บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1185 ชะตากรรมแห่งเต๋าสวรรค์

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1185 ชะตากรรมแห่งเต๋าสวรรค์

บทที่ 1185 ชะตากรรมแห่งเต๋าสวรรค์

หม้อสมบัติปะทุด้วยแสงแห่งสวรรค์สาดส่องไปทั่วห้องโถง พลันพลังแห่งสวรรค์อันไร้รูปร่างก็แผ่ซ่านออกไปรอบ ๆ พร้อมกับแผ่กลิ่นอายโบราณอันอ้างว้าง และลึกล้ำ

ทุกคนตกอยู่ในภวังค์ ราวกับว่าหม้อสมบัติใบนี้กำลังจะตื่นขึ้นจากการหลับไหล

ในขณะเดียวกัน ความมั่นใจต่อวิธีการของเฉินซีก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง

เดิมทีพวกเขาไม่คิดเชื่อ และเก็บความสงสัยไว้ในใจ แต่ในตอนนี้ ความสงสัยในใจพลันคลายลงอย่างมาก

เพราะพวกเขาไม่สามารถรับรู้แผนผังค่ายกลยันต์อักขระในส่วนที่เสียหายได้ นับประสาอะไรกับปรากฏการณ์ดังกล่าว สิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า วิธีของเฉินซีได้ผลเป็นอย่างยิ่ง!

ฉากนี้ทำให้พวกเขาจริงจังและเคร่งขรึมมากยิ่งขึ้น แม้จะไม่สามารถเข้าใจความลับที่ซ่อนอยู่ในแผนผังค่ายกลยันต์อักขระได้ทั้งหมด แต่ยามนี้ไม่มีใครกล้าประมาทสักคนเดียว

อย่างไรก็ตาม เฉินซีกลับไม่รับรู้ถึงเรื่องนี้เลย แม้ตนจะไม่ได้มีส่วนร่วมในกระบวนการซ่อมแซม แต่จิตใจทั้งหมดก็จดจ่ออยู่ที่หม้อสมบัติ เพราะยังคงต้องสั่งการ ดังนั้นจึงไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นแม้แต่น้อย

ถ้าจำไม่ผิด คุณภาพของหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำนั้นเกินระดับความว่างเปล่ามานานแล้ว เมื่อรวมกับแผนผังค่ายกลยันต์อักขระที่เกี่ยวข้องกับชะตากรรม ก็เป็นเรื่องยากที่จะซ่อมแซมหม้อสมบัติให้สมบูรณ์ได้

อย่างน้อย เฉินซีก็ไม่อาจทำสำเร็จได้โดยลำพัง

โชคดีที่เฉินซีไม่ต้องลงมือด้วยตัวเอง เหล่าผู้อาวุโสล้วนแล้วแต่มีการบ่มเพาะอยู่ในขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้น ในขณะที่คนอื่น ๆ ก็เป็นปรมาจารย์ในเต๋าแห่งยันต์อักขระหรือเต๋าแห่งโอสถ ดังนั้นโอกาสที่จะประสบความสำเร็จจึงมีอยู่มาก

โอม!

โอม!

โอม!

เมื่อเวลาผ่านไป เสียงสั่นของหม้อสมบัติก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ มันหนักหน่วงราวเสียงกลองของทวยเทพ แต่ก็เหมือนเสียงโห่ร้องของบรรพบุรุษในยุคบรรพกาล มันทั้งอ้างว้าง เก่าแก่ และกระตุ้นความเคารพในใจของผู้คน

หากคนทั่วไปได้ยินเสียงนี้ พวกเขาคงคิดว่าสวรรค์ได้ถ่ายทอดประกาศิตลงมาอย่างแน่นอน ทำให้พวกเขาคุกเข่าลงกับพื้น และหมอบกราบอย่างไม่รู้จบ

หลังจากนั้น เสียงที่ดังออกมาจากหม้อสมบัติยังคงกระจายออกไปนอกห้องโถงและทั่วฝ่ายสงวนโอสถ ไม่ว่าภูเขา แม่น้ำ ท้องฟ้าไร้ขอบเขต หรือพื้นดินอันกว้างใหญ่ ทุกสรรพสิ่งล้วนสะท้อนเสียงกึกก้องของหม้อสมบัติโบราณใบนี้

มันเหมือนกับเสียงของสวรรค์ การสวดมนต์ของมหาเต๋า และทำให้ฟ้าดินอาบไล้ไปด้วยบรรยากาศอันศักดิ์สิทธิ์

ในขณะนี้ อาจารย์และศิษย์ที่อยู่ในชั้นเรียนภายในฝ่ายสงวนโอสถได้หยุดทุกสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ และแสดงสีหน้าตกใจในขณะที่หัวใจรู้สึกราวกับว่าได้รับการชำระล้าง พวกเขาจมอยู่ในความรู้สึกนี้ และไม่สามารถปลดปล่อยตัวเองจากมันได้

“เมื่อเรื่องทั้งหมดจบลง จงทำตามที่ข้าบอกและนำกระบี่เล่มนั้นกลับมา” ในเวลาเดียวกัน เสียงที่ฟังราวกับไม่แยแส แต่แท้จริงกลับยิ่งใหญ่ ซึ่งดูเหมือนจะอบอุ่นและราบเรียบ หากทว่ากลับสง่างามและอหังการ ดังออกมาจากบริเวณลึกลับภายในส่วนลึกของสำนักศึกษา

“ขอรับท่านอาจารย์”

“เป็นไปได้อย่างไรกัน!?”

ดวงตาของจั่วชิวเซิงเบิกกว้าง ความประหลาดใจได้แผ่ไปทั่วใบหน้าอวบอ้วนอย่างควบคุมไม่ได้

การซ่อมแซมหม้อสมบัติยังไม่สิ้นสุด ดังนั้นเขาจึงไม่ควรประหลาดใจมากนัก แต่เมื่อได้เห็นรัศมีแห่งสวรรค์ที่เปล่งออกมาจากหม้อสมบัติ และเสียงก้องกังวานของหม้อสมบัติที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็ไม่สามารถรักษาความสงบได้อีกต่อไป

เพราะดูเหมือนทุกอย่างจะมุ่งไปสู่ความสำเร็จ และไม่ได้แสดงวี่แววของความล้มเหลวเลยแม้แต่น้อย!

“นั่นเป็นปัญหาที่แม้แต่อาจารย์ทุกคนของฝ่ายสงวนโอสถยังจนปัญญา ไอ้สารเลวที่อยู่เพียงขอบเขตเซียนลึกลับขั้นกลางเช่นมันจะทำสำเร็จได้อย่างไร? หรือว่ามันจะมีผู้เยี่ยมยุทธ์คอยชี้แนะอยู่เบื้องหลัง?”

สีหน้าของจั่วชิวเซิงเปลี่ยนไปไม่รู้จบ สายตาที่จ้องมองเฉินซีเผยให้เห็นถึงความเกลียดชัง ความมุ่งร้ายและความไม่พอใจ

“ไม่ได้การแล้ว ข้าไม่สามารถทนดูสิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน!” จั่วชิวเซิงกัดฟันและตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว ทำให้สีหน้าของเขาดูน่ากลัวขึ้นเล็กน้อย

ในพริบตาต่อมา ชายร่างอ้วนยืนขึ้นและหายใจเข้าลึก ก่อนจะแสยะยิ้ม พลางเดินไปหาเฉินซีพร้อมกับกล่าวว่า “เหล่าสหายเต๋า ข้าจะช่วยเหลือพวกท่านด้วย!”

ขณะที่กล่าว ร่างอ้วนก็ก้าวไปข้างหน้า เข้าใกล้หม้อสมบัติ

แต่ทันใดนั้นเอง กลับมีมือปรากฏขึ้นจากอากาศและตกลงบนไหล่ แม้ดูจะเป็นการกระทำที่อ่อนโยนและเชื่องช้า แต่แท้จริงกลับทำให้ร่างกายของจั่วชิวเซิงแข็งทื่อใบหน้าอวบอ้วนซีดเผือด เพราะไม่ว่าจะพยายามอย่างไร ก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลยแม้แต่น้อย!

“อาจารย์จั่วชิวแค่สังเกตจากด้านข้างอย่างใจเย็นก็พอแล้ว” น้ำเสียงเยือกเย็นดังก้องอยู่ข้างหู แต่กลับเหมือนลมหนาวเย็นเสียดกระดูกทำให้ร่างอ้วนท้วนสั่นสะท้านในทันใด ไม่จำเป็นต้องหันไปมอง ก็รู้ว่าเจ้าของเสียงนี้คือหัวเจี้ยนคง!

“สหายเต๋าเจี้ยนคง ข้าขอทราบเหตุผลที่เจ้ามาได้หรือไม่” จั่วชิวเซิงฝืนยิ้ม ก่อนจะหันกลับมาและกล่าว แน่นอนว่าเขาเห็นหัวเจี้ยนคงที่สวมเสื้อผ้าสีเทาและเส้นผมสีขาวราวหิมะยืนอยู่ด้านข้าง

เขาไม่ได้สังเกตเลยสักนิดว่าหัวเจี้ยนคงปรากฏตัวในห้องโถงตั้งแต่เมื่อไหร่!

“ข้ามาตามคำสั่งของท่านอาจารย์” หัวเจี้ยนคงตอบอย่างเฉยเมย และไม่ได้กล่าวอะไรอีก จากนั้นก็จ้องมองไปยังหม้อสมบัติที่อยู่ไกลออกไป

จั่วชิวเซิงตกตะลึงโดยสิ้นเชิง

‘เขามาตามคำสั่งของอาจารย์… นี่ไม่ได้หมายความว่าเจ้าสำนักได้รับรู้ถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่หรอกหรือ?’

‘แล้วหัวเจี้ยนคงได้รับคำสั่งอันใดกัน? จะเป็นการลงโทษเซวียนหยวนพัวจวินหรือไม่? หรือเขามีจุดประสงค์อื่น?’

ความคิดของจั่วชิวเซิงตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายทันที เขารู้สึกได้ราง ๆ ว่า การคาดเดาทั้งหมดอาจจะผิด บางทีการปรากฏตัวของหัวเจี้ยนคงอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเฉินซี?

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ คลื่นความปั่นป่วนที่อธิบายไม่ได้ก็พลันเกิดขึ้นในใจ เพราะตัวเขาก็ทราบดีเช่นกันว่า เมื่อครั้งการทดสอบคัดเลือกศิษย์ใหม่สิ้นสุดลง หัวเจี้ยนคงคือผู้ที่ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ และหยุดผู้อาวุโสทุกคนในสำนักศึกษาไม่ให้แย่งชิงเฉินซีไปเป็นศิษย์เอกของตน

และยามนี้หัวเจี้ยนคงได้ปรากฏตัวอีกครั้งในขณะที่เฉินซีกำลังซ่อมแซมหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำ ดังนั้นมันจึงไม่อาจเป็นเรื่องบังเอิญ!?

‘นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?’

ยิ่งคิด เขาก็ยิ่งสับสน จนศีรษะเริ่มปวดเล็กน้อย

โอม!

ในยามนี้ คลื่นผันผวนที่เขย่าฟ้าดินก็สั่นสะเทือนไปทั่วท้องฟ้า มันสั่นสะเทือนไปทั้งเก้าชั้นฟ้า และกระทบถึงน้ำพุยมโลก มันสั่นสะเทือนจั่วชิวเซิงจนหัวใจสั่นไหวอย่างรุนแรง แก่นโลหิตภายในร่างปั่นป่วน และตื่นขึ้นจากความคิดอันสับสนวุ่นวาย

“เราทำสำเร็จแล้ว!”

“ไม่นึกเลย… ว่ามันจะได้ผลจริง ๆ!”

“ไม่คิดเลย ไม่คิดเลยจริง ๆ! เราถูกกล่าวขานว่าเป็นปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระชั้นยอด แต่แท้จริงแล้วเรากลับไม่สามารถเทียบได้กับศิษย์ด้วยซ้ำ ช่างเป็นคนหนุ่มที่น่ากลัวเสียจริง”

คลื่นเสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้น พวกมันลอดผ่านหูของจั่วชิวเซิง ใบหน้าอวบอูมจึงเงยขึ้นมอง และเห็นคนอื่น ๆ กำลังห้อมล้อมอยู่รอบหม้อสมบัติ ยิ่งไปกว่านั้น ความตกใจ ความชื่นชม และความตื่นเต้นบนใบหน้าของเหล่าผู้อาวุโสก็ไม่สามารถปกปิดได้ ราวกับว่าพวกเขากำลังชื่นชมสมบัติล้ำค่าที่ไม่มีใครเทียบ

แม้แต่หลีเป่ยและผู้คุมกฎคนอื่น ๆ ก็เผยให้เห็นถึงความรู้สึกพึงพอใจ

“เขา… เขาประสบความสำเร็จจริง ๆ!” จั่วชิวเซิงรู้สึกวิงเวียน และไม่สามารถยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้เล็กน้อย

เดิมทีเขาตั้งใจจะอาศัยจังหวะนี้โจมตีเซวียนหยวนพัวจวิน และด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่ลังเลจะจ่ายไปในราคาสูงเพื่อเชิญผู้คุมกฎมา แต่จะจินตนาการได้อย่างไรว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น!

“ฮ่าฮ่า! ไม่เลว! ไม่เลว! ไม่เลวเลย!!” เซวียนหยวนพัวจวินระเบิดเสียงหัวเราะและดีใจเป็นอย่างยิ่ง ทุกครั้งที่กล่าวคำว่าไม่เลว เขาจะตบไหล่ของเฉินซี ซึ่งแม้จะเจ็บปวด แต่เฉินซีก็จำต้องกัดฟันทน

เพราะนี่คือฝ่ามือของผู้ซึ่งมีการบ่มเพาะขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้น ดังนั้นแม้จะไม่ได้ออกแรงใด ๆ มันก็ยังทรงพลังสำหรับตน

ส่วนคนอื่น ๆ เช่นเซวียนหยวนถงและปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระชั้นยอดของตระกูลเซวียนหยวน พวกเขาต่างมองเฉินซีด้วยสายตาที่แสดงถึงความชื่นชมจากใจจริง

“เฮ้อ ถ้าข้ารู้ว่าเจ้ามีความสามารถเช่นนี้ ข้าคงเสี่ยงที่จะฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าสำนักเพื่อรับตัวเจ้าเป็นศิษย์เอกแล้ว ช่างน่าเสียดาย น่าเสียดายจริง ๆ” เสิ่นฮ่าวเทียน อาจารย์ใหญ่ของฝ่ายสงวนโอสถถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขณะมองเฉินซี ในแววตาเต็มไปด้วยความเสียใจอย่างแท้จริง

ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ของฝ่ายสงวนโอสถต่างเห็นด้วยอย่างมาก หากศิษย์ที่โดดเด่นเช่นนี้ ผู้ซึ่งครอบครองความสำเร็จในเต๋าแห่งยันต์อักขระตั้งแต่อายุยังน้อย สามารถมาบ่มเพาะในฝ่ายสงวนโอสถ มันย่อมเป็นโชคของฝ่ายสงวนโอสถอย่างแน่นอน

เฉินซีเพียงยิ้มและนิ่งเงียบเมื่อเผชิญกับคำชมทั้งหมดนี้ พลางถอนหายใจด้วยความโล่งอก ราวกับภาระหนักอึ้งได้ถูกยกออกจากบ่า อันที่จริงหากกล่าวตามตรง ก่อนจะมาที่นี่ ในใจของเขาค่อนข้างมีความกดดันไม่น้อย

แต่โชคดี ทุกอย่างได้ผ่านไปแล้ว

ชายหนุ่มไม่เพียงแค่ซ่อมแซมหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำ แต่ยังได้รับมิตรภาพจากผู้อาวุโสทุกคนจากฝ่ายสงวนโอสถและตระกูลเซวียนหยวน ซึ่งนี่คือสิ่งที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุด

หากเฉินซีต้องพบกับปัญหาภายในสำนักศึกษาในอนาคต ผู้อาวุโสเหล่านี้จะไม่นิ่งดูดายอย่างแน่นอน ถึงแม้จะไม่ช่วยเหลือ แต่พวกเขาก็จะไม่มีทางหันคมกระบี่ใส่ตนเป็นแน่

เพียงเท่านี้ก็มากเกินพอแล้ว

“เฉินซี ครั้งนี้เจ้าทำได้ดีมาก” หัวหน้าผู้คุมกฎหลีเป่ยก็กล่าวชมเชยเช่นกัน ท่าทางเย็นชาและเข้มงวดผ่อนคลายลง เห็นได้ชัดว่าการแสดงฝีมือของเฉินซีก่อนหน้านี้ ได้รับการยอมรับอย่างมาก

แต่ในช่วงเวลาต่อมา หลีเป่ยก็เปลี่ยนหัวข้อทันที “อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเรื่องนี้จะได้รับการแก้ไขแล้ว แต่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับโอสถพลิกชะตาสวรรค์ยังไม่ได้รับการชี้แจง”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกกล่าวออกมา บรรยากาศครึกครื้นในห้องโถงพลันเงียบลง ผู้อาวุโสทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็ขมวดคิ้ว เซวียนหยวนพัวจวินและคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้ปกปิดความเกลียดชัง และความไม่พอใจแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตาม เฉินซีดูเหมือนจะเฝ้ารอคำถามนี้จากหลีเป่ยมาตั้งแต่ต้น ชายหนุ่มจ้องมองไปที่โอสถพลิกชะตาสวรรค์และยิ้ม พลางเอ่ยขัดจังหวะหลี่เป่ย “ผู้อาวุโส โปรดรอสักครู่ แล้วท่านจะเข้าใจเอง”

น้ำเสียงสงบนิ่ง และเผยให้เห็นถึงความมั่นใจอย่างมาก

แม้เฉินซีจะบอกว่าให้รอสักครู่ แต่จริง ๆ แล้วทันทีที่กล่าวจบ โอสถพลิกชะตาสวรรค์ก็แผ่กลิ่นอายลึกลับออกมาปกคลุมทั่วทั้งห้องโถง

ในเวลาเดียวกัน เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ที่เข้าร่วมในการซ่อมแซมหม้อสมบัติก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายมงคล สงบ ยิ่งใหญ่ บริสุทธิ์ และหนาทึบผ่านร่างกายของพวกเขา!

ราวกับมีพลังงานบริสุทธิ์อย่างยิ่งกำลังชำระล้างหัวใจและรากฐานแห่งเต๋า ทำให้ร่างกายแผ่กลิ่นอายที่ไม่อาจพรรณนาได้ของมหาเต๋า

“นี่มัน!” ทุกคนต่างตกตะลึง

“ชะตากรรมแห่งเต๋าสวรรค์!” ดวงตาของเซวียนหยวนพัวจวินสว่างวาบด้วยประกายสายฟ้าพร่างพราย พลางพ่นถ้อยคำแผ่วเบา ทุกคำพูดประหนึ่งเสียงฟ้าร้องที่ทำให้เหล่าผู้อาวุโสตกใจจนกล่าวสิ่งใดไม่ออก

เมื่อเห็นสิ่งนี้ รอยยิ้มพลันปรากฏขึ้นที่มุมปากของเฉินซี จากนั้นก็ชำเลืองมองไปยังหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำขณะพึมพำในใจ ‘แน่นอน แผนผังค่ายกลยันต์อักขระเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับชะตากรรม…’

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท