บทที่ 1175 แนวโน้มในอนาคต
หานเหลียงกลับมายังโลกมหามรรคของตน เขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าตนกล่าวอำลาบรรดาท่านย่ามาอย่างไร ตัวเขาเสมือนสูญเสียจิตวิญญาณไปแล้วก็มิปาน
เมื่อกลับมายังวังของตน เขานั่งขัดสมาธิลงในสระวิญญาณ มองดูสองมือของตน
เขารู้สึกสับสน
เขาคิดมาตลอดว่าตนแข็งแกร่งมาก ต่อให้สู้ผู้สร้างมรรคาไม่ได้ แต่ก็ไม่มีทางเลวร้ายไปมากนัก นับตั้งแต่เขาพิสูจน์ยอดมหามรรคสำเร็จ ยังไม่เคยประสบความพ่ายแพ้มาก่อนเลย แต่การต่อสู้กับท่านปู่ในวันนี้…
ห่างชั้นกันมหาศาลเหลือเกิน มหาศาลจนเขาแทบจะปิดกั้นตัวเองไปแล้ว
ในเวลานี้เอง เงาร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นข้างกายเขา
“จิตใจของเจ้าว้าวุ่น เป็นเพราะเหตุใดกัน”
เป็นเสียงของมหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญ
หานเหลียงเอ่ยด้วยความสับสน “มหาเทวา ในมุมมองของเหล่าผู้สร้างมรรคาอย่างพวกท่าน ยอดมหามรรคไม่ต่างจากสรรพสิ่งสามัญเลยใช่หรือไม่”
“แน่นอนอยู่แล้ว ผู้สร้างมรรคาสามารถทำลายล้างสรรพสิ่งและสรรค์สร้างสรรพสิ่งขึ้นได้ตามต้องการ ดูเหมือนจะเป็นเพียงระดับขั้นอย่างหนึ่ง แต่ความจริงแล้วต่างกันราวฟ้ากับเหว หากจะให้แบ่งแยกจริงๆ เกรงว่าคงห่างกันหลายสิบระดับขั้น”
มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญเอ่ยด้วยรอยยิ้ม สุ้มเสียงเจือความภาคภูมิใจไว้รางๆ
ถึงแม้ว่าในมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่เขาจะประสบความพ่ายแพ้ แต่เขายังคงเป็นผู้สร้างมรรคา ไม่มีผู้ใดสามารถสังหารเขาได้ เขาคือตัวตนที่เป็นอมตะไม่มีวันตาย
หานเหลียงถาม “ในหมู่ผู้สร้างมรรคามีแบ่งแย่งระดับพลังแข็งแกร่งอ่อนแอด้วยหรือไม่”
“ย่อมมีแน่นอน เจ้าอยากถามถึงสิ่งใดกันแน่”
“ข้าไปหาท่านปู่มา ประลองกับเขามายกหนึ่ง”
“เจ้า…”
มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญตกใจ เจ้ากล้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ!
รู้ชัดเจนดีว่าท่านปู่เจ้าแข็งแกร่งมาก ยังกล้าไปประลองอีกหรือ
แต่ก็เพราะมีความผูกพันทางสายเลือดกระมัง หากเปลี่ยนเป็นเขา ถ้ามีสิ่งชีวิตอ่อนแอหาญกล้ามาท้าทายเขา จะต้องตายสถานเดียวเท่านั้น
มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญเอ่ยอย่างจนใจว่า “อย่าได้ผยองทะนงตนเกินไปเลย เทียบกับผู้สร้างมรรคาคนอื่นๆ รวมถึงตัวข้าแล้ว ท่านปู่ของเจ้านั้นแข็งแกร่งกว่าตัวตนทั้งปวง”
แข็งแกร่งกว่ามากด้วย!
เขาไม่ใช่ผู้สร้างมรรคาแล้วด้วยซ้ำ!
หลังจากหานเหลียงได้ฟังก็อารมณ์ดีขึ้นมา
เขาพลันกระตือรือร้นสดใส เกิดจิตใจฮึกเหิมต่อผู้สร้างมรรคาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“เช่นนั้นก็ต้องสำเร็จเป็นผู้สร้างมรรคาให้ได้ก่อนสินะ มหาเทวา รีบอธิบายต่อข้าทีเถิดว่าโลกมหามรรคของข้ายังขาดตกบกพร่องสิ่งใดไปบ้าง ต้องทำอย่างไรถึงจะก่อกฎเกณฑ์สูงสุดขึ้นมาได้!” หานเหลียงเอ่ยเร่งเร้า
มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญรู้สึกพอใจขึ้นมา ที่ผ่านมาหานเหลียงเกียจคร้านเฉื่อยชา ทำให้เขาค่อนข้างปวดหัวนัก
เห็นทีว่าเทพผู้สร้างคงสังเกตเห็นจุดนี้เช่นกัน ดังนั้นถึงได้ให้บทเรียนแก่เขาเช่นนี้ ทำให้เขาตระหนักว่าตนยังคงอ่อนด้อยอยู่
มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญเริ่มเทศานาธรรม
ทั่วทั้งยุคสมัยไร้สิ้นสุดมีเพียงหานเหลียงคนเดียวที่ได้รับการปฏิบัติด้วยเช่นนี้ บุกเบิกโลกมหามรรคขึ้นโดยมีผู้สร้างมรรคาคอยช่วยดูแลบ่มเพาะให้ด้วยตัวเอง
แม้แต่มหาเทวาพ้นนิวรณ์ก็ไม่มีทางจะร่วมฝึกบำเพ็ญไปกับอู๋เซียงเทียนเซี่ยเลย
แดนลับเชื่อมวิถีของอู๋เซียงเทียนเซี่ยพัฒนาไปได้ดียิ่ง แต่ก็ยังอยู่ห่างไกลจากผู้สร้างมรรคาไกลลิบลับ อย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่มีผู้ทรงพลังคนใดคิดว่าอู๋เซียงเทียนเซี่ยจะสำเร็จเป็นผู้สร้างมรรคาสามลำดับแรกในยุคสมัยไร้สิ้นสุดได้
….
ห้าร้อยล้านปีผ่านอย่างรวดเร็ว
เมื่อหานเจวี๋ยอายุครบสามพันล้านปีก็ได้รับรางวัลทางเลือกจากระบบอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่มีโอกาสยกระดับความสามารถของระบบเพิ่มเข้ามาอีก เขาเองก็ไม่ได้ติดใจอะไรเช่นกัน
สำหรับตัวเขาในปัจจุบันนี้ ความสามารถของระบบเป็นเพียงของเล่นเท่านั้น มีเพียงความสามารถวิวัฒนาการที่เป็นประโยชน์สำหรับปัจจุบันนี้
ส่วนการยกระดับคุณสมบัติด้วยชิ้นส่วนปฐมยุค ยังคงต้องรอคอยไปอีกเนิ่นนานนับยุคสมัยไม่ถ้วน
ก็มิใช่ว่าระบบจงใจสร้างความลำบากให้เขา แต่ระบบเองก็ต้องใช้เวลาพัฒนาตัวให้แข็งแกร่งขึ้นมาเช่นกัน
คุณสมบัติที่เหนือชั้นกว่าเทพมารปฐมยุค คาดว่าคงสามารถควบคุมดินแดนเวิ้งว้างได้สบายๆ แน่นอน อาจถึงขั้นที่สร้างดินแดนเวิ้งว้างเพิ่มได้ สุดท้ายจะเป็นอย่างไรนั้น ตอนนี้เทพผู้สร้างอย่างหานเจวี๋ยก็ยังคิดไม่ออกเช่นกัน
สวรรค์ประทานโชคของหานเจวี๋ยสะสมได้ทั้งหมดสองร้อยเจ็ดสิบเก้าครั้งแล้ว เขายังไม่คิดจะใช้ แต่จะสะสมไปให้ครบหนึ่งพันครั้งแล้วค่อยใช้รวดดียว
ใช้สวรรค์ประทานโชคทุกสิบล้านปี ต้องใช้เวลาหมื่นล้านปีถึงจะสะสมได้ครบหนึ่งพันครั้ง
สำหรับตัวเขาในปัจจุบันนี้กาลเวลาผ่านไปเร็วขึ้นเรื่อยๆ หมื่นล้านปีก็ไม่ได้ยาวนานมากนัก
หานเจวี๋ยสอดส่องดูดินแดนเวิ้งว้าง อนธการก่อกฎเกณฑ์สูงสุดขึ้นมาได้ห้าสายแล้ว บรรพชนเต๋าก็มีห้าสายเท่ากัน ด้วยรูปการณ์นี้ อนธการมีแววจะแซงหน้าฟ้าบุพกาลไปได้
เหล่าผู้ทรงพลังในยุคสมัยไร้สิ้นสุดก็ให้ความสนใจกับกฎเกณฑ์สูงสุดของโลกมหามรรคทั้งสองแห่งเช่นกัน วัดจากจำนวนก็สามารถตัดสินได้แล้วว่าผู้ใดจะเข้าเส้นชัยได้เป็นผู้สร้างมรรคาก่อนกัน
นอกจากพวกเขาแล้ว ขณะนี้ยังไม่มีผู้ทรงพลังคนอื่นที่มีสามารถช่วงชิงโอกาสในการสำเร็จเป็นผู้สร้างมรรคารายแรกของยุคสมัยไร้สิ้นสุดได้
ตอนนี้หานหลิงเพิ่งจะก่อกฎเกณฑ์สายที่สองเท่านั้น มีผู้ที่ไล่ตามกันมาติดๆ คือบรรพชนเทพปฐมกาล เทพมหาทัณฑ์ เทวีตราวินัยและพวกจ้าวเซวียนหยวน เหล่าผู้ทรงพลังยุคแรกของยุคสมัยไร้สิ้นสุด
หานเจวี๋ยสอดส่องดูพวกจี้เซียนเสินทั้งสาม พวกเขาหยุดชะงักอย่างสิ้นเชิงแล้ว ตอนนี้ฝึกบำเพ็ญอยู่ในห้วงเวลาต้นกำเนิด การเข้าแทรกแซงของหานเจวี๋ยทำให้พวกเขาทั้งสามรอดพ้นความตายมาได้
สุดท้ายก็ยังคงเป็นลูกศิษย์ ศิษย์หลานและหลานชายของตนอยู่ดี หานเจวี๋ยจึงเหลือความเมตตาเสี้ยวหนึ่งไว้ให้
ส่วนฉู่เสี่ยวชี ตอนนี้พำนักอยู่ในอนธการ บุกเบิกโลกมหามรรคของตนขึ้นมาแล้วเช่นกัน อยู่ไม่ไกลจากอนธการ
เรื่องที่ควรค่าให้กล่าวถึงคือฉู่เสี่ยวชีและถังหว่านได้พบกันแล้ว
เพียงแต่ทั้งสองยังไม่ได้แต่งงานกัน พวกเขาต่างบรรลุมรรคาแล้ว อารมณ์ความรักมิใช่สิ่งสำคัญอีก แต่ยังคงเป็นเพื่อนคู่คิดกัน แสวงหามหามรรคไปด้วยกัน
กาลเวลาช่างไร้เยื่อใยนัก เพียงพอจะสยบทุกอย่างให้เรียบเฉยได้
หานเจวี๋ยกลับพอใจกับแนวคิดของฉู่เสี่ยวชีมาก หลังจากผสานรวมกับอนธการสิ้นแสง ฉู่เสี่ยวชีก็มิได้ถือโทษต่อหานฮวง สองพ่อลูกยอมรับกันและกัน ความใจกว้างของเขาทำให้หานฮวงรู้สึกละอายใจยิ่งกว่าเดิม คอยดูแลเขาเป็นอย่างดี กลยุทธ์ถอยเพื่อรุกนี้ได้ผลดีอย่างยิ่ง
คุณสมบัติของฉู่เสี่ยวชีได้รับการปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มที่แล้ว ประกอบกับได้รับสวรรค์ประทานโชค แม้ว่าจะไล่ตามไปอยู่ในผู้สร้างมรรคารุ่นแรกไม่ทัน แต่ยังมีโอกาสจะติดโผกลุ่มผู้สร้างมรรคารุ่นที่สอง
ขอเพียงหานเจวี๋ยไม่เข้าแทรกแซง ในอนาคตจะมีผู้สร้างมรรคาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ถึงจะมากเพียงใดก็ยังมีขีดจำกัดอยู่
จากการประเมินของหานเจวี๋ย ดินแดนเวิ้งว้างรองรับผู้สร้างมรรคาได้มากที่สุดสี่สิบเก้าราย
นี่เป็นขีดจำกัดแล้ว!
ดินแดนเวิ้งว้างในขณะนี้ไม่อาจยกระดับไปอีกได้แล้ว แม้จะกว้างไกลไร้ขอบเขต แต่ความสามารถในการรองรับของกฎเกณฑ์พื้นฐานก็ยังมีขีดจำกัดอยู่
ความเป็นอมตะมิวางวายที่เหล่าผู้สร้างมรรคากล่าวถึงมาจากข้อผูกมัดของกฎเกณฑ์พื้นฐาน
หากไม่มีเทพผู้สร้างอย่างหานเจวี๋ยถือกำเนิดขึ้น อาจจะมีผู้สร้างมรรคาได้มากกว่านี้
“ดูเหมือนจะมีเพียงข้าเท่านั้นที่สามารถทำลายสภาวะหยุดชะงักของดินแดนเวิ้งว้างได้”
หานเจวี๋ยยิ้มออกมา สายตาทอดมองไปยังโลกปฐมยุค
ความเร็วในการขยายตัวของโลกปฐมยุคน่าเหลือเชื่ออย่างยิ่ง มีขนาดใหญ่โตเทียบเท่าอนธการนับล้านแห่งแล้ว ทิ้งห่างไปมากขึ้นเรื่อยๆ ต้องทราบก่อนว่าเมื่อเทียบกับฟ้าบุพกาลแล้วอนธการในยุคนี้ไม่ได้ใหญ่ไปกว่ากันนัก
แต่มีข้อหนึ่งที่มั่นใจได้ ในอนาคตจะต้องเกิดศึกระหว่างหานเจวี๋ยและสรรพสิ่งขึ้นแน่นอน
โลกปฐมยุคจำเป็นต้องกลืนกินโลกมหามรรคแห่งอื่นๆ หากยอมจำนนแต่โดยดีก็ดีไป แต่หากว่าไม่ยอม ก็ทำได้เพียงมาท้าทายอำนาจของหานเจวี๋ยเท่านั้น
หานเจวี๋ยตั้งตารอคอยอย่างยิ่งว่าเมื่อถึงเวลานั้นสรรพสิ่งจะทำอย่างไร
[เจ้านวฟ้าบุพกาลต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]
แจ้งเตือนแถวหนึ่งเด้งขึ้นมาตรงหน้า หานเจวี๋ยเลือกยอมรับเงียบๆ
แดนความฝันคืออาณาเขตเต๋าของเจ้านวฟ้าบุพกาล อยู่ใต้มหาพฤกษาไร้ขอบเขตต้นหนึ่ง
เมื่อได้พบหานเจวี๋ย เจ้านวฟ้าบุพกาลทำความเคารพก่อน จากนั้นก็เอ่ยว่า “เทพผู้สร้าง ระยะนี้ในช่วงที่ข้าฝึกบำเพ็ญได้ฝันถึงชายผมขาวคนนั้นอีกแล้ว ครั้งนี้ได้เบาะแสเพิ่มขึ้นมาบางส่วนขอรับ”
หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว เอ่ยถามไป “เบาะแสอะไร”
เจ้านวฟ้าบุพกาลตอบว่า “เขาอ้างว่าตนก็คือเทพผู้สร้างแห่งดินแดนเวิ้งว้าง ท่านเพียงเข้ามายึดเอาตำแหน่งของเขาไป หากมองจากคำพูดนี้แล้ว เขาน่าจะยังไม่ถือกำเนิดขึ้นหรืออาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเจตจำนงดั้งเดิมของดินแดนเวิ้งว้าง ฟ้าบุพกาลสามารถให้กำเนิดเจตจำนงได้ ดินแดนเวิ้งว้างก็น่าจะทำได้เช่นกันขอรับ”
………………………………………………………………