บทที่ 1232 สวรรค์ช่างเล่นตลกกับผู้คน
บทที่ 1232 สวรรค์ช่างเล่นตลกกับผู้คน
คำพูดของเฉินซีทำให้หม้อใบจิ๋วอึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นมันก็ครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง แล้วจึงกล่าวว่า “ตามความรู้ของข้า สถานที่แห่งโชคลาภนั้นซ่อนตัวอยู่ในกระแสห้วงมิติ หากเข้าไปโดยไม่รู้รูปแบบของมัน ก็ไม่ต่างจากการเอาชีวิตไปทิ้ง”
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ เฉินซีก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “ผู้อาวุโส แล้วมีสิ่งใดซ่อนอยู่ในสถานที่แห่งนั้นกัน?”
หม้อใบจิ๋วนิ่งเงียบไปนาน ก่อนที่มันจะกล่าวขึ้นมาว่า “สุสานของผู้ยิ่งใหญ่ในยุคบรรพกาล”
น้ำเสียงของหม้อใบจิ๋วเจือกระแสซับซ้อนอยู่เล็กน้อย
ทว่าเฉินซีไม่ได้สังเกตเห็นมัน เพราะจิตใจของเขาจดจ่ออยู่กับคำพูดของหม้อใบจิ๋ว
“ผู้ยิ่งใหญ่จากยุคบรรพกาล…”
“สุสานหรือ?”
เฉินซีไม่สามารถจินตนาการได้อย่างแท้จริงว่า ขอบเขตการบ่มเพาะใดที่สามารถเรียกว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่หม้อใบจิ๋วกล่าวถึง!
“มาเถิด เจ้าจะเข้าใจเมื่อเข้าไปในสุสานแล้ว ข้าได้แต่หวังว่า… มันจะไม่ถูกคนอื่นเอาไปเสียก่อน” หม้อใบจิ๋วถอนหายใจเบา ๆ ก่อนที่จะมันตกอยู่ในความเงียบงัน
ในขณะเดียวกัน เฉินซีสังเกตเห็นว่า อารมณ์ของหม้อใบจิ๋วเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด สิ่งนี้ทำให้ชายหนุ่มคาดเดาอย่างเงียบ ๆ ว่าหม้อใบจิ๋วอาจมีความสัมพันธ์บางอย่างกับผู้ยิ่งใหญ่คนนี้มาตั้งแต่ยุคบรรพกาล
เฉินซีส่ายศีรษะและเลิกคิดถึงสิ่งนี้ เพราะคงไม่สามารถเข้าใจอะไรได้ แม้จะทำต่อไปก็ตาม
ต่อจากนั้น เฉินซีก็ไม่คิดจะอยู่ที่นี่อีกต่อไป ชายหนุ่มกวาดความมั่งคั่งของหลานถิงทั้งหมด ก่อนจะมุ่งลึกเข้าไปในดาวอสูรทันที
…
ดาวอสูรไม่เหมือนกับดาวดวงอื่น ๆ มันมีขนาดใหญ่กว่านับสิบเท่า หรืออาจมากกว่านั้น เทียบได้กับโลกใบใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้น มันเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการต่อสู้ที่ยากจะพรรณนาได้
ไม่ว่าจะเป็นภูเขาหรือที่ราบ ทุกหนทุกแห่งถูกปกคลุมไปด้วยซากปรักหักพัง แม่น้ำแห้งขอด พื้นดินแตกระแหง ภูเขาพังทลาย และทะเลหินหลอมเหลวพวยพุ่ง…
ดูเหมือนว่าท่ามกลางกาลเวลา ดาวดวงนี้ถูกปกคลุมไปด้วยความอ้างว้าง ประสบกับสงครามมากมาย ถึงขนาดที่สามารถมองเห็นกองซากศพจากอากาศได้
“ช่างเป็นกลิ่นอายแห่งการเข่นฆ่าที่หนาแน่นเสียจริง!”
เฉินซีร่อนลงบนยอดเขาแห้งแล้งแห่งหนึ่ง กลิ่นอายของการเข่นฆ่าจู่โจมใบหน้าทันควัน มันเป็นกลิ่นอายของสงครามที่ไม่สามารถขจัดได้ด้วยกาลเวลา หากเป็นคนอื่นที่มา คนผู้นั้นคงรู้สึกหวาดกลัวจากก้นบึ้งของจิตวิญญาณ จนจิตใจพังทลายในทันที
ทว่ากลิ่นอายของการเข่นฆ่าเล็กน้อยนี้ไม่สามารถส่งผลกระทบต่อเฉินซีได้แต่อย่างใด
“โอ้ นั่นมัน…”
ดวงตาของเฉินซีกวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนจะสะดุดกับบางสิ่ง มันคือสะพานลวงตาที่เชื่อมระหว่างฟ้าดินซึ่งอยู่ห่างออกไปไกลโพ้น ลำแสงส่องประกายเจิดจ้า และสาดส่องให้ทั้งฟ้าดินสว่างไสว
“สิ่งนั้นคงก่อตัวขึ้นจากพลังของกระแสห้วงมิติ เป็นประตูสู่สุสานที่ว่า เจ้าของสุสานได้ใช้ความสามารถสูงสุด เปลี่ยนกระแสห้วงมิติให้เป็นของตน น่าเสียดายที่เขามีเวลาเพียงแค่ตั้งประตูนี้ จึงใช้สิ่งนี้ปกป้องสถานที่ฝังอัฐิของตนเท่านั้น” หม้อใบจิ๋วถอนหายใจยาวเหยียด
เฉินซีอ้าปากค้าง กระแสห้วงมิติเป็นสิ่งที่ทรงพลังอย่างยิ่ง มันถูกหลอมรวมเข้าด้วยกันเป็นรูปแบบของพลังงานทางโลกและอวกาศที่วุ่นวายที่สุด ซึ่งแม้แต่ตัวตนที่ขอบเขตราชันเซียนก็ไม่กล้ายืนยันว่าจะสามารถรวบรวมพลังงานนี้ได้ ไม่ต้องกล่าวถึงผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตอื่น ๆ พวกเขาจะต้องพินาศอย่างแน่นอน หากถูกพัดพาเข้าสู่กระแสห้วงมิติ
แต่เจ้าของสุสานแห่งนี้กลับใช้พลังของกระแสห้วงมิติเพื่อตนเอง เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของเขาน่ากลัวเพียงใด
“เดี๋ยวก่อน เหตุใดเขาถึงไม่หนีไป และเลือกสถานที่นี้เพื่อฝังตัวเองแทน? เป็นไปได้หรือไม่ว่า เขาจะรับรู้ถึงความตายของตน จึงสร้างสุสานให้ตัวเอง” เมื่อเฉินซีตระหนักถึงสิ่งนี้ ชายหนุ่มก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ
“ใช่แล้ว เขาไม่มีเวลาหนี” หม้อใบจิ๋วกล่าว “แม้ว่าสมรภูมิฝันร้ายแห่งนี้จะเป็นสนามรบขนาดกลาง แต่ผู้ยิ่งใหญ่หลายคนได้ต่อสู้อย่างดุเดือดกับคนต่างพิภพตั้งแต่ยุคบรรพกาล แม้เขาจะฆ่าผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพได้ แต่เจ้าของสุสานก็สูญเสียพลังแก่นแท้ทั้งหมดไป”
เมื่อกล่าวมาถึงจุดนี้ เสียงของหม้อใบจิ๋วก็เบาลงเล็กน้อย และดูไม่เต็มใจที่จะกล่าวถึงอดีต มันเปลี่ยนหัวข้อสนทนา กล่าวแนะนำเฉินซี “ในหลายปีหลังจากนั้น ผู้เยี่ยมยุทธ์จากภพทั้งสามหลายคนเคยพยายามก้าวผ่านประตูนั่น แต่เกือบทั้งหมดต้องกลับไปมือเปล่า ข้าก็ไม่กล้ายืนยันว่ายังไม่มีใครเข้าไปจนบัดนี้ อีกอย่างข้าก็ไม่ได้มาที่นี่นานมากแล้ว”
เฉินซีได้รับข้อมูลเพิ่มเติม หม้อใบจิ๋วเคยมาที่นี่แล้วครั้งหนึ่งในอดีต!
“มาเถิด เราไปดูกัน” หม้อใบจิ๋วออกคำสั่ง
เฉินซีพยักหน้า ก่อนจะทะยานร่างออกไป
…
ขณะที่บินอยู่ เฉินซีสังเกตสภาพแวดล้อมอย่างระมัดระวัง แต่สิ่งที่สร้างความประหลาดใจ คือตอนนี้มีกลิ่นอายน่าเกรงขามมากมายรวมตัวกันอยู่ที่นี่
กลิ่นอายเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในขอบเขตเซียนทองคำ การค้นพบนี้ทำให้หัวใจของเฉินซี
เครียดเขม็ง เพราะสัมผัสได้อย่างราง ๆ ว่าคนมากมายน่าจะมารวมตัวกันที่นี่ เพราะสุสานของผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังกระแสห้วงมิติ
“ข้าไม่คาดคิดเลยว่าการสอบของสำนักธรรมดา ๆ จะกลายเป็นการแข่งขันเพื่อชิงวาสนา เกรงว่าจะมีความหมายลึกล้ำอยู่เบื้องหลังเหตุผลที่จัดให้มีการสอบของสำนักฝ่ายในที่นี่…” เฉินซีครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะตระหนักได้ว่าตนประเมินการสอบของสำนักฝ่ายในต่ำไป เพราะหากไม่ได้คำแนะนำของหม้อใบจิ๋ว เขาคงพลาดวาสนาครั้งนี้
ชายหนุ่มทราบอย่างชัดเจนว่า ตนมีข้อมูลน้อยเกินไป ไม่เหมือนศิษย์ของกองกำลังชั้นนำเหล่านั้น ที่สามารถรับการชี้นำจากกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังได้
ครืน!
ในขณะนี้ คลื่นพลังผันผวนของการต่อสู้ดังก้องไปทั่วบริเวณ และกวาดไปยังบริเวณโดยรอบด้วยแรงผลักดันอันทรงพลัง
เฉินซีหยุดเคลื่อนไหวทันที ดวงตาแนวตั้งที่หว่างคิ้วเปิดขึ้นอีกครั้ง มันกวาดมองอย่างรวดเร็ว ทำให้เขาเห็นสถานการณ์ในสนามรบที่อยู่ไกลออกไปอย่างชัดเจน รอยยิ้มแปลก ๆ ปกคลุมมุมปากแวบหนึ่ง ชายหนุ่มพึมพำเบา ๆ “เป็นประสงค์ของสวรรค์จริง ๆ…”
ชู่ว!
ในช่วงเวลาถัดมา ร่างของเขาก็สว่างวาบ และหายไปในอากาศ
…
ที่นี่เป็นช่องเขาไร้ขอบเขต ซึ่งถูกปกคลุมอย่างหนาแน่นในหุบเขา มันทั้งอ้างว้างและแห้งแล้ง
ขณะนี้ มีหลายร่างกำลังต่อสู้อย่างดุเดือดกับผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพกว่าสิบคน สถานการณ์ของการสู้รบนั้นดุเดือดรุนแรง จนทำให้ภูเขาหลายลูกพังทลาย
น่าตกใจที่ผู้นำของร่างเหล่านั้นคือจั่วชิวจวิน คนผู้นั้นกำลังสั่งการคนอื่น ๆ พร้อมกับกล่าวด้วยเสียงเข้มงวด “ไอ้พวกโง่เขลากลุ่มนี้คิดลอบโจมตี และบดขยี้เรา ฆ่า! ฆ่าไอ้สารเลวพวกนี้ให้หมด!”
เสียงของเขาดังก้องไปทั่วสวรรค์ทั้งเก้า
“ฆ่า!” ขวัญกำลังใจของสหายของจั่วชิวจวินพวยพุ่ง พวกเขาทุ่มพลังทั้งหมด เข้าปราบปรามผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนทองคำจากต่างพิภพทั้งสิบคนทันที
สิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า จั่วชิวจวินและพรรคพวกคู่ควรกับการอยู่ในห้าสิบอันดับแรกของเทียบอันดับทองคำมวลสวรรค์
“หึ! ข้าไม่เคยคาดคิดว่าเราจะสามารถฆ่าเป้าหมายสองสามคนในระหว่างทางได้ ถือว่ามันได้กำไรเกินคาด ไอ้บัดซบ! ตายซะ เพื่อบรรพชน!” ศิษย์คนหนึ่งจากตระกูลจั่วชิวแค่นหัวเราะ กระบี่ในมือวูบไหว มันแปรเปลี่ยนเป็นแสงสีดำสนิทปกคลุมท้องฟ้า ก่อนจะพุ่งเข้าใส่ผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพคนนั้นอย่างรุนแรง
การโจมตีครั้งนี้ทั้งโหดเหี้ยมและกดขี่ มันปิดทางหนีของผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพคนนั้น เห็นได้ชัดว่าเมื่อการโจมตีครั้งนี้จบลง ผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพคนนั้นจะต้องถูกฟันเป็นชิ้น ๆ
ทว่า…
ชู่ว!
ปราณกระบี่ที่ไร้รูปร่างแผ่กระจายออกมาจากอากาศ มันทำลายล้างผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนทองคำจากต่างพิภพคนนั้น ก่อนที่กระบี่สีดำจะสาดแสงลงมา
ฟุ่บ!
เลือดสด ๆ สาดกระเซ็นไปรอบ ๆ ศิษย์จากตระกูลจั่วชิวคนนั้นมีท่าทีเหมือนกระต่ายถูกเหยียบหาง คนผู้นั้นกระทืบเท้าด้วยความโกรธ และคำรามลั่น “ผู้ใดกัน?! ไอ้สารเลวคนไหนที่ฉกเหยื่อของข้าไป!?”
เสียงตะโกนนี้ดึงดูดความสนใจของจั่วชิวจวินและคนอื่น ๆ ทันที พวกเขารีบกวาดสายตาไปทั่วบริเวณใกล้เคียง
“นั่นมันอะไรกัน?”
“มีคนฉกเหยื่อของเราไป!”
“บัดซบ! มันคือใครกัน? เผยตัวออกมาซะ!”
ใบหน้าของจั่วชิวจวินและคนอื่น ๆ พลันเปลี่ยนเป็นมืดมนทันที ไม่คิดว่าจะมีคนกล้าฉกเหยื่อของพวกตนในช่วงเวลาเช่นนี้
น่าเสียดาย ยังไม่ทันหาร่องรอยของศัตรูพบ พวกเขาก็ถูกผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพทั้งสิบเข้ามาพัวพันอีกครั้ง ยากที่จะดิ้นรนให้เป็นอิสระได้
“มาจัดการกับไอ้สารเลวพวกนี้ก่อน!” จั่วชิวจวินตัดสินใจทันที และกัดฟันสั่งการอย่างโกรธเกรี้ยว
คนอื่น ๆ ทำได้เพียงแค่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของเขา และระบายความโกรธแค้นในใจไปยังผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพเหล่านี้
ฟิ่ว!
เมื่อศิษย์ของตระกูลจั่วชิวกำลังจะฆ่าผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพ ปราณกระบี่ที่ไร้รูปร่างอีกเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้น และสังหารผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพ ก่อนที่ศิษย์จากตระกูลจั่วชิวจะลงมือ
การโจมตีที่รอโอกาสอันเหมาะสมก่อนจะลงมือ มันได้บรรลุถึงจุดสูงสุดแล้ว มันไม่เร็วหรือช้าเกินไป มันเป็นจังหวะเวลาเหมาะสมพอดิบพอดี และถ้าคนอื่นเห็นฉากนี้ พวกเขาคงจะปรบมือด้วยความชื่นชมอย่างแน่นอน
ทว่าทั้งหมดนี้กลับทำให้ศิษย์จากตระกูลจั่วชิวโกรธจนแทบกระอักเลือด เหยื่อที่พยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้มา กำลังถูกฉกชิงไปต่อหน้าต่อตา ความรู้สึกนี้ช่างน่าแค้นใจอย่างถึงที่สุด
“บัดซบ! เป็นผู้ใดกันแน่”
“ไอ้สารเลวคนไหนมาสร้างปัญหา?”
“บัดซบ! เหยื่อของข้า!”
ในขณะนี้ มีเสียงมากกว่าหนึ่งดังขึ้นไล่เลี่ยกัน พวกมันดังก้องไปทั่วบริเวณ
ศิษย์ตระกูลจั่วชิวเหลือบมองกันและกัน พร้อมกับตระหนักว่าเหยื่อของพวกตนถูกฆ่าตายในเวลาเดียวกัน!
ทันใดนั้น ใบหน้าของพวกเขาพลันกลายเป็นไม่น่าดูอย่างยิ่ง และเมื่อมองคู่ต่อสู้อีกครั้ง ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนทองคำจากต่างพิภพเหล่านั้น ก็เหลือเพียงคนเดียวแล้ว…
“บัดซบ!!!” เสียงของจั่วชิวจวินเค้นรอดไรฟัน มันเผยให้เห็นถึงความเย็นเสียดแทงลึกถึงกระดูก เขาโกรธแค้น และฟาดฝ่ามืออย่างรุนแรงไปยังผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพคนสุดท้ายที่เหลืออยู่
ทว่าในขณะนั้นเอง ปราณกระบี่ไร้รูปร่างก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง มันสว่างวาบ ก่อนจะตัดศีรษะของผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพคนสุดท้าย ตัดหน้าการโจมตีของจั่วชิวจวินในเสี้ยวลมหายใจ
พรู่ด!
เลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็น เป็นฉากที่น่าเศร้า งดงาม และนองไปด้วยเลือด
ใบหน้าของจั่วชิวจวินแดงก่ำ เส้นเลือดบนขมับปูดโปน ทั้งร่างสั่นเทาด้วยความโกรธ เพราะคนเหล่านั้นคือผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนทองคำทั้ง 14 คนจากต่างพิภพ แต่กลับถูกฉกไปภายใต้จมูกของเขา…
ใบหน้าของคนอื่น ๆ ก็มืดมนจนถึงขีดสุดเช่นกัน พวกเขากัดฟันจนเสียงแตกดังรอดออกมา แทบระเบิดด้วยไฟแห่งโทสะ
“ขออภัย ข้าคิดว่าผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพเหล่านั้นไม่ได้เป็นของใคร เช่นนั้นแล้วพบกันใหม่ หวังว่าจะมีโอกาสได้พบพวกเจ้าทุกคนอีกครั้ง” ทันใดนั้น เสียงที่แผ่วเบาและไม่แยแสก็ดังขึ้นอย่างเนิบช้า
จั่วชิวจวินและคนอื่น ๆ จึงสังเกตเห็นร่างสูงโปร่งกำลังโบกมือให้พวกตนจากระยะไกล รอยยิ้มอันอบอุ่นแต่งแต้มอยู่บนใบหน้าของคนผู้นั้น
แต่น้ำเสียงของมันกลับเสียดหูเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อรอยยิ้มนั้นสะท้อนอยู่ในดวงตา มันก็เหมือนกับการเยาะเย้ยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกหล้า ดวงตาของพวกเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงดุจเลือด
เลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็น เป็นฉากที่น่าเศร้า งดงาม และนองไปด้วยเลือด
ใบหน้าของจั่วชิวจวินแดงก่ำ เส้นเลือดบนขมับปูดโปน ทั้งร่างสั่นเทาด้วยความโกรธ เพราะคนเหล่านั้นคือผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนทองคำทั้ง 14 คนจากต่างพิภพ แต่กลับถูกฉกไปภายใต้จมูกของเขา…
ใบหน้าของคนอื่น ๆ ก็มืดมนจนถึงขีดสุดเช่นกัน พวกเขากัดฟันจนเสียงแตกดังรอดออกมา แทบระเบิดด้วยไฟแห่งโทสะ
“ขออภัย ข้าคิดว่าผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพเหล่านั้นไม่ได้เป็นของใคร เช่นนั้นแล้วพบกันใหม่ หวังว่าจะมีโอกาสได้พบพวกเจ้าทุกคนอีกครั้ง” ทันใดนั้น เสียงที่แผ่วเบาและไม่แยแสก็ดังขึ้นอย่างเนิบช้า
จั่วชิวจวินและคนอื่น ๆ จึงสังเกตเห็นร่างสูงโปร่งกำลังโบกมือให้พวกตนจากระยะไกล รอยยิ้มอันอบอุ่นแต่งแต้มอยู่บนใบหน้าของคนผู้นั้น
แต่น้ำเสียงของมันกลับเสียดหูเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อรอยยิ้มนั้นสะท้อนอยู่ในดวงตา มันก็เหมือนกับการเยาะเย้ยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกหล้า ดวงตาของพวกเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงดุจเลือด
“เฉินซี!!!! ไอ้สารเลว! ข้าจะไม่มีวันยกโทษให้เจ้า! ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ!” จั่วชิวจวินคำรามขึ้นฟ้า สีหน้าฉายแววอำมหิตอย่างยิ่ง