บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1220 การเผชิญหน้า

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1220 การเผชิญหน้า

บทที่ 1220 การเผชิญหน้า

ในช่วงเวลาสำคัญของการต่อสู้ จั่วชิวจวินปรากฏตัวอย่างกะทันหันด้วยท่าทีคุกคาม และกล่าวโทษเฉินซีทันทีที่มาถึง ทำให้คนผู้นี้ดูมีอำนาจเหนือกว่าอย่างมาก

“อะไรคือเขากำลังต่อสู้ในสำนัก?”

ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ต่างตกตะลึง เห็นได้ชัดว่าเป็นสมาชิกของสมาคมจั่วชิวที่มายั่วยุพันธมิตรดารา แต่กลับถูกทุบตีแทน ดังนั้นจะเป็นความผิดของเฉินซีได้อย่างไร?

แต่พวกเขาล้วนทราบดีว่า แม้จั่วชิวจวินจะเป็นหัวหน้าศิษย์ในนามของโถงผู้คุมกฎ แต่ก็ยังเป็นสมาชิกของสมาคมจั่วชิวเช่นกัน ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาย่อมเลือกสมาคมของตนเหนือสิ่งอื่นใด

ในความคิดของเฉินซี จั่วชิวจวินได้ขัดจังหวะตนหลายครั้งหลายครา

เขาจำได้ว่า ตอนที่เพิ่งเข้าสำนักศึกษา ตนถูกยั่วยุโดยอ๋าวเทียนซิงจากภพมังกร ซึ่งสร้างความโกรธเกรี้ยวต่อสาธารณชน และเมื่อสถานการณ์ใกล้จะควบคุมไม่ได้ จั่วชิวจวินก็ปรากฏตัวขึ้น และตั้งใจจะพาตัวเขาไปที่โถงผู้คุมกฎเพื่อรับโทษ

ในเวลานั้น ตนอยู่เพียงขอบเขตเซียนลึกลับเท่านั้น และไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจั่วชิวจวิน โชคดีที่จี้เซวียนปิงออกมายืนหยัดเพื่อเขาในช่วงเวลาสำคัญ และช่วยแก้ไขวิกฤตที่กำลังเผชิญได้ทันท่วงที

ตอนนี้ จั่วชิวจวินได้ปรากฏตัวอีกครั้ง ด้วยความตั้งใจปกป้องหลิวเจ๋อเฟิงและคนอื่น ๆ สิ่งนี้ทำให้สายตาของเฉินซีกลายเป็นเย็นชา และเต็มไปด้วยความดุร้าย

“ข้าได้ยินมาว่า เจ้าก็เป็นสมาชิกของสมาคมจั่วชิวเช่นกัน ดังนั้นข้าคิดว่าเจ้าคงทราบดี เกี่ยวกับเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ หรือว่าเจ้าตั้งใจที่จะตั้งข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลต่อหน้าทุกคนในวันนี้?” ใบหน้าของเฉินซีไร้ความรู้สึก ทว่ากลับเผยท่าทีที่สงบ และยืนเผชิญหน้ากับจั่วชิวจวิน

“เจ้าสงสัยการตัดสินของข้าหรือ” แสงเย็นเฉียบส่องประกายในดวงตาของจั่วชิวจวิน มันปะทุขึ้นพร้อมกับสายฟ้าที่คมดุจกระบี่ เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้น? ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ ล้วนได้รับความยินยอมจากเขาทั้งสิ้น!

“ข้าไม่ได้สงสัยในการตัดสินของเจ้า ข้าสงสัยว่าเจ้ามาเป็นหัวหน้าศิษย์ของโถงผู้คุมกฎได้อย่างไร แม้จะเปลี่ยนเจ้าเป็นอาจารย์ของสำนักศึกษาที่มา พวกเขาก็ทำอันใดไม่ได้อยู่ดี เพราะ… มันเป็นสมาคมจั่วชิวของเจ้าที่มาหาเรื่องก่อน!” เฉินซีกล่าวอย่างตรงไปตรงมา และไม่กลัวภูมิหลังหรืออำนาจของจั่วชิวจวินเลยแม้แต่น้อย

“บังอาจ!” ศิษย์อาวุโสที่ได้รับบาดเจ็บ ตวาดใส่เฉินซี ความกล้าพวยพุ่งอยู่ในแววตาเมื่อจั่วชิวจวินปรากฏตัว

เพียะ!

ทุกคนเห็นบางสิ่งแวบผ่านตา พวกเขาไม่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเฉินซีโจมตีอย่างไร รู้ตัวอีกทีศิษย์อาวุโสคนนั้นก็ถูกตบที่ใบหน้า แรงกระแทกทำให้หน้าปูดบวม ฟันหลุดออกจากปาก เขาถูกซัดจนร่างกระเด็น พลางส่งเสียงร้องโหยหวน ร่างกายสั่นสะท้าน แล้วหมดสติไปที่สุด

“ช่างอาจหาญยิ่งนัก!”

เมื่อเห็นสิ่งนี้ หัวใจของทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างสั่นไหว ไม่คาดคิดว่าเฉินซีจะยังคงทำตัวตรงไปตรงมาภายใต้สายตาจั่วชิวจวินเช่นนี้

เฉินซีไม่สนใจ ทั้งหมดที่เขารู้ คือสมาชิกของพันธมิตรดาราได้รับความอยุติธรรมในวันนี้ และตนไม่ได้ละเมิดกฎของสำนัก ดังนั้น ยังต้องกลัวสิ่งใดอีก?!

“เจ้า… ประเสริฐมาก!” สีหน้าของจั่วชิวจวินนั้นเย็นเยียบและมืดมน เขาข่มความโกรธไว้ในใจอย่างแข็งขัน และพ่นคำสองสามคำออกมาเบา ๆ

“แน่นอน ข้าย่อมประเสริฐอยู่แล้ว และจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป” เฉินซีตอบอย่างเป็นกันเอง พลางจับจ้องไปยังหลิวเจ๋อเฟิงและคนอื่น ๆ “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว กรุณาออกไปด้วย นี่คือการต่อสู้ระหว่างสมาคมของเหล่าศิษย์ ในเมื่อพวกเขายังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ข้าก็จะไม่หยุดเช่นกัน” สิ้นคำ สีหน้าของหลิวเจ๋อเฟิงและคนอื่น ๆ พลันซีดเผือด

วันนี้ พวกเขาต้องทนทุกข์ทรมานกับความอัปยศอดสูอย่างใหญ่หลวง และชื่อเสียง อาจกล่าวได้ว่าถูกกวาดทิ้งลงพื้น เสียหน้าหมดสิ้น หากเฉินซียังไม่ปล่อยพวกตนไป พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรแล้ว

ดังนั้น พวกเขาจึงจ้องมองไปที่จั่วชิวจวินเป็นตาเดียว

ซึ่งจั่วชิวจวินก็จ้องมองเฉินซีเป็นเวลานาน ก่อนจะหัวเราะและกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าคงต้องลิ้มลองพลังฝีมือที่ไม่ธรรมดาของศิษย์น้องเฉินซีสักหน่อย เพราะถึงอย่างไร ข้าก็เป็นสมาชิกของสมาคมจั่วชิวเช่นกัน เนื่องจากเป็นการต่อสู้ระหว่างสมาคมศิษย์ ดังนั้นข้าจึงต้องรับผิดชอบด้วย”

ขณะที่กล่าว เขาก็ถูฝ่ามือเข้าด้วยกัน การเคลื่อนไหวแม้ดูเชื่องช้า แต่ร่างกายกลับปล่อยกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวออกมา

ท่าทีของจั่วชิวจวินดูเหมือนกลายเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง ทั่วทั้งร่างเปล่งกลิ่นอายมืดมน และอาฆาตพยาบาทออกมา มันเต็มไปด้วยพลังกดขี่ และน่าสยดสยอง

ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้ ล้วนหายใจไม่ออกและรู้สึกหวาดกลัว เพราะจั่วชิวจวินเป็นบุคคลที่ยากจะหยั่งพลังได้ และอยู่ในอันดับที่สองของเทียบอันดับทองคำมวลสวรรค์ อีกทั้งยังได้บ่มเพาะอยู่ที่สำนักฝ่ายนอกมาเป็นเวลา 321 ปี

มีข่าวลือว่า หากเขาละทิ้งหน้าที่ของโถงผู้คุมกฎของสำนักฝ่ายนอก คนผู้นี้คงสามารถผ่านการสอบของสำนักฝ่ายใน และกลายเป็นศิษย์ของสำนักฝ่ายในไปตั้งนานแล้ว

แม้ว่าจั่วชิวจวินจะอยู่เหนือหลิวเจ๋อเฟิงซึ่งอยู่ในอันดับที่แปดเพียงไม่กี่อันดับ แต่ช่องว่างระหว่างพวกเขาสามารถอธิบายได้เหมือนกับช่องว่างระหว่างสวรรค์และโลก!

ในขณะนี้ เขาตั้งใจจะต่อสู้กับเฉินซีจริง ๆ นอกจากความรู้สึกประหม่าแล้ว ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหลั่งเหงื่อเย็นเยียบเพื่อเฉินซี และรู้สึกกังวลอย่างมาก

ดูเหมือนปัญหาจะมากขึ้นเรื่อย ๆ

“เช่นนั้นก็ประเสริฐยิ่ง” คำตอบของเฉินซีกลับเรียบง่าย และมีเพียงสี่คำเท่านั้น

รอยยิ้มอันน่าสยดสยองปรากฏขึ้นที่มุมปากของจั่วชิวจวิน เขาไม่ได้กล่าวอะไรต่อ แต่รัศมีของกระแสกฎแห่งเซียนทองคำดังก้องอยู่รอบตัว และปลดปล่อยพลังกดขี่ ซึ่งทำให้ลมและเมฆในบริเวณโดยรอบเกิดความปั่นป่วน

“ช้าก่อน!” ในช่วงเวลาวิกฤตนี้ เมื่อการต่อสู้อาจปะทุขึ้นได้ทุกเมื่อ เสียงที่ชัดเจนและกังวานก็ดังขึ้นจากระยะไกล พร้อมกับเสียงนี้ อาซิ่วนำคนกลุ่มหนึ่งพุ่งมาที่นี่ราวกับสายฟ้าฟาด

“สวรรค์! ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นศิษย์ของสำนักฝ่ายใน!”

“แน่นอน พวกเขาเป็นสมาชิกของสมาคมเซวียนหยวน เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเขาตั้งใจจะสอดมือในเรื่องนี้?”

“เราจะมีการแสดงชั้นยอดให้ชมแล้ว” เมื่อเห็นกลุ่มของอาซิ่วมาถึง เสียงสนทนากระซิบกระซาบก็ดังขึ้นในบริเวณโดยรอบทันที

“คุณหนูซิ่ว!”

“คุณหนูซิ่วกลับมาแล้ว!”

สมาชิกของพันธมิตรดาราส่งเสียงโห่ร้องยินดี และะแสดงความเคารพอย่างไม่ปิดบัง เห็นได้ชัดว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา อาซิ่วได้สร้างสถานะอันสูงส่งในหัวใจของพวกเขาแล้ว

ในทางกลับกัน จั่วชิวจวิน หลิวเจ๋อเฟิง และสมาชิกคนอื่น ๆ ของสมาคมจั่วชิวล้วนแต่เผยสีหน้ามืดมน

พวกเขาจะจำอาซิ่วไม่ได้ได้อย่างไร? นี่คือองค์หญิงน้อยผู้เจิดจรัสของตระกูลเซวียนหยวน ผู้ไม่ต้องผ่านการทดสอบของสำนักเลยแม้แต่น้อย นางเข้าร่วมสำนัก และกลายเป็นศิษย์ของหวังต้าวหลู หัวหน้าอาจารย์ฝ่ายใน

นอกจากนั้น แม้จะจำศิษย์สายในส่วนใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังอาซิ่วไม่ได้ แต่เพียงตัวตนของการเป็นศิษย์สายในนั่น ก็เพียงพอที่จะทำให้รู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก

“ให้ข้าจัดการเอง” เฉินซีกำลังจะกล่าว ทว่ากลับถูกหยุดโดยอาซิ่ว เมื่อเห็นท่าทีเด็ดเดี่ยวของหญิงสาว เขาก็ไหวไหล่อย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นจึงเดินออกไปทันที เนื่องจากทราบดีว่า ปกติอาซิ่วนั้นเป็นคนไร้กังวลและสบาย ๆ แต่เมื่อนางตัดสินใจบางอย่างแล้ว ก็จะไม่มีใครหยุดนางได้

“แม่นางซิ่ว นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างสมาคมจั่วชิวและพันธมิตรดารา ซึ่งได้รับอนุญาตจากสำนักแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ตามกฎ สมาคมอื่นไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปยุ่ง” จั่วชิวจวินหายใจเข้าลึก ๆ และมีสีหน้าเศร้าหมอง เห็นได้ชัดว่าอาซิ่วนั้นค่อนข้างรับมือลำบาก

“สมาคมอื่น? ไม่ ข้าเป็นสมาชิกของพันธมิตรดาราเช่นกัน ส่วนคนเหล่านี้ที่อยู่ข้างหลัง ล้วนเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้า ข้าตั้งใจจะยืนหยัดเพื่อพันธมิตรดารา และพวกเขาก็ตั้งใจยืนหยัดเพื่อข้า ดังนั้นมันก็สมเหตุสมผลแล้วไม่ใช่หรือ?” อาซิ่วยังคงยิ้มแย้ม แต่รอยยิ้มนั้นกลับไปไม่ถึงดวงตา ทำให้ใบหน้ารูปไข่สง่างามเต็มไปด้วยความเฉยเมยน่ากลัวแทน

เห็นได้ชัดว่าอาซิ่วกำลังโกรธมาก!

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หัวใจของทุกคนสั่นสะท้านอย่างรุนแรง “เซวียนหยวนซิ่วก็เข้าร่วมพันธมิตรดาราด้วย?” นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน!

ในอดีต พวกเขาทราบเพียงว่า เซวียนหยวนซิ่วเป็นผู้ดูแลพันธมิตรดาราให้เฉินซีมาโดยตลอด แต่ไม่คาดคิดว่านางจะละทิ้งสมาคมเซวียนหยวน และเข้าร่วมพันธมิตรดารา มันดูไร้เหตุผลเกินไป!

“ช่างเป็นตรรกะไร้เหตุผลอะไรอย่างนี้! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ตามกฎแล้ว ข้าก็ร้องขอความช่วยเหลือจากสหาย และตระกูลได้เช่นกันใช่หรือไม่” จั่วชิวจวินขมวดคิ้ว ไม่คิดเลยว่าอาซิ่วจะยอมรับว่านางเข้าร่วมพันธมิตรดารา

“แล้วแต่เจ้าเถอะ” อาซิ่วกล่าวอย่างใจเย็น “สมาคมจั่วชิวสามารถส่งผู้เยี่ยมยุทธ์ออกไปได้อย่างไม่รู้จบ พันธมิตรดาราจะทำบ้างไม่ได้หรือ? เพราะการที่ข้ามาในวันนี้ ก็ชัดเจนแล้วว่า ข้าไม่เคยตั้งใจที่จะปฏิบัติตามกฎของเจ้า”

เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ นางหันกลับมา และกล่าวกับสมาชิกของสมาคมเซวียนหยวนที่อยู่ข้างเคียง “พี่น้องทั้งหลาย ตามกฎของสำนัก แต้มดาราหมื่นแต้มจะถูกหักออกสำหรับการทุบตีคนหนึ่งคน ที่นี่มีทั้งหมด 16 คน เท่ากับ 160,000 แต้ม ไว้ข้าจะจ่ายให้ทีหลัง”

คำพูดเหล่านี้ถูกกล่าวด้วยน้ำเสียงอาฆาต และทำให้หัวใจของทุกคนในบริเวณใกล้เคียงสั่นสะท้าน พวกเขารู้สึกว่าองค์หญิงน้อยของตระกูลเซวียนหยวนนี้ มีอำนาจเหนือกว่า และไร้เหตุผลอย่างยิ่ง

“องค์หญิงน้อย อย่าได้กล่าวอะไรเช่นนั้น มันก็แค่แต้มดาราเล็ก ๆ น้อย ๆ เราย่อมสามารถจ่ายเองได้” ชายหนุ่มจากตระกูลเซวียนหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“หลังจากอยู่ในสำนักฝ่ายในมานาน การได้ระบายที่สำนักฝ่ายนอกในวันนี้ไม่เลวเลย หึ หึ” ชายหนุ่มร่างกำยำสูงสิบจั้งแปดฉื่อหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ พลางกวาดสายตาไปที่จั่วชิวจวินกับคนอื่น ๆ ด้วยสายตากระหายเลือด อีกทั้งยังแสดงสีหน้าตื่นเต้น และเสพติดในการต่อสู้

“การรังแกสหายขององค์หญิงน้อย ก็เป็นการรังแกองค์หญิงน้อยเช่นกัน และพวกที่รังแกองค์หญิงน้อย ก็เท่ากับกำลังรังแกตระกูลเซวียนหยวนของข้า มารดามัน! ช่างหัวกฎ ข้าคงไม่สามารถสงบใจได้ หากเราไม่ต่อสู้ในวันนี้!” ศิษย์ของตระกูลเซวียนหยวนมีอารมณ์ร้อนแรง ถึงกับถูฝ่ามือด้วยความกระตือรือร้น

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ สีหน้าของจั่วชิวจวินและคนอื่น ๆ เปลี่ยนไปไม่น่าดูอย่างยิ่ง พวกเขากัดฟันแน่น เพราะต้องทุกข์ทรมานจากการดูถูกเหยียดหยามในที่สาธารณะ ความโกรธพุ่งขึ้นจนสุดขีด

ทว่าพวกเขาต้องไตร่ตรองว่าจะแสดงออกอย่างไร และดูเหมือนพวกเขาเกรงว่าคนทั้งโลกจะไม่รู้ว่าพวกตนได้ขวางทางเข้าออกของพันธมิตรดาราอย่างโจ่งแจ้ง

“เป็นไปได้หรือไม่ว่า แม่นางซิ่วตั้งใจให้เกิดการต่อสู้ระหว่างสมาคมจั่วชิวกับสมาคมเซวียนหยวน ผลที่ตามมาอาจเป็นสิ่งที่แม้แต่เจ้าก็ไม่อาจแบกรับได้!” สีหน้าของจั่วชิวจวินมืดมนอย่างมาก เขากัดฟันแรง พลางระงับไฟโทสะในใจ และเค้นเสียงออกมาจากรอยแยกระหว่างฟัน

“แล้วจะทำไม? เหตุใดข้าถึงต้องสนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นในภายหลัง หากข้าไม่สามารถแก้แค้นได้” อาซิ่วไม่สนใจเลยสักนิด นางกล่าวโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย “เอาล่ะ เรามาจัดการเรื่องนี้กันก่อนดีกว่า อย่างแรก ยอมรับความพ่ายแพ้ในตอนนี้ และเลิกสร้างปัญหาอย่างเชื่อฟัง หรืออย่างที่สอง พวกเราจะสู้กัน พวกเจ้าต้องเลือกเอง”

สิ้นคำ บรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นการเผชิญหน้า ความเงียบสงัดปกคลุมในทันที

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท