บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1166 ตำหนักเต๋าแห่งเทพหนี่วา

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1166 ตำหนักเต๋าแห่งเทพหนี่วา

บทที่ 1166 ตำหนักเต๋าแห่งเทพหนี่วา

ในวันนี้ม่านแห่งการทดสอบ เพื่อคัดเลือกสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าได้สิ้นสุดลง

รายชื่อการจัดอันดับครั้งสุดท้ายของการทดสอบได้ถูกกระจายออกไปอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ และมันก็เหมือนกับพายุที่พัดพาไปทั่วทั้งสี่พันเก้าทวีปในภพเซียน และทำให้โลกต้องตกตะลึง

สำหรับบุคคลที่โดดเด่นที่สุดหมู่ ย่อมเป็นเฉินซีผู้คว้าอันดับหนึ่งในการทดสอบอย่างไม่ต้องสงสัย !

ทั้งชาติกำเนิด ภูมิหลัง การบ่มเพาะ พลังฝีมือ หรือแม้กระทั่งลักษณะนิสัย ได้กลายเป็นศูนย์กลางของการสืบสวนของกองกำลังทั้งหมด อีกทั้งยังกลายเป็นหัวข้อสนทนาหลังมื้ออาหาร

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปทักษิณา เมื่อพวกเขาพบว่าเฉินซีครองอันดับที่หนึ่งในการทดสอบของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าครั้งนี้ มันก็ไม่ต่างอะไรกับแผ่นดินไหวที่ก่อให้เกิดการสั่นสะเทือนไปทั้งเมืองจตุรเทพ

ตระกูลเหลียง ตระกูลกู่ และตระกูลหลัวได้ร่วมกันจัดงานเลี้ยง พร้อมกับเชื้อเชิญผู้มีอำนาจอื่น ๆ อย่างกว้างขวาง เพื่อเฉลิมฉลองให้กับเฉินซีตลอดทั้งสิบวัน

ในทางกลับกัน ตระกูลอินกลับปิดจวนเงียบสนิท เหล่าศิษย์ไม่ได้ก้าวเท้าออกนอกตระกูลและยังคงเก็บตัว ราวกับว่าได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง ทำให้ชื่อเสียงของพวกเขาตกต่ำ

“หลังจากช่วงเวลาสั้น ๆ เจ้าคิดว่าข้าจะต้องมองเจ้าเสียใหม่หรือ? น่าเสียดายที่เจ้ายังด้อยกว่าข้าเกินไป บางทีข้าอาจจะขออภัยที่หยาบคายกับเจ้าในวันนั้น หากเจ้าได้กลายเป็นสุริยันอันเจิดจ้าอีกดวงหนึ่งของภพเซียน”

ณ ทวีปอันธการ ภายในตระกูลมู่

มู่จวินหลินผู้หล่อเหลาได้สวมชุดสีขาวกำลังยิ้มอย่างเฉยเมย หลังจากมองผ่านแผ่นหยกในมือ จากนั้นเขาทำสมาธิอย่างลึกซึ้งอีกครั้ง

“เฉินซี เฉินซี…”

ณ ทวีปเนตรสวรรค์ ภายในตระกูลจั่วชิว

จั่วชิงคงนั่งเงียบ ๆ เพียงลำพังตลอดทั้งวัน ในขณะที่ครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง และกล่าวชื่อหนึ่งซ้ำ ๆ ตลอดเวลา ทำให้คนอื่นไม่สามารถเข้าใจได้ว่าชายผู้นี้กำลังคิดสิ่งใดอยู่

ณ ทวีปกระแสสวรรค์ ภูเขาทะยานฟ้า

นี่คือพื้นที่หวงห้ามของนิกายวิถีกระแสสวรรค์แห่งภพอมตะ ว่ากันว่าทุก ๆ ระยะสิบสองฉื่อ จะแฝงไปด้วยจิตสังหารอยู่ภายใน และมีข้อจำกัดมากกว่าหนึ่งหมื่นข้อ แม้แต่ผู้เป็นเซียนปราชญ์ ก็ยังรู้สึกว่าเป็นเรื่องยากที่จะก้าวเท้าอยู่ในที่นี่แห่งนี้

นี่คือพื้นที่มรดกหลักของนิกายวิถีกระแสสวรรค์ และมันถูกสร้างขึ้นในยุคบรรพกาล จึงอาจกล่าวได้ว่ามันเป็นมรดกที่อยู่มาอย่างยาวนาน อีกทั้งทรัพยากรและทุนทรัพย์ก็มีอยู่มาก

แต่มีเพียงผู้อาวุโสภายในนิกายไม่กี่คนที่ทราบอย่างชัดเจนว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดบนภูเขาทะยานฟ้า ไม่ใช่มรดกหลักของนิกาย แต่เป็นประตูลึกลับบานหนึ่ง

ชู่ว!

ในวันนี้ แผ่นหยกได้ฉีกผ่านท้องฟ้า และบินเข้าไปในส่วนลึกของภูเขาทะยานฟ้า

มีทะเลสาบหินหลอมเหลวอยู่ในส่วนลึกของภูเขา และคลื่นที่ลุกโชนก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า มันลุกโชนด้วยหนึ่งในเปลวเพลิงที่รุนแรงที่สุด ซึ่งคือเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์อีกาทองคำ ประกายไฟเพียงสายเดียว ก็สามารถเผาผลาญผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับได้ทันที

ในขณะนี้ มีร่างหนึ่งกำลังนั่งสมาธิอยู่บนทะเลสาบหินหลอมเหลว ร่างของเขาตั้งตรงดุจทวน สวมมงกุฎขนนกที่มีดาวอยู่บนยอด รูปร่างหน้าตาหล่อเหลา คิ้วคมกริบดุจดาบ ดวงตาเต็มไปประกายแววดั่งดวงดาว และทั้งร่างกายก็ถูกปกคลุมด้วยเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์อีกาทองคำ

เมื่อมองจากระยะไกล ชายหนุ่มดูเหมือนเทพที่เกิดมาจากเปลวเพลิง แผ่กลิ่นอายอันโอ่อ่ายิ่งใหญ่ของการครอบงำและปกครองโลก

หากเฉินซีอยู่ที่นี่ เขาจะต้องประหลาดใจอย่างแน่นอน เพราะคนผู้นี้คือปิงซื่อเทียน!

อย่างไรก็ตาม มันหาได้เหมือนกาลก่อน เพราะกลิ่นอายของปิงซื่อเทียนนั้นชัดเจนและครอบงำมากกว่าเดิม ทุกย่างก้าวมีกลิ่นอายที่ทรงพลังแห่งการปกครองเหนือทุกสิ่งแฝงอยู่

“หืม? เว้นแต่จะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ทำให้โลกต้องตกตะลึง มิเช่นนั้นจะไม่มีใครกล้ารบกวนข้าในขณะที่ข้าบ่มเพาะที่ทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์อีกาทองคำแห่งนี้ เหตุใดจึงส่งแผ่นหยกส่งมา” ทันใดนั้นปิงซื่อเทียนก็ลืมตาขึ้น ชายหนุ่มเป็นเหมือนเทพแห่งเปลวเพลิงที่ตื่นจากการจำศีล และดวงตาก็เต็มไปด้วยคลื่นเพลิงมหึมาที่ดูเหมือนจะตั้งใจเผาผลาญสวรรค์!

ฟึ่บ!

ชายหนุ่มคว้าแผ่นหยกในมือด้วยท่าทางสงบนิ่ง

โพละ!

หลังจากดูเนื้อหาของแผ่นหยกอย่างเร่งรีบ ใบหน้าหล่อเหลาของปิงซื่อเทียนก็บิดเบี้ยว ชายหนุ่มขยี้แผ่นหยกในมือ ทำให้มันกลายเป็นละอองผงลอยไปในอากาศ

“อันดับหนึ่งในบรรดาศิษย์ใหม่ของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า? เจ้าเด็กบัดซบนั้นเพิ่งขึ้นสู่ภพเซียนได้ไม่กี่ปี จะมีการเติบโตที่รวดเร็วอย่างน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้อย่างไร? บัดซบ มันเป็นไปได้อย่างไรกัน!”

จิตสังหารมาบรรจบกันที่หว่างคิ้วของปิงซื่อเทียน รู้สึกปั่นป่วนจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างไม่มีสิ้นสุด ชายหนุ่มกู่ร้องคำรามอย่างน่ากลัว สั่นสะเทือนไปทั้งสวรรค์ ทั้งร่างปะทุด้วยเปลวไฟสีทอง ที่ดูเหมือนเปลวไฟแห่งความโกรธในใจในขณะนี้

ไม่นานหลังจากนั้นชายหนุ่มก็สงบลงเล็กน้อย สายตาเย็นยะเยือกอย่างยิ่ง

“หลังจากที่มันเข้าสู่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า ก็จัดการมันยากแล้ว แม้ว่าจะใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดของนิกายก็ตาม ถ้าข้าต้องการฆ่ามัน ข้าก็ทำได้แค่…”

จู่ ๆ ปิงซื่อเทียนก็เงยหน้าขึ้นและจ้องมองไปที่ส่วนลึกที่สุดของภูเขาทะยานฟ้า ซึ่งมีหมอกขดตัวอยู่บริเวณนั้น และมองเห็นขอบประตูได้ราง ๆ

ประตูบานนี้ดูเหมือนจะมีแรงที่ไร้รูปร่าง ทำให้ปิงซื่อเทียนสงบลงทันที จากนั้นความเคารพและความนับถือก็หลั่งไหลออกมาจากภายในตัว

“ว่ากันว่ามันเป็นประตูที่นำไปสู่สถานที่ลึกลับของทั้งสามภพ แม้แต่ผู้อาวุโสของนิกายที่มีการบ่มเพาะขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้น ก็ยังได้รับโทษจนต้องร่วงหล่นลงสู่ภพมนุษย์ เพียงเพราะรุกล้ำเข้าไปในนั้น แต่ก็มีข่าวลือเช่นกันว่า ผู้รับใช้ของนิกายวิถีกระแสสวรรค์ได้เข้าไปเมื่อหลายปีก่อน และโชคดีพอที่จะได้รับมรดกสูงสุด…”

“ข้าควรเสี่ยงหรือไม่?”

สีหน้าของปิงซื่อเทียนไม่แน่นอน ชายหนุ่มกัดฟันแน่น ขณะกะพริบตามองซ้ำ ๆ และดูเหมือนว่าเขากำลังตัดสินใจอย่างยากลำบาก ที่เกี่ยวข้องกับชะตากรรมของตน

เวลานี้ร่างของชิงซิ่วอี้ที่สง่างามก็ลอยขึ้นมาในใจของเขา จากนั้นก็ตามมาด้วยใบหน้าของเฉินซีที่เกลียดชังที่สุด…

ในที่สุดปิงซื่อเทียนก็ยืนขึ้นและพึมพำว่า “ข้าไม่สามารถรอได้อีกต่อไป ผ่านไปเพียงไม่กี่ปี แต่เจ้าเด็กนั่นก็ได้เข้าสู่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าแล้ว หากยังรั้งรอต่อไป ข้าคงไม่มีโอกาสอีกแล้ว…”

ฟิ้ว!

พริบตาต่อมา ร่างของเขาพุ่งตรงไปยังส่วนลึกของภูเขาทะยานฟ้าอย่างรวดเร็ว ประหนึ่งลูกธนูที่ยิงออกจากสายธนู และชายหนุ่มก้าวผ่านประตูที่ดูเหมือนจะสถิตอยู่ภายในความมืด

ครืน!

ทันทีที่ร่างของปิงซื่อเทียนหายไปภายในประตูบานนั้น ภูเขาทะยานฟ้าทั้งลูกก็เปล่งความผันผวนอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้ เขย่าทั้งฟ้าดิน สั่นสะเทือนเป็นระลอกคลื่น

“เฮ้อ เขายังคงเลือกวิธีนั้นสินะ”

“ข้าได้ยินมาว่า ชิงซิ่วอี้ได้เข้าสู่นิกายนั้นแล้ว การกระทำของซื่อเทียนไม่ได้ผลีผลาม มิฉะนั้นวิถีแสวงหาเต๋าของเขา จะต้องถูกผูกมัดด้วยสิ่งนี้อย่างแน่นอน”

“ปัจจัยสำคัญคือเฉินซี เขาได้เข้าเป็นศิษย์ของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าแล้ว และกลายเป็นอันดับหนึ่งในหมู่ศิษย์ใหม่ในปีนี้ และมีหนี้แค้นเก่าระหว่างเขากับซื่อเทียน ดังนั้นซื่อเทียนทำได้เพียงแค่เสี่ยงทุกอย่าง”

“บางทีซื่อเทียนอาจได้รับการยอมรับจากนิกายนั้น อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการประสบกับเหตุการณ์อันอันตรายอย่างยิ่งได้ ข้าแค่หวังว่าเขาจะสามารถยืนหยัดได้จนจบ”

ความตั้งใจที่น่าเกรงขามจำนวนมากได้ห่อหุ้มภูเขาทะยานฟ้าทั้งหมด พวกเขามองไปที่ประตูภายในความมืด ก่อนจะถอนหายใจด้วยความกังวลอย่างไม่หยุดหย่อน

นอกเหนือจากสี่พันเก้าร้อยทวีปที่ทุกคนรู้จักแล้ว ยังมีพื้นที่ลึกลับ พื้นที่อันตราย และโลกที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ มากมายที่ไม่รู้จัก ได้กระจายอยู่ทั่วกาลอวกาศอันไร้ขอบเขตของภพเซียน

ในจำนวนนี้มีพื้นที่ลึกลับที่เรียกว่า หุบเหวศักดิ์สิทธิ์แห่งความมืด

ที่แห่งนี้มีเทือกเขาไร้ขอบเขตกระจายอยู่รอบ ๆ และมันก็เหมือนกับดินแดนดึกดำบรรพ์ที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา

ในเวลานี้ร่างกำยำซึ่งสูงถึงสิบห้าลี้ ได้ถอนรากถอนโคนภูเขา และโค่นต้นไม้ขณะเคลื่อนไหว ทุกย่างก้าวเหมือนเสียงฟ้าร้องเขย่าแผ่นดิน และทำให้ภูเขาสั่นสะเทือน

“ท่านอาจารย์มีข่าวเกี่ยวกับเด็กคนนั้นจากภพเซียน เราควรบอกศิษย์น้องหลิวชิงหรือไม่” ร่างที่สูงสิบห้าลี้ได้หยุดอยู่หน้ากลุ่มอาคารสีดำเก่าแก่ เสียงของเขาเหมือนเสียงฟ้าร้องจากสวรรค์ทั้งเก้า ดังกึกก้องไปทั่วฟ้าดิน

“มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์ ข้าบอกกับเจ้ากี่ครั้งแล้ว? อย่าได้แปลงร่างสูงขนาดนั้น! แล้วก็อย่าเสียงดัง!” เสียงแหบพร่าและฉุนเฉียวดังออกมาจากภายในอาคารโบราณ

“โอ้ ขอรับ ท่านอาจารย์” ทันใดนั้น ร่างที่สูงสิบห้าลี้ก็ย่อตัวลงเป็นชายร่างสูงสิบสองฉื่อ และกำยำ เขามีลักษณะหยาบกระด้าง ดวงตาเหมือนสายฟ้าฟาด อีกทั้งยังใบหน้ามั่นคง เปี่ยมไปด้วยท่าทางเย่อหยิ่งและเอาแต่ใจ

น่าตกใจ แท้จริงแล้วคนผู้นี้คือมหาปราชญ์ย่ำสวรรค์ ศิษย์พี่ของเจิ้นหลิวชิง!

ชู่ว!

ร่างของมหาปราชญ์ย่ำสวรรค์วูบวาบ และมาถึงที่หน้าอาคารเตี้ย ๆ สีดำสนิท ชายชราร่างผอมแห้งคนหนึ่งกำลังนั่งยอง ๆ อยู่บนพื้น ถือกระบี่ไม้ด้วยมือทั้งสองข้าง ขณะกำลังแกะสลักไม้ท่อนหนึ่ง

ชายชราผู้นี้ย่อมคือนักพรตเต๋าเซวี่ย ผู้เป็นอาจารย์ของมหาปราชญ์ย่ำสวรรค์และเจิ้นหลิวชิง

เมื่อเห็นมหาปราชญ์ย่ำสวรรค์ นักพรตเต๋าเซวี่ยจ้องมองด้วยความโกรธ “จงว่ามา เป็นข่าวอันใดกัน”

“ตามข่าวที่ได้รับ เฉินซีได้เข้าสู่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า และได้อันดับที่หนึ่งในการทดสอบ” มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์ดูเหมือนจะเคารพมากและตอบอย่างเชื่อฟัง

“สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า? อันดับที่หนึ่ง?”

นักพรตเต๋าเซวี่ยตกตะลึง ชายชราวางท่อนไม้ที่แกะสลักไปครึ่งหนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง จากนั้นเขาก็หัวเราะเบา ๆ “นี่เป็นข่าวที่ดีจริง ๆ น่าเสียดายที่คงไม่มีใครกล้ารับเด็กคนนั้นเป็นศิษย์เอก”

มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์รู้สึกประหลาดใจ “ทำไมหรือท่านอาจารย์? ข้าได้ยินมา ว่ามีผู้ยิ่งใหญ่จำนวนมากซ่อนตัวอยู่ในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าและมันไม่ธรรมดาอย่างที่เห็นภายนอก ไม่ว่าจะปรมาจารย์แห่งภพพุทธองค์ วิหคอมตะห้าสีที่แท้จริงของภพวิหคอมตะ และบรรพบุรุษมังกรเขียวของภพมังกร ล้วนแต่บำเพ็ญเพียรอย่างสันโดษภายในสำนักศึกษานั่น นอกจากนี้ยังมีหัวหน้าอาจารย์ฝ่ายใน ฉือฉางเซิง ปรมาจารย์ของโถงพิทักษ์คัมภีร์ …”

นักพรตเต๋าเซวี่ยโบกมือและขัดจังหวะ “เอาล่ะ ข้าจะรู้น้อยกว่าเจ้าได้อย่างไรเด็กน้อย”

มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์ปิดปากทันที แต่ไม่นานนักเขาก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ และถามว่า “ทำไมหรือท่านอาจารย์?”

นักพรตเต๋าเซวี่ยคำรามและกล่าวว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่า ความลับของสวรรค์ไม่สามารถเปิดเผยได้ ดังนั้นมันจึงหมายความว่าอย่างไร?”

มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์กล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ “แน่นอนข้าทราบ แต่เฉินซีไม่ใช่ความลับของสวรรค์ เหตุใดจึงเปิดเผยไม่ได้”

นักพรตเต๋าเซวี่ยตกตะลึง ชายชรามองไปที่มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์ด้วยสายตาแปลกประหลาด ในที่สุดเขาก็ส่ายหน้าและไม่กล่าวอะไรอีก

เมื่อเห็นสิ่งนี้ มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์รู้ว่าตนคงไม่ได้รับคำตอบจากอาจารย์แน่ จึงเปลี่ยนหัวข้อทันที “ถ้าอย่างนั้น ข้าควรบอกศิษย์น้องหลิวชิงเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่? นางพาสหายของเฉินซีมาด้วย และมาถึงหุบเหวศักดิ์สิทธิ์แห่งความมืดเป็นเวลากว่าหนึ่งปีแล้ว อีกทั้งนางก็เริ่มหมดความอดทนจากการรอคอยมาเนิ่นนาน ถ้าเรายังไม่เปิดเผยอะไรแก่นาง นางจะต้องออกจากที่นี่เพื่อตามหาเฉินซีอย่างแน่นอน”

นักพรตเต๋าเซวี่ยไม่ลังเล และกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “ไม่ได้ เด็กนั่นเพิ่งได้ตั้งหลักในภพเซียน นางอาจประสบภัยพิบัติมากมาย หากออกตามหาเขาในตอนนี้”

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ชายชราก็จ้องมองไปยังท้องฟ้าสีเทาในระยะไกล และพึมพำว่า “อย่ากังวลไป มหาเต๋ายังไม่สมบูรณ์ และอีกไม่นานก่อนที่กรรมอันยิ่งใหญ่ของทั้งสามภพจะมาถึง…” เสียงของเขาเต็มไปด้วยความหนักใจจนสุดจะพรรณนาได้

ในขณะนี้ ณ สถานที่ลึกลับแห่งหนึ่ง ชิงซิ่วอี้มาถึงที่เบื้องหน้าภูเขาศักดิ์สิทธิ์สีเขียวที่เต็มไปด้วยหมอกเพียงลำพัง นางกวาดสายตามองไปยังแท่นหินเบื้องหน้า ซึ่งบนยอดนั้นมีอักขระโบราณสามตัวที่คลุมเครือ ซับซ้อน นั่นคือตำหนักเต๋าแห่งเทพหนี่วา

“ในที่สุดข้าก็มาถึง…” ชิงซิ่วอี้พึมพำแผ่วเบา น้ำเสียงที่ไม่มีความตื่นเต้นใด ๆ และมีเพียงความรู้สึกเหมือนได้กลับบ้านเท่านั้น นางเดินตรงขึ้นไปบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทีละก้าวด้วยท่าทางสงบนิ่ง

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท