บทที่ 71 ประธานลี่ คุณชดใช้ชื่อเสียงฉันคืนมาเลย
มีบางครั้งสวี่รั่วฉิงก็คิดว่า ตกลงสวี่รั่วยีนี่ชอบลี่ถิงเซิ่งมากแค่ไหนถึงได้สามารถอดทนต่อฝีปากโหดเหี้ยมของเขาได้
ในอดีตไม่ได้เข้าใจลี่ถิงเซิ่งมากนัก แต่จากที่เธออยู่ข้างกายลี่ถิงเซิ่งยิ่งอยู่ก็ยิ่งนานนั้น ในที่สุดสวี่รั่วฉิงก็เข้าใจแล้วว่าแค่คำพูดประโยคเดียวก็สามารถทำให้คนอัดอั้นจนตายได้ของลูกชายสุดที่รักสวี่อี้ฝานนั้นได้รับการสืบทอดมาจากใคร!
ประธานหย่าเฉิงกรุ๊ปหรี่ตาพิจารณาสวี่รั่วฉิง หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งก็ใช้ภาษาอังกฤษถามขึ้นว่า “คนนี้คือหัวหน้าฝ่ายปรุงน้ำหอมคนใหม่ของลี่ซื่อกรุ๊ปเหรอ? นี่ดูอายุน้อยไปหรือเปล่า? เธอดูไปแล้วเหมือนกับว่ามีอายุแค่ยี่สิบปีเท่านั้นเอง”
สวี่รั่วฉิงยิ้มอ่อน ๆ ขึ้น แล้วใช้ภาษาอังกฤษที่คล่องแคล่วตอบกลับไปว่า “สวัสดีค่ะท่านประธาน ฉันชื่อแอนนาค่ะ ถึงจะดูอายุน้อย แต่ว่าก็จบเอกการปรุงน้ำหอมมาจากสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงของยุโรป ถ้าหากว่าคุณมีความเข้าใจต่อวงการปรุงน้ำหอมของยุโรป ก็น่าจะเคยได้ยินมาแล้วว่าฉันเคยปรุงน้ำหอมเฉพาะให้กับปรมาจารย์หลายต่อหลายท่านมาแล้ว ถึงแม้ว่าฉันอยู่ในวงการน้ำหอมที่เมืองหลินชวนจะยังไม่มีชื่อเสียงอะไรมากนัก แต่ว่าฉันพึ่งใบบุญของประธานลี่ของเรา ได้ทำให้สามีภรรยาฮิลล์รู้สึกพึงพอใจต่อฉันเป็นอย่างมาก ถ้าหากว่าบริษัทของท่านยินดีที่จะมอบโครงการน้ำหอมร่วมชื่อให้กับบริษัทเรา ฉันก็จะต้องส่งกระดาษคำตอบที่ทำให้ทุกท่านพึงพอใจออกมาได้อย่างแน่นอน”
สวี่รั่วฉิงไม่รีบไม่ร้อน แล้วตอบกลับความสงสัยของประธานหย่าเฉิงกรุ๊ปไปอย่างมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม
ความมั่นใจของเธอมาจากความสามารถของเธอ
ในดวงตาของลี่ถิงเซิ่งมีความพึงพอใจมากขึ้นมาหลายส่วน
คุณภาพในจิตใจไม่เลว มาเผชิญหน้ากับผู้บริการระดับสูงของบริษัทต่างประเทศ ก็ยังไม่เกรงกลัวต่อสถานการณ์ ช่างถือเป็นหยกชิ้นงามที่ยังไม่ได้เจียระไนจริง ๆ
ปลายนิ้วมือยาวของลี่ถิงเซิ่งแตะกันอยู่เบา ๆ ริมฝีปากบางขยับขึ้นเบา ๆ “เป็นไปตามที่แอนนาพูดจริง ๆ ความสามารถของเธอผมสามารถยืนยันได้”
ในแววตาที่ประธานของหย่าเฉิงกรุ๊ปที่มองไปที่สวี่รั่วฉิงมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นมาบางส่วน แล้วเขาก็พูดเสียงต่ำลงและสั่งกำชับกับเลขาที่อยู่ข้าง ๆ ไปหลายประโยค
หลายนาทีผ่านไป เลขาก็ไปเอาเอกสารที่ไปตรวจสอบมา “ท่านประธาน คำพูดที่คุณแอนนาพูดมาเมื่อกี้ล้วนเป็นความจริง”
ประธานหย่าเฉิงกรุ๊ปรับเอกสารมา และกวาดดูผ่าน ๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมาพูดกับสวี่รั่วฉิงอย่างนอบน้อมว่า “คุณแอนนา ต้องขอโทษด้วยเป็นอย่างยิ่ง ที่ผมสงสัยคุณในก่อนหน้านี้ ในเมื่อประธานลี่เชื่อมั่นคุณ แล้วก็แนะนำคุณมาให้กับเรา ถ้าอย่างงั้นผมก็จะเชื่อในความสามารถของคุณ”
ดวงตาลูกแอปริคอตที่สว่างไสวของสวี่รั่วฉิงเปลี่ยนเป็นกลมโตขึ้น
นี่ลี่ถิงเซิ่งเป็นคนแนะนำเธอให้กับหย่าเฉิงกรุ๊ปเหรอ?
ประธานของหย่าเฉิงกรุ๊ปจ้องมองไปที่ดวงตาของสวี่รั่วฉิงอย่างลึกซึ้ง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา “ใช่ ประธานลี่เป็นเพื่อนกับผมมานานหลายปี เมื่ออาทิตย์ก่อนพวกเราพูดคุยกันไปเรื่อย แล้วเขาก็พูดว่าโครงการที่จะร่วมมือกันต่อไปนั้น จะใช้นักปรุงน้ำหอมคนใหม่คนหนึ่ง พอได้ยินว่าเป็นคนใหม่ ผมยังนึกว่าเป็นกิ๊กเล็ก ๆ ของประธานลี่ซะอีก”
สวี่รั่วฉิง “……”
สวี่รั่วฉิงที่ภายนอกดูยิ้มแย้มแต่ภายในกลับขมขื่น ในใจได้ด่าลี่ถิงเซิ่งไปชุดหนึ่ง
“ประธานลี่ คุณชดใช้ชื่อเสียงของฉันคืนมาเลย” มุมปากของหญิงสาวค่อย ๆ คลี่โค้งขึ้น แต่กลับแอบเปิดหน้าแชทขึ้นมา แล้วพูดกับลี่ถิงเซิ่งว่า “นี่คุณพูดกับประธานหย่าเฉิงกรุ๊ปยังไงกันนี่ ต่อไปฉันยังอยากจะแต่งงานกับผู้ชายดี ๆ สักคนอยู่นะ!”
ระหว่างหัวคิ้วที่ทรงคุณค่าของลี่ถิงเซิ่ง ย่นเข้าหากันเล็กน้อย จนเกิดเป็นปมเล็ก ๆ ขึ้นมาอันหนึ่ง
และอย่างรวดเร็ว ปมเล็ก ๆ นั้นก็ได้หายไป แล้วสิ่งที่มาแทนก็คือรอยยิ้มที่ลึกซึ้งอย่างหาค่าไม่ได้เปื้อนอยู่ที่มุมปากของเขา
“ตอนที่เจอกันครั้งแรก คือใครกันที่เป็นฝ่ายมาจูบผมก่อน” นิ้วมือที่เย็นขาวซีดของลี่ถิงเซิ่งค่อย ๆ พิมพ์คำพูดที่ทำให้สวี่รั่วฉิงโกรธแทบตายลงไปบนแป้นพิมพ์ “ตอนนั้นไม่ได้คิดว่าจะแต่งงานกับผู้ชายดี ๆ สักคนเลยเหรอ?”
สวี่รั่วฉิงจุกจนพูดอะไรไม่ออกเลย
สวี่รั่วฉิงหัวเราะ“เหอ เหอ”ออกมาสองคำ “ใครจะไปกล้าล่ะ ประธานลี่มีว่าที่ภรรยาอยู่แล้ว ฉันไม่กล้าเป็นกิ๊กของประธานลี่หรอก”
ประธานหย่าเฉิงกรุ๊ปมองสวี่รั่วฉิงทีหนึ่งแล้วก็หันไปมองลี่ถิงเซิ่ง ดูออกแต่ไม่พูดออกมา
เขาร่วมงานกับลี่ซื่อกรุ๊ปมานานหลายปี ยังไม่เคยเห็นนักปรุงน้ำหอมคนไหนได้รับการแนะนำจากลี่ถิงเซิ่งมาก่อนเลย
นักปรุงน้ำหอมที่ชื่อแอนนาคนนี้ ดูท่าลี่ถิงเซิ่งจะให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก!
“คุณแอนนา แผนการร่วมมือของน้ำหอมร่วมชื่อนั้นคุณคงจะได้ดูมาก่อนแล้วใช่ไหม? แล้วมีความคิดเห็นยังไงบ้าง?”
สวี่รั่วฉิงใช่ช่วงเวลาก่อนที่การประชุมจะเริ่มขึ้น เธอได้บันทึกแรงบันดาลใจของตัวเองไว้ในบันทึกกันลืมก่อนแล้ว
หลังจากที่เธอเอ่ยออกมาง่าย ๆ ไม่กี่ข้อแล้ว บนใบหน้าของผู้บริหารระดับสูงของหย่าเฉิงกรุ๊ปก็อดไม่ได้ที่จะมีแววชื่นชมขึ้นมา
แววตาที่มองไปที่ลี่ถิงเซิ่งนอกจากแววสำรวจเมื่อกี้แล้ว ก็มีแววอิจฉาเพิ่มขึ้นมาส่วนหนึ่ง
นี่ตกลงลี่ถิงเซิ่งไปหานักปรุงน้ำหอมที่มีพรสวรรค์คนหนึ่งแบบนี้มาจากไหนกัน?
หลังจากการประชุมรอบแรกผ่านไปแล้ว ในช่วงเวลาที่พักผ่อน สวี่รั่วฉิงก็โล่งใจไปได้เปลาะหนึ่ง เธอใส่หูฟังบลูทูธไว้แล้วเดินมาถึงห้องครัวแล้วเทน้ำผลไม้ได้แก้วหนึ่ง
“เมื่อกี้แสดงออกได้ไม่เลวเลยนี่” น้ำเสียงมีความเยือกเย็นของลี่ถิงเซิ่งลอยออกมาจากหูฟัง
“พรืด……” สวี่รั่วฉิงเกือบจะทำแก้วที่อยู่ในมือตัวเองตกแตกแล้ว “ประธานลี่ ครั้งหน้าก่อนที่จะพูดโพล่งออกมาช่วยทักทายกันก่อนได้ไหม?”
ลี่ถิงเซิ่งตอบ“อืม”ออกมาเบา ๆ คำหนึ่ง “ทำไมล่ะ?”
สวี่รั่วฉิงพูดขึ้นอย่างสงบนิ่งว่า “นี่คุณไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าน้ำเสียงของตัวเองนั้นมีแรงสังหารมากเท่าไหร่?”
ลี่ถิงเซิ่งพิงอยู่ที่ข้างกำแพงอย่างอารมณ์ดี และผลักหน้าต่างออกมองดูวิวยามค่ำคืน แล้วหัวเราะขึ้นมา
เสียงหัวเราะต่ำ ๆ ที่ไพเราะราวกับเสียงเชลโล่ยังไงอย่างงั้น
หัวใจของสวี่รั่วฉิงสั่นขึ้นมาเล็กน้อยทีหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าหูฟังบลูทูธที่เธอซื้อนี่คุณภาพของเสียงดีมากเกินไปแล้ว ไม่งั้นปกติตอนที่คุยโทรศัพท์กับลูกค้าคนอื่น ก็ไม่เคยเกิดความรู้สึกแบบใจสั่นมาก่อนเลย
“น้ำเสียงของผมมีแรงสังหารสูงเหรอ?” คำพูดของสวี่รั่วฉิงเมื่อกี้ทำให้ลี่ถิงเซิ่งภาคภูมิใจมาก
เขาพิงอยู่ข้างหน้าต่างเงียบ ๆ ในหัวสมองมีภาพท่าทางที่หญิงสาวเจรจาอยู่กับผู้บริหารระดับสูงของหย่าเฉิงกรุ๊ปเมื่อกี้
ลบเครื่องสำอางที่เข้มข้นอย่างทุกวันออก แล้วแต่งหน้าบาง ๆ ไว้
ใบหน้าเรียวเล็กที่ขาวหมดจด ดวงตาดำแวววาวคู่หนึ่ง แค่มองทีเดียวก็มองลึกไปถึงหัวใจคนแล้ว
ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อเอ่ยคำพูดออกมา ทำให้นักมือชีพที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดต่างก็ตกตะลึงไป
ชั่วขณะนั้น อยู่ ๆ ลี่ถิงเซิ่งก็อยากจะจูบเรียวปากที่มักจะพูดคำพูดแปลกประหลาดมากมายออกมานั้น
ถึงแม้ว่าเรียวปากนั้นจะทำให้คนทั้งโมโหและทั้งยิ้ม ปกติมักจะเอาแต่พูดคำพูดมากมายที่ทำให้เขาโมโหออกมา
สวี่รั่วฉิงเบ้ปากเล็กน้อย แล้วดื่มน้ำผลไม้ไปคำหนึ่ง “ประธานลี่ หรือว่าเมื่อก่อนไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนพูดมาก่อนว่าน้ำเสียงของคุณไพเราะมากเหรอ?”
นี่ไม่ถูกหลักนี่ ลี่ถิงเซิ่งดูไปแล้วโชคทางด้านผู้หญิงก็ไม่เลวนี่
คงจะไม่ใช่ว่าโดนสวี่รั่วยีทำให้ตกใจหนีไปหมดแล้วมั้ง?
แต่พอคิดถึงการกระทำทั้งหมดของสวี่รั่วยีเมื่อหกปีก่อนแล้ว สวี่รั่วฉิงก็ไม่สงสัยแล้ว
“คุณเป็นคนแรก” ลี่ถิงเซิ่งพูดขึ้นเรียบ ๆ
“งั้นฉันควรจะรู้สึกว่าเป็นเกียรติใช่หรือเปล่า?” สวี่รั่วฉิงยิ้มแล้วพูดขึ้น
ลี่ถิงเซิ่งไม่ได้พูดอะไร
อยู่ ๆ ประตูห้องหนังสือก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นสามครั้ง
ลี่ถิงเซิ่งขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขาเงียบขรึมไปครู่หนึ่ง แล้วถอดหูฟังออกมาวางลงบนโต๊ะหนังสือ
และเป็นไปตามความคาดหมาย คนที่มาเคาะประตูข้างนอกห้องคือสวี่รั่วยี
ชุดนอนกระโปรงผ้าฝ้ายสีขาวทั้งตัว ผมยาวสยายอยู่ตรงหน้าอก ดูไปแล้วทั้งอ่อนโยนและเชื่อฟัง
ที่มือยกแก้วนมร้อน ๆ ที่เพิ่งอุ่นมาอยู่แก้วหนึ่ง
สวี่รั่วยีเงยหน้าเล็ก ๆ ขึ้นมา น้ำเสียงอ่อนโยนจนแทบเหมือนกับน้ำ “ถิงเซิ่ง เมื่อกี้ฉันได้ยินพ่อบ้านพูดว่าคืนนี้คุณมีประชุดวิดีโอคอลกับหย่าเฉิงกรุ๊ป ฉันก็เลยช่วยคุณอุ่นนมมาแก้วหนึ่ง จะได้ดีต่อกระเพาะ แล้วก็จะได้นอนพักผ่อนได้ดีด้วย”
ประตูห้องหนังสือ เปิดแง้ม ๆ ไว้
ลี่ถิงเซิ่งแค่เปิดประตูห้องหนังสือออกเล็กน้อย สวี่รั่วยีจึงมองภาพสถานการณ์ข้างในห้องหนังสือไม่ชัดเลยสักนิด
เธอแอบกัดริมฝีปากไปทีหนึ่ง และไม่พอใจที่ลี่ถิงเซิ่งมีความระแวงต่อตัวเอง
ในห้องไม่มีใครสักหน่อย ทำเขาจะต้องระแวงเธอขนาดนี้ด้วยล่ะ?
หรือว่าเขาไม่รู้เหรอว่าเธอเป็นว่าที่ภรรยาของเขา?