บทที่ 1134 ตัดสินใจเป็นเซียน ความลำเอียงของเทพผู้สร้าง
ฉู่เสี่ยวชีประทับใจรูปลักษณ์ภายนอกของหานทั่ว บุคลิกลักษณะเช่นนี้ต้องเป็นผู้บำเพ็ญที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งแน่นอน เขาตั้งตารอจะได้ฝึกบำเพ็ญกับหานทั่วยิ่งนัก แต่ผ่านไปไม่ถึงวันเขาก็นึกเสียใจภายหลังแล้ว
นี่ใช่การฝึกฝนเสียที่ไหน เป็นการทุบตีกันชัดๆ!
หานทั่วได้ก่อตั้งเขตอาคมขึ้นด้านหลังคฤหาสน์บนเขา พื้นที่ด้านในกว้างใหญ่ยิ่งกว่าโลกสามัญทั้งใบ ถึงแม้ฉู่เสี่ยวชีจะตื่นตกใจ แต่ไม่ได้ตระหนักเลยว่าเขตอาคมนี้กว้างใหญ่มากเพียงใด
ฉู่เสี่ยวชีนอนอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพัง อ้าปากหอบหายใจ เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง สภาพน่าอนาถอย่างยิ่ง
เขามองหานทั่วที่อยู่สูงขึ้นไปในอากาศ แววตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
“ท่านน้า หยุดสักครู่ได้หรือไม่”
“ข้าไม่ใช่ท่านน้าของเจ้า ตอนนี้พวกเราเป็นศัตรูกัน ในสงครามท่ามกลางความเป็นความตาย ศัตรูไม่มีทางปล่อยให้เจ้าได้พัก!”
“แต่พลังวิญญาณข้าหมดเกลี้ยงแล้ว…”
“สิ่งที่ข้าจะสอนเจ้าคือต่อให้พลังวิญญาณหมดเกลี้ยงก็ต้องสู้ตายต่อไป!”
หานทั่วโจมตีเข้าใส่ฉู่เสี่ยวชีอีกครั้ง พลังนั้นน่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง ฉู่เสี่ยวชีคิดว่าหากตนหลบไม่พ้นคงต้องตายจริงๆ แน่ เขาจำเป็นต้องกัดฟันเคลื่อนไหวหลบเลี่ยง
ผ่านไปเจ็ดวันเต็ม ฉู่เสี่ยวชีถึงได้ออกมาจากเขตอาคม
เขาลากสังขารที่เต็มไปด้วยบาดแผลออกไปตามหาหานเจวี๋ย ถังหว่านเห็นสภาพของเขาก็ทนไม่ไหวยกมือขึ้นปิดปากไว้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากเช่นกัน ถึงอย่างไรผู้ที่สอนฉู่เสี่ยวชีก็เป็นบุตรชายแท้ๆ ของหานเจวี๋ย คู่ควรให้วางใจ
ฉู่เสี่ยวชีเข้ามาหาหานเจวี๋ย ร้องห่มร้องไห้ฟ้องถึงความทุกข์ยากที่ตนเผชิญ
ครั้งนี้หานเจวี๋ยไม่ได้ใจอ่อน ไม่ว่าเขาจะเอ่ยโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่เห็นด้วยทั้งสิ้น
ฉู่เสี่ยวชีจากไปอย่างหมดหนทาง
จากนั้นหานทั่วก็เข้ามาหาหานเจวี๋ย ท่าทางเคารพนอบน้อม
เขาไม่กล้าทำตัวกำเริบเสิบสานเหมือนฉู่เสี่ยวชี อยู่ต่อหน้าหานเจวี๋ยเขายังคงมีความรู้สึกห่างเหินอยู่มากนัก เนื่องจากเขามีประสบการณ์มามากมาย ทราบดีว่าหานเจวี๋ยแข็งแกร่งแค่ไหน
หานเจวี๋ยเริ่มเทศนาธรรมให้ สองพ่อลูกไม่จำเป็นต้องสนทนากัน เทศนาธรรมให้โดยตรงต่างหากถึงจะเป็นประโยชน์มากกว่า
เขาใช้พลังแห่งกาลเวลา ทำให้ช่วงเวลาเทศนาธรรมครั้งนี้เป็นเอกเทศจากกาลเวลาภายนอก รอจนหานทั่วสดับธรรมเสร็จ ในโลกความจริงเพิ่งผ่านไปไม่กี่วันเท่านั้น
หานทั่วไปหาฉู่เสี่ยวชีอีกครั้ง ไม่สนใจการขัดขืนของฉู่เสี่ยวชี หิ้วตัวเขาเข้าสู่เขตอาคม
ถังหว่านค่อนข้างเป็นห่วงฉู่เสี่ยวชีจึงไปหาหานเจวี๋ย หานเจวี๋ยเอ่ยปลอบนางไปสองสามประโยค พอนางเห็นว่าเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ไม่ได้ก็ได้แต่ยอมถอดใจ
ครั้งนี้ฉู่เสี่ยวชีอยู่ในเขตอาคมนานมาก แน่นอนว่าเป็นเพราะถูกบังคับ
อยู่มาวันหนึ่ง สิงหงเสวียนกลับมาหา
นางมายังที่พำนักของหานเจวี๋ย โผเข้าหาอ้อมอกเขา ออดอ้อนออเซาะเช่นเดียวกับฉู่เสี่ยวชี เล่าถึงเรื่องราวที่ได้ประสบพบเห็นในช่วงที่ผ่านมา
หานเจวี๋ยรับฟังอย่างมีความอดทน
สุดท้าย สิงหงเสวียนก็สอบถามถึงแผนการที่หานเจวี๋ยวางไว้ให้ฉู่เสี่ยวชี การที่เรียกตัวหานทั่วมาก็เพียงพอจะแสดงให้เห็นแล้วว่าหานเจวี๋ยให้ความสำคัญต่อฉู่เสี่ยวชี
ฉู่เสี่ยวชีเป็นหลานแท้ๆ เพียงคนเดียวของนาง นางย่อมต้องให้ความสนใจ
หานเจวี๋ยเอ่ยยิ้มๆ “เขามีคุณสมบัติจะกลายเป็นเทพมารอนธการได้”
สิงหงเสวียนมีหน้ายินดี เอ่ยไปว่า “จะไม่บอกเรื่องนี้แก่หานฮวงหรือ”
“ไม่จำเป็น เด็กคนนั้นยุ่งอยู่กับการก่อตั้งอนธการ อีกอย่าง บางทีเขาอาจจะไม่มีเด็กคนนี้อยู่ในใจเลย”
“แต่หากเป็นเช่นนี้ วันหน้าพ่อลูกคู่นี้…”
“หานฮวงจำเป็นต้องได้รับการดัดนิสัยเช่นกัน”
หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างลุ่มลึกมีนัย หากว่าชุบเลี้ยงลูกหลานคนอื่นๆ ให้เหนือล้ำกว่าหานฮวง หานฮวงมีแต่จะขุ่นข้อง แต่หากเป็นบุตรชายที่เขายังคงรู้สึกผิดด้วย นั่นก็จะกลายเป็นอีกเรื่องไป
สิงหงเสวียนเอ่ยยิ้มๆ “ข้าว่าท่านก็แค่โอ๋ฉู่เสี่ยวชีเท่านั้น ไหนเลยจะมีเหตุผลอันใดมากมายปานนั้น”
“ถูกต้อง ก็แค่โอ๋เขาเท่านั้น ข้าคือเทพผู้สร้างแห่งยุคสมัยไร้สิ้นสุด จะโอ๋ใครสักคนต้องคำนึงอะไรมากด้วยหรือ”
“ได้ๆๆ ท่านเก่งกาจที่สุด ข้าเตรียมจะพาถังหว่านคนนั้นไป คุณสมบัติของนางอ่อนด้อยเกินไป อีกไม่ช้าจะไล่ตามเสี่ยวชีไม่ทัน”
“อืม หลังจากเสี่ยวชีออกมาแล้วค่อยให้ถังหว่านบอกลาเขาเถอะ ถือโอกาสกระตุ้นเด็กคนนี้สักหน่อย ให้เขาตั้งใจหมั่นเพียรเข้า”
“สมเป็นท่านจริงๆ”
สิงหงเสวียนก็รู้สึกว่าน่าสนใจเช่นกัน ถึงขั้นที่เริ่มตั้งตารอชมปฏิกิริยาของฉู่เสี่ยวชีแล้ว
ภายในวันนั้น นางไปหาถังหว่าน จากนั้นก็แสดงความสามารถของตนให้เห็นเล็กน้อย ถังหว่านตื่นเต้นยินดีอย่างยิ่ง กราบอาจารย์ทันที
รอจนสิงหงเสวียนบอกว่าจะพาตัวนางไป ในอนาคตจะไม่ได้พบกับฉู่เสี่ยวไปอีกนาน ถังหว่านตื่นตระหนกทันที ตกอยู่ในความลังเล
หลังจากพี่ชายสิ้นชีพไป ฉู่เสี่ยวชีคือญาติเพียงคนเดียวของนาง อีกทั้งนางก็รักใคร่ชื่นชมฉู่เสี่ยวชีที่คอยปกป้องดูแลตนเสมอ แล้วตนจะหักใจทอดทิ้งเขาเพื่อโชควาสนาได้อย่างไร
“แล้วไปเถอะเจ้าค่ะ ข้าไม่อาจแยกจากเขาได้”
ถังหว่านถอนหายใจ ดวงตาฉายแววเด็ดเดี่ยว
เพื่อความรักแล้วถึงกับยอมสละอนาคตความก้าวหน้า นี่เป็นการตัดสินอันยิ่งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัยเลย
นางเองก็มองออกเช่นกันว่าเทพเซียนอย่างหานเจวี๋ยใส่ใจเพียงฉู่เสี่ยวชี นางเป็นแค่ตัวแถมเท่านั้น
สิงหงเสวียนเอ่ยยิ้มๆ “ผู้บำเพ็ญเซียนมีชีวิตยืนยาวนับพันปีหมื่นปี ความห่างชั้นระหว่างพวกเจ้าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ช้าก็เร็วเจ้าจะไล่ตามเขาไม่ทัน”
นางโบกมือขวาคราหนึ่ง ถ่ายทอดความทรงจำส่วนหนึ่งเข้าสู่สมองของถังหว่าน
เป็นฉากในอารามเต๋าแห่งหนึ่ง ตัวนางในวัยชรานอนอยู่บนเตียง เตรียมตัวรอรับวันสิ้นอายุขัยของตน ฉู่เสี่ยวชีที่ยืนอยู่ด้านข้างยังคงหนุ่มแน่นอยู่ ถึงขั้นที่มีความองอาจสง่างามเพิ่มยิ่งขึ้น
พรากจากกันด้วยความตาย
ความทรงจำนี้แสนสั้นนัก ไม่มีคำพูดใดๆ ไร้เสียงแต่กลับก้องกังวานนัก รอจนถังหว่านได้สติกลับมา นางได้รับแรงกระตุ้นอย่างลึกล้ำ มีหยาดเหงื่อผุดพรายเต็มหน้าผาก
สับสนขัดแย้งอยู่นาน ในที่สุดนางก็ตอบตกลง เลือกติดตามสิงหงเสวียนไปฝึกบำเพ็ญ
ครึ่งปีต่อมา
ในที่สุดฉู่เสี่ยวชีก็ออกมาจากเขตอาคม ครั้งนี้ราวกับเขาได้ถอดร่างผลัดกระดูกไปแล้ว เสมือนกระบี่ที่โผล่พ้นฝัก เผยประกายคมกริบ
ครั้งนี้ เขาไม่ได้ไปหานเจวี๋ยแต่ไปหาถังหว่าน แต่พอเข้าไปถึงห้องของถังหว่านเขากลับพบเพียงม้วนหยกฉบับหนึ่ง พอเขาถ่ายเทพลังวิญญาณเข้าไป เงามายาร่างหนึ่งผุดขึ้นมา เป็นถังหว่านนั่นเอง
“พี่เสี่ยวชี ตอนที่ท่านได้เห็นจดหมายฉบับนี้ ข้าก็คงไปแล้ว ข้าได้รับความเมตตาจากเซียนท่านหนึ่ง นางต้องการพาข้าไปฝึกบำเพ็ญในแดนเซียน อันที่จริงข้าชอบพอท่านมาโดยตลอด แต่ดูเหมือนท่านจะไม่ได้ชอบข้ามากขนาดนั้น
“เดิมทีข้าไม่อยากแยกจากท่าน แต่ข้าได้เห็นอนาคตแล้ว หากไร้โชควาสนาข้าก็ไม่อาจไล่ตามท่านได้ทัน ก่อนข้าตายท่านยังคงหนุ่มแน่น ข้าไม่อยากจะเป็นเช่นนั้น ข้าอยากจะเดินเคียงข้างท่านไปในอนาคต”
พอเอ่ยมาถึงตรงนี้ดวงตาถังหว่านก็แดงก่ำแล้ว
ถังหว่านเอ่ยต่อไป “ข้าจะฝึกบำเพ็ญแน่นอน จะไล่ตามท่านให้ได้ แต่มีเรื่องเดียวที่ข้าเสียดายคือไม่ทราบว่าท่านชอบข้าบ้างหรือไม่ ท่านปู่บอกว่าพวกเรามีวาสนาต่อกัน แต่ระหว่างพวกเราจะเป็นไปได้จริงๆ น่ะหรือ
“พี่เสี่ยวชี ไว้พบกันใหม่ในวันหน้า จะต้องได้พบกันแน่นอน ขอเพียงท่านไม่ลืมเลือนข้าไปก็พอ”
ภาพมายาของถังหว่านสลายไป
ฉู่เสี่ยวชียืนอยู่หน้าโต๊ะ ยืนนิ่งเงียบงัน
เวลาผ่านไปหลายวัน ฉู่เสี่ยวชีไม่ออกมาจากห้องของถังหว่านเลย
หานทั่วนั่งอยู่ริมหน้าผา ความคิดล่องลอยไป นึกถึงสตรีนางนั้นที่เคยเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิต คนคุ้นเคยในอดีตจากไปแล้ว เหลืออยู่เพียงความคะนึงหา
เขาสามารถคืนชีพให้คนผู้นั้นได้ แต่เขาคิดว่าคนที่จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาเป็นเพียงคนที่อยู่ในความคาดหวังของเขาเท่านั้น มิใช่คนที่เขาต้องการจริงๆ
ครึ่งเดือนต่อมา ในที่สุดฉู่เสี่ยวชีก็ออกมาแล้ว เขายังคงไม่ไปหาหานเจวี๋ย ไม่ได้ไปสอบถามว่าเซียนที่พาถังหว่านไปเกี่ยวข้องกับท่านปู่หรือไม่ เขามุ่งหน้าไปหาหานทั่ว ฝึกบำเพ็ญต่อไป
ทั้งสองคนเข้าสู่เขตอาคมอีกครั้ง
หานเจวี๋ยออกมาจากเรือน ยืนอยู่ในสวน เสพสุขกับการอาบไล้แสงตะวัน เขาเผยรอยยิ้มออกมา
อยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ เขาเริ่มยืดเส้นยืดสายพลางตรวจกล่องจดหมายไปด้วย
ไม่นานนักเขาก็เห็นจดหมายฉบับหนึ่งที่คู่ควรให้สนใจ
[จี้เซียนเสินศิษย์ของท่านข้ามผ่านห้วงเวลาต้นกำเนิด บ่วงกรรมถูกตัดขาด]
………………………………………………………………