ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – บทที่ 1191 เจ้าศักดามหาชะตา

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 1191 เจ้าศักดามหาชะตา

หานเจวี๋ยออกท่องอาณาเขตกฎเกณฑ์พื้นฐานต่อไป จิตรับรู้ที่มีรูปลักษณ์แล้วของหานเหลียงก็เป็นกฎเกณฑ์พื้นฐานพิเศษอย่างหนึ่งเช่นกัน เขาเพิ่งจะตระหนักบางสิ่งขึ้นมา ความเข้าในใจกฎเกณฑ์พื้นฐานพิเศษลึกชึ้งยิ่งขึ้น

สิ่งที่เรียกว่ากฎเกณฑ์พื้นฐานพิเศษก็คือกฎเกณฑ์ที่วิวัฒนาการขึ้นมาจากหมู่กฎเกณฑ์พื้นฐาน ตัวเขาเองมีองค์ประกอบของกฎเกณฑ์แห่งดินแดนเวิ้งว้างอยู่เช่นกัน

หากต้องการหนีให้พ้นจากดินแดนเวิ้งว้าง หานเจวี๋ยคิดวิธีการอย่างหนึ่งได้แล้ว

ดินแดนเวิ้งว้างอาจจะเป็นทุกสิ่งจริงๆ เดิมทีก็ไม่มีโลกภายนอกอยู่แล้ว แต่ดินแดนเวิ้งว้างสามารถขยายตัวได้ เขาเองก็สามารถสร้างโลกภายนอกขึ้นได้เช่นกัน ถ้าจะออกจากดินแดนเวิ้งว้างก็มีแต่ต้องควบคุมกฎเกณฑ์พื้นฐานให้ได้เท่านั้น!

หลังจากหานเจวี๋ยได้แนวทางแล้วก็ยิ่งมุ่งมั่นมากขึ้นกว่าเดิม

ส่วนเรื่องในโลกความเป็นจริง เขาไม่กังวลเลยสักนิด ในอาณาเขตเต๋าทั้งสามของเขาล้วนมีร่างแยกอยู่ ซ้ำยังมีร่างแยกที่อยู่ในห้วงเวลาต้นกำเนิดด้วย ยิ่งมีเจตจำนงนับไม่ถ้วนที่ซุกซ่อนอยู่ตามมุมต่างๆ ปัจจุบันนี้ไม่มีทางที่จะปรากฏสถานการณ์ที่มีตัวตนเช่นเดียวกับเจ้านวฟ้าบุพกาลที่สามารถฉวยโอกาสบุกเข้ามากวาดล้างเหล่าศิษย์ในสำนักซ่อนเร้นได้

เขาทุ่มสมาธิไปกับการตระหนักทำความเข้าใจ

หานเหลียงติดตามท่านปู่ไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาก็ไม่กล้ารบกวนเช่นกัน พอค่อยๆ ติดตามไปดูเหมือนเขาจะเริ่มมองเห็นเส้นแสงที่พุ่งผ่านรอบข้างไปมาอย่างรวดเร็วชัดเจนขึ้นแล้ว

ดูเหมือนว่าสามารถดูดซับได้!

….

ณ ตำหนักพ้นนิวรณ์ ผู้สร้างมรรคาทั้งหลายมองขึ้นไปด้านบนด้วยความโกรธเกรี้ยว มองเห็นว่ามีชายผมขาวคนหนึ่งลอยอยู่ในห้วงอวกาศ

มีรูปสลักเทพมารสามร่างลอยอยู่ด้านหลังชายผมขาวคนนี้ พอเพ่งมองอย่างละเอียดแล้วดูคล้ายคลึงกับสามเทพมารอนธการนัก แต่ก็ลับมีจุดที่ค่อนข้างแตกต่างกันอยู่

เขาก็คือชายผมขาวที่หานเจวี๋ยและเจ้านวฟ้าบุพกาลเคยนิมิตถึงมาก่อน

เทพผู้สร้างเร้นกายไปหลายหมื่นล้านปีแล้ว ยุคสมัยไร้สิ้นสุดเปลี่ยนแปลงไปเฟื่องฟูขึ้นอย่างยิ่ง ทุกยุคสมัยจะมีบุตรแห่งสวรรค์ปรากฏขึ้นมามากมาย ชายผมขาวผงาดขึ้นมาได้อย่างไร เหล่าผู้สร้างมรรคาก็ทำนายได้ไม่กระจ่างเช่นกัน ยามที่พวกเขาตระหนักได้ถึงภัยคุกคามจากคนผู้นี้ก็สายเกินไปแล้ว

ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงแสนล้านปี ชายผมขาวผู้นี้ก็พิสูจน์ผู้สร้างมรรคาสำเร็จแล้ว ขนานนามตนว่าเจ้าศักดามหาชะตา

ก่อนที่เจ้าศักดามหาชะตาจะพิสูจน์ผู้สร้าง เขาเป็นคนที่มีนิสัยอ่อนโยนหาได้มีบุคลิกเช่นนี้ไม่ หลังพิสูจน์มรรคสำเร็จก็หมายตาสามเทพมารอนธการ ต้องการดูดซับพวกเขาเพื่อยกระดับคุณสมบัติ ผลลัพธ์คือกลายเป็นเช่นในตอนนี้ไป มองเผินๆ แล้วดูคล้ายมารร้าย ไม่มีบารมีไพศาลเยี่ยงผู้สร้างมรรคาเลย

“พวกเจ้าช่างโง่เง่าจริงๆ คิดไม่ถึงเลยกระมังว่าเหนือตำหนักพ้นนิวรณ์จะซ่อนโลกอีกใบเอาไว้ด้วย”

ก่อนหน้านี้เกิดสงครามอันดุเดือดยกหนึ่งขึ้น เหล่าผู้สร้างมรรคาร่วมมือกันแล้วก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าศักดามหาชะตาเลย

หลังจากผสานรวมสามเทพมารอนธการเข้าไป พลังของเจ้าศักดามหาชะตาแข็งแกร่งขึ้นมากเกินไปแล้วจริงๆ

เจ้านวฟ้าบุพกาลเอ่ยเสียงขรึม “ขอกล่อมให้เจ้ากลับตัวเสีย เจ้าดูดกลืนหานฮวงเข้าไป เทพผู้สร้างไม่มีทางละเว้นเจ้าแน่”

หานทั่ว หานหลิง ลี่เหยารวมถึงเหล่าผู้สร้างมรรคาจากสำนักซ่อนเร้นล้วนมองเจ้าศักดามหาชะตาด้วยแววตาที่เปี่ยมเจตนาสังหาร พวกเขาไม่ประสบกับความรู้สึกไร้กำลังเช่นนี้มานานมากเหลือเกิน

“เทพผู้สร้างหรือ นับตั้งแต่ข้าถือกำเนิดขึ้นมาก็ไม่เคยพบเห็นเขาเลย เขามีตัวตนอยู่จริงๆ น่ะหรือ”

เจ้าศักดามหาชะตาแค่นเสียง จากนั้นเขาโบกมือคราหนึ่ง ชั้นปราณสีม่วงปรากฏขึ้นเหนือตำหนักพ้นนิวรณ์ แบ่งแยกดินแดนเวิ้งว้างออกเป็นสองส่วน

จอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์สำแดงพลังเวท พลังเวทอันน่าหวาดหวั่นระเบิดตัวขึ้น ทว่าไม่สามารถสะเทือนชั้นปราณสีม่วงได้เลย

ผู้สร้างมรรคาที่เหลือก็พากันลงมือเช่นกัน ชั้นปราณสีม่วงเกิดระลอกแสงนับไม่ถ้วน ดูราวกับท้องทะเลใต้สายพิรุณ แต่ไม่ว่าพวกเขาจะโจมตีอย่างไรก็ไม่สามารถทำลายชั้นปราณสีม่วงให้พังทลายได้

เจ้าศักดามหาชะตาเงยหน้าขึ้น ยื่นมือออกไปกรีดแยกห้วงมิติจากนั้นก็มุดหายเข้าไป

รอยแยกมิติหดตัวสมานกัน!

เจ้าศักดามหาชะตาปรากฏตัวขึ้นในโลกแห่งหนึ่ง ท้องนภาสีฟ้าคราม ปฐพีเชื่อมเรียงรายลุ่มดอน ราวกับโลกสามัญ ขุนเขาธารางดงามดั่งภาพวาด แต่สิ่งที่ปรากฏต่อสายเขากลับทำให้เขาขมวดคิ้ว

‘เหตุใดสัมผัสถึงกลิ่นอายแห่งกฎเกณฑ์ไม่ได้เลย’

เจ้าศักดามหาชะตาแปลกใจ เดิมทีเขานึกว่าที่นี่จะมีโอกาสวาสนาที่ยิ่งใหญ่กว่าซุกซ่อนอยู่

เขาออกค้นหาโลกใบนี้อยู่นับแสนล้านปี ไม่ยอมล่าถอยหากไม่ประสบความสำเร็จ

เขาเริ่มออกค้นหาภายในโลกใบนี้

ไม่นานนัก เขาร่อนลงหน้าประติมากรรมหินชิ้นหนึ่ง ประติมากรรมหินชิ้นนี้มีหน้าตาเหมือนหานเจวี๋ย

เจ้าศักดามหาชะตาขมวดคิ้ว ยื่นมือไปลูบประติมากรรมหิน

วินาทีนั้น เงามายาร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้น เป็นเจตจำนงเสี้ยวหนึ่งของหานเจวี๋ยนั่นเอง

เจ้าศักดามหาชะตาไม่ถอยหลังเลย แต่เอ่ยถามออกไป “เจ้าคือผู้ใด”

หานเจวี๋ยเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มละไม “เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า”

“ภายในดินแดนเวิ้งว้าง ผู้ที่อยู่เหนือกว่าผู้สร้างมรรคาขึ้นไปก็มีเพียงเทพผู้สร้างในตำนานคนเดียวเท่านั้น เป็นเจ้าอย่างนั้นหรือ”

“อืม”

“ดียิ่ง!”

เจ้าศักดามหาชะตายิ้มออกมา เขายกมือตวัดคว้าไปทางหานเจวี๋ย ทว่ามือของเขากลับทะลุผ่านเจตจำนงของหานเจวี๋ยไป คว้าได้เพียงความว่างเปล่า

หานเจวี๋ยยังคงมองเขาด้วยรอยยิ้ม

เจ้าศักดามหาชะตากำมือขวาเล็กน้อย ตราคำสาปชิ้นหนึ่งผุดออกมาจากกลางฝ่ามือพุ่งเข้าใส่หานเจวี๋ย แต่ยังคงทะลุผ่านไปอยู่ดี ไม่อาจสร้างผลกระทบอันใดได้

“ดูเหมือนเทพผู้สร้างจะมีฝีมือสมคำร่ำลือจริงๆ” เจ้าศักดามหาชะตาแค่นเสียงเอ่ย

แต่เขาก็ไม่ได้ล่าถอยไป ยังคงจ้องมองหานเจวี๋ยอยู่

หานเจวี๋ยถามด้วยรอยยิ้ม “เจ้าอยากดูดซับพลังของข้าเช่นนั้นหรือ”

เจ้าศักดามหาชะตาเอ่ยว่า “ถูกต้อง ทำให้ข้าสมปรารถนาเสียเถิด ดินแดนเวิ้งว้างแห่งนี้ยังไม่ประสบความเปลี่ยนแปลง จำเป็นต้องให้ข้าสร้างความเปลี่ยนแปลงขึ้น ดินแดนเวิ้งว้างที่เจ้านำพามาไม่ได้แตกต่างไปกว่าในอดีตมากนัก คุณความดีของเจ้าเพียงทำให้มีโลกมหามรรคเพิ่มมากขึ้นแต่เรื่องนี้ไม่ได้ส่งผลต่อคุณสมบัติพื้นฐานของดินแดนเวิ้งว้างเลย ข้าตระหนักเข้าใจในกฎเกณฑ์แห่งดินแดนเวิ้งว้าง รู้ว่าจะต้องเปลี่ยนแปลงดินแดนเวิ้งว้างเช่นไร ข้ากำลังดำเนินการสรรค์สร้างอันยิ่งใหญ่อยู่”

หานเจวี๋ยเอ่ยถามต่อไป “เจ้าจะสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างไร”

เจ้าศักดามหาชะตาเอ่ยว่า “ข้าต้องการสร้างโลกที่มีขีดจำกัดขึ้น โลกที่ไร้ขีดจำกัดดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความหวังแต่กลับไร้ความหมาย ฝึกบำเพ็ญเพื่อค้นหาสิ่งที่ไม่หยั่งรู้เดิมทีก็เป็นความผิดพลาดอยู่แล้ว โลกที่ไม่มีการฝึกบำเพ็ญสิถึงจะเป็นโลกแห่งความสุขอย่างแท้จริง สรรพสิ่งเสมอภาค สรรพสิ่งไม่สามารถเข่นฆ่าสังหารกันได้ ไม่สามารถข่มเหงกันและกันได้ สรรพสิ่งอยากทำสิ่งใดก็ได้ทำสิ่งนั้น ไร้ขีดสิ้นสุด ไร้ความเป็นความตาย ไม่เกิดความทุกข์”

หานเจวี๋ยส่ายหน้ากล่าวไปว่า “เช่นนั้นเหตุใดเจ้าถึงกลืนกินสามเทพมารอนธการเข้าไปเล่า”

“เนื่องจากเส้นทางนี้จำเป็นต้องมีผู้เสียสละ ข้าจำเป็นต้องทำให้คุณสมบัติของข้าเหนือล้ำกว่าเทพมารอนธการ เหลือล้ำกว่าเทพผู้สร้าง ขอเพียงได้ดูดซับเจ้าเพิ่มเข้ามา ข้าก็สามารถฝ่าทะลวงต่อไปได้ เติมเต็มความปรารถนาของข้าเสียเถิด เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะคืนชีพให้เจ้า คืนชีพให้เทพมารอนธการ คืนชีพให้แก่สรรพสิ่งที่ข้าสังหารไป”

เจ้าศักดามหาชะตาเอ่ยอย่างจริงจัง น้ำเสียงแฝงความบ้าคลั่งเสี้ยวหนึ่งไว้

หานเจวี๋ยจ้องมองเขาอย่างละเอียด

เจ้าศักดามหาชะตาสบตากับเขาอย่างไม่สะทกสะท้าน

ผ่านไปสักพักหนึ่ง

จู่ๆ หานเจวี๋ยก็ถามขึ้นมา “เจ้ากลัวตายใช่หรือไม่”

เจ้าศักดามหาชะตาผงะไปเล็กน้อย ขมวดคิ้วเอ่ยถาม “หมายความว่าอย่างไร”

หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้ามิใช่สิ่งมีชีวิต เจ้าเพียงอาศัยมาเกิดในร่างสิ่งมีชีวิต ใช่แล้ว ข้าสมควรต้องเรียกเจ้าว่าดินแดนเวิ้งว้างกระมัง”

พอเจ้าศักดามหาชะตาได้ยินก็ถอยหลังไปทันที เป็นครั้งแรกที่มีอาการตระหนกลนลานเช่นนี้

เขาจ้องหานเจวี๋ยเขม็ง

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “เจ้ากังวลว่าโลกปฐมยุคจะกลืนกินดินแดนเวิ้งว้างหรือก็คือกลืนกินเจ้า ดังนั้นเจ้าถึงได้ถือกำเนิดขึ้นมา แต่พลังของเจ้าถูกพลังแห่งกฎเกณฑ์พื้นฐานควบคุมเอาไว้ เจ้าทำได้เพียงส่งเจตจำนงกลับชาติมาเกิด ถือโอกาสในช่วงที่ข้าหายตัวไปหลายหมื่นล้านปี เจ้าถึงได้ค้นพบโอกาส”

สีหน้าของเจ้าศักดามหาชะตามืดมนลง เอ่ยขึ้นว่า “เจ้าถือกำเนิดจากดินแดนเวิ้งว้าง แต่กลับคิดแว้งกัดดินแดนเวิ้งว้าง เจ้าคิดว่าตนทำถูกแล้วจริงๆ น่ะหรือ”

“เจ้าไร้พ่ายแล้ว เจ้าได้ครอบครองอำนาจสูงส่งไร้เทียมทานแล้ว เหตุใดถึงต้องการบรรลุสู่ขั้นต่อไปอีก”

หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ตัวข้าเองก็เป็นเช่นเดียวกับเจ้า กลัวความตาย ข้ากลัวว่าดินแดนเวิ้งว้างจะย้อนกลับมากลืนกินข้า ก็เหมือนเทพมารอนธการและเจ้านวฟ้าบุพกาลก่อนหน้านี้ ถึงแม้ข้าจะแข็งแกร่งขึ้นแต่ดินแดนเวิ้งว้างก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน ในสายตาเจ้าสรรพสิ่งเป็นเพียงตัวเบี้ยมิใช่หรือ”

………………………………………………………………

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

Status: Ongoing
ชาติก่อนอายุสั้น ไม่ทันได้ใช้ชีวิต ชาตินี้จึงขอพากเพียรบำเพ็ญเซียน ลาภยศสตรีมีหรือจะสู้การเป็นอมตะ!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท