บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1143 อันดับที่หนึ่ง

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1143 อันดับที่หนึ่ง

บทที่ 1143 อันดับที่หนึ่ง

สิ้นเสียงที่ดังก้องไปทั่วแดนโลหิต พื้นผิวของกำแพงแสงก็ถูกปกคลุมไปด้วยระลอกคลื่นสีทองสว่างไสว

หลังจากระลอกคลื่นหายไป รายชื่อที่อยู่บนกำแพงแสงก็เหลือเพียงเจ็ดร้อยชื่อ!

อย่างไรก็ตาม ทุกคนไม่แปลกใจนัก เพราะผ่านมาสามวันแล้ว นับตั้งแต่การทดสอบรอบที่สองได้เริ่มขึ้น ตามอดีตที่ผ่านมา มันก็ถึงเวลาที่การคัดออกจะสิ้นสุดลง

ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องประหลาดใจและตกตะลึง คืออันดับแรกบนกำแพงลอยแห่งแสง ไม่ได้เป็นของเจิ่นลู่แห่งภพพุทธองค์อีกต่อไป แต่กลับเป็นของ…เฉินซี!

กล่าวอีกนัยหนึ่ง เฉินซีแต่เดิมอยู่ในอันดับที่สาม แต้มดาราของเขาได้ก้าวกระโดดแซงหน้าจี้เซวียนปิงและเจิ่นลู่ที่อยู่เหนือกว่า และขึ้นเป็นอันดับหนึ่งทันที!

ยิ่งกว่านั้น ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นก่อนที่เสียงประกาศจะดังก้อง!

ทุกคนต่างคาดไม่ถึง เพราะเฉินซีที่อยู่ในอันดับที่สาม มีแต้มดารารวมกว่าห้าพันดวง แต่ในชั่วพริบตา แต้มดาราของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ทุก ๆ การเปลี่ยนแปลงจะแต้มดาราจะเพิ่มขึ้นสามร้อยถึงห้าร้อยดวง และการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ เกิดขึ้นทั้งหมดสิบครั้ง! ในท้ายที่สุด แต้มดาราหยุดลงที่แปดพันสามร้อยสิบเก้าแต้ม

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในช่วงเวลาสั้น ๆ แต้มดาราของเฉินซีก็เพิ่มขึ้นกว่าสามพันสองร้อยแต้ม!

การเปลี่ยนแปลงแบบนี้เรียกได้ว่าสะท้านใต้หล้า!

แม้แต่เจิ่นลู่ที่ถูกผลักลงไปที่อันดับสอง ก็ครอบครองแต้มดาราเพียงหกพันเจ็ดร้อยกว่าแต้มเท่านั้น และน้อยกว่าเฉินซีถึงหนึ่งพันหกร้อยแต้ม!

หากไม่ได้เห็นมันด้วยสองตาของตนเอง ทุกคนก็คงไม่กล้าเชื่อ และความตกใจเช่นนี้ ส่งผลต่อหัวใจของพวกเขาได้อย่างชัดเจน

ถึงขนาดที่ทั้งจัตุรัสเงียบสงัดในทันที จนได้ยินแม้แต่เสียงเข็มหล่น เมื่อชื่อของเฉินซีขึ้นสู่อันดับที่หนึ่ง ในขณะนั้นแม้แต่ขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นอย่างหวังต้าวหลูที่เป็นประธานในการทดสอบ ก็ยังมึนงงอยู่พักใหญ่ และรู้สึกหายใจไม่ออกด้วยซ้ำ

ด้วยเหตุนี้เอง ทุกคนจึงไม่แปลกใจเมื่อชื่อบนกำแพงแสงได้เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เมื่อการคัดออกสิ้นสุดลง

อย่างไรก็ตาม ความคิดของทุกคนก็มุ่งไปที่ชื่อที่อยู่ในอันดับที่หนึ่ง!

เฉินซี!

ไม่มีใครกล้าประเมินชื่อนี้ต่ำไปอีกแล้ว

คนส่วนใหญ่ต่างรับรู้ได้ราง ๆ ว่าสาเหตุที่แต้มดาราของเฉินซีเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วนั้น จะต้องเกี่ยวข้องกับตระกูลจั่วชิวอย่างแน่นอน

เนื่องจากในเวลาเดียวกัน บางรายชื่อในร้อยอันดับแรกบนกำแพงแสงก็จางลง และหายไปในที่สุด

แต้มดาราเปลี่ยนไปถึงสิบครั้ง ในขณะที่สิบรายชื่อได้หายไปจากร้อยอันดับแรก เป็นข้อเท็จจริงที่กระตุ้นความคิดมากที่สุดก็คือ ชื่อเหล่านี้ล้วนเป็นคนแซ่จั่วชิว!

ทั้งหมดนี้ทำให้ทุกคนตระหนักได้อย่างชัดเจนว่า เฉินซีได้ฆ่าศิษย์สิบคนของตระกูลจั่วชิว ทำให้แต้มดาราเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่ามีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง นั่นคือตระกูลจั่วชิวเดิมทีตั้งใจจะตามล่าเฉินซี แต่กลับถูกฆ่าแทน…

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเกี่ยวข้องกับตระกูลจั่วชิว และนี่คือความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้

“เฮ้อ ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับเกียรติอันยอดเยี่ยม แต่อาจจะต้องเผชิญกับสถานการณ์เลวร้ายในภายหน้า เพราะไปล่วงเกินตระกูลจั่วชิวเข้า” บางคนอดไม่ได้ที่จะกังวลเกี่ยวกับอนาคตของเฉินซี หลังจากที่รู้เรื่องทั้งหมดนี้

“ฮึ่ม! นี่คือการทดสอบ หรือมีเพียงศิษย์ของมหาอำนาจเท่านั้นที่สามารถฆ่าคนอื่นได้? แล้วการทดสอบนี้จะมีความหมายอะไร? ข้าคิดว่าเฉินซีนั้นทำได้ดีแล้ว” มีคนออกหน้าเพื่อเฉินซี

“ตระกูลจั่วชิวจะแก้แค้นเฉินซี? ช่างเป็นเรื่องน่าขัน! อัจฉริยะเช่นนี้จะเข้าสู่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า แน่นอน ด้วยการคุ้มครองของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า ไม่ว่าตระกูลจั่วชิวจะน่าเกรงขามเพียงใด พวกมันก็ทำได้เพียงกลืนความคับข้องใจนี้ลงท้องตัวเอง!” มีคนไม่แยแสต่อเรื่องนี้เช่นกัน

“เจ้ากล่าวถูกแล้ว แต่อย่าลืมว่าตระกูลจั่วชิวมีอิทธิพลระดับหนึ่งในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถจัดการกับเฉินซีในที่แจ้งได้ แต่ใครจะรู้พวกเขาอาจใช้เล่ห์กลบางอย่างในที่ลับ” อีกคนกล่าวด้วยความกังวล

สรุปแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อย่างน้อยทั้งหมดนี้ก็แสดงให้เห็นว่า เฉินซีได้กลายเป็นศูนย์กลางของความสนใจในขณะนี้ เพียงแค่เกียรตินี้ก็เพียงพอที่จะเขย่าภพเซียน และเป็นที่รู้จักของทุกคน!

“ไปสืบหาให้แน่ชัด ว่าแท้จริงแล้วเฉินซีคนนี้คือใคร! ข้าจะยอมรับคำขอทั้งหมดของเขา หากเราสามารถพาเขามาที่ตระกูลโม่ชีของเราได้!”

“ช่างเป็นชายหนุ่มที่น่าสนใจ เขามาจากทวีปทักษิณาหรือ? ที่นั่นไม่มีกองกำลังน่าเกรงขามมากมายนัก แต่ชายหนุ่มเช่นนี้เป็นสิ่งที่ตระกูลเจี้ยงของเราต้องการตัวมากที่สุด!”

“ไปตรวจสอบภูมิหลังของเฉินซี อย่าให้เขาถูกกองกำลังอื่นดึงตัวไปได้!”

ปฏิกิริยาของเหล่าผู้ยิ่งใหญ่จากมหาอำนาจที่มีต่อเฉินซีนั้น กลับเหมือนกันอย่างน่าประหลาด พวกเขาต่างสั่งคนในตระกูล ว่าจะต้องดึงตัวคนผู้นั้นมาให้ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม!

ถึงเฉินซีจะอยู่เพียงขอบเขตเซียนลึกลับขั้นต้น และมาจากทวีปทักษิณา และอาจกล่าวได้ว่า ไม่มีรากฐานใด ๆ ดังนั้นหากพวกเขาสามารถผูกมัดกับอัจฉริยะเช่นนี้ได้ ไม่ว่าจะราคาเท่าใดที่ต้องจ่ายในตอนนี้ มันจะคุ้มค่าในระยะยาวแน่นอน!

“คุณหนู คุณชายเฉินซีผู้นี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ” ชายชรายิ้ม

“แน่นอน ข้ารู้มานานแล้วว่า เขาจะต้องน่าเกรงขามมากกว่าผู้ใด!” มุมปากของมู่หลิงหลงเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันภาคภูมิ ดูเหมือนนางจะภูมิใจในความสำเร็จของชายหนุ่มเป็นอย่างมาก

“แต่… ข้าได้ยินมาว่า คุณชายจวินหลินไม่ได้เป็นมิตรกับเฉินซี?” ชายชราเปลี่ยนหัวข้อและกล่าวทันที

“ญาติผู้พี่ของข้าคนเก่งในทุก ๆ ด้าน แต่ข้อบกพร่องเดียวของเขาคือหยิ่งผยองและยโสเกินไป เขาดูถูกเฉินซีในวันนั้น บอกว่าเหมือนขอทาน ช่างน่าขันนัก! ช่างมันเถอะ อย่าไปกล่าวถึงเลย มันทำให้ข้าเสียอารมณ์” มู่หลิงหลงโบกมือ และรู้สึกหงุดหงิดเมื่อพูดถึงมู่จวินหลิน

“สหายเก่า ตอนนี้เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง” เถี่ยชิวอวี้กล่าวผ่านกระแสปราณไปยังหวังต้าวหลู ในขณะที่ยิ้มกว้างจากจนถึงใบหู

“ฮึ่ม!”

หวังต้าวหลูคำรามอย่างเย็นชา ในขณะที่สีหน้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่กลับลอบถอนหายใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุดแทน

ไม่ว่าจะไม่อยากยอมรับมันต่อหน้าเถี่ยชิวอวี้เพียงใด แต่ความประหลาดและไม่ธรรมดาของเฉินซีก็เป็นของจริง เมื่อหวนคิดว่าครั้งหนึ่งเคยมีโอกาสได้รับคนผู้นี้เป็นศิษย์เอก ชายวัยกลางคนก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย

แต่หวังต้าวหลูไม่สามารถเปิดเผยอะไรได้ และกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “เขาเป็นคนที่ไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง หากเขาสามารถกลายเป็นสุริยันอันเจิดจ้าอีกดวงหนึ่งของภพเซียนได้ บางทีข้าอาจเอ่ยขออภัยเจ้า แต่ตอนนี้… เราจะได้เห็นกันหลังจากการทดสอบรอบที่สามสิ้นสุดลง”

“เจ้าช่างดื้อดึงยิ่งนัก!” เถี่ยชิวอวี้ถ่มน้ำลาย แต่ใบหน้าของชายชราเต็มไปด้วยความพึงพอใจ พอใจมากที่เฉินซีสามารถทำสิ่งนี้ได้สำเร็จ

ในบรรดาผู้คนที่อยู่ในตอนนี้ มีเพียงจั่วชิวเคอและเหล่าคนของตระกูลจั่วชิวเท่านั้นที่มีสีหน้าไม่น่าดู พวกเขารับรู้ได้อย่างชัดแจ้งว่า เมื่อชื่อของเฉินซีขึ้นสู่อันดับที่หนึ่ง สายตาแปลก ๆ จำนวนมากก็พุ่งตรงมาที่พวกตน

สายตาเหล่านี้มีทั้งการเย้ยหยัน การถากถาง และสมเพช… มันทำให้พวกเขารู้สึกอึดอัด และสีหน้าไม่น่าดูยิ่งขึ้น

“ไอ้สารเลวนั่น!” จั่วชิวเคอกัดฟันแน่น และเกือบจะควบคุมความรู้สึกของตนไม่ได้ ที่หว่างคิ้วของนางก็เต็มไปด้วยความเย็นชาและความอำมหิต

“เราคงต้องขอร้องให้ผู้ยิ่งใหญ่ของตระกูลจั่วชิวในสำนักศึกษาจัดการเขา…” ชายชราในชุดสีเทาที่อยู่ข้าง ๆ ถอนหายใจและกล่าวว่า “แต่ด้วยเหตุนี้ เราจำเป็นต้องดำเนินการอย่างลับ ๆ ท้ายที่สุดนี่คือสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า และตระกูลจั่วชิวของเราไม่สามารถแตะต้องโยงกับข้อห้ามบางอย่างได้”

“เรายังมีเวลาอีกมากสำหรับเรื่องนั้น” จั่วชิวเคอหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะปรับสีหน้าให้กลับสู่ความสงบ เสียงของนางเฉยเมยมากขึ้นเรื่อย ๆ “ถ้ามันคิดว่าเมื่อเข้าสู่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าแล้วจะปลอดภัย ไปแสดงให้มันเห็นว่ามันคิดผิด!”

“โอ้! แต้มดาราของศิษย์ทุกคนบนกำแพงแสงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว!”

“มันเริ่มแล้ว! ในที่สุด มันก็เริ่มขึ้นแล้ว!”

ในขณะนี้ สัตว์อสูรจักรวาลและผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพในแดนโลหิตได้ถูกสังหารจนหมดสิ้น และวิธีเดียวที่จะได้รับแต้มดารา ก็คือการฆ่ากันเอง!”

“แน่นอน ด้วยวิธีนี้ จำนวนแต้มดาราที่พวกเขาได้รับจะมากจนน่าตกใจ ตราบใดที่สามารถฆ่าคู่ต่อสู้ในการทดสอบได้ อย่างน้อยที่สุดก็จะได้รับแต้มดาราสามร้อยดวง!”

“ไม่แปลกใจเลยที่หลาย ๆ ชื่อในบรรดาเจ็ดร้อยคนนั้นจางหายไป แม้จะไม่หายไปจากกำแพงแสง แต่พวกเขาอาจถูกกำจัดออกจากแดนโลหิตแล้ว”

“นี่คือการแข่งขันที่แท้จริง ข้าตั้งตารอการต่อสู้ระหว่างผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับสูงของภพพุทธองค์ ภพเซียน ภพวิหคอมตะ และภพมังกร นั่นจะเป็นช่วงเวลาที่แต้มดาราเปลี่ยนแปลงมากที่สุด!”

“พวกเจ้าทุกคนคิดว่าเฉินซีที่ได้อันดับที่หนึ่ง จะสามารถยืนหยัดได้จนจบหรือไม่?”

“มันคงเป็นเรื่องยากยิ่ง เพราะขั้นสุดท้ายของการทดสอบ จะวนเวียนอยู่กับการต่อสู้แบบกลุ่ม ในขณะที่เขาตัวคนเดียว เขาจึงอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะแต้มดาราแปดพันดวงนั่น เขาคงกลายเป็นเนื้อย่างอันโอชะในสายตาของคนอื่นไปแล้ว…”

“เจ้ากล่าวถูกแล้ว เฉินซีเป็นเหมือนขุมสมบัติอันล้ำค่า ผู้คนปรารถนาที่จะครอบครองมัน ดังนั้นเขาจึงตกอยู่ในสถานการณ์ที่มีศัตรูอยู่ทุกหนทุกแห่งอย่างแน่นอน!”

แต้มดาราที่อยู่ด้านหลังชื่อของศิษย์ทุกคนที่เข้าร่วมการทดสอบ ได้เริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและเติบโตขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ในเวลาเดียวกัน หลาย ๆ ชื่อก็ค่อย ๆ จางลง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาถูกสังหารแล้ว

ในสายตาของทุกคน เฉินซีผู้มีแต้มดารากว่าแปดพันดวง ย่อมกลายเป็นเนื้อย่างอันโอชะที่ศิษย์คนอื่น ๆ ต่างต้องแย่งชิงในช่วงสุดท้ายของรอบนี้

มันเหมือนกับกลุ่มผู้เยี่ยมยุทธ์ที่ไล่ล่ากวาง และเฉินซีก็คือกวางตัวนั้น!

เฉินซีไม่ทราบถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกภายนอก ชายหนุ่มกำลังไล่ตามศิษย์ของตระกูลจั่วชิวด้วยสีหน้าสงบ การเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย ได้สะท้อนให้เห็นภายในเนตรเทวะแห่งความจริงที่อยู่ระหว่างคิ้ว

แม้จะไม่สามารถกำจัดศิษย์ของตระกูลจั่วชิวจากการทดสอบได้อย่างสมบูรณ์ แต่ตราบใดที่ฆ่าพวกมันได้ เขาก็ยังได้รับแต้มดาราจำนวนมาก ดังนั้นเฉินซีย่อมไม่หยุดอยู่แค่นั้น

แน่นอนว่า ชายหนุ่มไม่ทราบว่าจำนวนแต้มดาราที่ตนครอบครองอยู่ได้กลายเป็นอันดับหนึ่งบนกำแพงลอยแห่งแสงไปแล้ว รู้เพียงว่ายิ่งได้รับแต้มดารามากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น

หนึ่งชั่วยามต่อมา เฉินซีหยุดอยู่ที่ช่องเขาแห่งหนึ่ง เงาเย็นยะเยือกและลึกล้ำได้หลั่งไหลออกมาจากดวงตาแนวตั้งที่หว่างคิ้ว มันแสดงทุกสิ่งสะท้อนในจิตใจอย่างสมบูรณ์ รวมถึงสิ่งที่เล็กที่สุดในระยะสองงร้อยห้าสิบลี้ที่อยู่รอบตัว

หลังจากนั้น รอยยิ้มแปลก ๆ ปรากฏบนใบหน้าของชายหนุ่ม ภาพที่เห็นคือศิษย์ของตระกูลจั่วชิวเหล่านั้นถูกหยุดโดยบางอย่าง พร้อมกับจิตสังหารอันแรงกล้า!

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท