ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 714 หนังหน้าอยู่ไหน

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 714 หนังหน้าอยู่ไหน

โทรศัพท์ฝั่งนั้นเงียบไป นักพรตเฒ่าไม่พูดอะไรอีก คำพูดของเขาพูดอย่างชัดเจนแล้ว ข้าอายุปูนนี้ ส่งพวกแกเรียนหนังสือให้เงินพวกแกใช้จ่าย ยังต้องซื้อโทรศัพท์ให้พวกแกไปหม้อผู้หญิงอีก พวกแกทำไมไม่บอกว่าแซ่เดียวกับข้าไปเลยล่ะ นับถือเป็นบรรพบุรุษไปเลย ถึงแม้มีอายุเก้าพันปี ก็ยังดี

เรียนมหาวิทยาลัยในทงเฉิง ก็ไม่เห็นแกซื้อผลไม้สักถุงมาเยี่ยมข้า ตอนนี้ยังจะมาบังคับข้าอีก คิดว่าข้าสมองเสื่อมหรือไง

แกกระโดดไปเลย อย่างมากก็ทำอาหารให้กินมื้อหนึ่ง ตอนที่มาถึงร้านหนังสือแล้วจะเอาให้แกกิน คนอื่นมาร้านหนังสือได้กินแค่อาหารชุด แต่จะปฏิบัติกับแกระดับวีไอพี สามารถสั่งอาหารได้ แกจะเอาอย่างไรอีก แกกระโดดเลย แม่งเอ๊ยกระโดดไปเลยไป

‘ตู๊ด…ตู๊ด…ตู๊ด…’ โทรศัพท์ถูกตัดสายไปแล้ว อ้อ อย่างนั้นคงไม่ได้กระโดด ไม่เคยได้ยินว่าใครก่อนที่จะกระโดดตึกยังต้องวางสาย แต่จะกระโดดลงไปพร้อมโทรศัพท์เลย ตามมาด้วยเสียงดัง ‘พลั่ก’ เสียงของแตกละเอียด แค่คิดภาพก็รู้สึกสนุกแล้ว

นักพรตเฒ่าเช็ดตัวให้เจ้าลิงต่อไป ตอนนี้เขาทำได้เพียงเท่านี้ ถ้าหากตอนนี้เจ้าลิงไม่เป็นไร เขาอาจจะไปดูเด็กที่อยากฆ่าตัวตาย แต่ตอนนี้เจ้าลิงบ้ายังนอนอยู่บนเตียง เขาจะออกไปเหรอ อย่างนั้นเขาคงสติไม่ดี

“เจ้าลิงยังไม่ฟื้นอีกเหรอ” อิงอิงเดินเข้ามาถาม

“อืม ยังไม่ฟื้น ไข้ยังไม่ลด”

“วางใจได้ มันไม่เป็นไข้จนสมองลิงมีปัญหาหรอก”

“…” นักพรตเฒ่า

“เจ้าดูแลต่อเถอะ หากมีความเปลี่ยนแปลงก็โทรศัพท์แจ้งหน่อย เถ้าแก่เป็นห่วงทุกคน”

นักพรตเฒ่าพยักหน้า ถึงแม้การส่งข่าวของอิงอิงจะหน้านิ่งมากก็ตาม

“เถ้าแก่เป็นยังไงบ้าง”

“เถ้าแก่ก็ดี แค่ยังกินอะไรไม่ได้ ข้าจะไปดูคนอื่นต่อแล้ว”

“โอเค เจ้ายุ่งต่อเถอะ ตรงนี้มีข้าคอยดูอยู่” จากนั้นจึงหันหน้า นักพรตเฒ่ามองเจ้าลิง แล้วบ่นขึ้นมา “แกก็รีบตื่นได้แล้ว อย่าให้คนหัวขาวมาส่งคนหัวทอง…”

‘พรืด!’ อิงอิงยังไม่เดินออกไป เมื่อได้ยินถึงตรงนี้จึงหัวเราะออกมา

“ทำไมเหรอ” นักพรตเฒ่าถามด้วยความสงสัย

“ยังดีที่เจ้าลิงไม่ได้ย้อมขนทำทรงพังก์”

“หืม”

“ไม่อย่างนั้นเจ้าคงต้องร้องไห้บอกว่า แกรีบตื่นขึ้นมา อย่าปล่อยให้คนผมขาวอย่างข้าส่งคนผมสีแดง สีส้ม สีเหลือง สีเขียว สีฟ้า สีม่วง…”

นักพรตเฒ่าทำสีหน้าเคร่งขรึม จากนั้นก็กลั้นไว้ไม่อยู่ “ฮ่าๆๆๆๆ!!!!”

อิงอิงเดินไปดูคนอื่นต่อ พูดจริงๆ นะ คนที่น่าสงสารมากที่สุดคือพวกเจิ้งเฉียงสามคนที่นอนอยู่ในร้านยาข้างๆ แต่พวกเขาถึงแม้จะยังไม่ตื่น ทว่าสภาพร่างกายมีแนวโน้มดีขึ้น จะตื่นขึ้นมาขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น

เพียงแต่หลังจากยมทูตสามคนนี้มาที่นี่ ตามจริงแล้วยังไม่ได้ช่วยอะไร ก็โดนจัดการเสียก่อน แต่พอลองคิดอย่างละเอียด เธอดูเหมือนไม่มีสิทธิ์คิดแบบนี้กับพวกเขา เพราะตัวเธอเองก็รวมอยู่ในนั้นด้วย คนที่ออกแรงในเรื่องนี้จริงๆ ดูเหมือนจะเป็นเถ้าแก่กับเหล่าสวี่สองคน

อิงอิงไม่รู้ว่านักพรตเฒ่าได้ทำหน้าที่เป็น ‘เสาหลัก’ ในเรื่องนี้ และในความเป็นจริง แม้แต่ตัวนักพรตเฒ่าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

หลังจากเดินดูรอบหนึ่งแล้ว อิงอิงจึงกลับไปที่ห้องนอน เถ้าแก่ยังนอนอยู่บนเตียง ดูโทรทัศน์อยู่ ปกติอิงอิงไม่ค่อยดูโทรทัศน์ แต่จะนั่งดูเป็นเพื่อนเถ้าแก่เป็นครั้งคราว เวลาที่เหลือถ้าไม่เล่นเกมก็จะอ่านหนังสือ

วันนี้เธอตัดสินใจไปหาหนังสือเกี่ยวกับการทำอาหารมาอ่าน เธอมักรู้สึกว่าที่ผ่านมา เส้นทางยังอีกยาวไกล การปฏิวัติยังไม่สำเร็จ ตัวเองต้องขยันมากกว่านี้

ในโทรทัศน์ ผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ในบ้านของตัวเอง เผชิญหน้ากับคนกลุ่มหนึ่งที่ถือปืนจ่อเข้าหาตัวเอง ผู้ชายชูมือขึ้นยอมแพ้โดยสัญชาตญาณ แต่ภายในร่างกายของเขาดูเหมือนจะมีเสียงหนึ่งดังขึ้น ‘ทำไมถึงยกมือ’

‘ยอมแพ้ไง’

‘ทำไมถึงยอมแพ้ น่าอับอาย!’ จากนั้นมือของผู้ชายจึงยกขึ้นแล้ววางลงติดต่อกัน ต่อมาผู้ชายเริ่ม ‘ฆ่ากราดไปทั่ว’

อิงอิงรู้สึกว่าโครงเรื่องนี้แปลกอย่างบอกไม่ถูก แต่เถ้าแก่กลับดูอย่างสนุก หัวเราะโดยไม่สนใจว่าจะสะเทือนไปถึงแผลของตัวเอง

“หนังเรื่องนี้สนุกหรือเจ้าคะ” อิงอิงเดินเข้ามาถาม

“สนุกมากนะ” ดูแล้วรู้สึกอินกับมันดี ดูการสื่อสารกันระหว่างตัวเอกและคนผู้นั้นในภาพยนตร์เรื่อง ‘เวน่อม’ แล้ว โจวเจ๋อนึกถึงเจ้าโง่กับตัวเองทันที

“อย่างนั้นข้าจะหาเวลาดูเองตั้งแต่ต้นสักหนึ่งรอบ เถ้าแก่ ต้องการกาแฟไหมเจ้าคะ”

“ไม่ต้องหรอก” กาแฟขี้ชะมดแพงมาก ดื่มครึ่งหนึ่งแล้วทิ้ง เป็นสิ่งที่สิ้นเปลืองเกินไป

อิงอิงขึ้นเตียง คุกเข่าหมอบหาโจวเจ๋อ แล้วยื่นนิ้ววาดบนหน้าอกของโจวเจ๋อเบาๆ แล้ววนเป็นวงกลม

หืม

“เป็นอะไร” โจวเจ่อยื่นมือโอบอิงอิง

“เถ้าแก่ ข้ารู้สึกว่าตัวเองไม่มีประโยชน์ ครั้งนี้ ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ได้แต่ยืนมองอยู่ข้างนอก หลังจากค่ายกลนั่นปรากฏ ข้าทุบมันไม่หยุด แต่ทุบยังไงก็ไม่แตก และได้ยินเสียงต่อสู้กับเสียงระเบิดแว่วมาเป็นพักๆ” ทั้งๆ ที่อยู่ตรงหน้าแท้ๆ ทั้งๆ ที่อยู่ไม่ไกลเลย แต่กลับช่วยอะไรไม่ได้ ความรู้สึกไร้กำลังเช่นนี้ ทำให้จิตใจของอิงอิงหดหู่จริงๆ

“บางเรื่อง ก็ทำอะไรไม่ได้จริงๆ เรื่องในครั้งนี้ มีความซับซ้อนเล็กน้อย” จริงๆ แล้ว หลังจากโจวเจ๋อฟื้นขึ้นมาก็คิดอย่างละเอียด พยายามไม่พลาดรายละเอียดยิบย่อย แต่ก็ยังรู้สึกว่ามีหลายจุดที่ ‘ไม่ชัดเจน’ ดูเหมือนเรื่องราวจะไม่ได้ดำเนินไปเป็นเส้นตรง แต่เป็นเส้นโค้ง ใครเป็นคนบิดสายเส้นนั้นกันแน่ โจวเจ๋อไม่รู้จริงๆ ความรู้สึกเช่นนี้เหมือนตอนที่ตัวเขากับเจ้าโง่เดินไปตรงหน้าสะพานไน่เหอไม่ผิดเพี้ยน จำได้ว่าตอนนั้นเจ้าโง่เคยพูดว่า มีคนช่วยเปิดทางให้ จากนั้นเขาก็เดินออกมาจากสะพานไน่เหอได้จริงๆ

และครั้งนี้ พฤติกรรมกับวิธีการของชายชราเห็นได้ชัดว่าเหมือนผลักหอคอยสูงบนทางสามเลนให้ล้มลงมาอย่างไร้สุ้มเสียง ผลปรากฏว่ากลับเปลี่ยนวิถีทาง เริ่มใช้แผน จากนั้นก็โดนแผนเล่นงานเอง กลับกลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ นอกจากนี้ เหตุการณ์ในครั้งนี้ ถึงแม้จะไม่มีการตื่นขึ้นในช่วงสุดท้ายของอิ๋งโกว ตัวเขาเองถ้าหากโชคดีหน่อย ก็ไม่ต้องแพ้

แต่เขากลับถูกค่ายกลของชายชราทำลายพลังปราณพิฆาต เป็นผลทำให้ตัวเองต้องสูญเสียพลังความสามารถส่วนใหญ่ สุดท้ายจึงต้องอาศัยสติส่วนหนึ่งกัดและกลืนเลือดของตำรวจเฉินไม่หยุด เพื่อพนันสักตั้ง พนันว่าหลังจากดูดกินพิษผีดิบในปริมาณมากครั้งที่แล้ว ขาดแค่นิดเดียวเท่านั้นอิ๋งโกวก็จะตื่นขึ้นมา

เมื่อคิดได้ดังนี้ โจวเจ๋ออย่างมากก็แค่หดหู่ใจ เพราะความผิดพลาดจากการทำงานของตัวเอง ชายชราจึงหาโอกาสได้

“เถ้าแก่ ข้ารู้สึกว่าตัวเองไม่มีประโยชน์จริงๆ ตอนนี้ก็ช่วยอะไรท่านไม่ได้”

“มีคุณอยู่ข้างกายผม ผมก็พอใจมากแล้ว”

นี่คือคำพูดจากใจจริง ไม่ได้พูดแบบขอไปที ชาตินี้เพิ่งตื่นได้ไม่นาน อิงอิงก็มาอยู่ข้างกายเขาแล้ว บางทีอาจเป็นเพราะสาเหตุต่างๆ นานาจึงเกิดเป็นความสัมพันธ์ของทั้งสองคนในตอนนี้ แต่ต้องพูดว่า ในใจของโจวเจ๋อนั้น ตำแหน่งของอิงอิงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก

คนเรามักจะมีสิ่งที่ตัวเองสนใจ และมักจะหาคนที่ตัวเองสนใจ ไม่อย่างนั้นชีวิตนี้คงว่างเปล่าและน่าเบื่อมาก

“ครั้งหน้า เอาแบบนี้แล้วกัน ตอนที่ผมบอกให้คุณไม่ต้องลงมือ คุณก็ไม่ต้องทำ ปล่อยให้ผมจัดการเอง ถ้าหากจัดการไม่ได้ หรือไม่ หรือไม่ผมถูกจัดการเสียเอง คุณก็ต้องมีชีวิตแทนผมต่อไป ครั้งที่แล้วสัญญากันแล้ว ไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ารับเด็กมาเลี้ยงหนึ่งคน ให้ใช้แซ่ ‘โจว’ ต่อไปก็ช่วยเผาเงินกระดาษให้ผม”

“เถ้าแก่ จริงๆ แล้วตอนนั้นข้าก็คิดถึงเรื่องนี้เหมือนกันเจ้าค่ะ แต่ข้ายินดีที่จะ…”

“จริงๆ แล้ว บางครั้งความตายแสนจะง่ายดาย มีชีวิตกลับลำบากกว่า คุณให้ผมเห็นแก่ตัวหน่อยเถอะ ไม่ว่าอย่างไรผมก็เป็นคนเห็นแก่ตัวมาตลอด ใช่ไหมล่ะ”

อิงอิงลองคิดดู ดูเหมือนจะคิดอะไรไม่ตก จึงได้แต่ใช้นิ้ววาดเป็นวงกลมอยู่บนหน้าอกของโจวเจ๋อต่อไป วาดไปวาดมา อิงอิงพบจุดสองจุดที่หน้าอกของเถ้าแก่ตัวเอง มันแข็งมาก เอ๊ะ น่าสนุกดี แล้วจึงเริ่มโจมตีต่อ!

โจวเจ๋อจับมือของอิงอิง แล้วพูดต่อว่า “จริงๆ แล้วผมไม่อยากสนใจเรื่องพวกนั้นเลยจริงๆ แต่ตอนนี้ผมมองเห็นชัดเจนแล้ว ถึงแม้ผมจะหลบเก่งแค่ไหน สุดท้ายก็หลบไม่พ้น ดังนั้นเรื่องนี้ คุณจำเป็นต้องรับปากผม พวกเราไม่ได้ถ่ายละครโทรทัศน์ ไม่จำเป็นต้องรอให้ภูเขากลายเป็นพื้นราบ ฟ้าดินรวมตัวกันถึงยอมตัดขาดกัน เข้าใจไหม”

“อืม เข้าใจเจ้าค่ะ”

“ดี เด็กดี ไหนร้องหน่อยสิ”

“งืออ…”

“ร้องสองที”

“งือๆ…”

“ฮิๆ”

“แต่ เถ้าแก่เจ้าคะ ครั้งนี้ท่านสุดยอดมาก หลังจากข้าเห็นแม่นางสวี่ล้มตึงไปแล้ว ข้ารู้สึกว่าทุกอย่างจบเห่แล้ว แต่กลับคาดคิดไม่ถึงว่าเถ้าแก่จะพลิกวิกฤตได้ ก่อนที่ค่ายกลจะหายไป จริงๆ แล้วข้าไม่คิดเลยว่าจะมีจุดจบแบบนี้”

“อันที่จริง ก็แค่คนเลวเต้นแร้งเต้นกาเท่านั้น”

“อืม นั่นสินะ ไอ้คนพวกนั้นเวลาอยู่ต่อหน้าเถ้าแก่ ยังสู้หน้าไม่ได้ ดังนั้น ข้าจึงไม่ค่อยชอบความคิดแบบนั้นของทนายอันและคนอื่นๆ มาตลอด พวกเขามักจะคิดว่าที่พึ่งที่ใหญ่สุดของเถ้าแก่คือบรรพบุรุษคนนั้นที่อยู่ในร่างของท่าน…”

อิงอิงลองพิจารณาดูแล้ว คำว่า ‘บรรพบุรุษ’ รู้สึกว่าพูดไม่ออก แต่ ‘เมียน้อย’ ดูเหมือนจะไม่เหมาะสม จึงได้แต่พูดว่า “ไอ้คนนั้น พวกเขาคิดว่าเถ้าแก่อาศัยเขา แต่ข้าไม่ได้คิดแบบนั้น ข้ารู้สึกมาตลอดว่า เถ้าแก่เป็นคนที่สุดยอดที่สุด ไม่ว่าคนผู้นั้นหรือว่าไท่ซานฝู่จวินอะไรนั่น ล้วนต้องรับบทบาทเป็นลูกน้องของเถ้าแก่เท่านั้น”

“ความคิดของเธอยอดเยี่ยมและสดใสมาก ต้องรักษาคุณภาพต่อไป”

“ใช่ไหมเจ้าคะ ท่านดูครั้งนี้สิ คนผู้นั้นยังไม่ตื่นขึ้นมา แต่เถ้าแก่กลับกลายเป็นเยี่ยมยอดขนาดนี้ จัดการพวกเขาจนราบคาบ นี่คือความสามารถที่แท้จริงของเถ้าแก่เจ้าค่ะ เมื่อก่อนก็แค่ตัวเองในเมื่อเลี้ยงสุนัขแล้ว ทำไมไม่ปล่อยสุนัขไปต่อสู้ จากนั้นตัวเองก็อยู่อย่างสบาย ใช่ไหมเจ้าคะ”

โจวเจ๋อไม่ได้บอกอิงอิงและคนอื่นเรื่องที่อิ๋งโกวตื่นขึ้นมาแล้ว อย่างแรกคือ ไม่มีโอกาสพูด ทุกคนต่างสลบและบาดเจ็บ อย่างที่สองคือ ครั้งนี้เป็นความเห็นแก่ตัวของโจวเจ๋อ ถึงแม้จะเป็นคนสนิทกับตัวเองที่สุด ก็ต้องเก็บไพ่ตายไว้หนึ่งใบ เพื่อให้ตัวเองมีความมั่นใจมากขึ้น และค่ายกลของชายชราในครั้งนี้ ก็ได้ปลุกอิ๋งโกวให้ตื่นขึ้นมาจริงๆ เรื่องนี้ต้องปิดบังต่อไป

“อ้อใช่ อิงอิงของเราพูดอะไรก็ถูก” โจวเจ๋อยื่นมือข่วนจมูกของอิงอิงเบาๆ

อิงอิงยิ้มดีใจเป็นอย่างมาก “ดังนั้นข้าถึงเดินตามเถ้าแก่เจ้าค่ะ เพราะเถ้าแก่เก่งที่สุดเลย อยู่กับเถ้าแก่ รู้สึกปลอดภัยเจ้าค่ะ”

“อืม”

นอนบนเตียง เพลิดเพลินไปกับคำประจบ ‘ที่ไม่เป็นความจริง’ ของสาวใช้ตัวเอง ก็เป็นความสุขมากอย่างหนึ่ง

ข้ากับสวีกงแห่งเฉิงเป่ยใครงามกว่ากัน ท่านงามมาก สวีกงจะเทียบท่านได้อย่างไร ฟังดูแล้ว สบายใจสุดๆ

ตอนที่เจ้านายกับสาวใช้กำลังจู๋จี๋กัน ก้นบึ้งหัวใจของโจวเจ๋อมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา ‘หนัง…หน้า…ของ…เจ้า…อยู่ไหน…’

……………………………………………………………………….

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน