ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 723 ทวงชีวิต ทวงหนี้หรือ

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 723 ทวงชีวิต ทวงหนี้หรือ

โจวเจ๋อเงยหน้าขึ้นมองบนตึกหอพัก เป็นไปตามคาด มีเด็กสาวคนหนึ่งสวมชุดกระโปรงแดงยืนกางแขนอยู่บนขอบตรงนั้น คล้ายกับท่าคลาสสิกในหนังเรื่องไททานิก

เหล่าจางรีบพุ่งปรี่เข้าไปทันที เขาเป็นตำรวจ ชั่วพริบตาก็เข้าสู่สัญชาตญาณของอาชีพตัวเอง

โจวเจ๋อชำเลืองมองทนายอันที่อยู่ข้างกาย ทนายอันพยักหน้าและรีบรุดเข้าไปในตึกหอพักหญิงทันที เวลานี้ เป็นเพราะการปรากฏตัวของนักศึกษาหญิงที่จะกระโดดตึก เป็นผลให้ด้านล่างตึกหอพักวุ่นวายไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย แม้แต่คุณน้าประจำหอพักที่มีสายตาแหลมคม ตอนนี้ยังเอาแต่มองด้านบน ไม่มีกะจิตกะใจแม้แต่จะไปห้ามปรามไม่ให้ผู้ชายหน้าไหนเข้าออกด้วยซ้ำ

“นี่มันบ้าอะไรกัน มีคนจะกระโดดตึกอีกแล้ว!” นักพรตเฒ่าตบหน้าขา และรีบวิ่งตามทนายอันไปทางหอพักตรงนั้น

หลินอี้อุทานด้วยความตกใจ “นี่มันเซวียอวี้อิงไม่ใช่หรือไง!”

ดูเหมือนว่าเด็กผู้หญิงที่จะกระโดดตึกเป็นคนที่หลินอี้รู้จัก

ราวกับว่าจู่ๆ มีหินก้อนหนึ่งตกลงไปในสระน้ำ นักศึกษาในบริเวณใกล้เคียงเริ่มมารวมตัวกันที่นี่ หน้าต่างหอพักที่อยู่ข้างกันทางฝั่งนั้น มีหัวของคนที่ได้ยินข่าวยื่นเบียดเสียดออกมาและมองมาทางฝั่งนี้เต็มไปหมด แต่ทว่า เด็กสาวที่ชื่อเซวียอวี้อิงกระโดดตึกโดยไม่พูดเกริ่นและกล่าวปิดงานช่วงสุดท้ายใดๆ เลย แถมทนายอันยังวิ่งไม่ถึงชั้นล่าง นักพรตเฒ่าเองยังไม่ทันได้วิ่งเข้าไปในประตูหอพัก ส่วนเถ้าแก่โจวเพิ่งจะใช้ไม้ค้ำยันและขยับเท้าได้ไม่กี่ก้าว เด็กสาวคนนั้นก็กระโดดลงมาแล้ว…

เธอไม่ได้มาเพื่อร้องห่มร้องไห้ เธอไม่ขอปลดปล่อยความรู้สึกอะไร และไม่ได้ขอระบายอารมณ์ใดๆ ยิ่งไม่ได้มีข้อพิพาทด้านแรงงานและเงินเดือนอะไร เธออธิบายให้เห็นว่าความเด็ดเดี่ยวหมายถึงอะไร ตีความการกระโดดตึกได้เฉียบขาดและตรงไปตรงมา กระทั่งคนที่โห่ร้องและเป็นห่วงอยู่ด้านล่างยังไม่ทันได้เริ่มทำอะไรเลย

‘ตุ้บ!’

หลายคนคงสงสัยว่าเวลากระโดดตึกลงมากระแทกจะเป็นเสียงอย่างไรกันแน่ ในที่นี้สามารถยกตัวอย่างได้ คุณโยนเนื้อหมูหนักกว่าร้อยจินจากชั้นบนลงมาเป็นเสียงแบบไหนล่ะ จริงๆ แล้วแทบจะเหมือนกันเลย

เลือดสดๆ เริ่มแต่งแต้มสีสันของค่ำคืนนี้ คืนนี้หลายต่อหลายคนในหอพักหญิงแห่งนี้ถูกกำหนดไว้แล้วให้นอนไม่หลับ

โจวเจ๋อไม่ได้เดินเข้าไปข้างในอีก ส่วนหลินอี้กรีดร้องและรีบรุดเข้าไปข้างใน

“เสี่ยวอี้สนิทกับเซวียอวี้อิงมาก อวี้อิงเป็นกัปตันทีมโต้วาทีของมหาวิทยาลัย และเป็นรุ่นพี่ของเสี่ยวอวี้ด้วย” เฉินหย่าไม่ขยับ เธอแค่ยืนอยู่ข้างๆ โจวเจ๋อ

โจวเจ๋อกลับมานั่งบนม้านั่งอีกครั้ง ใช้มือปิดปากตัวเองกระแอมออกมา จากนั้นก็หยิบบุหรี่ออกมาจุดไฟอย่างเงียบๆ ยัดบุหรี่เข้าปากผ่านช่องว่างหน้ากาก ถึงอย่างไรก็เป็นตอนกลางคืน มีผ้าคลุมพวกนี้ก็เพียงพอแล้วที่คนรอบข้างจะมองไม่ออกว่าตอนนี้หน้าตาของเขาน่าสยองขนาดไหน

เฉินหย่านั่งลงข้างโจวเจ๋อและเอนตัวเข้าใกล้กับโจวเจ๋อ

“อยู่ให้ห่างจากผมหน่อย” โจวเจ๋อเอ่ยพูด ผู้หญิงคนนี้ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ อีกอย่างหนึ่งเขาไม่ชอบเข้าใกล้คนที่ไม่รู้จักมักจี่มากเกินไป

“ตอนแรกที่คุณเลิกผ้าห่มฉันออกไม่เห็นจะพูดแบบนี้เลย” เฉินหย่าเมินคำเตือนของโจวเจ๋อ ทั้งยังพูดเรื่องคลุมเครือน่าอายเล็กน้อยระหว่างทั้งสองก่อนหน้านี้ออกมาตรงๆ

“คุณไม่ไปดูเพื่อนนักศึกษาของคุณหน่อยเหรอ”

“อยากนั่งเป็นเพื่อนคุณค่ะ”

“คุณป่วยหรือไง”

“คนที่ป่วยเหมือนจะเป็นคุณมากกว่านะคะ ครั้งก่อนที่คุณมา ไม่ได้ใส่แขนเทียมมาใช่ไหม”

ได้ยินดังนั้น โจวเจ๋อเอื้อมมือไปจับคอเฉินหย่าและกดหน้าเธอลงต่ำเข้าหาสะโพกของตัวเอง ขณะเดียวกันก็แนบปากของตัวเองที่ข้างหูของเฉินหย่า เฉินหย่าไม่ขัดขืน ดังนั้นใบหน้าของเธอจึงจ่ออยู่ตรงท่อนล่าง กระทั่งโจวเจ๋อยังสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิร้อนชื้นจากลมหายใจของอีกฝ่าย

เถ้าแก่โจวไม่กลัวความหนาว ดังนั้นแม้ในฤดูหนาวจัด เขาเพียงแค่สวมใส่กางเกงบางๆ ของช่วงหน้าร้อนเท่านั้น ย่อมไม่คุ้นชินกับการใส่ลองจอน

“ฟังนะ ผมเคยเห็นขาของคุณ แต่คุณอย่าได้คิดเรื่องไร้ยางอายต่อหน้าผม คุณคิดว่าตัวเองวิเศษมากหรือไง”

“คุณชอบวิธีหยาบคายอย่างนี้เหรอคะ”

“อะไรนะ”

“แถมยังอยู่ในที่สาธารณะแบบนี้อีก”

“คุณ…”

เฉินหย่ายื่นมือออกไปจับด้านล่าง โจวเจ๋อกระชากผมของเธอและดึงไปข้างหลังอย่างแรง ร่างของเฉินหย่าจึงขยับออกจากร่างของเขา เฉินหย่าสะบัดศีรษะและยื่นมือมาจัดผมจัดเผ้าของตัวเอง เธอไม่ใช่คนผอมบางติดจะอวบนิดหน่อย พูดตามตรงมันเป็นสเปกแบบที่โจวเจ๋อชอบ แต่โจวเจ๋อชอบผู้หญิงที่ค่อนไปทางซื่อบื้อมากกว่า อย่างน้อยก็ปฏิบัติต่อเขาอย่างซื่อบื้องกๆ เงิ่นๆ แต่เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้อยู่ในหมวดหมู่นี้

ผู้หญิงคนนี้ชัดเจนเกินไป ถ้าการพบกันครั้งแรกมันชวนให้กระอักกระอ่วนใจแล้ว อย่างนั้นในครั้งนี้ ในเวลานี้ที่เธอรุกเร้าแสดงออกมาทั้งหมด เพียงพอแล้วที่จะทำให้โจวเจ๋อเกิดความระแวดระวัง

“ฉันแค่รู้สึกใกล้ชิดสนิทสนมกับคุณ ฉันเองก็จนปัญญา จริงๆ แล้ว ฉันไม่ใช่ผู้หญิงเจ้าชู้”

“นี่นับว่าคุณสารภาพรักหรือเปล่า”

“คงใช่มั้งคะ ที่จริง ครั้งก่อนตอนที่เจอคุณครั้งแรกในหอพักฉันก็มีอารมณ์มาก แล้วเมื่อกี้นี้ที่ฉันจับมือของคุณ จากนั้นคุณก็สวมกลับไปใหม่อีกครั้ง ความรู้สึกมันก็ยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก” ขณะที่พูด เฉินหย่าก็หนีบขาตัวเอง ซึ่งเธอนั้นสวมกางเกงยีนส์อยู่

“เหอะ เพื่อนร่วมชั้นของคุณเพิ่งกระโดดตึกอย่างน่าอนาถแท้ๆ คุณยังมีหน้ามาพูดเรื่องพวกนี้กับผมตรงนี้เนี่ยนะ”

ถ้าไม่ใช่เพราะโจวเจ๋อยืนยันได้ว่าเด็กสาวตรงหน้าคนนี้เป็นคนจริงๆ ละก็ ตอนนี้โจวเจ๋อก็อยากจะพูดว่า ‘นางปีศาจ กินกระบองของข้าซุนหงอคงซะ’ จริงๆ!

แต่ปัญหาคือ เธอเป็นคนจริงๆ

ในโลกนี้มีคนแปลกๆ มากมาย และโจวเจ๋อก็เคยเห็นคนบางส่วนที่ไม่ใช่ผี ไม่ใช่ปีศาจ แต่กลับ ‘ร้ายกาจ’ มาก อย่างเช่น พระขี้เรื้อน หญิงสาวตัวดำ หรือแม้กระทั่งหวังเคอที่โตมาด้วยกันกับเขาก็ยังฝืนๆ นับรวมเข้าไปได้ด้วย แต่คนแบบนี้น่ารำคาญจริงๆ

“ในสายตาของฉันแล้ว ไม่ว่าจะคนตายหรือคนเป็นก็ไม่ได้ต่างอะไรกันนัก” เฉินหย่าพูดอย่างสงบนิ่ง

“เถ้าแก่!” ทนายอันวิ่งออกมาพร้อมกับหายใจหอบถี่ เหลือบมองผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างโจวเจ๋อด้วยความรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย

“คุณไสหัวออกไปได้แล้ว” โจวเจ๋อพูดอย่างเถรตรง ไร้ความเกรงใจ

เฉินหย่าพยักหน้า ลุกขึ้นและออกไปจากบริเวณใกล้ๆ ม้านั่ง

“เธอเป็นใคร คนเป็นหรอกเหรอ” ในความทรงจำอันน่าประทับใจของทนายอันดูเหมือนว่าเถ้าแก่จะชอบเล่นกับผี และไม่เคยสนใจไยดีมนุษย์เพศหญิงมาก่อน

“ไม่รู้ ชื่อว่าเฉินหย่าอยู่หอเดียวกับหลินอี้ หลังจากเสร็จเรื่องนี้แล้ว คุณสืบเรื่องเธอให้หน่อย”

“ครับ” ทนายอันพยักหน้าบ่งบอกว่าเขาจำไว้แล้ว จากนั้นรายงานถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทันที “ไปช้าก้าวหนึ่ง ผมสัมผัสได้ถึงเศษซากที่เหลืออยู่ที่นั่น แต่เจ้าของจริงๆ จากไปแล้ว”

“ทำไมเร็วจัง” โจวเจ๋อประหลาดใจมาก

ตามหลักการแล้ว ในเมื่อผีอยากทำร้ายคนก็ต้องอยู่ใกล้ๆ อาศัยวิธีการบางอย่าง เช่น การสะกดจิตและภาพหลอน ทำให้เหยื่อลงมือ ‘ทำร้ายตัวเอง’ นี่เป็นแนวทางพื้นฐานที่ผีทำร้ายคน ผีที่เอะอะเผยกรงเล็บฆ่าคนทันทีประเภทนั้น อย่างน้อยก็น่าจะระดับราชาผีถึงจะทำได้ เพราะปราณวิญญาณจะสามารถบังเกิดขึ้นจริงได้ในเวลานั้น นี่มันก็เหมือนกับผู้พิพากษาที่หายากในโลกมนุษย์ ราชาผีก็เช่นกัน

แต่ตอนนี้ นับตั้งแต่เด็กสาวที่ชื่อเซวียอวี้อิงคนนั้นกระโดดตึกไปถึงตอนที่ทนายอันวิ่งไป มันเพิ่งจะไม่นานเอง ผีนั่นเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ อีกทั้งตอนที่มันเพิ่งเริ่มสร้างความเดือดร้อน ตัวเขาเอง ทนายอัน และคนอื่นๆ ก็อยู่ในบริเวณใกล้เคียง จะไม่มีลางสังหรณ์ล่วงหน้าสักนิดเลยหรือไง โผล่มาจากความว่างเปล่าแล้วก็หายวับไปกับความว่างเปล่าเนี่ยนะ

“เรามาผิดทางแล้ว” โจวเจ๋อครุ่นคิด แล้วจู่ๆ ก็พูดขึ้น “พวกเราเอาแต่จมอยู่กับความคิดบางอย่าง อีกฝ่ายฆ่าคน อาจจะไม่ได้ใช้วิธีเข้าหาเหยื่อโดยตรง มันมีสื่อกลางของมัน!”

สื่อประเภทที่สามารถหลีกเลี่ยงการรับรู้ของเขาและคนอื่นๆ ได้ มีความคล้ายกับการเล่นสงครามอุโมงค์ ผู้คนมาอย่างเงียบๆ ไร้สุ้มเสียง หลังจากทำงานเสร็จก็จากไปอย่างเงียบๆ ไร้สุ้มเสียง

เมื่อยุคสมัยกำลังพัฒนา ภูตผีก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเช่นกัน

ไม่นานนัก รถตำรวจและรถพยาบาลก็แล่นเข้ามา เวลานี้เหล่าจางก็ออกมาจากฝูงชน แล้วมายืนจุดบุหรี่อยู่ข้างๆ โจวเจ๋อ ไม่ว่าอย่างไรการที่ได้เห็นชีวิตวัยเยาว์ของคนคนหนึ่งหายวับไปต่อหน้าต่อตา ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเลยจริงๆ

“เบาะแสล่ะ” โจวเจ๋อยังคงรักษาความใจเย็นไว้ได้ บางครั้งโจวเจ๋อก็อดสงสัยในความเลือดเย็นของเขาไม่ได้

อันที่จริง ชาติก่อนก็เป็นอย่างนี้ ในฐานะศัลยแพทย์ เห็นคนตายมานักต่อนักแล้ว ตอนเข้าวงการนี้ครั้งแรกได้เห็นคนไข้ที่ไม่สามารถช่วยชีวิตได้และเสียชีวิต อาจจะยังร้องไห้ ยังมีน้ำตา ยังอัดอั้นและหดหู่อยู่มาก แต่หลังจากอยู่ในวงการมานาน คุณก็สามารถเผชิญหน้ากับผู้ป่วยที่ล้มเหลวในการช่วยชีวิตอย่างเฉยชา และหันมาอุทิศตนรักษาผู้ป่วยรายต่อไปอย่างเงียบขรึม ในเมื่อคนก็ตายไปแล้ว แถมยังไม่ใช่ญาติพี่น้องหรือมิตรสหาย เถ้าแก่โจวจึงไม่มีอารมณ์อ่อนไหวอะไรมากมาย

“อ๋อ เราได้ตรวจสอบสถานะเครดิตส่วนบุคคลของซุนเถี่ยเฉิงแล้ว พบว่าเครดิตของเขาติดแบล็กลิสต์ไปแล้ว กู้หนี้ยืมสินออนไลน์มามากมาย แต่ไม่ยอมคืน” สินเชื่อออนไลน์บางรายการไม่อยู่ภายใต้การตรวจสอบเครดิต แต่ก็มีสินเชื่อออนไลน์บางรายการที่ต้องมีการตรวจสอบเครดิต

“หือ” โจวเจ๋อรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ซุนเถี่ยเฉิงคนนั้นมีความสามารถจริงๆ ขณะที่ได้รับเงินช่วยเหลือด้านการเรียน ยังไม่วายต้องกู้เล็กยืมน้อยอย่างเอาเป็นเอาตายอีกด้วย หากคุณเป็นนักศึกษา มากกว่าเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ของสินเชื่อออนไลน์เหล่านี้มีไว้เพื่อชีวิตที่หรูหราเก๋ไก๋ อย่างไรเสียการอดตายในยุคนี้ก็เป็นเรื่องยากจริงๆ นั่นแหล่ะ

“แต่เป็นไปไม่ได้นี่นา เป็นไปไม่ได้ที่คนเก็บหนี้จะไปฆ่าคนบังคับให้ลูกหนี้คืนเงิน”

ยังไม่พูดถึงเรื่องที่ว่า ภายใต้สถานการณ์ที่ขณะนี้ประเทศกำลังมุ่งเน้นไปที่การปราบปรามการกู้ยืมเงินในมหาวิทยาลัย บริษัทสินเชื่อออนไลน์เหล่านั้นยังมีความกล้าที่จะไปเรียกเก็บหนี้ที่มหาวิทยาลัยหรือไม่ แค่ดูจากเบาะแสและร่องรอยที่มีอยู่ในตอนนี้ นี่เป็นคดีผีฆ่าคนชัดๆ มันไม่เกี่ยวอะไรกับอันธพาลเก็บหนี้สักเท่าไร

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อซุนเถี่ยเฉิงเสียชีวิต กล้องวงจรปิดจากทางอาคารเรียนก็จับภาพได้ว่าคืนนั้นไม่มีใครขึ้นไปอีก แถมเด็กสาวชื่อเซวียอวี้อิงที่กระโดดตึกฆ่าตัวตายภายใต้จมูกของเขาและคนอื่นๆ ก็ไม่มีวี่แววว่าถูกบังคับใดๆ

“หัวหน้าทีมครับ นี่เป็นโทรศัพท์มือถือของผู้เสียชีวิต ถูกทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุครับ” เวลานี้เอง เจ้าหน้าที่ตำรวจนำโทรศัพท์มือถือที่ห่อด้วยฟิล์มพลาสติกมายื่นให้

“ส่งให้ฝ่ายเทคนิคปลดล็อกสิ จะเอาให้ผมทำไม” เหล่าจางถาม

“เครื่อง…โทรศัพท์เครื่องนี้ไม่ได้ล็อกครับ”

“ไม่ได้ล็อกเหรอ” เหล่าจางรับโทรศัพท์มาสัมผัสหน้าจอผ่านฟิล์มพลาสติก จากนั้นเลื่อนเพื่อปลดล็อกตามคำแนะนำ อ้าว เปิดหน้าจอได้จริงๆ ไม่ต้องพูดถึงล็อกลายนิ้วมือ แม้แต่ตั้งล็อกรหัสผ่านยังไม่มีด้วยซ้ำ

เหล่าจางไม่รีบร้อนค้นดูข้อความและบันทึกการโทร แต่กลับเปิดๆ ค้นดูหน้าหลักของโทรศัพท์เรื่อยๆ จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วทันที และพูดกับโจวเจ๋อว่า “ในโทรศัพท์มือถือของเซวียอวี้อิงมีแต่แอปเงินกู้ออนไลน์เต็มไปหมด!”

………………………………………………………………….

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท