บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1184 เขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหน?

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1184 เขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหน?

บทที่ 1184 เขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหน?

หลีเป่ยและเหล่าผู้คุมกฎต่างขมวดคิ้วต่อการมาถึงของเฉินซี

“การซ่อมแซมหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำ และการสอบสวนเซวียนหยวนพัวจวินไม่เกี่ยวข้อง พ่อหนุ่ม เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะเข้ามายุ่งเกี่ยวได้” หลีเป่ยกล่าวอย่างเฉยชา

ทว่าเฉินซีกลับยิ้มกว้าง และกล่าวอย่างใจเย็น “แล้วผู้อาวุโสจะเชื่อหรือไม่ หากข้าบอกว่าความเสียหายของหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำนั่น ไม่เกี่ยวข้องกับการกลั่นโอสถพลิกชะตาสวรรค์?”

ขณะกล่าว เฉินซีก็ก้าวเท้าไปยืนตรงหน้าหม้อสมบัติ และจ้องมองหม้อสมบัติโบราณอย่างระมัดระวัง “แน่นอนว่าคำพูดของข้าไม่มีน้ำหนักมากนัก พวกท่านคงไม่เชื่อข้า ไม่ว่าข้าจะกล่าวอันใดก็ตาม แต่ข้าก็มีวิธีพิสูจน์คำพูดของข้า”

ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างตกใจ เมื่อได้ยินเช่นนี้

แม้แต่เซวียนหยวนพัวจวินก็ยังตกตะลึง และไม่เข้าใจแน่ชัดว่าคนผู้นี้วางแผนจะทำสิ่งใด

“วิธีอะไรหรือ?” เสิ่นฮ่าวเทียนเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้

“มันง่ายมาก เพียงถามผู้อาวุโสหม้อสมบัติโดยตรง แล้วท่านจะได้รับคำตอบทันที” เฉินซีตอบกลับอย่างสบาย ๆ

“ผู้อาวุโสหม้อสมบัติ?”

ทุกคนตกตะลึง และตระหนักได้ว่าเฉินซีกำลังกล่าวถึงหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำ

“ไร้สาระ! ไม่ต้องกล่าวถึงหม้อสมบัตินี้ได้รับความเสียหาย แม้ว่ามันจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์ก็ตาม แต่ก็ไม่เคยปรากฏในรูปของวิญญาณสมบัติเลยสักครั้ง แล้วจะหาคำตอบจากมันได้อย่างไร? นี่เป็นเพียงคำพูดพล่อย ๆ ที่ไร้ความผิดชอบเท่านั้น!”

จั่วชิวเซิงคัดค้าน ใบหน้าอวบอูมเต็มไปด้วยการเย้ยหยันและดูถูกเหยียดหยาม

เฉินซีชำเลืองมองจั่วชิวเซิง และกล่าวอย่างใจเย็น “แม้ท่านไม่เคยเห็น ก็ไม่ได้หมายความว่าวิญญาณสมบัตินั้นไม่มีอยู่จริง หรือบางทีด้วยความสามารถในปัจจุบันของท่าน ท่านจึงไม่มีคุณสมบัติที่จะพบกับวิญญาณของหม้อสมบัติ”

คำพูดของเขาถูกกล่าวออกมาอย่างห้วน ๆ และไม่มีการยั้งคิดแม้แต่น้อย

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ จั่วชิวเซิงรู้สึกโกรธแค้นมากขึ้น ขณะกำลังจะทำบางอย่าง เขากลับถูกหยุดโดยโม่หลิงไห่ที่ยืนอยู่ข้างเคียง “ช่างเถอะ มันไม่เหมาะสมที่จะถือสาผู้เยาว์”

จั่วชิวเซิงมองเฉินซีอย่างเย็นชา ก่อนจะเงียบไป

“ใช่แล้ว วิญญาณสมบัติถือกำเนิดจากชะตากรรมเมื่อหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำถูกสร้างขึ้น อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มันได้ปรากฏตัวเพียงไม่กี่ครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงหมื่นปีที่ผ่านมา มันได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย ดังนั้นคงไม่ดีนักหากเจ้าจะตัดสินด้วยมุมของเจ้าผู้เดียว” เสิ่นฮ่าวเทียนขมวดคิ้ว และกล่าวหลังจากไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง

ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน เพราะหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำมีตัวตนมาเนิ่นนาน วิญญาณสมบัติของมันก็เคยดำรงอยู่ในช่วงเวลาเดียวกับจักรพรรดิเต๋าในยุคบรรพกาล แต่ในช่วงหลายพันหลายหมื่นปีที่ผ่านมา มันแทบไม่ปรากฏตัวออกมาเลย และจนถึงตอนนี้ พวกเขาก็ถึงกับสงสัยว่าวิญญาณสมบัติอาจออกจากสำนักศึกษาเพื่อไปแสวงหามหาเต๋าของมันนานแล้ว

อย่างไรก็ตาม เฉินซีกลับกล่าวอย่างใจเย็น “ทุกท่านจะได้รู้ว่ามันเป็นไปได้หรือไม่ หลังจากที่ข้าได้ซ่อมแซมหม้อสมบัตินี้แล้ว”

เมื่อการสนทนามาถึงจุดนี้ มันก็กลับไปที่ประเด็นแรก นั่นคือการซ่อมแซมหม้อสมบัติ

ทุกคนต่างขมวดคิ้วเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ไม่รู้ว่าเฉินซีไปเอาความมั่นใจมาจากที่ใด หรือเหตุใดเฉินซีจึงกล้าพูดว่าตนสามารบูรณะหม้อสมบัติได้จริง ๆ

“หรือชายผู้นี้ที่มีการบ่มเพาะขอบเขตเซียนลึกลับขั้นกลาง จะสามารถทำในสิ่งที่เหล่าผู้เฒ่าอย่างเราทำไม่ได้?”

เซวียนหยวนพัวจวินเฝ้าดูเฉินซีอย่างเย็นชามาตั้งแต่ต้น เมื่อเขาเห็นว่าเฉินซีกล่าวและแสดงท่าทีสบายอารมณ์ ไม่ได้มีท่าทีคุยโวโอ้อวด เซวียนหยวนพัวจวินก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวอย่างไม่รีบร้อน “ในเมื่อมันเป็นเช่นนี้ ทำไมเจ้าไม่ลองดูสักหน่อยเล่า?”

เฉินซีพยักหน้าและมองไปที่หัวหน้าผู้คุมกฎหลีเป่ย “ผู้อาวุโส ไม่ว่าท่านตั้งใจจะสอบสวนสิ่งใด ท่านก็ไม่ควรรีบร้อนใช่หรือไม่? เหตุใดไม่รออีกสักหน่อย บางทีอาจต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งของผู้อาวุโส เมื่อข้าซ่อมแซมหม้อสมบัติสำเร็จ”

หลีเป่ยตกตะลึง ใบหน้าเย็นชาและมั่นคงเผยร่องรอยประหลาด ขณะจ้องมองเฉินซีอย่างลึกซึ้ง “แล้วจะทำอย่างไรหากวิธีของเจ้าไม่ได้ผล?”

เฉินซีกล่าวโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย “เช่นนั้น ชีวิตของข้าเฉินซีจะตกอยู่ในความเมตตาของท่าน”

ทุกคนประหลาดใจเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ พวกเขาไม่คิดว่าคนผู้นี้จะพร้อมเสี่ยงทุกอย่างเพื่อช่วยเซวียนหยวนพัวจวิน

ในทางกลับกัน จั่วชิวเซิงเกือบกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ เขากำลังรอให้เฉินซีกล่าวคำเหล่านั้น เพราะด้วยวิธีนี้ หากเฉินซีไม่สามารถซ่อมแซมหม้อสมบัติได้ ไม่ใช่แค่เฉินซีเท่านั้น แม้แต่เซวียนหยวนพัวจวินก็จะต้องเผชิญกับความพินาศ!

นี่อาจกล่าวได้ว่าเป็นการฆ่านกสองตัวด้วยหินเพียงก้อนเดียว!

เซวียนหยวนพัวจวินรู้สึกหวาดกลัวและรู้สึกสะเทือนใจยิ่ง “เด็กน้อยที่ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ เจ้ากำลังกล่าวเรื่องไร้สาระอันใดอยู่? รีบไปซ่อมแซมหม้อสมบัติเร็วเข้า และอย่าถามถึงเรื่องอื่นอีก!”

น้ำเสียงของเขาเคร่งขรึม แต่ก็แฝงด้วยความห่วงใยและการปกป้องที่ไม่ได้ปกปิดเลยแม้แต่น้อย

เฉินซียิ้มและกล่าวกับตนเองในใจ ‘ข้ามีความสัมพันธ์อันดีกับอาซิ่ว หากข้าสามารถได้รับการยอมรับจากบุคคลสำคัญของตระกูลเซวียนหยวนได้ ก็ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี’

เขาคิดพลางเดินมาที่เบื้องหน้าหม้อสมบัติ

ในระหว่างกระบวนการทั้งหมดนี้ หลีเป่ยและเหล่าผู้คุมกฎไม่ได้เอ่ยขัดหรือจากไป เห็นได้ชัดว่าพวกเขายอมรับการกระทำของเฉินซี หรืออาจกล่าวได้ว่า พวกเขาต้องการดูว่าชายหนุ่มคนนี้จะสามารถซ่อมแซมได้สำเร็จหรือไม่

จะเล่นตุกติกอย่างไร?

หรือคนผู้นี้มีความสามารถจริง ๆ?

หม้อสมบัติมีความสูงสิบจั้งแปดฉื่อ และมีสามขา มันถูกปกคลุมด้วยกลิ่นอายโบราณ

เฉินซียืนอยู่ที่เบื้องหน้ามัน สีหน้าค่อย ๆ สงบ จริงจัง และเคร่งขรึม ชายหนุ่มรีบตรวจสอบแผนผังค่ายกลยันต์อักขระที่ลึกลับ ซับซ้อน และลึกล้ำอีกครั้ง

แผนผังเหล่านี้อนุมานจากยันต์เทวะอนันต์ พวกมันมีต้นกำเนิดที่มิอาจหยั่งถึง และเต็มไปด้วยความลึกล้ำของเต๋าแห่งสวรรค์ แม้ว่าเฉินซีจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับเต๋าแห่งยันต์อักขระ แต่เขาก็สามารถเดาได้อย่างคลุมเครือว่า แผนผังค่ายกลยันต์อักขระนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับชะตากรรม!

ชะตากรรม!

พลังลึกลับที่มาจากเต๋าแห่งสวรรค์ สิ่งมีชีวิตในภพทั้งสามไม่มีสิ่งใดไม่รู้จักสิ่งนี้

แผนผังค่ายกลยันต์อักขระภายในหม้อสมบัตินั้นเกี่ยวข้องกับชะตากรรม ดังนั้นจึงไม่ใช่ความผิดของเฉินซีที่ไม่สามารถเข้าใจมันได้อย่างสมบูรณ์ และทำได้เพียงพึ่งพายันต์เทวะอนันต์เพื่ออนุมานความลึกล้ำของมัน

“ผู้อาวุโส ข้าจะต้องพึ่งพาพวกท่านทุกคนในการซ่อมแซมหม้อสมบัตินี้ ในตอนนี้ข้าจะบอกวิธีการซ่อมแซมให้แก่พวกท่าน หากเป็นไปอย่างราบรื่น สามชั่วยามก็เพียงพอให้ซ่อมแซมมันได้อย่างสมบูรณ์” เฉินซีครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลานาน ก่อนที่แววตาจะทอประกายสุกใส และกล่าวอย่างใจเย็น

“แน่นอน!” เสิ่นฮ่าวเทียนพยักหน้าทันที “หม้อสมบัติเก้าลึกล้ำเป็นสุดยอดสมบัติของฝ่ายสงวนโอสถ ดังนั้นเราจะไม่นิ่งเฉยอย่างแน่นอน”

คนอื่น ๆ พยักหน้าเช่นกัน พวกเขาล้วนตั้งตารอที่จะทำสิ่งนี้ เพราะมีเพียงวิธีนี้ ที่จะทำให้เหล่าผู้อาวุโสสามารถเข้าใจวิธีการของเฉินซี และค้นหาความลับที่ซ่อนอยู่ได้อย่างแท้จริง

ทว่าทุกคนไม่ได้สังเกตว่าท่าทีของพวกเขาได้กระตุ้นความมั่นใจเล็ก ๆ ของเฉินซีโดยไม่รู้ตัว

ท่าทางของเหล่าผู้อาวุโสกลายเป็นสุขุมและเคร่งขรึม พวกเขายืนเรียงแถวหน้าหม้อสมบัติ พร้อมลงมือทุกขณะ เมื่อใดที่เฉินซีออกคำสั่ง พวกเขาก็จะทำตามโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

“ผู้เยาว์คนนี้น่าสนใจยิ่งนัก เขาสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ นี่ไม่ใช่สิ่งที่อัจฉริยะทั่วไปจะทำได้…”

ในระยะไกล หัวหน้าผู้คุมกฎหลี่เป่ยดูเหมือนจะตกอยู่ในภวังค์ของตน

หลังจากเห็นเหล่าผู้อาวุโสยืนอยู่ข้างหลังอย่างเชื่อฟัง และแสดงสีหน้าจริงจังราวกับว่าพวกเขาอยู่ภายใต้คำสั่งของคนหนุ่มผู้นี้ ความรู้สึกของความสำเร็จที่อธิบายไม่ได้ก็เกิดขึ้นในใจของเฉินซี

‘หากผู้อาวุโสเหล่านี้อยู่ภายใต้คำสั่งของข้า การโค่นตระกูลจั่วชิวก็คงง่ายเหมือนการปัดฝุ่นกระมัง?’

เฉินซีถอนหายใจ สังเกตเห็นว่าหลีเป่ยกับคนอื่น ๆ ยังคงยืนอยู่ในระยะไกล เฉินซีจึงเชิญพวกเขาทันที “ผู้อาวุโสโปรดมาด้วยเช่นกัน ข้าจะต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งของพวกท่านเพื่อซ่อมแซมหม้อสมบัตินี้แล้ว”

ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ของฝ่ายสงวนโอสถขมวดคิ้ว พวกเขาไม่ชอบผู้คุมกฎ แต่ไม่สามารถเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในการกระทำของเฉินซีได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล่าวคัดค้านใด ๆ และเลือกที่จะดูอย่างเฉยชา

หลีเป่ยและผู้คุมกฏต่างขมวดคิ้วเช่นกัน ไม่คาดคิดว่าเฉินซีจะเชิญพวกเขา เหล่าผู้คุมกฎต่างชำเลืองมองกันไปมา ก่อนจะมองหลี่เป่ยในที่สุด

หลีเป่ยไม่ได้คิดอะไรมาก และโบกมือ “ในฐานะคนของสำนึกศึกษา และเนื่องจากเรามีโอกาสที่จะมีส่วนร่วมในการซ่อมแซมหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำ เราย่อมมีหน้าที่ที่จะต้องช่วยเหลือเช่นกัน”

คำพูดนี้ ได้กระตุ้นความประทับใจจากเหล่าผู้อาวุโสของฝ่ายสงวนโอสถ แน่นอนว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็ดีกว่าไม่มีเลย

เมื่อมาถึงจุดนี้ มีเพียงจั่วชิวเซิงเท่านั้นที่ยังคงนั่งมองจากระยะไกล เปลือกตาหลุบลง ในใจเย้ยหยันอย่างต่อเนื่อง

‘ฮึ่ม! คนไร้ค่าอย่างเจ้ากลับทำให้เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ต้องมาเกลือกกลั้วด้วย เมื่อเจ้าล้มเหลว คงน่าขบขันไม่น้อย !’

ทุกคนล้วนทราบอย่างชัดเจนว่า จั่วชิวเซิงไม่มีทางช่วยเหลือในการซ่อมแซมครั้งนี้ จึงไม่มีใครสนใจจั่วชิวเซิงอีก

“ผู้อาวุโส แผนผังค่ายกลยันต์อักขระที่เสียหายภายในหม้อสมบัตินั้นซับซ้อนอย่างยิ่ง ข้าได้แยกวิธีซ่อมแซม และมอบให้กับพวกท่านทุกคนแล้ว ครั้งนี้ข้าคงต้องขอให้พวกท่านฟังคำสั่งของข้า”

สีหน้าของเฉินซีนั้นสงบ ขณะกล่าวอย่างรวดเร็วผ่านกระแสปราณ ในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มได้มอบแผนผังค่ายกลยันต์อักขระลึกลับจำนวนมากให้กับทุกคนผ่านทางญาณมหาเทวะอมตะ

“นี่มัน…”

เหล่าผู้อาวุโสต่างตรวจสอบแผนผังค่ายกลยันต์อักขระภายในห้วงสำนึกอย่างระมัดระวัง และจดจำมันได้อย่างแม่นยำในทันที อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่รู้แน่ชัดว่ามันมีความลึกซึ้งอันใด

ท้ายที่สุด สิ่งเหล่านี้คือแผนผังค่ายกลยันต์อักขระที่เสียหาย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาไม่สามารถแยกแยะความลึกซึ้งของมันได้

เฉินซีไม่อาจใส่ใจกับเรื่องทั้งหมดนี้ ชายหนุ่มจึงก้าวไปข้างหน้า ฝ่ามือปลดปล่อยปราณเซียนพิสุทธิ์ออกมา และจากนั้นฟาดมันลงบนหม้อสมบัติ ทำให้เกิดเสียงแปลกประหลาดและหนักหน่วงดังก้อง

ทันใดนั้น แผนผังค่ายกลยันต์อักขระที่ซับซ้อนอย่างยิ่งก็พุ่งออกมาจากพื้นผิวของหม้อสมบัติ และขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ มันกว้างใหญ่ราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอันไร้ขอบเขต ทั้งยังลึกล้ำอย่างถึงที่สุด ซึ่งมันกระตุ้นความเคารพของทุกคนที่อยู่ที่นี่

อย่างไรก็ตาม มีส่วนที่ไม่สมบูรณ์คล้ายหลุมดำตรงบริเวณด้านข้าง มันทำลายความสมบูรณ์ของแผนผังค่ายกลยันต์อักขระที่หม้อสมบัติมีอยู่

เหล่าผู้อาวุโสล้วนทราบอย่างชัดเจนว่า บริเวณที่เสียหายของหม้อสมบัติ หากไม่ได้รับการซ่อมแซมโดยเร็วที่สุด มันจะกระจายออกไปประหนึ่งน้ำหมึก และกัดกร่อนบริเวณอื่น ๆ ของหม้อสมบัติด้วย

“ลงมือได้!” ชายหนุ่มกล่าวผ่านกระแสปราณอย่างเร่งรีบ

พวกเขาต่างสร้างแผนผังค่ายกลยันต์อักขระที่แตกต่างกัน โดยยึดตามวิธีการของเฉินซีอย่างรวดเร็ว แผนภาพเหล่านี้ถูกควบแน่นภายในปราณเซียนพิสุทธิ์ที่หนาทึบ ก่อนจะถาโถมเข้าใส่หม้อสมบัติดุจกระแสน้ำ!

โอม!

หม้อสมบัติบังเกิดเสียงดังกึกก้อง พลางแผ่กลิ่นอายโบราณอันเก่าแก่และหนักหน่วงออกมา แสงอำไพอันศักดิ์สิทธิ์พรั่งพรูไปทั่วบริเวณ เผยให้เห็นถึงฝนแสงมหาศาลส่องสว่างไปทั่วทั้งห้องโถง

ในขณะนี้ แม้แต่จั่วชิวเซิงก็ยังประหม่า และได้แต่พึมพำอยู่ในใจ ‘เจ้าเด็กนี่จะต้องไม่ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน ไม่มีทาง…’

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท