ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 701 แคะนิ้วเท้า

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 701 แคะนิ้วเท้า

‘ตึกๆๆ…’

ตำรวจเฉินหันหน้า มองไปยังจุดที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลเท่าไร เห็นเงาร่างของชายชราคนนั้นปรากฏตัวอีกครั้ง ชายชราหลังค่อมมากกว่าเดิม ไม่หลังตรงเหมือนก่อนหน้านี้ และด้านหลังของเขามีควันสีดำลอยขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

“คุณกลับมาทำไมอีก” ตำรวจเฉินถาม

เธอในเวลานี้ ยังคงนอนอยู่บนถนน แต่พื้นที่เขตนี้ดูเหมือนถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควัน ไม่มีใครสังเกตเห็นตรงนี้

ปกติปีศาจที่เก่งกาจนิดหน่อยล้วนสร้างค่ายกลเช่นนี้ได้ สำหรับชายชราที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ยิ่งเป็นเรื่องหมูๆ อีกทั้งเขายังไม่เหมือนกับปีศาจทั่วไป ตัวเขามีความรอบรู้เกี่ยวกับคาถาและค่ายกลต่างๆ อยู่แล้ว การตั้งค่ายกลถือว่าเป็นความสามารถที่มีมาแต่เดิม

“เธอดูไม่ออกเหรอ” เสียงของชายชรามีความเหนื่อยล้าอยู่บ้าง เดินมาที่ข้างกายของตำรวจเฉิน พลางยื่นมือเกาหลังของตัวเอง “ไม่รู้ว่าไปสะกิดคนใหญ่คนโตที่ไหน ถึงตั้งใจลงมือกับฉันเป็นพิเศษ เหมือนกำลังตักเตือน ตัดสิ่งเหล่านั้นของฉันไป”

“ไม่ใช่ฉัน”

“ฉันรู้ว่าไม่ใช่เธอ เธอแสร้งเป็นคนตาบอดมาตั้งนาน เป็นไปไม่ได้ที่จะออกโรงตอนนี้” ชายชรานั่งลง เขาในเวลานี้เหมือนคนน่าสงสารที่ไร้ทางไปมากกว่า แต่ตำรวจเฉินรู้ดี นี่เป็นแค่การแสดงเท่านั้น

ชายชราอาจจะโดนโจมตีจริง แต่กับ ‘ความจนตรอก’ นั้นไม่เกี่ยวข้องกันเลยสักนิดเดียว การแสดงออกก่อนหน้านี้ของเขา อาจจะเป็นเพราะอยากจะเล่นสนุกเท่านั้น หรือไม่ก็เขาไม่อยากแสดง ‘ความกระปรี้กระเปร่า’ ต่อหน้าคนที่เขาดูถูกเท่านั้นเอง

“คุณบอกว่าจะไปแก้แค้นไม่ใช่เหรอ ไปหาร้านหนังสือนั่น”

ชายชราพยักหน้า “ใช่แล้ว เดินไปได้ครึ่งทาง แล้วจึงกลับมา”

“กลับมา”

“ฟังดูแล้ว เหมือนเธอคุ้นเคยกับร้านหนังสือนั่น” ชายชราหันไปทางตำรวจเฉินแล้วถาม

ตำรวจเฉินไม่ตอบ

“ใช่แล้ว สัตว์วิเศษที่สูงส่งจู่ๆ จะมาที่นี่ได้ยังไง แถมยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตำรวจคนหนึ่งของร้านหนังสือนี้เหอะๆ ฉันน่าจะเดาออกนานแล้ว เพียงแต่รู้สึกสงสัยมาก ครั้งที่แล้วคนที่อัดฉันตาย เป็นใครกันแน่”

“คุณไม่รู้เหรอ”

“ฉันไม่รู้จริงๆ ฉันรู้แต่ว่าฉันมาแล้วหลายครั้ง แล้วก็กลับไปหลายครั้ง จำนวนครั้งเยอะเกินไป ทำให้สับสนได้ง่ายฉันรู้สึกว่าฉันไม่ใช่คน”

ฉันรู้สึกว่าฉันไม่ใช่คน นี่คือชายชราพูดพลางชี้นิ้วไปที่จมูกของตัวเอง ทั้งๆ ที่เป็นคำด่าคน แต่เขาพูดกลับมีความสมเหตุสมผล

“บางที ฉันคงไม่ใช่คนจริงๆ ถ้าเป็นคนละก็ ทำไมถึงยังไม่ตายอีก แต่ก็ช่างมันเถอะ ฉันจำไม่ได้จริงๆ ว่าครั้งที่แล้วตายยังไง จำได้แต่ร้านหนังสือนั่นเป็นจุดจบสุดท้ายของฉัน”

“คุณคิดว่าฉันจะบอกอะไรกับคุณ”

“ฉันไม่คาดหวังว่าเธอจะบอกอะไรกับฉัน จริงๆ แล้วการมีตัวตนอยู่อย่างพวกเธอ อยู่เหนือผู้คน ทอดตามองสรรพสัตว์ ได้รับการกราบไหว้จากประชาชน คนอย่างฉันในสายตาของพวกเธอ ไม่ต่างกับคนมีชีวิตตกต่ำบนท้องถนน เหมือนขี้หมากองหนึ่ง พวกเธอรู้สึกเหม็นและสกปรก ดังนั้นจึงขี้เกียจสนใจ”

“คุณยังไม่ได้บอกฉัน คุณกลับมาอีกทำไม”

“ฉันกลัว ฉันกลัวว่าฉันจะถูกตีจนตายอีกครั้ง ถูกตีจนตายจริงๆ แล้วไม่ค่อยเท่าไร ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่ตาย แต่กลับมาอย่างงงๆ สุดท้ายไปที่ร้านหนังสือนั่นอย่างงุนงงเหมือนกัน จากนั้นก็ตายอีก วนซ้ำไปซ้ำมา ฉันไม่ได้กลัวตอนนี้ ฉันกลัวว่าต่อไปฉันจะโง่วิ่งไปตายที่ร้านหนังสือนั่นฟรีทุกครั้งไป เฮ้อ ตายไม่ได้ก็ทรมานมากอยู่แล้ว ยังต้องวนกลับไปกลับมาทุกครั้งแบบนี้ น่าเบื่อชะมัด

เดิมทีนะ ฉันรู้สึกว่าตัวเองมีวิธีใหม่ ครั้งนี้หากไม่ผิดพลาด ตัวเองน่าจะเก่งกว่าครั้งที่แล้วนิดหน่อย แต่กลับถูกตัวตนแสนน่ากลัวจากนรกที่ไม่รู้ว่ามาจากที่ไหน ตัดเส้นเหล่านั้นจนขาดสะบั้น ซึ่งเท่ากับว่าแผนการและค่ายกลที่ฉันวางไว้ก่อนหน้านี้ดำเนินต่อไปไม่ได้ ฉันถึงขนาดรู้สึกว่า เบื้องหลังของร้านหนังสือนั่นมีความน่ากลัวมากใช่หรือไม่”

ตำรวจเฉินเผยแววตาครุ่นคิดออกมา สาเหตุที่เธอมาที่นี่ เข้าสู่ร่างกายนี้ จริงๆ แล้วเพื่อสืบเรื่องร่างแยกของตัวเธอเองที่หายสาบสูญไปที่ทงเฉิง แต่สืบไปสืบมา สิ่งที่ควรค่าต่อการให้ความสนใจ ก็คือร้านหนังสือแห่งนั้น

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ร้านหนังสือนั่นแปลกจริงๆ เถ้าแก่คนนั้นก็ไม่ใช่ยมทูตปกติทั่วไป แต่เธอคิดว่า ร่างแยกของเธอที่หายตัวไปในทงเฉิง ยากยิ่งที่จะเกิดการเชื่อมโยงกันกับอีกฝ่าย เถ้าแก่คนนั้น ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของร่างแยกของเธอ อย่างน้อยที่สุด เป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าร่างแยกของเธออย่างแท้จริง ขณะเดียวกัน เธอคิดว่า คนที่ทำลายร่างแยกของเธอกับคนที่ฆ่าชายชราคนนี้ในครั้งนั้น น่าจะเป็นคนเดียวกัน

“คุณตอนนี้?”

“ถูกตัดขาดแล้ว ดำเนินแผนการต่อไม่ได้ เป็นฝ่ายโจมตีก่อนไม่สำเร็จ จึงได้แต่เป็นฝ่ายนั่งรอ” ชายชรายื่นมือชี้ไปที่โรงพยาบาลที่อยู่ข้างๆ แล้วพูดว่า “ที่นี่ เป็นจุดเริ่มต้นที่ฉันปรากฏตัวในครั้งนี้ ฉันกลับหวังว่า ที่นี่จะกลายเป็นจุดจบสุดท้ายของฉัน แน่นอนว่า ฉันจะไม่พ่ายแพ้ เอ้อๆๆ!!!!” จู่ๆ ชายชราก็ชักขึ้นมา สักพักหนึ่งจึงกลับเป็นปกติ เผยรอยยิ้มดีใจออกมาบนใบหน้า พร้อมกับท่าทางที่พึงพอใจ

“ฮ่าๆๆ ลูกศิษย์คนนั้นของฉันคงคิดถึงอาจารย์ของเขามากจริงๆ มีความกระตือรือร้นมาก!” ชายชราก้มหน้ามองหน้าอกของตัวเอง กระตือรือร้นเกินไปแล้ว ร่างแยกนั่น เกรงว่าจะถูกแทงจนสลายไปแล้ว

“ทำไมพวกเขาถึงมา” จากความเข้าใจของตำรวจเฉินที่มีต่อร้านหนังสือ พวกเขาเหมือนพวกปลาเค็มเป็นอย่างมาก…

“เพราะหลายคนในร้านหนังสือ แล้วก็สัตว์อีกสองสามตัว ล้วนถูกฉันปิดตาหมดแล้ว ฉันยากที่จะอธิบายกับเธอ อ้อไม่ คนอย่างเธอน่าจะเข้าใจ บนโลกนี้ แบ่งเป็นหยินกับหยาง แต่ก็ยังมีด้านอื่นอีก

หากใช้คำพูดของวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน เรียกว่ามิติช่องว่าง ฉันจับพวกเขาเข้าไปขัง เดิมทีอยากจะทรมานพวกเขาช้าๆ แต่ตอนนี้เส้นพวกนั้นถูกใครที่อยู่ในนรกตัดขาดก็ไม่รู้ ฉันจึงฆ่าพวกเขาไม่ได้ แต่พวกเขาก็อย่าคิดที่จะออกมา เว้นเสียแต่ว่า ฉันตาย”

“เป็นฉากที่น้ำเน่าจริงๆ”

“ใช่แล้ว เพื่อช่วยชีวิตเพื่อน จึงเป็นฝ่ายมาสู้กับปีศาจร้ายตัวต่อตัว”

ขณะที่พูด ชายชรายื่นมือวางไปที่ต้นขาของตำรวจเฉิน แต่ไม่ได้ทำกริยาที่หยาบคายอะไร ได้แต่วางอยู่บนนั้นเฉยๆ “มีเพียงขอบเขตของโรงพยาบาลแห่งนี้เท่านั้น ที่ฉันสามารถปิดตาของคนอื่นต่อไปได้ ตอนนี้ถ้าอยู่ไกลเกินไป ก็ทำไม่ได้แล้ว ดังนั้น ตอนที่ฉันเดินได้ครึ่งทาง จึงต้องเดินย้อนกลับมา แล้วก็ยังมีอีกหนึ่งสาเหตุคือ…ฉันทิ้งเธอไม่ได้!” ขณะที่พูด ชายชรายื่นมือจับไปที่เขาบนหน้าอกของตำรวจเฉิน แล้วดึงออกโดยตรง

ตำรวจเฉินส่งเสียงอู้อี้ออกมา ร่างกายสั่นสะท้าน

“ดูสิ!” เขาที่อยู่ในมือของชายชรา มีส่วนหนึ่งละลายแล้ว

“เฮ้อ คนที่สูงส่งอย่างพวกเธอ ไม่ใช่สิ่งที่คนต้อยต่ำอย่างฉันจะเข้าใจได้จริงๆ แบบนี้ยังไม่สามารถกักขังเธอได้ ปวดหัวจริงๆ ช่างเถอะ ฉันจะสร้างค่ายกลอีกอันคอยสกัดกั้นเธอสักพักหนึ่งแล้วกัน ฉันจะฆ่าเธอก็ไม่ได้ อยู่ที่นี่ ฉันยังพอปิดกั้นการรับรู้ระหว่างเธอกับร่างจริงของเธอได้บ้าง แต่ถ้าหากฆ่าเธอ มีความเป็นไปได้สูงที่ร่างแยกอีกมากมายจะเข้ามาทันที

คนยิ่งใหญ่อย่างพวกเธอมีความสามารถแข็งแกร่งขนาดนี้ ทำไมถึงชอบทำเป็นคนตาบอดกันนะ” ชายชราใช้มือตบศีรษะของตัวเองอย่างจนใจ “ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจจริงๆ ดูเหมือนฉากหนึ่งในภาพยนตร์สไปเดอร์แมน มีประโยคหนึ่งกล่าวว่า ‘พลังอันยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง’ แต่พอมาถึงพวกเธอ มีพลังที่ยิ่งใหญ่ กลับยิ่งทำเป็นตาบอดมากขึ้น

เหมือนโรงพยาบาลแห่งนี้ เธอลองไปถามคุณตาในซูเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆ หน้าโรงพยาบาล พ่อค้าริมทางบนถนนของกินตรงข้ามโรงพยาบาล กระทั่งไปถามยายแก่ๆ ที่ทำงานในโรงงานกล่องกระดาษข้างโรงพยาบาล พวกเขารู้ไหมว่าโรงพยาบาลนี้เป็นยังไง สิ่งที่เรียกว่าการรักษาด้วยคลื่นแม่เหล็กคือ XX ใช่ไหม คนส่วนใหญ่รู้ กระทั่งมีหลายคนตอนที่พูดถึงโรงพยาบาลแห่งนี้ยังพูดว่าเป็นรังของ XX โดยตรง

แต่ไม่มีประโยชน์ มันยังคงอยู่ที่นี่ ยังคงโฆษณาไปทั่วเหมือนเดิม ยังคงอยู่บนโทรทัศน์ ยังคงถูกสัมภาษณ์ ยังคงถูกยอมรับ เธอคิดว่าตลกไหม

เหอะๆๆ สัตว์วิเศษผู้ยิ่งใหญ่ ท่านเป็นคนฉลาด สติปัญญาของท่าน ทอดข้ามมาตั้งแต่โบราณกาลถึงปัจจุบัน สามารถนั่งอยู่ด้านบน ล้วนเป็นคนฉลาดทั้งสิ้น คนตัวเล็กตัวน้อยระดับล่างยังมองเห็นปัญหา แล้วคนฉลาดมีหรือจะมองไม่ออก” ชายชราใช้แรงจิกผมของตัวเอง “จริงๆ แล้วฉันก็สิ้นหวังเหมือนกัน ฉันไม่โกรธที่พวกเธอแกล้งตาบอด แต่โกรธที่ถ้าหากพวกเธอแกล้งตาบอดแบบนี้ต่อไป ฉันก็ต้องสะบักสะบอมอีก ฉันรู้สึกปลงอนิจจังกับตัวเอง มีชีวิตที่ลำบากเหลือเกิน”

โจวเจ๋อเห็นสวี่ชิงหล่างแทงอาจารย์ของตัวเองไม่หยุด สีหน้าของอาจารย์จากดีใจกลายเป็นตกใจ จากตกใจกลายเป็นชื่นชม เหมือนมองเห็นลูกตัวเองในที่สุดก็โตเสียที หลังจากแทงเสร็จแล้ว อาจารย์จึงกลายเป็นฝุ่นร่วงลงไปบนพื้น แต่รถที่เขาเข็นมายังอยู่ ภาพวาดที่อยู่บนรถ ยังอยู่เช่นกัน

โจวเจ๋อเดินออกมา ถามว่า “เป็นร่างแยกเหรอ” จำได้ว่าครั้งที่แล้วตอนที่เจอชายชราคนนั้น ชายชราคนนั้นเหมือนจะมีร่างแยกหลายร่าง ซัดคนของร้านหนังสือจนอ่วมในหลายๆ จุดพร้อมกัน

“ใช่” สวี่ชิงหล่างพยักหน้า อันที่จริงๆ เขามองออกนานแล้ว ดังนั้นจึงแทงร่างแยกนี้จนเละโดยไม่สนใจอะไร เพื่อระบายอารมณ์

โจวเจ๋อเดินไปข้างรถ หยิบภาพวาดในนั้นขึ้นมาแล้วคลี่ออก ในภาพวาดอันแรก เป็นจิ้งจอกขาวคุกเข่าคำนับโลงศพ เลือดไหลอาบ ในภาพวาดที่สอง เจ้าลิงน้อยถูกเด็กทารกสามขากัดศีรษะ ทรมานสุดขีด

สวี่ชิงหล่างก็เดินเข้ามา แล้วคลี่ภาพวาดออกด้วยเหมือนกัน ในภาพวาดต่อจากนี้ มีเดดพูลยืนอยู่หน้าประตูโบสถ์ถูกแทงด้วยมีดอันแหลมคมมากมายนับไม่ถ้วน หญิงสาวตัวดำนำตัวเองฝังลงดินและข้างๆ ยังมีคุณยายคนหนึ่งหัวเราะเหอะๆ คอยมองอยู่ นอกจากนี้ยังมีพวกเจิ้งเฉียง เยวี่ยหยาอีกด้วย

“หมายความว่ายังไง พวกเขาถูกขังเหรอ” โจวเจ๋อถาม

“น่าจะเป็นการปิดผนึกอย่างหนึ่ง”

“เหลือพวกเราเอาไว้เดี่ยวๆ”

โจวเจ๋อคิดว่า สามารถผนึกคนมายได้อย่างเงียบเชียบเช่นนี้ เขาถามตัวเองดูแล้วว่าแม้แต่ตัวเขาเองคงยากที่จะโชคดี แน่นอนว่า จะสามารถผนึกตัวเขาได้ไหม เถ้าแก่โจวยังมีความมั่นใจที่จะลองท้าทายดูสักครั้งหนึ่ง

“ถ้าไม่เป็นเพราะตัวเขาเกิดปัญหา พอมาถึงพวกเราจึงจำเป็นต้องหยุดลง ไม่อย่างนั้นก็เป็นเพราะเขาจงใจอยากจะเหลือพวกเราไว้เป็นคนสุดท้าย ไม่อยากให้พวกเราตายเร็วเกินไป อ้อ ใช่แล้ว โรงพยาบาลที่อยู่ในภาพวาดนี้ คุณรู้จักไหม”

สวี่ชิงหล่างหยิบภาพวาดขึ้นมา ในภาพวาด ชายชราคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูโรงพยาบาล บนนั้นเขียนว่าโรงพยาบาลรักษาด้วยคลื่นแม่เหล็ก XX

“รู้จัก สองสามปีมานี้เป็นโรงพยาบาลที่ดังมาก มีไว้หลอกเงินคนโดยเฉพาะ”

“เขาน่าจะเรียกให้พวกเราไปที่นั่น คนที่อยู่ภาพวาดเหล่านี้ น่าจะเป็นตัวประกันของเขา”

“ขี่ม้าไปสู้กับมังกรร้าย ช่วยเจ้าหญิงเหรอ”

“อาจจะใช่”

สวี่ชิงหล่างไม่ถามโจวเจ๋อว่าจะไปไหม เพราะไม่มีอะไรน่าถาม อุตส่าห์สะสมร่ำเรียนวิชาอย่างยากลำบาก จะยอมทิ้งไปง่ายๆ แบบนี้ได้อย่างไร มิหนำซ้ำอาจารย์ของตัวเองคนนั้น ก็เป็นอุปสรรคที่ทุกคนต้องเผชิญหน้ายากที่จะข้ามผ่าน

“เอ๊ะ ในนี้ยังมีอีกหนึ่งภาพวาด แทรกอยู่ในช่องว่างนี้” อิงอิงหยิบภาพวาดออกมาจากด้านล่างของรถแล้วคลี่ออก

ภาพที่อยู่ในภาพวาดนี้แตกต่างจากภาพอื่น คนอื่นดูน่าอนาถา คุณสามารถมองออกถึงวิกฤตของเขา กระทั่งสามารถสัมผัสได้ถึงฐานะและสิ่งที่พวกเขาต้องเจอ แต่ในภาพวาดภาพนี้ คุณเห็นเพียงนักพรตเฒ่านั่งอยู่บนยอดเขาเขียวขจีเพียงลำพัง นอนตะแคง ปล่อยให้ลมพัด ขณะเดียวกัน เขากำลังแคะนิ้วเท้าไปด้วย…

……………………………………………………………………….

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท