ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 273 ไม่มีแผ่นดินที่ดีงาม

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 273 ไม่มีแผ่นดินที่ดีงาม

เสร็จศึกนี้ ชื่อเสียงสวี่ชิงก็เลื่องระบือไปทั้งพันธมิตรแปดสำนัก สั่นสะเทือนสำนักน้อยใหญ่ทั้งหนึ่งร้อยสามสิบเจ็ดสำนัก

เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องต่อสู้กับแก่นลมปราณวังสวรรค์ได้ ที่สะกดองค์ชายใหญ่ยอดเขาลำดับหนึ่งตอนนั้นไหว นั่นเพราะองค์ชายใหญ่เพิ่งทะลวงขั้นมา วังสวรรค์วังที่หนึ่งยังไม่ทันเสร็จสิ้นก็ออกจากด่านก่อนกำหนด

แต่สวี่ชิงตอนนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิง เขาจัดการสะกดแก่นลมปราณวังสวรรค์หนึ่งวังไปแล้ว

เรื่องนี้ ถ้ามองจากทั้งมณฑลรับเสด็จราชัน คนที่ทำได้มีอยู่น้อยถึงน้อยมาก

โดยเฉพาะ…สวี่ชิงที่ยังไปไม่ถึงปลายทาง เขาแค่เพิ่งจะจุดไฟชีวิตดวงที่สามเท่านั้น

สิ่งนี้ทำให้ท่าทีศิษย์พันธมิตรแปดสำนักที่ปฏิบัติกับสวี่ชิงก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป แม้จะมีคนที่มีจิตอริ แต่ส่วนใหญ่ก็เริ่มเคารพศรัทธาขึ้นมาแล้ว และในบรรดาคนเหล่านี้…มีศิษย์หญิงมากที่สุด

ถึงอย่างไรหน้าตาของสวี่ชิงเป็นไม้ตายสังหารที่ก้าวข้ามพลังบำเพ็ญของเขาไปแล้วในสายตานายกอง

ทว่าโลกภายนอกจะเป็นเช่นไร สวี่ชิงก็ไม่ได้ออกจากที่พักอีกเลยหลังจากศึกนี้ ทั้งวันเอาแต่นั่งฝึกบำเพ็ญ ทำให้ตะเกียงแห่งชีวิตทั้งสองดวงของตนเองหลอมรวมได้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้นายท่านเจ็ดยังบอกว่าศึกกับซือหม่าหรูก่อนหน้า เบื้องหลังที่แท้จริงคือการแลกเปลี่ยนครั้งหนึ่งของตระกูลซือหม่าและเจ็ดเนตรโลหิต

ขณะเดียวกัน หลังจากที่รายละเอียดการเข้าร่วมพันธมิตรของเจ็ดเนตรโลหิตเสร็จสิ้นสมบูรณ์ทั้งหมด การเลือกที่อยู่ก็เสร็จสิ้นแล้วด้วยเช่นกัน

นี่เป็นความลับ ต่อให้เป็นคนที่อยู่ในลำดับก็ยากที่จะล่วงรู้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายท่านเจ็ด

ดังนั้น…นายกองกับสวี่ชิงอีกทั้งองค์ชายสาม ย่อมล่วงรู้เป็นอันดับแรกสุด

และที่จริงการมามณฑลรับเสด็จราชันของสวี่ชิงครั้งนี้ยังมีอีกหนึ่งภารกิจ นั่นคือจางซานก็มากำชับอย่างตื่นเต้นก่อนหน้าที่เขาจะออกเดินทางว่า หากสวี่ชิงรู้ที่อยู่ใหม่ของสำนักแล้วให้รีบแจ้งเขาทันที นี่เกี่ยวข้องถึงผลประโยชน์มหาศาล

อย่างเช่นจุดพรมแดนเชื่อมต่อ อย่างเช่นที่ดินรอบๆ ที่อยู่ใหม่ กระทั่งที่ดินในที่อยู่ใหม่ด้วย จากคำพูดของจางซานแล้ว เรื่องนี้เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง

จางซานคิดว่านายกองพึ่งพาไม่ได้อย่างชัดเจน จึงมากำชับกับสวี่ชิงย้ำๆ ให้เขาอย่าได้ลืมโดยเด็ดขาด

หลังจากที่สวี่ชิงรู้เรื่องนี้ก็แจ้งให้จางซานรู้ทันที ส่วนจางซานก็เป็นคนมีความสามารถ ใช้การส่งข้ามหลายครั้งอย่างไม่เสียดาย เมื่อมาถึงอย่างรวดเร็ว เขาเพียงทักทายสวี่ชิงกับนายกองเล็กน้อยก็เริ่มวุ่นกับธุระของเขา

ทุกอย่างวุ่นวาย ยังมีศิษย์พี่สามอีกคนที่เริ่มดำเนินการเงียบแล้ว

ต่อมาเหล่าองค์ชายองค์หญิงยอดเขาหลายคนที่รู้ข่าวก็เข้าใจถึงความสำคัญเรื่องนี้ ไม่ค่อยออกไปท้าดวล แต่ขบคิดวิธีที่จะหาเงินจากเรื่องนี้กันแทน

แน่นอนว่าปิดข่าวไม่มิดจึงแพร่กระจายไปในพันธมิตรเช่นนี้ ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างงอกเงยขึ้นมาในบริเวณโดยรอบที่อยู่ที่เจ็ดเนตรโลหิตเลือกไว้อย่างรวดเร็ว

คนทุกสาขาอาชีพจากสำนักต่างๆ ในพันธมิตรก็เคลื่อนไหว ถึงอย่างไรจากการปรึกษาหารือ พันธมิตรจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้ายครั้งนี้ทั้งหมดเพื่อแสดงความจริงใจ แน่นอนว่าทุกคนเข้าใจ จะหาผลประโยชน์ทั้งทีก็ไม่ควรน่าเกลียดนัก

เอาเท่าที่พอดี

ไม่เช่นนั้นหากมีการหารืออีกครั้ง มีการเปลี่ยนตำแหน่ง คนทั้งหมดที่ลงมือก็จะเสียหายหลายแสน

ส่วนพันธมิตรก็ไม่ได้ขี้เหนียว ถึงอย่างไรคนที่ได้รับผลประโยชน์ก็คือคนในอย่างพวกเขา สิ่งนี้ถือเป็นการแบ่งสรรปันส่วนของสำนักต่างๆ ไปโดยปริยาย จึงปล่อยให้ข่าวนี้เผยแพร่ไปหนึ่งวัน จากนั้นก็ปิดเมืองหลักสำหรับทำใบรับรองการแลกเปลี่ยนอสังหาริมทรัพย์

ถัดมา การส่งข้ามระลอกแรกของเจ็ดเนตรโลหิตก็เริ่มต้นขึ้น

ที่มาถึงกลุ่มแรกคือศิษย์ของยอดเขาลำดับหกกว่าครึ่ง เนื่องจากทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณคือที่หลัก ไม่อาจละทิ้งได้ ย่อมต้องเหลือบางอย่างไว้ จึงมีเพียงศิษย์หกส่วนที่ติดตามนายท่านหกมา

ยังมียอดเขาลำดับหกที่มาด้วยกัน

พวกเขาจะมาสร้างเมืองขนาดใหญ่แห่งหนึ่งบนที่อยู่ใหม่ของสำนัก โครงการนี้ใหญ่โตมาก ไม่เพียงแต่ต้องการผู้บำเพ็ญมาดำเนินการใหสำเร็จ แต่ยังต้องการคนทั่วไปมาช่วยเหลือด้วย เช่นนี้จึงจะดำเนินการได้รวดเร็ว

ดังนั้นไม่นานการส่งข้ามระลอกสองและสามก็ค่อยๆ ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง มีศิษย์และคนทั่วไปของเจ็ดเนตรโลหิตจำนวนมาก ถูกส่งข้ามมาเข้าร่วมการก่อร่างสร้างเมืองแทบทุกวัน

ตำแหน่งที่เจ็ดเนตรโลหิตเลือก คือด้านหนึ่งของกิ่งก้านสาขาแม่น้ำบรรพกาลเร้นหมื่นเทพ เชื่อมกับพันธมิตรทั้งเจ็ดแห่งเดิมด้วยสะพานยักษ์ทั้งแปด และทุกสะพานยักษ์ก็สามารถให้รถม้าแล่นได้นับร้อยคัน

และอีกด้านหนึ่งเป็นที่รกร้าง มองออกไปยังเห็นเทือกเขาล้ำบารมีพ้นเคราะห์ภัยได้ด้วย

รูปร่างของเมืองนี้ก็ยืนยันแล้วเช่นกันว่าจะไม่ใช่สี่เหลี่ยมเหมือนในทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณอีก

มองจากท้องฟ้าลงมา เป็นดวงตาขนาดยักษ์ดวงหนึ่ง

ด้านหนึ่งติดกับทะเลต้องห้าม อีกด้านหนึ่งเชื่อมกับเมืองพันธมิตรด้วยสะพานจนกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นยังเปิดทางน้ำสายเล็กจากแม่น้ำบรรพกาลเร้นหมื่นเทพ คดเคี้ยวผ่านเมืองของเจ็ดเนตรโลหิตแล้วไหลลงสู่มหาสมุทร

ตำแหน่งตาดำของดวงตานี้ คือตำแหน่งยอดเขาทั้งเจ็ดของเจ็ดเนตรโลหิตในอนาคต รอบด้านเป็นเมือง เขตท่าเรือยังคงถูกจัดการโดยยอดเขาลำดับเจ็ด

เนื่องจากการสร้างสำนักและการสร้างเมือง ช่วงนี้สวี่ชิงจึงยังไม่สามารถจมจ่อมอยู่กับการฝึกบำเพ็ญได้ ในฐานะองค์ชายของยอดเขาลำดับเจ็ด เขามีเรื่องมากมายที่ต้องไปเข้าร่วม

อย่างเช่นเวลานี้ เจ็ดเนตรโลหิตทำการส่งข้ามขนาดใหญ่ครั้งหนึ่ง ครั้งนี้จะให้ประชาชนปริมาณมหาศาลของเจ็ดเนตรโลหิตกับศิษย์อีกส่วนส่งข้ามมาทั้งหมดตามการสร้างแบบจำลองเมืองใหม่

แค่การตรวจสอบล่วงหน้าของค่ายกลก็ดำเนินการเกือบหนึ่งวัน จนถึงช่วงโพล้เพล้ถึงเสร็จสิ้น และศิษย์ยอดเขาอื่นที่มาจากเจ็ดเนตรโลหิตก็เหาะเหินเดินอากาศขึ้นไปตรวจสอบรอบด้านอย่างระมัดระวัง

การส่งข้ามครั้งนี้ มีคนธรรมดาอยู่มากมาย ในฐานะที่เป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญในเจ็ดเนตรโลหิต พลังคุ้มครองคนธรรมดาของเจ็ดเนตรโลหิตจึงแข็งแกร่งมาก แม้แต่สวี่ชิงเองก็ยังถูกจัดให้ไปคอยคุ้มกันอยู่ด้านหนึ่ง

คนที่มากับเขายังมีนายกองกับศิษย์พี่สาม

พวกเขาทั้งสามคนยืนอยู่กลางอากาศ ด้านหนึ่งคือเมืองใหม่เจ็ดเนตรโลหิต ค่ายกลกำลังเริ่มเปิดใช้งาน ส่วนอีกด้านคือที่ราบรกร้างผืนใหญ่

แม้จะมีกำแพงเมืองขนาดยักษ์รวมถึงค่ายกลกั้นขวางที่ราบรกร้างกับพันธมิตรอยู่ แต่พอยืนอยู่กลางอากาศแล้วมองไป เมื่อมณฑลรับเสด็จราชันเทียบกับทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณแล้วถือว่าโหดร้ายกว่ามาก

โดยเฉพาะตำแหน่งของเจ็ดเนตรโลหิต เป็นทิศที่ติดกับภูเขาล้ำบารมีพ้นเคราะห์ภัย ดังนั้นภูเขาล้ำบารมีพ้นเคราะห์ภัยที่จึงสะท้อนในดวงตาสวี่ชิงชัดเจนมาก เป็นเทือกเขาสีดำราวกับศพของอสูรร้ายตัวหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น

ภูเขาสีดำทมิฬขนาดใหญ่สลับทับซ้อนกันแต่ละยอดและป่าที่ดูเหมือนปีศาจประกอบกันเป็นจุดสิ้นสุดไปสู่ทะเลของเทือกภูเขาล้ำบารมีพ้นเคราะห์ภัย มองออกไป ภูเขาใหญ่หลายลูกเชื่อมต่อกันทอดยาวไปยังส่วนลึกของมณฑลรับเสด็จราชัน มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด

“อีกด้านหนึ่งของภูเขา คือจุดที่ขั้วอำนาจเขาไตรวิญญาณสะกดมรรคาตั้งอยู่” นายกองยืนอยู่ข้างๆ สวี่ชิง กินผิงกั่วไปพลางเอ่ยอย่างครุ่นคิด

สวี่ชิงพยักหน้า ขณะที่กำลังตรวจสอบ ในเมืองหลักด้านหลัง ค่ายกลเปิดขึ้นครืนครัน คลื่นส่งข้ามขนาดใหญ่แผ่ไปทั้งแปดทิศ แสงเจิดจ้าน่าตื่นตะลึงสาดส่องไปทั้งผืนนภา

ขณะที่ลมคลั่งเข้าปะทะหน้า ผืนแผ่นดินสั่นสะเทือน ในค่ายกลส่งข้ามของเมืองหลักก็มีเงาหลายร่างปรากฏตัวขึ้นมามากมายมหาศาล มองจากบนท้องราวกับเป็นฝูงมดแตกฮือ ในบรรดานี้คนที่มาทั้งหมดมีสีหน้าทั้งปรีดาและกังวลสลับกันไป

สำหรับพวกเขาแล้ว ที่นี่เป็นสถานที่แปลกใหม่ไม่คุ้นเคย แต่ก็เป็นการเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดที่ดีกว่าเดิมด้วย

จากการเจิดจ้าของแสง จากการปรากฏตัวของฝูงชนเวลานี้ ศิษย์ด้านในส่วนใหญ่ทะยานขึ้นฟ้า รอบด้านมีศิษย์ที่คอยรับผิดชอบความเป็นระเบียบเรียบร้อยเริ่มดำเนินจัดการ บนฟ้าบนพื้นดิน ล้วนเป็นคนของเจ็ดเนตรโลหิตทั้งสิ้น

สวี่ชิงเพ่งสมาธิทั้งหมด มองไปรอบๆ และตอนนี้เอง จู่ๆ ทิศทางของเทือกภูเขาล้ำบารมีพ้นเคราะห์ภัยที่ห่างออกไป ท้องฟ้าเปลี่ยนสี มีชั้นเมฆสีชมพูตีเกลียวบนท้องฟ้ารางๆ

แรงกดดันในนั้นน่าตกตะลึง ทำให้จุดที่ห่างออกไปก่อเกิดสายอัสนี เสียงครืนครันเลื่อนลั่นไปรอบทิศ

ภาพนี้ทำให้ระดับสูงของเจ็ดเนตรโลหิตจับตามอง ใบหน้าขนาดยักษ์ของเสี่ยเลี่ยนจื่อลอยขึ้นท้องฟ้า จ้องที่ไกลๆ ตรงนั้นเขม็ง

สวี่ชิงเองก็มองไปเช่นกัน ไม่นานเขาก็เห็นภาพที่น่าสยดสยอง!

นั่นคือผู้ประสบภัยนับพัน เหมือนจะเป็นต่างเผ่าจากรัฐเล็กๆ แห่งหนึ่งในเทือกภูเขาล้ำบารมีพ้นเคราะห์ภัย พวกเขาแต่ละคนผอมแห้งราวท่อนฟืน สีหน้าพรั่นพรึงและสิ้นหวัง กำลังวิ่งหนีตายสุดชีวิต

แต่พริบตาต่อมา เมฆสีชมพูบนท้องฟ้าก็หวีดหวิวผ่านน่านฟ้าของพวกเขา สิ่งประหลาดสีชมพูนี้ราวกับเป็นชาด ยิ่งเหมือนสีของเนื้อหมัก ระหว่างที่พุ่งหวีดหวิวก็กลายเป็นปากขนาดใหญ่ สวบลงมาบนพื้นดินทันที

เสียงบดเขี้ยวผู้ประสบภัยทั้งหมดที่เข้าไปอยู่ในปากดังกึกก้อง ฝนเลือดสาดกระเซ็นในพริบตา น่าสยดสยอง

ยิ่งมีกลิ่นอายโหดเหี้ยมอำมหิต โถมฟ้าแผ่ออกมา

ตอนที่สวี่ชิงดวงตาจ้องเพ่ง ปราณหมอกสีชมพูนั้นก็เคลื่อนไหวกลายเป็นร่างกายขนาดยักษ์ ก่อตัวขึ้นมาในเมฆหมอก

ร่างนี้สูงนับพันจั้ง ขณะที่ใหญ่โตน่าตกตะลึง ก็ยังมองออกว่าเป็นร่างของหญิงสาวที่หน้าตาสะสวยไร้ที่ติ เครื่องหน้าสมบูรณ์แบบ ขณะที่ดวงตางามชายตาก็เห็นแสงหลายสายกำลังไหลเวียน

โดยเฉพาะจมูก ช่วยขับเครื่องหน้าอื่นให้เด่นได้อย่างหมดจด ทำให้ใบหน้านางดูแล้วมีมิติมาก

จากการที่หญิงสาวเหินเข้าใกล้เจ็ดเนตรโลหิตอย่างรวดเร็ว ก็เห็นได้ว่าบนผิวหนังของนางมีลายที่คล้ายกับเสือดาว แต่เอวกลับคอดกิ่ว ฟันขาวสะอาด ใส่ต่างหูระย้าหยกที่ส่งเสียงกระทบกันขณะเคลื่อนมาด้านหน้าในม่านหมอก

โดยเฉพาะชุดของนาง งดงามวิจิตรมาก หรูหราถึงขีดสุด

นั่นเป็นชุดคลุมผ้าโปร่งสีขาวไข่มุกมีไข่มุกอย่างน้อยนับหมื่นเม็ด และในทุกเม็ดล้วนส่องแสงเจิดจรัส แฝงปราณวิญญาณเข้มข้นไว้ด้วย และในผ้าโปร่งสีขาวยังมีแผ่กลิ่นอายหอมจรุงออกมานับร้อยลี้

ที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่าคือชุดกระโปรงส่วนอกถักเป็นรูปสักการะขนหงส์จากเส้นผมเส้นหนึ่ง

รูปสักการะนี้เปล่งแสงเจิดจ้า แฝงความเป็นเทพที่น่าตกตะลึงไว้ด้วย

และเหนได้ชัดว่าหญิงสาวคนนี้ก็รักสวยรักงาม ขณะที่เดินหน้าในมือก็ถือกระจกบานหนึ่ง เหาะเหินไปพลางดูสีผิวหลังจากที่ตนเองเพิ่งกินเสร็จไปพลาง ตอนที่เข้าประชิดเจ็ดเนตรโลหิต เสี่ยเลี่ยนจื่อบนท้องฟ้าก็เอ่ยขึ้นเสียงทุ้ม

“หยุดเดี๋ยวนี้!”

เสียงดุจอัสนีสวรรค์ ครืนครันฟ้าดิน หญิงสาวปราณหมอกสีชมพูเงยหน้าขึ้น กวาดตามองเมืองใหม่ของเจ็ดเนตรโลหิต จากนั้นก็มองเสี่ยเลี่ยนจื่อ ยิ้มเย้ยหยัน

“เจ็ดเนตรโลหิตรึ ของวิเศษต้องห้ามของพวกเจ้าชิ้นนั้นน่าสนใจดี” พูดจบ นางก็บิดขี้เกียจ เผยเอวคอดกิ่วรวมถึงชุดกระโปรงที่หรูหราออกมา เมื่อเคลื่อนไหว ปราณหมอกสีชมพูก็เปลี่ยนทิศทาง กลับไปทางภูเขาล้ำบารมีพ้นเคราะห์ภัย

ภาพนี้ ทำให้ม่านตาสวี่ชิงหดเล็กลง เขาสัมผัสถึงความโหดร้ายรวมถึงความน่ากลัวด้านพลังบำเพ็ญของอีกฝ่ายได้

“นี่คือเขาไตรวิญญาณสะกดมรรคาบนภูเขาทางนั้นที่ซึ่งมีความอาฆาตท่วมนภาและทำให้ผู้คนพรั่นพรึงเหลือประมาณ ชุบเลี้ยงรัฐเล็กๆ จำนวนหนึ่งร้อยสามสิบเจ็ดรัฐเป็นอาหารแล้วจับกินทั้งเป็นจนเหมือนนรกบนดิน เทพวิญญาณดวงที่สาม เทพวิญญาณโยวจิง” ศิษย์พี่สามเอ่ยเสียงแผ่วเบา

“เขาไตรวิญญาณสะกดมรรคา ดวงวิญญาณดวงที่สองมีชื่อว่าเทพวิญญาณเจวี๋ยหยาง ดวงวิญญาณดวงที่หนึ่งชื่อว่าดวงวิญญาณไทกวง ทั้งสามล้วนอยู่ระดับหวนสู่อนัตตาขั้นสมบูรณ์ เป็นหนึ่งในหกขั้วอำนาจใหญ่แห่งมณฑลรับเสด็จราชัน พลังยากแท้หยั่งถึง”

“นี่คงเพราะเห็นพวกเราเลือกที่นี่ จึงแวะเข้ามาแสดงแสนยานุภาพสักหน่อย”

เสียงทุ้มต่ำของศิษย์พี่สามสะท้อนก้อง สวี่ชิงมองภูเขาล้ำบารมีพ้นเคราะห์ภัย เขาสัมผัสถึงความโหดร้ายของมณฑลรับเสด็จราชันได้ ต่อให้อยากจะทำให้ในพันธมิตรสงบสุขเพียงใด แต่โลกใบนี้ก็ย่อมไม่เป็นเช่นนั้น

ยังเต็มไปด้วยความอันตราย เต็มไปด้วยความโหดร้าย นี่เป็นโลกที่เจ้าไม่สังหารผู้อื่น ผู้อื่นก็จะเข้ามากินเจ้า

ทว่าตอนนี้เอง เสียงกลืนน้ำลายดังเอื๊อกก็ดังขึ้นที่ข้างตัวสวี่ชิเสียอย่างนั้น

ดวงตานายกองจ้องมองไปยังทิศที่เทพวิญญาณโยวจิงจากไปด้วยตาเป็นประกายและพึมพำเสียงต่ำว่า

“ไข่มุกทุกเม็ดล้วนมีท่วงทำนองวิญญาณนับพันปี ผ้าโปร่งขาวนั่นก็เป็นหยกเซียนที่ใช้พลังวิเศษถักทอจนกลายเป็นผ้าโปร่งที่หาได้ยากยิ่ง นี่เป็นผ้าโปร่งจากหยกเซียนผืนหนึ่ง ปราณเซียนตกตะลึงแผ่นฟ้า ถ้ากินเข้าไป ต้องมีประโยชน์มหาศาล

“แล้วก็ขนหงส์ที่เย็บจากเส้นผมนั่น ความเป็นเทพแข็งแกร่งเหลือเกิน!

“ชุดที่ดี ชุดที่ดีของข้าเอ๋ย!!” นายกองหายใจหอบถี่ กลืนน้ำลายไม่หยุด สองตาเปล่งประกายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง…รายละเอียดกำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท