นปราณก็ระเบิดไปพร้อมกัน วิญญาณสลายไปจากโลกนี้
ฉู่เสี่ยวชีทรุดฮวบลงบนพื้น ปราณโลหิตสายแล้วสายเหล่าลอยออกมา รวมตัวเป็นเงาร่างเลือนน่าหวาดหลัว เป็นอนธการสิ้นแสงนั่นเอง
แต่เงาสลัวนี้เลือนหายไปรวดเร็วยิ่ง ราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน
ไกลออกไปร้อยลี้
ข้างกายหานเจวี๋ยคนผู้หนึ่งเพิ่มเข้ามา เป็นสิงหงเสวียน
“ใช่เขาจริงๆ ด้วย”
สิงหงเสวียนร้องจุ๊ๆ ด้วยความแปลกใจ ครึ่งเดือนก่อนนางอยู่ว่างเบื่อหน่ายจึงไปหาหานเจวี๋ย อยากจะออกท่องเที่ยวไปด้วยกัน หานเจวี๋ยจึงเคลื่อนย้ายนางมายังโลกนี้
หานเจวี๋ยไม่ได้ปกปิดเรื่องของฉู่เสี่ยวชีเลย บอกเล่าให้นางรู้
สิงหงเสวียนถึงกระจ่างขึ้นมาในทันที มิน่าเล่าในช่วงเวลานั้นนางถึงมีความรู้สึกประหลาดต่ออนธการสิ้นแสง หลังจบเรื่องหานเจวี๋ยไม่ได้สังหารเขา ที่แท้ก็เป็นเพราะแบบนี้
“นิสัยของเด็กคนนี้แตกต่างไปจากลูกๆ ของท่านอย่างสิ้นเชิงเลย”
สิงหงเสวียนทอดถอนใจ ฉู่เสี่ยวชีบังคับให้ตัวเองปัสสาวะออกมา ทำให้นางได้เปิดโลกนัก
หานเจวี๋ยเอ่ยยิ้ม “เพราะแตกต่างถึงได้น่าสนใจ”
“ท่านวางแผนจะอยู่กับเขาไปตลอดหรือ”
“อืม สักพักปีกระมัง”
“จุ๊ๆ ไม่คิดเลยว่าท่านจะเป็นพวกชอบโอ๋หลาน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าจะออกไปเที่ยวเล่นแถวนี้สักสองสามปีก่อน ผ่านไปสักระยะค่อยกลับมาหาท่านอีกที”
สิงหงเสวียนป้องปากยิ้มพลางเอ่ยออกมา หานเจวี๋ยมิได้คัดค้าน ทั้งสองจึงแยกจากกันชั่วคราว
หานเจวี๋ยเข้าไปหาฉู่เสี่ยวชี โบกมือขวาเล็กน้อย ผลัดเปลี่ยนชุดสะอาดให้ฉู่เสี่ยวชี จากนั้นเขาก็นั่งลงริมลำธารเริ่มฝึกบำเพ็ญ
หนึ่งชั่วยามต่อมา ถังหว่านฟื้นขึ้นมาก่อน หลังจากมองเห็นหานเจวี๋ยนางก็สะดุ้งโหยง รีบหยิบกระบี่เตรียมพร้อมต่อสู้
หานเจวี๋ยไม่สนใจนาง ถังหว่านก็ไม่กล้าบุ่มบ่าม นางรีบเข้าไปหาฉู่เสี่ยวชี ตรวจสอบอาการของฉู่เสี่ยวชี
เป็นเพราะการกระทำของนาง ฉู่เสี่ยวชีจึงฟื้นขึ้นมาเช่นกัน
พอเด็กคนนี้ฟื้นก็แหกปากทันที ด่าทอนักพรตเต๋าชุดเขียว ทำตัวราวกับนักเลงในตลาด คำหยาบช้าต่างๆ ถูกพ่นออกมาไม่ขาดปาก
รอจนเขาสังเกตเห็นหานเจวี๋ย เขาพลันตื่นเต้นดีใจ ดันตัวถังหว่านออกไป โผเข้าไปอยู่เบื้องหน้าหานเจวี๋ย เอ่ยคร่ำครวญ “ท่านปู่ ในที่สุดท่านก็มาแล้ว! ท่านต้องช่วยล้างแค้นให้ข้านะขอรับ! หลานถูกเขาทรมานเสียแทบตาย!”
………………………………………………………………