บทที่ 1180 หม้อสมบัติเก้าลึกล้ำ
บทที่ 1180 หม้อสมบัติเก้าลึกล้ำ
ลู่ถิงกำลังจะเอ่ยคำ ทันใดนั้นใบหน้าก็แข็งค้างไป ทำอะไรไม่ถูกจนน่าสงสาร
โชคดีที่ไม่มีใครสนใจเขาในตอนนี้ เพราะมีตัวอักษรสีทองแถวหนึ่งปรากฏขึ้นอยู่บนม่านแสงใจกลางห้องโถง
“รางวัลภารกิจฟื้นฟูผังค่ายกลยันต์อักขระได้รับความเสียหายสูง รางวัลหนึ่งพันแต้มดารา ระดับความสำเร็จ สมบูรณ์ สำนักศึกษามอบให้อีกหนึ่งร้อยแต้มดารา! ผู้มอบภารกิจมอบให้อีกหนึ่งร้อยแต้มดารา”
วิ้ง~
ตัวอักษรแถวนั้นเพิ่งปรากฏขึ้นเพียงครู่เดียวก็แปรเปลี่ยนเป็นแสงสีทองแล้วหายไป พร้อมกับภารกิจนั้น เห็นได้ชัดว่าภารกิจเสร็จสมบูรณ์แล้ว!
ถึงแม้ว่ามันจะปรากฏเพียงพริบตาเดียว แต่ทุกคนในห้องโถงก็เห็นมันอย่างเด่นชัด ภารกิจนั้นเป็นภารกิจที่เฉินซีทำ!
ไม่ใช่เพียงทำภารกิจได้สำเร็จ แต่ยังทำได้สำเร็จอย่างสมบูรณ์เสียด้วย?
สำนักศึกษาและผู้มอบภารกิจมอบเพิ่มให้อีกคนละหนึ่งร้อยแต้มดาราเลยหรือ?
ทุกคนตกตะลึงจนนิ่งอึ้งไป แทบไม่อยากเชื่อสองตาตนเอง
ภารกิจทั้งหลายถูกแยกโดยระดับความสำเร็จทั้งหมดสามระดับ ได้แก่ธรรมดา โดดเด่น และสมบูรณ์
ผู้ที่สามารถทำภารกิจได้สำเร็จขั้นพื้นฐานก็จะได้รับแต้มดาราตอบแทนตามที่กำหนด
ผู้ที่ทำภารกิจได้สำเร็จขั้นโดดเด่น ซึ่งหมายความว่าผู้มอบภารกิจพึงพอใจกับผลลัพธ์มาก ก็จะมอบแต้มดาราเพิ่มเป็นรางวัลให้อีกส่วนหนึ่ง
แต่ถ้าอยากได้ขั้นสมบูรณ์ก็จะต้องมีเกณฑ์ที่ต้องทำให้ได้อยู่อีก อย่างแรกคือ จะต้องทำภารกิจสำเร็จในขั้นโดดเด่น และอย่างที่สองคือต้องทำภารกิจให้เสร็จภายในหนึ่งวัน
หรือก็คือใครก็ตามที่สามารถทำตามเงื่อนไขสองข้อนั้นได้ ก็จะได้รับการยอมรับจากสำนักศึกษา และจะได้รับแต้มดาราเพิ่มอีกด้วย!
และแน่นอนว่าแต้มดาราเหล่านั้นเป็นของขวัญที่สำนักศึกษามอบให้!
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
คนในห้องโถงยังไม่ทันหายตกใจ ตัวอักษรสีทองก็ปรากฏขึ้นบนม่านแสงอีกครั้ง
“ภารกิจสกัดอักขระ ยืนยันของรางวัลหนึ่งพันแต้มดารา ระดับความสำเร็จ สมบูรณ์ สำนักศึกษามอบให้อีกหนึ่งร้อยแต้มดารา! ผู้มอบภารกิจมอบให้อีกหนึ่งร้อยแต้มดารา”
“…รางวัลสามพันแต้มดาราสำหรับการทำภารกิจไขปัญหาผังค่ายกลยันต์อักขระลึกลับได้รับการยืนยันแล้ว”
“…”
ตัวอักษรสีทองกะพริบอยู่บนม่านแสงไม่หยุด เมื่อแถวหนึ่งหายไป อีกแถวก็ปรากฏ ภารกิจกว่าครึ่งทำสำเร็จได้อย่างสมบูรณ์ทั้งสิ้น!
ที่สำคัญคือ ทุกภารกิจที่ว่าคือภารกิจที่เฉินซีทำก่อนหน้านี้!
ภารกิจส่วนน้อยที่ไม่ได้สำเร็จขั้นสมบูรณ์ก็ยังอยู่ในขั้นโดดเด่น ไม่มีภารกิจที่สำเร็จในขั้นธรรมดาแมัแต่ภารกิจเดียว
สาเหตุที่ภารกิจเหล่านี้อยู่ในขั้นโดดเด่นแต่ไม่ถึงขั้นสมบูรณ์ไม่ได้มาจากเฉินซี แต่เป็นเพราะภารกิจปล่อยออกมานานแล้ว เวลาผ่านไปเกินหนึ่งวันก่อนที่เฉินซีจะรับภารกิจมาทำเสียอีก
แสงสีทองที่กะพริบอยู่บนม่านแสงนั้นสว่างจ้า กะพริบระยิบระยับไม่ขาด
ทุกคนในห้องโถงมีสีหน้ามึนงง ยืนนิ่งราวกับรูปปั้น
อีกทั้งบรรยากาศโดยรอบยังเงียบสนิท
ไร้สุ้มเสียงใด
“ไม่มีแม้แต่ภารกิจเดียวที่ทำสำเร็จระดับธรรมดา! เก่งกล้าเสียจริง! เฉินซีผู้นี้เป็นปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระมากความสามารถ!”
“ความสำเร็จขั้นสมบูรณ์นับว่าหาได้ยาก หากมีใครบอกว่าภารกิจเหล่านี้ไม่ใช่ปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระเป็นผู้ทำ ตีให้ตายข้าก็คงไม่เชื่อ”
“แปลกจริง ในเมื่อเฉินซีเป็นปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระผู้เลิศล้ำ เหตุใดจึงสนใจทำภารกิจเช่นนั้นด้วย? รางวัลสูงที่สุดมีเพียงสามพันแต้มดาราเท่านั้นเอง…”
เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป ตัวอักษรสีทองบนม่านแสงจึงหายไป กลับคืนสู่ความปกติ ทุกคนจึงเหมือนตื่นขึ้นจากฝัน แต่ยังไม่อาจดับความตกตะลึงในใจไว้ได้
“ลืมเรื่องพวกนั้นไปเสียเถอะ ที่ข้าอยากรู้ตอนนี้คือเฉินซีเป็นใครกันแน่?” ใครคนหนึ่งมุ่นคิ้วถาม
ทุกคนจึงชะงักไป นั่นสิ เฉินซีเป็นใครกันแน่?
…
ภายในเคหา เฉีนซีผละญาณมหาเทวะอมตะออกจากเขตภารกิจในตราดาราม่วง ทั่วร่างเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ยกมือขึ้นนวดคลึงหน้าผากที่ปวดหนึบ สูดลมหายใจยาวเข้าปอดอย่างช่วยไม่ได้
ตลอดทั้งหกชั่วยาม เขาใช้ญาณมหาเทวะอมตะรับภารกิจที่มีเงื่อนไขแตกต่างกันออกไป นับว่าไม่ได้พักผ่อนเลย ไม่ว่าจิตวิญญาณจะแข็งแกร่งเพียงใด ตอนนี้ก็ยังเผยแววอ่อนแรงให้เห็นอยู่ดี
ข้าคงได้แต้มดารามาไม่น้อยเลยกระมัง? ในใจคิดเช่นนี้แล้ว จึงหลับตาลงนั่งสมาธิอีกครั้ง เพราะความเหนื่อยอ่อนและไม่อยากเสียเวลาไปกับสิ่งไร้สาระ ชายหนุ่มจึงไม่คิดตรวจสอบแต้มดาราที่ได้รับจากการทำภารกิจทั้งหลายเลย
ฟึบ!
ปราณบรรพกาลโกลาหลภายในเคหาสั่นสะเทือน เมื่อของเหลวหนืด ซึมซาบเข้าร่างสูงใหญ่ ทำให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้น
ในความคิดของเฉินซี การบ่มเพาะพลังคือวิธีการพักเหนื่อยและพักฟื้นพลังอย่างหนึ่ง ถึงจะเป็นวิธีที่จืดชืดก็ยอมทน
เฉินซีที่ตกลงสู่ห้วงการบ่มเพาะพลังอันลึกล้ำไม่รู้เลยว่าหม้อหยกที่มักดูดซึมปราณบรรพกาลโกลาหลอยู่ข้างกายเหมือนสังเกตเห็นบางอย่าง ก่อนที่มันจะร้องขึ้นเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยินด้วยความตกใจ “หือ? เคล็ดหม้อกลั่นนพเก้าเทพยมโลก…”
…
ฝ่ายสงวนโอสถ
ภายในห้องโถงโบราณที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งกาลเวลา ยังมีหัวหน้าอาจารย์หลายคนกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่
มีหม้อสมบัติสัมฤทธิ์ตั้งอยู่ตรงกลาง มันสูงราวเก้าจั้งและมีสามขา พื้นผิวเต็มไปด้วยลวดลายลึกลับอันหลากหลายที่ดูคล้ายตะวัน จันทรา ดารา และผืนดิน ปลดปล่อยกลิ่นอายลึกล้ำอ้างว้างออกมา
หม้อสมบัตินั้นเก่าแก่ยิ่ง ปลดปล่อยบรรยากาศโบราณอันลึกล้ำคล้ายมีมาตั้งแต่เมื่อครั้งบรรพกาล ทั้งยังมีความสูงส่งเหนือสิ่งใดในโลกหล้า
ทว่าเมื่อมองดูดี ๆ ที่หว่างคิ้วของทุกคนก็ต้องเกิดความหวาดหวั่นขึ้นมา
“ผังยันต์อักขระในหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำได้รับความเสียหาย หากสามเดือนยังซ่อมไม่ได้ พลังของมันก็จะลดลงอีกสามจากสิบส่วน ถึงตอนนั้นหากอาจารย์ใหญ่รู้เข้า พวกเรามีหวังถูกลงโทษแน่” ชายชราในชุดสีดำถอนหายใจออกมา เขามีโหนกแก้มสูง คิ้วสีขาว มีนามว่าโม่หลิงไห่ เป็นรองอาจารย์ใหญ่ฝ่ายสงวนโอสถ และเป็นปรมาจารย์เต๋าแห่งโอสถ
“ข้าก็บอกมาตั้งแต่แรกแล้วว่าจะให้เจ้าบ้าเซวียนหยวนพัวจวินนั่นยืมหม้อสมบัติไปไม่ได้ เขาพยายามใช้มันกลั่นโอสถพลิกชะตาสวรรค์เพื่อขึ้นสู่ขอบเขตราชันเซียนอย่างไร้ประโยชน์ พวกเจ้าก็เห็นผลลัพธ์แล้ว แม้เกือบจะสำเร็จแต่ก็ทำไม่ได้ ทั้งหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำยังเป็นเช่นนี้อีก!” ชายวัยกลางคนตัวอ้วนเตี้ยคำรามเสียงเย็น เขามีนามว่าจั่วชิวเซิง เป็นหัวหน้าอาจารย์ฝ่ายสงวนโอสถ และเป็นราชันเซียนครึ่งขั้น
คนอื่น ๆ ได้ยินก็ได้แต่ถอนหายใจเสียงเบา
เมื่อเดือนก่อน เซวียนหยวนพัวจวินที่เป็นหนึ่งในหัวหน้าอาจารย์สายในไม่สนใจคำคัดค้านและกลั่นโอสถพลิกชะตาสวรรค์ขึ้นมาโดยหวังจะขึ้นสู่ขอบเขตราชันเซียน แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว
เพราะโอสถพลิกชะตาสวรรค์นั้นมีอำนาจสูง และกระทบเต๋าสวรรค์ จึงทำให้หม้อสมบัติเก้าลึกล้ำถูกพลังตีกลับ ผังค่ายกลยันต์อักขระภายในได้รับความเสียหายบางส่วน หากไม่รีบซ่อมให้กลับคืน เช่นนั้นประสิทธิภาพของมันก็จะลดลงมาก
หม้อยานี้เป็นสมบัติอมตะระดับว่างเปล่าที่มีมาตั้งแต่ครั้งบรรพกาล จักรพรรดิเต๋าเป็นผู้สร้างมันขึ้น จนถึงตอนนี้มันก็อยู่ในฝ่ายสงวนโอสถมานานจนไม่อาจนับ เคยกลั่นยาเม็ดจิตวิญญาณและสมุนไพรลึกลับมามากมาย ช่วยให้ทั้งศิษย์และอาจารย์ทั้งหลายสามารถข้ามขอบเขตได้มานับไม่ถ้วน…
แต่ตอนนี้หม้อยากลับได้รับความเสียหาย!
แม้ทุกคนในที่นี้จะเป็นผู้อาวุโสภายในสำนักศึกษา แต่ในใจก็ยังอดรู้สึกเป็นกังวลไม่ได้อยู่ดี
“น่าเสียดายที่ผู้อาวุโสบู่ผิง ซึ่งเป็นเทพยันต์อักขระคนเดียวในสำนักศึกษา ออกจากสำนักไปท่องเที่ยวสามภพแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับ ไม่เช่นนั้นก็คงใช้ความสามารถในเต๋าแห่งยันต์อักขระแก้ปัญหานี้ได้อย่างง่ายดายไปแล้ว” ชายวัยกลางคนชุดม่วงส่ายหน้าแล้วหัวเราะเสียงขื่น จากนั้นครุ่นคิดอยู่นานแล้วเอ่ยขึ้น “จริง ๆ แล้วเรื่องนี้เราน่าจะขอความคิดเห็นจากอาจารย์ใหญ่ หากเราขอให้เขาช่วยลงมือได้ เช่นนั้นก็คงสามารถซ่อมหม้อยาได้โดยง่าย”
“นั่นก็จริง แต่อาจารย์ใหญ่นั้นยากจะหยั่งถึง เราควรไปหาเขาที่ใดกัน? อีกทั้งข้ายังเกรงว่าเซวียนหยวนพัวจวินอาจถูกถลกหนังหากอาจารย์ใหญ่รู้เรื่องนี้เข้า” รองอาจารย์ใหญ่ฝ่ายสงวนโอสถโม่หลิงไห่ส่ายหน้า เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นด้วยกับความคิดของชายวัยกลางคนชุดม่วง
“หึ! ข้าคิดว่าเราควรบอกเซวียนหยวนพัวจวิน ให้มาขอโทษและรับโทษจากอาจารย์ใหญ่เสีย เขาเป็นคนทำ ก็ต้องเป็นคนรับผลของมันสิ” จั่วชิวเซิงคำรามเสียงเย็นชา ดูแล้วไม่ชอบใจกับการกระทำของเซวียนหยวนพัวจวินเท่าใดนัก
เป็นตอนนั้นเองที่ประตูห้องโถงถูกผลักเปิดออกพร้อมกับคนร่างสูงเดินเข้ามา เขามีท่าทีสูงสง่า มีผมสีดอกเลา อาจารย์ใหญ่ฝ่ายสงวนโอสถ เสิ่นฮ่าวเทียนนั่นเอง
แต่ตอนนี้ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความโกรธ เมื่อเข้าห้องโถงมาก็เอ่ยเสียงต่ำ “ใครเป็นคนมอบภารกิจซ่อมหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำ?”
ทุกคนชะงักไป จากนั้นก็ตกตะลึง หม้อสมบัติเก้าลึกล้ำเป็นสมบัติล้ำค่าของฝ่ายสงวนโอสถ ข่าวที่มันเสียหายจึงถูกปิดบังไว้เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องใดขึ้น
แต่จากที่เสิ่นฮ่าวเทียนว่ามาเมื่อครู่ ดันมีคนเอาเรื่องนี้ไปประกาศเป็นภารกิจอย่างนั้นหรือ? เจ้าหมอนั่นรนหาที่ตายเสียแล้ว!
สีหน้าคนทั้งหลายดูไม่น่ามองอยู่พักหนึ่ง บรรยากาศทั้งหนักหน่วงและกดดันเป็นอย่างยิ่ง
“ข้าเอง” แต่ท่ามกลางความเงียบนั้น จั่วชิวเซิงลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าตรงไปตรงมา “ข้าทำไปก็เพื่อแก้ปัญหาโดยเร็วที่สุด อย่างไรเรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว ยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งปิดไม่มิด เหตุใดไม่รวมพลังของคนทั้งสำนักมาช่วยกันแก้ปัญหาเล่า?”
ทันทีที่พูดจบ ทุกสายตาก็มองมาทางจั่วชิวเซิงด้วยอารมณ์อันหลากหลาย
“ไร้สาระ!” ชายวัยกลางคนชุดม่วงผุดลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธ ก่อนเอ่ยเสียงเครียด “ขนาดเรายังหาทางแก้ไม่ได้ จะมีอาจารย์หรือศิษย์คนใดที่สามารถแก้ได้เล่า? การกระทำของเจ้าหวังโยนปัญหาให้เซวียนหยวนพัวจวินชัด ๆ !”
“เซวียนหยวนถง เจ้าหมายความว่าอย่างไร? หรือการที่ผู้อื่นพยายามหาวิธีแก้ปัญหาที่ญาติของเจ้าก่อไว้ จะเป็นการเหยียดหยามตระกูลเซวียนหยวนอย่างนั้นหรือ?” จั่วชิวเซิงพลันหันไปมองชายวัยกลางคนชุดม่วงด้วยความไม่พอใจ
“พอได้แล้ว!” อาจารย์ใหญ่ฝ่ายสงวนโอสถเสิ่นฮ่าวเทียนเห็นทั้งสองกำลังจะปะทะคารมกันก็มุ่นคิ้วทันที เอ่ยหยุดทั้งสองด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เรื่องมันเกิดไปแล้ว พวกเจ้าไม่คิดจะแก้ปัญหา ยังมีอารมณ์มายืนเถียงกันอีกหรือ? เช่นนี้จะให้คนอื่นคิดอย่างไร!?”
มันเป็นน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยแววคำถามและแววตำหนิ
เห็นได้ชัดว่าเสิ่นฮ่าวเทียนโกรธเกรี้ยวจริง ๆ แล้ว!