บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1153 อันดับที่หนึ่ง

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1153 อันดับที่หนึ่ง

บทที่ 1153 อันดับที่หนึ่ง

เจิ่นลู่ 13,400 แต้มดารา

จี้เซวียนปิง 12,900 แต้มดารา

เฉินซี 12,300 แต้มดารา

จ้าวเมิ่งหลี 12,290 แต้มดารา

ชื่อเหล่านี้ยังคงกะพริบอยู่บนกำแพงแสง ในหมู่พวกเขาคือผู้เยี่ยมยุทธ์ชั้นนำจากภพพุทธองค์ ผู้สืบเชื้อสายของวิหคอมตะจากภพวิหคอมตะ และลูกหลานของหนึ่งในเจ็ดตระกูลโบราณที่ยิ่งใหญ่อย่างตระกูลจี้

ในทางกลับกัน เฉินซีได้กลายเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของภพเซียนที่มีภูมิหลังและต้นกำเนิดธรรมดายิ่ง ชายหนุ่มมาจากทวีปทักษิณา และเป็นคนที่ขึ้นมาจากภพมนุษย์!

คนส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่ ต่างก็ไม่เคยได้ยินชื่อทวีปทักษิณามาก่อน เพราะภพเซียนนั้นกว้างใหญ่ไพศาล และสิ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดในนั้นคือ สี่มหาทวีป ดังนั้น จะมีใครสนใจและจำชื่ออีกสี่พันกว่าทวีปได้หรือไม่?

ในบรรดาสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนในภพเซียน พวกเขาส่วนใหญ่อาจไม่เคยแม้แต่จะก้าวเท้าออกจากทวีปที่ตนอาศัยอยู่มาตลอดชีวิต ไม่ต้องกล่าวถึงความรู้ของทวีปอื่น ๆ

แต่ในเวลานี้ ชื่อของทวีปทักษิณาได้ถูกสลักอยู่ในใจของทุกคนที่อยู่ที่นี่ และเหตุผลก็เป็นเพราะคนคนเดียว เฉินซี!

ผู้ข้ามผ่านจากภพมนุษย์ ชายหนุ่มในขอบเขตเซียนลึกลับขั้นต้น กลับได้อันดับที่สามในรอบที่สองของการทดสอบ สิ่งนี้สามารถอธิบายได้ว่า เป็นดั่งปาฏิหาริย์อย่างแท้จริง!

ในการทดสอบคัดเลือกของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าในอดีต เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อน

ดังนั้นทุกคนที่อยู่ที่นี่ในตอนนี้ จึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงความรู้สึกตกตะลึงในใจได้ แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่จากมหาอำนาจเหล่านั้น ก็ยังอยากรู้จักเฉินซีอย่างลึกซึ้ง

“ข้าไม่เคยคิดเลยว่า คนผู้นี้จะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ แต่ข้ากลับกังวลว่าเขาจะถูกกำจัดด้วยน้ำมือของตระกูลจั่วชิว” เหลียงเริ่นพึมพำท่ามกลางฝูงชน ใบหน้าเต็มไปด้วยความชื่นชมและความประหลาดใจ

“ข้าบอกแล้วว่าเขารู้สึกว่าเราเป็นภาระ และตอนนี้มันก็เป็นจริงแล้ว” กู่เยวหมิงกล่าวหยอกล้อ

“เจ้าทั้งคู่ทำได้ดีมาก” เถี่ยชิวอวี้ที่อยู่ใกล้เคียงยิ้ม “เดิมที ข้าคิดว่าคงจะโชคดีถ้ามีสักคนจากทวีปทักษิณาของเราสามารถเข้าสู่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าได้ แต่ข้าไม่เคยคิดว่าจะมีถึงสี่คน”

“สี่คนหรือ?” เหลียงเริ่นและกู่เยวหมิงขมวดคิ้ว

“แน่นอน นอกจากนี้ยังมีสาวน้อยจากตระกูลอิน อนิจจา ข้ารู้สึกสงสารเจียงจูหลิวคนนั้นจริง ๆ ตอนนี้เขาได้รับผลกระทบจากปีศาจภายในใจ และกลับไปยังทวีปทักษิณาแล้ว เส้นทางในเต๋าอาจจะหยุดอยู่แค่นี้” เถี่ยชิวอวี้ถอนหายใจ

เหลียงเริ่นและกู่เยวหมิงกลับเฉยเมย ไม่ได้รู้สึกสงสารเจียงจูหลิวเลยสักนิด สิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจ คืออินเหมียวเมี่ยวไม่ได้ถูกคัดออกจากการทดสอบนี้

“การทดสอบรอบที่สามยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ มันยังเร็วเกินไปที่จะด่วนตัดสิน” เหลียงเริ่นส่ายศรีษะ

เถี่ยชิวอวี้โบกมือไปมา “อย่าได้กังวล ข้าวัดเจตจำนงเต๋าแห่งการต่อสู้ของพวกเจ้าทั้งหมดด้วยมือของข้าเอง ตราบใดที่ไม่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันใหญ่ขึ้น พวกเจ้าทุกคนก็จะไม่ถูกคัดออกจากการทดสอบรอบที่สาม”

เหลียงเริ่นและกู่เยวหมิงรู้สึกสบายใจมากขึ้นเมื่อได้ยินสิ่งนี้

ทันใดนั้น เถี่ยชิวอวี้ก็เงยหน้าขึ้น และมองไปที่หวังต้าวหลูที่ยืนอยู่กลางอากาศ ก่อนจะเสียงหัวเราะลั่น ขณะกล่าวผ่านกระแสปราณว่า “สหายเก่า ตอนนี้เจ้ายิ่งรู้สึกเสียใจมากขึ้นหรือไม่”

“ฮึ่ม!” คำตอบของหวังต้าวหลูในครั้งนี้ง่ายมาก และเป็นเพียงเสียงคำรามอย่างเย็นชา แต่เมื่อมันเข้าไปในหูของเถี่ยชิวอวี้ มันทำให้ชายชราหัวเราะอย่างร่าเริงมากขึ้น ราวกับได้ล้างแค้นศัตรูตัวฉกาจ

ในอีกด้านหนึ่ง ที่มุมหนึ่งในฝูงชน อินเหมียวเมี่ยวยืนอยู่เพียงลำพัง ขณะจ้องมองไปยังชื่ออันดับที่สามบนกำแพงลอยแห่งแสง นางกัดริมฝีปากสีแดงแน่น ความรู้สึกพ่ายแพ้รุกล้ำเข้ามาในหัวใจ สีหน้าของนางทั้งมืดมนและหม่นหมอง

เสียงนั้นเหมือนดังก้องอยู่ข้างหูนางอีกครั้ง ‘เจ้าจะไม่มีคุณสมบัติที่จะท้าทายข้าในอนาคต!’

ตอนนี้ ดูเหมือนจะเป็นจริงแล้ว…

จู่ ๆ อินเหมียวเมี่ยวก็สั่นสะท้าน เมื่อรู้สึกถึงความโดดเดี่ยวและเย็นยะเยือกจากภายในสู่ภายนอก

“พี่ใหญ่หลิงหลง เจ้าขอให้ข้าดูแลเฉินซี เจ้าไม่เห็นหรือว่าเขาอยู่ในอันดับที่สาม!?” มู่เสี่ยวลิ่วกล่าวด้วยความโกรธอยู่ภายในห้องโถงที่ห่างไกลจากจัตุรัส

มู่หลิงหลงกลอกตา และกล่าวด้วยความโกรธว่า “ถ้าข้ารู้ว่าเขาจะสามารถครองอันดับที่สามได้ แล้วขยะอย่างเจ้ายังจำเป็นจะต้องช่วยเขาอีกหรือ? แล้วเจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าเจ้าได้ช่วยเขาในการทดสอบรอบที่สอง?”

ใบหน้าของมู่เสี่ยวลิ่วแข็งค้าง ขณะพึมพำด้วยความโกรธ “ถึงข้าจะไม่ได้ช่วย แต่ข้าก็ไม่ใช่ขยะ ข้าได้ตั้งอันดับที่สามสิบเจ็ดเชียวนะ!”

มู่หลิงหลงไล่ต้อนอย่างต่อเนื่อง “อย่าได้ลืมคำที่ญาติผู้พี่จวินหลินได้กำชับไว้ ว่าเจ้าจะไม่สามารถกลับไปที่ตระกูลได้ หากเจ้าไม่สามารถติดในสิบอันดับแรก!”

ดวงตาของมู่เสี่ยวลิ่วเปิดกว้าง ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากอย่างอ่อนแรง “เฮ้อ ข้ามู่เสี่ยวลิ่วไม่สามารถเปรียบเทียบกับเฉินซีได้ แต่เฉินซีก็เทียบกับเจิ่นลู่และจี้เซวียนปิงไม่ได้เหมือนกันไม่ใช่หรือ?”

เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มค่อนข้างไม่มั่นใจ ในความเหนือกว่าของเฉินซี

คิ้วเรียวงามของมู่หลิงหลงเลิกขึ้น นางกำลังจะดุด่ามู่เสี่ยวลิ่ว ทว่าเสียงอุทานด้วยความตกใจอย่างท่วมท้นก็ดังขึ้นอย่างกะทันหันจากจัตุรัสที่ห่างไกล และคลื่นเสียงมากมายกลบทั้งฟ้าดิน

หลังจากนั้น มู่หลิงหลงก็ไม่จำเป็นต้องดุด่ามู่เสี่ยวลิ่วอีกต่อไป เพราะยามนี้ชายหนุ่มอึ้งจนหน้าถอดสี

“โอ้ สวรรค์! อันดับที่หนึ่ง!”

“แต้มดาราของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึงห้าพัน! หรือว่าเขาฆ่าสัตว์อสูรจักรวาลขอบเขตเซียนทองคำได้?”

“บัดซบ! อย่าชักช้า บอกมาเร็วว่าใคร!”

“จะใครอีก? แน่นอนว่าเฉินซี!”

“เฉินซี? เขา… เขา…เขา… ได้อันดับที่หนึ่งเหรอ? เขามัน…ตัวประหลาด!”

คลื่นเสียงดังก้องมากมาย และเต็มไปด้วยความตื่นเต้นอันร้อนแรง สายตาจำนวนมากจับจ้องไปยังอันดับที่หนึ่งบนกำแพงแสงอย่างพร้อมเพรียงกัน และเมื่อมองไปที่แต้มดาราที่มีมากมายกว่าหมื่นเจ็ดพันแต้ม ก็ไม่อาจปกปิดความตกใจบนใบหน้าได้อีกต่อไป

ในเวลาเพียงชั่วพริบตา แต้มดาราห้าพันแต้มก็ปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน ทำให้เฉินซีสามารถแซงหน้าจี้เซวียนปิงและเจิ่นลู่ได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้แต้มดาราต่างกันเกือบสี่พันแต้ม!

ใครจะไปนึกฝันว่าจะเกิดฉากเช่นนี้ขึ้น?

เถี่ยชิวอวี้ก็ไม่ได้คาดคิด

หวังต้าวหลูก็เช่นกัน

ไม่มีสักคน!

เป็นเพราะไม่เคยคาดคิดมาก่อน จึงตกใจมากเมื่อเห็นฉากนี้

พรวด!

ในห้องโถงแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างออกไป จั่วชิวอินผู้ซึ่งถูกกำจัดไปเมื่อนานมาแล้ว ไม่สามารถระงับความคับข้องในใจของตนได้ และกระอักเลือดออกมาเมื่อเห็นฉากดังกล่าว

ชายหนุ่มโกรธมากจริง ๆ เพราะทราบอย่างชัดเจนว่า มากกว่าครึ่งหนึ่งของแต้มดาราที่เฉินซีครอบครองนั้น มาจากคนในตระกูลจั่วชิว กล่าวอีกนัยหนึ่ง เฉินซีได้รับเกียรติอันสูงสุดนี้ จากการก้าวข้ามศพของพวกตน!

ไม่ใช่แค่จั่วชิวอินเท่านั้น สีหน้าของศิษย์คนอื่น ๆ ของตระกูลจั่วชิวนั้นดำเหมือนก้นกระทะ และไม่น่าดูอย่างยิ่ง พวกเขาทั้งหมดกัดฟันแน่น ในขณะที่เกือบระเบิดจากความเกลียดชัง

ในทางกลับกัน จั่วชิวเคอสูญเสียความสงบไปอย่างสิ้นเชิง นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ขยะ! พวกขยะ! ความช่วยเหลือมากมายถูกจัดเตรียมไว้สำหรับพวกเจ้าทุกคน และใช้ทรัพยากรในตระกูลของเราไปมากมาย แต่พวกเจ้ากลับไม่สามารถจัดการกับมดตัวเล็ก ๆ ได้ พวกเจ้าจะเป็นตัวอะไรถ้าไม่ใช่ขยะ!”

จั่วชิวอินและคนอื่น ๆ เงียบเหมือนจักจั่นในฤดูหนาว และใบหน้าไม่น่าดูยิ่งขึ้น

“คุณหนู สงบใจก่อน ผลลัพธ์ถูกกำหนดไว้แล้ว และไม่มีทางที่จะหยุดเฉินซีไม่ให้เข้าสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าได้อีกต่อไป บางทีเราอาจจะแก้แค้นเขาได้ที่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า” ชายชราในชุดสีเทาแนะนำจากด้านข้าง

“ข้าเข้าใจเรื่องนี้ดี แต่สิ่งที่ทำให้ข้าเจ็บปวดก็คือ ตระกูลจั่วชิวของเราเสียหน้าอย่างที่สุดในวันนี้!” จั่วชิวเคอกัดฟัน “ในการทดสอบเพื่อคัดเลือกที่ผ่านมาของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า มีครั้งใดบ้างที่ตระกูลจั่วชิวของข้าต้องเสียหน้าเช่นนี้? ข้า… ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าจะอธิบายเรื่องนี้กับพี่ใหญ่อย่างไร!”

คนอื่น ๆ ต่างนิ่งเงียบ

เป็นความจริงที่ผลงานของศิษย์ตระกูลจั่วชิวในระหว่างการทดสอบรอบที่สองนั้น มันย่ำแย่อย่างยิ่ง และด้อยกว่าศิษย์ของตระกูลโบราณที่ยิ่งใหญ่อื่น ๆ มาก

ทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนสังเกตเห็นพวกเขาทั้งหมด ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด การเยาะเย้ยต่อตระกูลจั่วชิวจะสยายปีกและบินไปทั่วภพเซียน ก่อนที่การทดสอบเพื่อคัดเลือกจะสิ้นสุดลงด้วยซ้ำ!

ในเวลานั้น ชื่อเสียงของตระกูลจั่วชิวก็จะเสื่อมเสียเช่นกัน! และทั้งหมดนี้เกิดจากฝีมือของคนเพียงคนเดียว เฉินซี!

“เฉินซี! ไอ้สารเลวที่ไม่ควรเกิดมาบนโลกใบนี้! ฝากไว้ก่อนเถอะ! แม้ว่าเจ้าจะเข้าสู่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า แต่เจ้าก็ต้องชดใช้เป็นร้อยเท่าสำหรับเรื่องทั้งหมดนี้!” จั่วชิวเคอหายใจเข้าลึก ๆ และกัดฟัน ขณะกล่าว ใบหน้ารูปไข่ที่สวยงามของนางถูกปกคลุมไปด้วยความโหดเหี้ยมและแน่วแน่

ในขณะเดียวกัน หลังจากเฉินซีก้าวขึ้นสู่อันดับหนึ่งบนกำแพงแสง จี้เซวียนปิงที่อยู่ในอันดับสาม และจ้าวเมิ่งหลีที่อยู่ในอันดับสี่ ต่างก็ออกจากแดนโลหิตตามลำดับ

เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนตระหนักดีว่า หากอยู่ในแดนโลหิตต่อ ก็คงไม่สามารถรับแต้มดาราได้อีก ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะจากไป

ดังนั้นมีจึงเหลือเพียงเจิ่นลู่และเฉินซีเท่านั้น ที่ยังคงอยู่ในแดนโลหิต และยังไม่ได้ปรากฏตัว ยิ่งไปกว่านั้น แต้มดาราที่พวกเขาครอบครองก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นจึงทำให้มันดูแปลกมาก

‘เฉินซีอยู่ที่ใดกัน? เขาได้อันดับที่หนึ่งแล้ว แต่ยังไม่ออกมาอีกหรือ?’

นี่คือเสียงในใจของทุกคน

ในขณะนี้ เฉินซีกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ภายในสระบงกชคราม ขณะดูดซับปราณบริสุทธิ์ของมหาเต๋า และไม่รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกภายนอก

หลังจากผ่านไปนาน เมื่อชั้นของเหลวหนาที่ก่อตัวขึ้นจากปราณบริสุทธิ์ของมหาเต๋าภายในสระบัวสีน้ำเงินที่กว้างสิบสองจั้งได้หายไป เฉินซีก็ผ่อนลมหายใจออกมา ก่อนจะลืมตาขึ้น

ชายหนุ่มสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ร่างกายของตนบริสุทธิ์และโปร่งแสง สำหรับจิตวิญญาณ ดูเหมือนจะได้รับการชำระโดยปราณบริสุทธิ์ของมหาเต๋า ทำให้ร่างกายปลอดโปร่ง ความคิดไร้ที่ติ ปราศจากมลทินใด ๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริเวณกลางอก มีกระแสลมพวยพุ่งขึ้นจากจุดนั้น ซึ่งวิญญาณปฐพีกำลังก่อตัวขึ้นที่นั่น และเป็นสัญญาณว่าตนกำลังจะบรรลุสู่ขอบเขตเซียนลึกลับขั้นกลาง!

วิญญาณปฐพีเป็นที่กักเก็บปราณที่ขุ่นมัวทั้งหมดในร่างกายของผู้เป็นเซียน และมันถูกเรียกว่าด่านที่สองของด่านแห่งความลึกลับทั้งสาม ถ้าผู้ใดต้องการทะลวงผ่านด่านนี้ คนผู้นั้นก็ต้องกำจัดปราณที่ขุ่นมัวในวิญญาณปฐพีออกไปให้สิ้น เพื่อปล่อยให้คนคนนั้นได้แสวงหาตัวตนที่แท้จริง และตัดขาดชะตากรรมของภพมนุษย์

มันถูกเรียกว่า ‘การตัดขาดชะตากรรมของมนุษย์’

เมื่อคนหนึ่งเกิดมาบนโลก และดื่มกินธัญญาหารแห่งภพมนุษย์ บุคคลนั้นจะได้รับผลกระทบจากความชั่วร้าย ซึ่งในบรรดาวิญญาณทั้งสามนั้น วิญญาณปฐพีไม่สามารถหลีกเลี่ยงจากเป็นมลทินด้วยปราณที่ขุ่นมัวนี้ได้ ในขณะที่ขอบเขตเซียนลึกลับขั้นกลางนั้นจำเป็นต้องขจัดปราณที่ขุ่นมัวภายในจิตวิญญาณ ทำให้ร่างกายเซียนของบุคคลนั้นบริสุทธิ์มากขึ้น เพื่อให้บรรลุกระบวนการเปลี่ยนแปลงของแก่นแท้ของชีวิต

ตอนนี้ หลังจากที่ดูดซับปราณบริสุทธิ์ของมหาเต๋าภายในสระน้ำ วิญญาณปฐพีของเฉินซีก็ใสและสว่างเหมือนผลึกแก้ว ปราณขุ่นมัวที่อยู่ภายในได้ถูกขจัดออกไปอย่างสมบูรณ์ ขาดเพียงอีกก้าวเดียว ก็จะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเซียนลึกลับขั้นกลางได้!

‘นึกไม่ถึงเลย ปราณบริสุทธิ์บางส่วนจากมหาเต๋าที่สร้างขึ้นโดยบงกชครามบรรพกาล จะทำให้ข้าสามารถแตะขอบเขตเซียนลึกลับขั้นกลางได้ ถ้าข้ากินใบของบงกชครามบรรพกาล ข้าก็อาจจะบรรลุในการบ่มเพาะในทันทีกระมัง?’

เฉินซียืนขึ้น ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะสรรเสริญในใจ ในขณะที่สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของตน บงกชครามบรรพกาลสมควรที่จะเป็นสมุนไพรอมตะที่ไม่มีใครเทียบได้ ซึ่งถือกำเนิดขึ้นก่อนที่จักรวาลจะก่อตัวขึ้น และมันก็ลึกล้ำอย่างสุดที่จะพรรณนาได้!

——————————–

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท