บทที่ 72 ปรุงกลิ่นหอม สิ่งที่ปรุงคือความรู้สึก
ในใจสวี่รั่วยีรู้สึกน้อยใจ ผ่านไปสักพัก ในดวงตาก็เกิดน้ำตาระรื่นขึ้นมาบาง ๆ ชั้นหนึ่ง
ลี่ถิงเซิ่งจ้องมองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า แล้วก็ไม่รู้ทำไมในอกถึงได้รู้สึกอึดอัดขึ้นมา
กลิ่นน้ำหอมบนตัวสวี่รั่วฉิงรู้สึกฉุนจมูกเล็กน้อย จนทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสะอิดสะเอียนขึ้นมาบ้าง
“ถิงเซิ่ง?” พอสวี่รั่วยีเป็นว่าลี่ถิงเซิ่งไม่ได้รับนมที่อยู่ในมือของเธอไป ความรู้สึกน้อยใจที่อยู่ในใจก็มากขึ้นมาหลายส่วน “ตอนนี้คุณไม่อยากจะเห็นหน้าฉันมากขนาดนี้เลยเหรอคะ? ถ้าหากว่าฉันทำอะไรผิดไป……”
แล้วแก้วนมที่อยู่ในมือของสวี่รั่วยีก็ถูกชายหนุ่มรับไป
นัยน์ตาลึก ๆ ของสวี่รั่วฉิงมีแววดีใจกะพริบขึ้น พอเธอเงยหน้าขึ้นมาก็สบเข้าดวงตาที่เย็นชาของลี่ถิงเซิ่ง
แล้วแววดีใจของเมื่อกี้ก็หายไปในพริบตา
ตอนวินาทีที่ประตูปิดลงนั้น สวี่รั่วยีก็โดนเล็บที่ดูแลรักษาความสวยงามมาอย่างดี จิกเข้าไปในฝ่ามือที่อ่อนนุ่มของเธอ
ลี่ถิงเซิ่งพูดไปเพียงแค่“ขอบคุณ”ประโยคเดียว แล้วก็ไม่แสดงออกอะไรมากอีกเลย!
อย่าพูดว่าปฏิกิริยาที่เขามีต่อเธอจะเปลี่ยนเป็นดีขึ้นเลย นี่มันกลับยิ่งเหมือนกับว่าไปในทิศทางที่ยิ่งห่างออกไปอีก
ห้องสมุดนั้นเงียบสงบมาก เพราะฉะนั้นคำพูดที่ลี่ถิงเซิ่งพูดกับสวี่รั่วยีเมื่อกี้ สวี่รั่วฉิงได้ยินเกือบจะทั้งหมดแล้ว
คิดไม่ถึงว่าความสัมพันธ์ของน้องสาวคนนั้นของเธอกับลี่ถิงเซิ่งจะแย่ขนาดนี้.…..
สวี่รั่วฉิงกัดริมฝีปากของตัวเองเบา ๆ ทีหนึ่ง แล้วเริ่มครุ่นคิดขึ้นมา
หรือว่าที่ลี่ถิงเซิ่งกับสวี่รั่วยีหมั้นกันนั้นจะมีเหตุผลอย่างอื่นด้วย?
ลี่ถิงเซิ่งเอานมเททิ้งไปในกระถางต้นไม้ต้นหนึ่งในห้องหนังสือ แล้วเอาแก้วเปล่ามาวางไว้บนโต๊ะหนังสือ แล้วนั่งกลับไปที่หลังโต๊ะหนังสือ
แล้วเขาก็ใส่หูฟังกลับคืนมา ในน้ำเสียงฟังไม่ออกว่าถึงอารมณ์ใด ๆ “เริ่มประชุมต่อกันเถอะ”
การประชุมในครึ่งหลัง หลัก ๆ คือรวมไปถึงเนื้อหาของการตลาด ซึ่งไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับสวี่รั่วฉิงมากนัก
เธอใส่หูฟังและดื่มด่ำกับเสียงภาษาอังกฤษที่ไพเราะเพราะพริ้งของลี่ถิงเซิ่งไป แล้วก็จดแรงบันดาลใจของตัวเองไว้ในกระดาษจดบันทึกไปด้วย
ถ้าหากจะพูดว่าน้ำหอมที่เธอปรุงจะสามารถทำให้ลูกค้าสัมผัสถึงความสุขได้
งั้นเสียงของลี่ถิงเซิ่งก็สามารถทำให้เธอมีความสุขได้เหมือนกัน
แล้วในช่วงที่ไม่รู้ตัว แรงบันดาลใจของสวี่รั่วฉิงก็เพิ่มขึ้นมาเยอะมาก แล้วก็เขียนลู่ทางของน้ำหอมร่วมชื่อออกมาได้เต็มหน้ากระดาษเลย
ตอนที่น้ำเสียงที่ไม่เกรงใจของลี่ถิงเซิ่งลอยออกมาจากหูฟังนั้น ความคิดของสวี่รั่วฉิงยังคงล่องลอยอยู่
นี่ตกลงเธอเป็นอะไรไป?
ที่ผ่านมาถึงแม้จะเป็นตอนที่แรงบันดาลใจมากแค่ไหนนั้น ก็ไม่เคยจะมากเท่าอย่างแบบวันนี้……
“การประชุมจบไปแล้ว คุณยังเหม่อลอยอะไรอยู่อีก” น้ำเสียงที่บางเบาเรียบเย็นของลี่ถิงเซิ่งเอ่ยเตือนเธอขึ้นมา
สวี่รั่วฉิงเออออไปคำหนึ่ง แล้วก็เอาความคิดของเมื่อกี้โยนออกไปนอกหัวสมอง
“อ๋อ ไม่ได้เหม่ออะไร”
ลี่ถิงเซิ่งหัวเราะพรืดขึ้นมา “เมื่อกี้ตอนประชุมพูดอะไรกันไปบ้าง?”
สวี่รั่วฉิงอ้ำอึ้ง
แล้วลี่ถิงเวิ่งก็หัวเราะอย่างลึกซึ้งขึ้นมา และไม่ได้ให้ความลำบากใจกับสวี่รั่วยีอีก “โครงการน้ำหอมร่วมชื่อนี้คุณรับผิดชอบแค่สามกลิ่นหลักก็พอ อีกสองกลิ่นที่เหลือจะมีหัวหน้าฝ่ายปรุงน้ำหอมของหย่าเฉิงกรุ๊ปมาเป็นผู้รับผิดชอบ”
สวี่รั่วฉิงกะพริบตาเล็กน้อย “ประธานลี่ งั้นก่อนหน้านี้คุณมายังบอกว่าฉันเข้าร่วมด้วยไม่ได้!”
“ล้อคุณเล่นเท่านั้น” น้ำเสียงของลี่ถิ่งเซิ่งราบเรียบ และแฝงไว้ด้วยความขำเสี้ยวหนึ่ง “เข้านอนเร็ว ๆ เถอะ พรุ่งนี้อย่ามาสายล่ะ”
ในใจของสวี่รั่วฉิงมีความอบอุ่นเส้นหนึ่งพาดผ่าน
ดูแล้วลี่ถิงเซิ่งถึงแม้จะฝีปากร้าย แต่ว่าปฏิบัติกับลูกน้อยก็ค่อนข้างห่วงใยอยู่
แต่ใครจะรู้คำพูดต่อมาของชายหนุ่มก็ทำให้ความรู้สึกดีเมื่อกี้ของสวี่รั่วฉิงต้องโยนทิ้งไปจากหัวสมองเลย
“อย่าลืมการแลกเปลี่ยนของคืนนี้ละ น้ำหอมขวดนั้นปรุงได้ยิ่งเร็วยิ่งดี แล้วสำหรับความชอบของคนชรานั้น เดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนมาทำงานผมจะเอาให้คุณ”
สวี่รั่วฉิง “ประธานลี่ คุณนี่เป็นผีทวงหนี้เหรอ?”
“คนที่รับเงินสิบล้านมาแล้ว ไม่มีสิทธิ์มาว่าผมนะ”
สวี่รั่วฉิงถอดหูฟังออก แล้วก็ออกจากประชุมวิดีโอคอลไปเงียบ ๆ
ล้างเครื่องสำอาง อาบน้ำเสร็จ และทำการบำรุงผิวตามปกติทุกวันแล้ว ก็กลับเข้ามาในห้องนอนแล้วก็ทิ้งตัวลงไปบนเตียง
บนหัวเตียงมีแผ่นจดบันทึกแรงบันดาลใจไว้หลายแผ่นที่เพิ่งจดไว้เมื่อกี้ตอนที่ประชุมทับอยู่
แล้วก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร หลังจากที่ฟังเสียงราวกับเชลโล่ของลี่ถิงเซิ่งแล้ว แรงบันดาลใจของเธอก็พุ่งสูงขึ้นมาราวน้ำขึ้นยังไงอย่างงั้น ไหลพุ่งมาแรงมาก
อยู่ ๆ สวี่รั่วฉิงก็นึกถึงคำพูดประโยคหนึ่งที่ป้าหวังเคยพูดกับเธอไว้
ปรุงกลิ่นหอม สิ่งที่ปรุงคือความรู้สึก
ในตอนที่เธอรักใครสักคนเข้า ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็จะเป็นห่วงความรู้สึกของเธอ และก็จะชักนำแรงบันดาลใจของเธอด้วย
สวี่รั่วฉิงเงียบขรึมขึ้นมา
คงไม่หรอกมั้ง หรือว่าหกปีให้หลังแล้วเธอจะค้นพบว่าตัวเองชอบลี่ถิ่งเซิ่งเหรอ?
เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้
สวี่รั่วฉิงปฏิเสธขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
ถ้าหากว่าไม่มีลี่ถิงเซิ่ง เธอก็คงจะไม่โดนสวี่รั่วยีทำร้ายจนถึงตายหรอก
“เฮ้อ……” สวี่รั่วฉิงกอดหมอนไว้แน่น แล้วมุดตัวเข้าไปในผ้าห่ม แล้วคลุมหัวไว้ “นี่ถ้ามีจิ่วเอ๋อร์อยู่ด้วยก็ดีนะซิ”
……
วันรุ่งขึ้น สวี่รั่วฉิงตื่นมาล้างหน้าแปรงฟันแล้วแต่งหน้า พอจ้องมองขอบตาดำของตัวเองในกระจก แล้วก็คลี่มุมปากแกเบา ๆ ทีหนึ่ง
เธอคงจะไม่ถูกชะตากับลี่ถิงเซิ่งจริง ๆ แล้วมั้ง เพราะตั้งแต่ที่มาทำงานที่ลี่ซื่อกรุ๊ป เธอต้องนอนไม่หลับเพราะลี่ถิงเซิ่งมาสองครั้งแล้วนะ
เมื่อวานก็ใช่ ทั้งคืนไม่ได้นอนหลับดี ๆ ทั้งหัวสมองเต็มไปด้วยน้ำเสียงนุ่มต่ำของชายหนุ่มตอนที่ประชุม
สวี่รั่วฉิงตบหน้าตัวเองเล็กน้อย “ควรทำอะไรก็ทำอย่างงั้น ก็แค่ผู้ชายคนเดียวเอง คงจะไม่ต้องมาปวดหัวสมองขนาดนี้หรอกมั้ง”
“ผู้ชายคนเดียวอะไร?” มือซ้ายของสวี่อี้ฝานถือแก้วเอาไว้ แล้วมือขวาก็ชูแปรงสีฟันอยู่ และถามขึ้นอย่างพูดจาไม่ชัดเจน “หรือว่าคุณแม่จะฝันเห็นพ่อแล้วเหรอครับ?”
ดวงตาที่เงียบสงบไร้คลื่นรบกวนของสวี่อี้ฝานมองไปทางสวี่รั่วฉิงทีหนึ่ง
ถึงแม้ว่าสวี่รั่วฉิงจะแกล้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่ต่อหน้าคนอื่น แต่ว่าอยู่ต่อหน้าลูกของตัวเอง โดยเฉพาะต่อหน้าสวี่อี้ฝานนั้น ไม่มีทางแอบซ่อนได้เลยสักนิด
สวี่อี้ฝานแค่จ้องมองแม่ตัวเองทีเดียว ก็รู้แล้วว่าตัวเองเดาถูกแล้ว
“อ๋า นี่ฝันถึงคุณพ่อแล้วจริง ๆ เหรอ?” หลังจากที่สวี่อี้ฝานแปรงฟันเสร็จแล้ว ก็เก็บแก้วน้ำและแปรงสีฟันให้เรียบร้อย แล้วก็อธิบายอย่างละเอียดและเย็นชาขึ้นว่า “ในหนังสือบอกว่านี่เรียกว่ากลางวันคิดถึงกลางคืนฝันหา คุณแม่คงจะไม่ได้ยังรู้สึกอะไรกับคุณพ่ออยู่หรอกนะ?”
สวี่รั่วฉิงงอตัวนั่งลงมา มือทั้งสองข้างดึงแก้มเล็ก ๆ ที่เด้งได้ของสวี่อี้ฝานเบา ๆ
“หนูนี่พูดมากจริง ๆ”
สวี่อี้ฝานยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ดูเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างน่ากลัว
“ช่วยไม่ได้ ผมฉลาดมาตั้งแต่เกิด”
สวี่รั่วฉิง “……” สมแล้วที่สวี่อี้ฝานเป็นลูกชายของลี่ถิงเซิ่งจริง ๆ
สวี่รั่วฉิงทำอาหารเช้าให้สวี่อี้ฝานและสวี่อี้หานตามปกติ แล้วก็ส่งลูกทั้งสองไปโรงเรียนเสร็จแล้ว ถึงจะขับรถไปบริษัทต่อ
พอจอดรถเสร็จ แล้วมาถึงห้องทำงานแล้ว สวี่รั่วฉิงก็เดินมาถึงหน้าโต๊ะทำงาน บนโต๊ะทำงานมีกระดาษโน้ตทับไว้แผ่นหนึ่ง
แค่มองไปสวี่รั่วฉิงก็ดูออกแล้วว่าตัวหนังสือบนกระดาษโน้ตนั้นมาจากลายมือของลี่ถิงเซิ่ง
ตัวหนังสือของลี่ถิงเซิ่งก็เป็นเหมือนอย่างกับตัวของเขา ตวัดงดงามราวกับมังกรกับหงส์และดูมีพละกำลัง
พออ่านดูดี ๆ แล้ว เนื้อหาบนกระดาษนั้นเป็นความชื่นชอบของคนชราตามที่เธอถามไว้เมื่อวานจริง ๆ ด้วย
ดูท่าลี่ถิงเซิ่งจะต้องการน้ำหอมขวดนี้อย่างเร่งด่วนจริง ๆ ด้วย
พอคิดดูครู่หนึ่งแล้ว ก็พอจะเดาได้ว่าคนชราที่ต้องการน้ำหอมคนนี้นั้นคือใคร
หรือว่าจะเป็นคุณย่าของลี่ถิงเซิ่งเหรอ?
ในตระกูลลี่นอกจากย่าของลี่ถิงเซิ่งแล้ว ยังจะมีคนแก่คนไหนที่จะให้ลี่ถิ่งเซิ่งเป็นห่วงได้มากขนาดนี้อีก
สวี่รั่วฉิงเก็บกระดาษโน้ตให้เรียบร้อย พอกำลังจะส่งข้อความให้ลี่ถิ่งเซิ่งว่า ตัวเองก็ได้รับกระดาษโน้ตแล้ว แต่ว่าอยู่ ๆ ก็ตั้งสติกลับมาได้
ทำไมวันนี้ลี่ถิงเซิ่งถึงไม่อยู่ในห้องทำงานล่ะ?
แล้วก็ในเวลานี้พอดี โทรศัพท์ของหลี่อานก็โทรเข้ามา
“อ่อ ผู้ช่วยแอน เมื่อเช้ารีบมากไปหน่อย จนลืมบอกคุณไปว่า ประธานลี่ต้องไปดูงานที่อื่นเป็นเวลาสามวัน! เพราะฉะนั้นช่วยหลายวันนี้คุณก็รีบปรุงน้ำหอมให้เสร็จ กระดาษโน้ตที่ประธานลี่ทิ้งไว้ให้คุณ ผมวางไว้บนโต๊ะของคุณแล้ว ผมวางสายก่อนนะ”
สวี่รั่วฉิงมองดูห้องทำงานที่ว่างไม่มีผู้คน แล้วแววดีใจก็ปรากฏขึ้นมา
กำลังดีเลย เมื่อเทียบกับงานผู้ช่วยแล้ว เธอชอบงานปรุงน้ำหอมมากกว่า!