บทที่ 283 ไยต้องรนหาที่ตาย
ผู้ครองกระบี่ สวี่ชิงก่อนหน้านี้เคยได้ยินมาจากนายกอง รู้ว่านี่เป็นหนึ่งในห้ากรมทมิฬที่ขึ้นตรงกับดินแดนเมืองหลวงจักรพรรดิ ในเจ็ดเขตปกครองเผ่ามนุษย์ล้วนมีวังครองกระบี่ และในทุกมณฑลก็จะมีโถงครองกระบี่
แต่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน
ตอนนี้ได้ยินคำพูดนายกอง สวี่ชิงก็ตั้งสมาธิมองไป สายตาเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย ทั้งสองคนบนฟ้า ไม่ว่าจะเป็นคนที่อยู่ข้างหน้าหรือข้างหลัง ความแข็งแกร่งของกำลังรบพวกเขาล้วนแผ่ความน่าหวาดกลัวออกมา ระลอกคลื่นยิ่งน่าตื่นตะลึง
ไม่ว่าคน.f ฝ่ามือหนึ่งซัดมา หากสวี่ชิงไม่มีการป้องกันจากนายท่านเจ็ดต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน
“วังสวรรค์สองวัง…” ขณะที่สวี่ชิงพึมพำ คนสองคนที่คนหนึ่งอยู่ข้างหน้า คนหนึ่งอยู่ข้างหลังบนท้องฟ้า ตอนนี้ขณะไล่ล่า ก็ผ่านมายังแม่น้ำบรรพกาลเร้นหมื่นเทพ ปีศาจชราที่อยู่ข้างหน้ากำลังจะข้ามแม่น้ำ หนีออกไปจากภูเขาล้ำบารมีพ้นเคราะห์ภัย
แต่เมื่อก้มหน้าสายตาเพียงกวาดก็ขับจ้องไปยังเรือของพันธมิตรที่อยู่ข้างล่างเหล่านี้ ประกายเหี้ยมโหดในสายตาเข้มข้น
ตอนนี้เขาบาดเจ็บต้องกลืนกินเลือดลมเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ ดังนั้นจึงไม่สนใจแล้วว่าเรือเหล่านี้เป็นของแปดพันธมิตร สายตาเผยแววโหดเหี้ยม ร่างเพียงไหววูบก็แปลงร่างแยกสิบกว่าร่างออกมา ม้วนหอบลมดำพุ่งตรงมาที่เรือข้างล่าง คิดจะลองทำลายกลืนกิน
แต่ในเสี้ยวพริบตาที่ปีศาจชราตนนี้ประชิดมา เรือของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตก็ส่งเสียงวู้มขึ้นทันที ค่ายกลกางออกทันใด ก่อเป็นพลังน่าตื่นตะลึง แปรเปลี่ยนเป็นเกราะป้องกันชั้นหนึ่ง
ร่างแยกของปีศาจชราร่วงลงมาทุกร่างท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ต่างกระแทกลงมาบนเรือเหล่านี้ ทำให้เกราะป้องกันของเรือบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง ลูกศิษย์แต่ละคนในนั้นหน้าเปลี่ยนสี ยิ่งมีบางคนมีเลือดพุ่งออกมา
โดยเฉพาะส่วนดวงตา
เนื่องจากปีศาจชราผมแดงในตอนนี้ในสายตาของพวกเขาทั่วร่างประดุจหลุมดำขนาดมหึมา บิดม้วนทั่วทุกทิศ มองเพียงแวบเดียวก็ทำให้พวกเขารู้สึกว่าโลกกำลังหมุนวน
มีเพียงพลังบำเพ็ญถึงระดับสวี่ชิงและนายกองเท่านั้นถึงจะเมินพลังกดดันประเภทนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือต่างลงมือในเสี้ยวขณะที่ร่างแยกของอีกฝ่ายซัดฝ่ามือมาที่เรือของพวกเขาทั้งสอง
สวี่ชิงไม่ลังเลแม้แต่น้อย ปล่อยตัวกระตุ้นพิษทันที ช่วงก่อนหน้านี้ในทุกวันที่เขาว่างก็จะโปรยพิษบางอย่างบนเรือ หากพิษพวกนี้ไม่ถูกกระตุ้นก็จะไม่มีอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น กลับมีประโยชน์ช่วยให้เลือดลมยกระดับขึ้นด้วยซ้ำ
หากไม่จัดการทำอะไร ครึ่งเดือนก็จะสลายไปเองตามธรรมชาติ ไม่มีอันตรายซ่อนเร้น
ตอนนี้สวี่ชิงโปรยออกไปมากถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบแปดชนิด จุดประสงค์ก็เพื่อในยามที่เกิดวิกฤตอันตราย สามารถระเบิดพิษได้ในทันที ทำให้คนที่มาได้รับพิษร้าย
ตอนนี้แทบจะในเสี้ยวพริบตาที่ปีศาจตนนั้นมา สวี่ชิงก็ไม่ลังเลที่จะชกไปที่ปีศาจชรานอกเกราะป้องกันหมัดหนึ่งทันที แล้วยังอาศัยการหอบม้วนของหมัดทำให้ตัวกระตุ้นพิษที่สลายไปได้ยากฟุ้งออกไปอีกด้วย
ขณะเดียวกัน มือซ้ายของเขาประสานปางมือท้องฟ้าก็เปลี่ยนสีเกิดเมฆดำขึ้น นิ้วแห้งเหี่ยวข้างหนึ่งกดอัดลงมาจากท้องฟ้า มาพร้อมด้วยความแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง พุ่งตรงไปยังปีศาจชรานอกเกราะป้องกัน
นายกองก็ประสานปางมือเช่นกัน เพียงสะบัดมือ หอกน้ำแข็งเล่มหนึ่งก็พลันสะบัดอย่างโหดเหี้ยม ทันใดนั้นหอกเล่มนี้ก็พุ่งแหวกอากาศมาพร้อมด้วยพลังทำลายล้างอันแข็งแกร่งไม่อาจต้านทาน พุ่งตรงไปยังปีศาจชรา
เพียงพริบตา นิ้วแห้งเหี่ยวกดอัดลงมา หอกน้ำแข็งพุ่งตรงมา ร่างแยกของปีศาจชราส่งเสียงดังบึ้มก็แตกสลาย แปรเปลี่ยนเป็นไอหมอกหอบม้วน
ตอนนี้ร่างแยกของปีศาจชราบนเรือลำอื่นไม่อาจทำลายเกราะป้องกันได้ในชั่วเวลาเพียงสั้นๆ จึงถอยกลับไปหมด แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ทั้งนั้น มีเพียงร่างแยกที่แตกสลายกลายเป็นหมอกพุ่งตรงไปทางสวี่ชิงและนายกอง
เพียงพริบตา หมอกและร่างแยกร่างอื่นก็ผสานรวมกัน ก่อเป็นเงาร่างของปีศาจชรา เขาพลันหันหน้ามา กวาดสายตามองสวี่ชิงและนายกองอย่างโหดเหี้ยม ในดวงตาจิตสังหารลอยเอ่อ แต่ข้างหลังเขาผู้ครองกระบี่ก็ไล่ตามมาแล้ว จึงแค่นเสียงขึ้นจมูก เร่งความเร็วหลบหนี มุ่งหน้าตรงไปยังเขาล้ำบารมีพ้นเคราะห์ภัย
แต่ในตอนนี้เอง รอบๆ เขาก็พลันมีไอเย็นเยือกมหาศาลเกิดขึ้น ท่ามกลางเสียงเปรี๊ยะๆ ก็เริ่มแช่แข็งผนึก เกิดเป็นเขตแดนน้ำแข็งกว้างไกล ยิงเงาแปลกประหลาดมากมายส่งเสียงคำรามอันเงียบเชียบไปหาเขา
ปีศาจชราผมแดงหน้าเปลี่ยนสี วิญญาณเกิดรางเลือนไปทันที ดีที่วังสวรรค์เหนือศีรษะประทับลงมา ระเบิดไปรอบๆ ด้าน แต่ความเร็วก็ได้รับผลกระทบไปเล็กน้อย ผู้ครองกระบี่ที่อยู่ข้างหลังเขาเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
“สมควรตาย!” ปีศาจชราโมโหเดือดดาล มองออกว่าเป็นฝีมือของคนจากพันธมิตรที่อยู่ข้างล่าง แต่ตอนนี้ไม่ทันไปจัดการพวกเขาแล้ว หลังจากจำเอาไว้ในใจกำลังจะเร่งความเร็ว ทว่าเสี้ยวขณะต่อมาใบหน้าที่แต่เดิมก็เป็นสีดำอยู่แล้วของเขาก็ยิ่งดำขึ้นไปอีก
“พิษ!” ปีศาจชรากระอักเลือดสีดำออกมา สีหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง แม้พิษนี้จะคร่าชีวิตเขาไม่ได้ แต่กลับมีผลด้านลบมากมายนัก ทำให้เลือดลมไม่เสถียร พลังบำเพ็ญขาดๆ หายๆ ทั่วร่างยิ่งคันจนยากจะทานทน ขณะเดียวกันคอก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกัน ต้องไอออกมาอย่างอดไม่ได้
ความเร็วของเขาจึงลดช้าลงอีกครั้งเช่นนี้
เสี้ยวพริบตาต่อมา ปราณกระบี่ทางหนึ่งก็พลันประชิดมา ปีศาจชราหลบไม่ทันถูกแทงทะลุอก ส่งเสียงคำรามโหยหวนออกมา หนีไปทางภูเขาล้ำบารมีพ้นเคราะห์ภัยอย่างบ้าคลั่ง
ส่วนผู้ครองกระบี่คนนั้นก็ไม่หยุดรีรอแม้เพียงเล็กน้อย ไล่ตามต่อไป เงาร่างค่อยๆ เลือนหายไปในภูเขาล้ำบารมีพ้นเคราะห์ภัยด้วยกันกับปีศาจชรา หลังจากนั้นครู่หนึ่ง แสงกระบี่ทางหนึ่งก็พุ่งออกมาจากภูเขาล้ำบารมีพ้นเคราะห์ภัยจากเสียงสนั่นหวั่นไหวที่ดังมา
เป็นผู้ครองกระบี่คนนั้นนั่นเอง ในมือของเขาถือศีรษะเอาไว้ศีรษะหนึ่ง เดินอยู่บนท้องฟ้า ในยามที่มาถึงท้องฟ้าเหนือกองเรือของพันธมิตร เขาก้มหน้ามองสวี่ชิงและนายกอง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ไม่รู้ว่าตั้งใจหรืออะไร เขามองไปทางภูเขาล้ำบารมีพ้นเคราะห์ภัยที่สังหารปีศาจชราอีกครั้ง แล้วจึงจากไปไกลในพริบตา
ในภูเขาล้ำบารมีพ้นเคราะห์ภัย ในบริเวณที่ผู้ครองกระบี่ต่อสู้เมื่อครู่จะเห็นซากร่างไร้ศีรษะร่างหนึ่งนอนอยู่ตรงนั้น แต่นิ้วมือในเสี้ยวขณะนี้กลับขยับเบาๆ
เพียงแต่เขาไม่รู้สึกตัวเลยว่า ใต้แสงอาทิตย์ ในเงาข้างๆ เขา ตอนนี้มีดวงตาข้างหนึ่งลืมขึ้น
ในขณะเดียวกัน เหนือแม่น้ำบรรพกาลเร้นหมื่นเทพ สวี่ชิงหรี่ตา การตอบสนองของเจ้าเงาทำให้เขารู้เรื่องแกล้งตายของปีศาจชราผมแดง และการลงมือของอีกฝ่ายเมื่อครู่ก็เห็นได้ว่าคนคนนี้เหี้ยมโหดอำมหิต หากปล่อยให้เขาฟื้นฟูกลับมาได้ ในการเดินทางหลังจากนี้ก็อาจจะเป็นภัยแฝงเร้นได้
ดังนั้นสวี่ชิงจึงมองนายกองแวบหนึ่ง นายกองก็เบนสายตามองมาทางสวี่ชิงทางนั้นเช่นเดียวกัน สองคนมองตากัน
“เป็นภัยแฝงเร้น”
“ในตัวเขามีของล้ำค่า”
ทั้งสองคนแทบจะพูดขึ้นพร้อมกัน จากนั้นในดวงตาก็ต่างฉายแววล้ำลึกออกมา ก่อนจะลุกขึ้นแล้วแปรเปลี่ยนเป็นรุ้งยาวสองทางพุ่งตรงไปยังภูเขาล้ำบารมีพ้นเคราะห์ภัย
หลังจากเข้าไปใกล้ จมูกของนายกองขยับฟุดฟิด ดมกลิ่นรอบๆ กำลังจากหาตำแหน่งโดยละเอียด สวี่ชิงทางนั้นก็พุ่งออกไปก่อนแล้ว เป้าหมายแน่ชัด
นายกองเลิกคิ้ว ตามไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักพวกเขาทั้งสองคนก็พุ่งไปข้างหน้าในภูเขาล้ำบารมีพ้นเคราะห์ภัยแห่งนี้ต่อ เข้าไปในป่าหนาทึบ หลังจากเข้าไปในที่ลึกอีกเล็กน้อยก็เห็นหุบเขาแห่งหนึ่ง
ในหุบเขามีศพไร้ศีรษะศพหนึ่งตอนนี้กำลังลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก ทั้งร่างของเขาอ่อนแรงเป็นอย่างยิ่ง ร่างกายกำลังสั่นสะท้าน แต่ก็ยังคงยืนหยัดประสานปางมือต่อไป
ที่คอมีเนื้อชุ่มเลือดกำลังขยุกขยิก เหมือนจะมีศีรษะงอกใหม่ขึ้นมา แต่เสี้ยวพริบตาต่อมาร่างของเขาก็สะท้านเฮือก ที่เนื้อชุ่มเลือดบนคอมีดวงตาผุดออกมาดวงหนึ่ง มองไปทางเงาร่างสองร่างที่ตอนนี้เดินมาจากนอกหุบเขา
เป็นสวี่ชิงกับนายกองนั่นเอง
“เจ้าหนีของเจ้าดีๆ อย่ามาหาเรื่องพวกเรา พวกเราก็จะไม่ลงมือกับเจ้าเหมือนกัน”
“ทำไปเพื่ออะไรกัน” นายกองแสยะยิ้ม ในดวงตาฉายประกายเย็นเยือก ในดวงตามีใบหน้าที่เหมือนกับเขาทุกประการปรากฏขึ้น กำลังแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียมเช่นกัน ทั่วทั้งร่างยิ่งแผ่ระลอกคลื่นน่ากลัวออกมา ทำให้ปีศาจชราไร้ศีรษะนั่นร่างสั่นสะท้าน
ส่วนสวี่ชิง ใบหน้าไร้อารมณ์ สายตาสงบราวมองคนตาย นับจากที่ลงมือเขาก็เตรียมฆ่าคนคนนี้ให้ตายแล้ว
ตอนนี้ในขณะที่พลังบำเพ็ญทั้งร่างสวี่ชิงแผ่ระลอก ในกายดูเหมือนมีไฟชีวิตเพียงสามดวง แต่กลับทำให้ปีศาจชรานั่นรู้สึกว่าไม่ด้อยไปกว่าผู้บำเพ็ญขั้นวังสวรรค์หนึ่งวังเลย นี่ทำให้ในใจของปีศาจตัวนี้สั่นสะท้านอีกครั้ง
ตอนนี้เขาอ่อนแอเหลือประมาณ วังสวรรค์วังหนึ่งถล่มไปแล้ว วังสวรรค์อีกวังหนึ่งก็จวนเจียนพังทลายแล้วเต็มที แม้แก่นลมปราณยังอยู่ แต่กำลังรบลดฮวบเกือบเป็นศูนย์แล้ว
อาวุธเวทในถุงเก็บของหมดสิ้นแล้ว ถูกผู้ครองกระบี่เอาไปพร้อมกับศีรษะ
ส่วนเขาที่แต่เดิมคิดว่าหลอกผู้ครองกระบี่คนนั้นได้จริงๆ ตอนนี้เมื่อมองไปแล้ว เป็นผู้ครองกระบี่คนนั้นขี้เกียจจะสังหารให้สิ้นซาก ทิ้งไว้ให้เจ้าเด็กสองคนนี้ตอบแทนที่พวกเขาลงมือเมื่อครู่
เขาจึงจะส่งจิตเทพออกไป แต่สวี่ชิงกับนายกองลงมือพร้อมกัน ทั้งสองคนประชิดมายังปีศาจชราไร้ศีรษะพร้อมกัน
ปีศาจชรากระโดดทันทีคิดจะหนี แต่ข้างหลังมีกำแพงน้ำแข็งด้านหนึ่งปรากฏขึ้นในพริบตา ข้างหลังยังมีมหาสมุทรอีกผืนหนึ่งด้วย ท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหวมีคลื่นซัดโถมประดุจคลื่นยักษ์ โจมตีมาหาเขา
ไม่ได้โจมตีแค่ครั้งเดียว แต่โจมตีติดกันถึงเก้าครั้ง ทำให้ปีศาจชราที่บาดเจ็บสาหัสตนนี้สั่นสะท้านบ้าคลั่งไปทั้งกาย ขณะเดียวกับที่ร่างตีลังกาม้วนไปข้างหลัง ในคลื่นยักษ์ซ้อนเก้าลูกนี้มีมือน้ำแข็งยักษ์พุ่งออกมาจากน้ำทะเลอย่างรวดเร็ว คว้าปีศาจชราอย่างโหดเหี้ยม ในมือน้ำแข็งยังมีใบหน้าของนายกองที่หลับตาอยู่ อ้าปากมหึมากลืนกินลงไป
ปีศาจชราสั่นสะท้านไปทั้งกาย ร่างถอยไปอีกครั้ง ตาที่งอกมาที่คอความหวาดกลัวลนลานยิ่งฉายรุนแรง ส่งจิตเทพออกมาอย่างร้อนใจ
“สหายน้อยทั้งสอง เมื่อครู่เป็นข้าที่ผิด ข้า…” ไม่รอให้เขาได้พูดจบสวี่ชิงก็พลันพุ่งออกมา ประชิดเข้าไปอย่างเร็วรี่ ยกมือขวาขึ้นชกไปหมัดหนึ่ง ปีศาจชราสะท้านเฮือกไปทั้งกาย ขณะที่ร่างม้วนถอยหลังเลือดเนื้อเหวอะหวะ มือซ้ายของสวี่ชิงก็ประสานปางมือ ทันใดนั้นท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยเมฆดำทะมึน นิ้วแห้งเหี่ยวพลันกดทับลงมา แตะไปที่เนื้อชุ่มเลือดบนคอของปีศาจชรา
ปีศาจชราส่งจิตเทพน่าสังเวชออกมา ร่างใกล้จะแตกสลายเต็มที แต่เสี้ยวพริบตาต่อมาข้างหลังก็มีคลื่นวนลูกหนึ่งปรากฏขึ้น ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นปากมหึมา พุ่งมาเขมือบเขาลงไป
เสียงกร๊อบดังขึ้น ร่างกายครึ่งท่อนของปีศาจชราตนนี้ก็หายเข้าไปในปากมหึมา จากการเคี้ยวเสี้ยวขณะต่อมาก็มีเสียงอาเจียนดังขึ้น ปากมหึมานั่นคายปีศาจชราออกมา
ปีศาจชราอเนจอนาถเป็นอย่างยิ่ง เอวเกือบหัก ตอนนี้จิตเทพอ่อนแรงเป็นอย่างยิ่ง เหมือนว่าเสี้ยวขณะเมื่อครู่จิตเทพของเขาถูกกลืนกินไปแล้วครึ่งหนึ่ง
สวี่ชิงปรายตามองคลื่นวนนั่นแวบหนึ่ง เคล็ดวิชานี้ก่อนหน้านี้เขาเคยเห็นนายท่านเจ็ดสำแดงมาแล้ว คำเดียวกลืนผู้บำเพ็ญระดับแก่นลมปราณสามคน
“ไม่อร่อยเลย!” คลื่นวนหายไป เงาร่างนายกองเดินออกมา เดินไปด้วยอาเจียนไปด้วย
“เหม็นบูดสุดๆ เลย! ข้าต้องพักหน่อย เฮ้อ มีขนมก็ดีสิ อยากจะอ้วกจริงๆ!” พูดแล้วเขาก็รีบหยิบผิงกั่วออกมาลูกหนึ่ง กัดกร้วมๆ กินมันลงไป เหมือนว่าไม่มีขนมให้กิน ทำได้เพียงใช้ผิงกั่วล้างปาก
สวี่ชิงไม่สนใจ เดินไปข้างหน้าปีศาจชราที่ลมหายใจรวยริน มือขวายกขึ้นกดไปที่หว่างคิ้วของเขา เพลิงพิฆาตปะทุขึ้นทันทีแล้วทำการเผา ไม่นานพลังวิญญาณก็หลอมรวม ท่ามกลางเสียงเปรี๊ยะๆ ช่องเวทช่องที่หนึ่งร้อยสาม หนึ่งร้อยสี่ และหนึ่งร้อยห้าก็พลันทะลวงเปิด
ยังไม่จบแค่นั้น จากนั้นก็เป็นช่องที่หนึ่งร้อยหก หนึ่งร้อยเจ็ด…จวบจนเมื่อช่องเวทช่องที่หนึ่งร้อยแปดทะลวงเปิด ปีศาจชราร่างสั่นสะท้าน วิหคทองปรากฏออกมาข้างหลังสวี่ชิงแล้วดูดกลืนกินเลือดเนื้อปีศาจชราที่สูญเสียวิญญาณและพลังจิตเทพไปแล้วลงไป
กลายเป็นเถ้าธุลี หายไปไม่เหลือแม้ร่องรอย
ทำทุกอย่างเสร็จ สวี่ชิงก็ลุกขึ้น นายกองมองไปทางบริเวณที่ปีศาจชราหายไป ก็ยิ้มให้สวี่ชิง
“อาชิงน้อย เจ้าว่าเขาเป็นปีศาจชรา หรือว่าเป็นพวกเราสองคนที่เป็นปีศาจกัน นี่…เอาเสียสะอาดเกลี้ยงเชียว”
สวี่ชิงขบคิดอย่างจริงจัง กำลังจะอ้าปาก แต่ในตอนนี้ในป่าทึบแห่งนี้ก็พลัน…เกิดหมอกขึ้น!
ลมเย็นยะเยือกพัดเป็นระลอก!