บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1238 แม่น้ำเพลิงขัดเกลา สะพานสู่ห้วงลึก

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1238 แม่น้ำเพลิงขัดเกลา สะพานสู่ห้วงลึก

บทที่ 1238 แม่น้ำเพลิงขัดเกลา สะพานสู่ห้วงลึก

อักขระคำว่าเซียน ‘仙’ ที่โบราณนี้ ถูกเขียนด้วยแก่นแท้โลหิตของเจ้าของสุสานแห่งนี้ และทุก ๆ จังหวะบนอักษรนั้นเต็มไปด้วยกฎแห่งชีวิตและความตาย!

เมื่อได้ยินสิ่งที่หม้อใบจิ๋วกล่าว นอกจากจะรู้สึกประหลาดใจแล้ว เฉินซีรีบถอนสายตาออก และไม่กล้าเหลือบมองมันอีก

หลังจากนั้น ความรู้สึกที่อ่อนแอ กระสับกระส่าย และคลื่นไส้ก็ผ่อนคลายลงอย่างมาก จนสามรถรักษาสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติได้อีกครั้ง

“ผู้อาวุโส แล้วเราจะผ่านประตูนี้ไปได้อย่างไรกัน?” เฉินซีขมวดคิ้ว เขาตระหนักดีว่าสถานการณ์กำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากแรงกดดันที่ไร้รูปร่างภายในทางเดินอนิจจังกำลังค่อย ๆ แข็งแกร่งขึ้น แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังสัมผัสได้ว่า พลังที่น่ากลัวยิ่งกว่าค้างคาวอมตะกำลังจะปรากฏขึ้นในไม่ช้า

เห็นได้ชัดว่ามันคือ ศพโลหิตอมตะ

หม้อใบจิ๋วลงมือทันทีเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ร่างสีขาวหยกของมันลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า และเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ปกคลุมประตูสำริดอย่างรวดเร็ว ทำให้อักขระ ‘仙’ นองเลือดถูกปกคลุมไปด้วยแสงของมัน

โอม~

ภายใต้การจ้องมองอย่างตกตะลึงของเฉินซี อักขระโบราณที่เขียนด้วยเลือดได้บินออกจากประตูสำริดและถูกดูดเข้าไปในหม้อใบจิ๋ว!

“นี่มัน…” เฉินซีอ้าปากค้าง เพราะไม่คาดคิดว่าหม้อใบจิ๋วจะดูดตัวอักษร ‘仙’ เข้าไปอย่างง่ายดาย

“อักขระนี้เป็นศูนย์กลางพลังที่รักษาสถานที่แห่งนี้ไว้ ตอนนี้มันถูกข้ายึดครองแล้ว อีกไม่นานทางเดินอนิจจังนี้จะถูกกระแสห้วงมิติพัดพาออกไป เจ้ายังยืนโง่ง่มอยู่ที่นี่เพื่ออันใด รีบไปซะ! เร็วเข้า!” เสียงเร่งรีบของหม้อใบจิ๋วดังก้องอยู่ในหูของเฉินซี

ชู่ว!

เฉินซีไม่กล้าลังเลอีกต่อไป ชายหนุ่มผลักประตูอย่างรวดเร็ว และหายไปภายในนั้น

ด้านหลังประตูสำริดมีแม่น้ำหินหลอมเหลวที่เดือดพล่าน

แม่น้ำนี้กว้างประมาณ 120 จั้ง มีสีแดงเข้มเหมือนเปลวเพลิง หินหลอมเหลวที่พวยพุ่งดุจมังกรไฟที่กำลังกู่ร้องคำราม อุณหภูมิร้อนระอุแผดเผาออกมาจากมัน ทำให้อากาศบิดเบี้ยว ไอน้ำสีขาวจำนวนมากลอยกรุ่นอยู่ในอากาศ

เหนือแม่น้ำมีสะพานตั้งอยู่ สะพานนี้มีสีขาวราวหิมะ คล้ายถูกสร้างมาจากกระดูกของสัตว์ร้าย มันพาดผ่านแม่น้ำหินหลอมเหลว และยังคงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์หลังจากสัมผัสกับความร้อนของแม่น้ำมาเป็นเวลาหลายปี

ทันทีที่เฉินซีเข้าไปในประตูสำริดนี้ เขาก็ปรากฏตัวขึ้นที่ริมฝั่งแม่น้ำหินหลอมเหลว ชายหนุ่มจ้องมองหินหลอมเหลวที่พวยพุ่ง และสามารถสังเกตเห็นกฎแห่งอัคคีที่บริสุทธิ์กำลังปกคลุมไปทั้งฟ้าดิน

“แม่น้ำเพลิงขัดเกลา… สะพานสู่ห้วงลึก… ไม่นึกเลยว่าชีวิตนี้จะได้เห็นพวกมันอีกครั้ง…” หม้อใบจิ๋วถอนหายใจแผ่วเบา

นอกจากจะตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งนี้แล้ว เฉินซีก็ผ่อนคลายลงอย่างมาก หม้อใบจิ๋วรู้จักสถานที่นี้ ดังนั้นแม้จะพบกับอันตรายใด ๆ อย่างน้อยก็ยังมีโอกาสให้ตนจัดการกับมันได้

แต่สิ่งที่กระตุ้นความประหลาดใจอย่างแท้จริง คือน้ำเสียงของหม้อใบจิ๋วไม่ใช่แค่คุ้นเคยกับที่นี่ แต่มันเคยมาที่นี่มาก่อนด้วยซ้ำ

สิ่งนี้ทำให้เฉินซีมั่นใจมากยิ่งขึ้น ว่าหม้อใบจิ๋วมีความสัมพันธ์ที่เหนือธรรมดากับเจ้าของสุสานเป็นแน่

ครืนนน!

จู่ ๆ คลื่นพลังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงก็ดังขึ้นจากประตูสำริดที่อยู่ข้างหลัง ดูเหมือนมีบางอย่างกำลังพยายามทลายประตูเข้ามา รวมถึงมีเสียงร้องแหลมคมอันบ้าคลั่งมากมายจาก ค้างคาวอมตะ และคลื่นเสียงตะโกนที่น่าสะพรึงกลัว…

เสียงโครมครามดังขึ้นเมื่อประตูสำริดพังทลายลงจริง ๆ มันถูกปกคลุมด้วยพลังไร้รูปร่าง และกลายเป็นความว่างเปล่า จากนั้นเสียงทั้งหมดก็หายไป

แม้ว่าเฉินซีจะค้นหาด้วยเนตรเทวะแห่งความจริง แต่เขาก็ไม่สามารถหาร่องรอยของประตูสำริดได้แม้แต่น้อย

“ทางเดินอนิจจังถูกทำลายลงแล้ว…” เฉินซีตกตะลึง ทางเดินที่ผ่านกาลเวลามานับไม่ถ้วน กลับถูกทำลายในวันนี้ เพราะหม้อใบจิ๋วได้เอาอักขระ ‘仙’ ออกไป มันจึงน่าสะเทือนใจอย่างแท้จริง

“การเกิดดับเป็นวัฏจักรของเต๋าแห่งสวรรค์” หม้อใบจิ๋วกล่าว

เฉินซียิ้ม “ข้ารู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่สหายจากสำนักศึกษานภาไพศาลหายไปพร้อมกับมัน”

หม้อใบจิ๋วลอยจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง และกล่าวว่า “นั่นอาจไม่เป็นอย่างนั้น ทางเดินอนิจจังเป็นเส้นทางสู่สุสานที่เต็มไปด้วยตัวแปรมากมาย พวกเขามีน้ำเต้าฟ้าดินอยู่ในครอบครอง ดังนั้นพวกเขาอาจรอดพ้นจากหายนะนี้ได้”

เฉินซีตกตะลึง พลางเลิกคิ้ว “ก็ดีเหมือนกัน ข้าแค่รู้สึกกังวลว่าข้าจะให้พวกเขาชดใช้อย่างไรสำหรับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้”

ฟั่บ! ฟั่บ!

ทันใดนั้น แม่น้ำเพลิงขัดเกลาก็เกิดระลอกคลื่นหินหลอมเหลว ปลามากมายกระโจนแหวกว่ายอยู่ในนั้น ก่อนที่พวกมันจะหายไปในแม่น้ำ

แต่เฉินซียังคงสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ปลาเหล่านั้นมีสีแดงสดดั่งเปลวไฟ ส่วนหัวของพวกมันเป็นสีทองอร่าม หางถูกปกคลุมด้วยเกล็ดที่งดงามราวกับภาพลวงตา สวยงามเกินบรรยาย แต่เขาไม่รู้ว่าปลาเหล่านี้คือปลาอะไร

“มันคือปลาหยินหยาง เป็นปลาสายพันธุ์โบราณชนิดหนึ่ง ผู้ที่มีหยินมากจะเกิดในความมืดดั้งเดิม และผู้ที่มีหยางมากจะเกิดในแสงแรกเริ่ม ตามตำนานเล่าว่า มหาเต๋าแห่งไท่จี๋ที่หายากก่อตัวขึ้นจากร่องรอยของลวดลายแห่งเต๋าภายในร่างของปลาหยินหยางเหล่านี้”

หม้อใบจิ๋วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เผยให้เห็นถึงความปรารถนาอันแรงกล้า “สิ่งเหล่านี้เป็นสมบัติล้ำค่าหายากในภพทั้งสาม และเป็นเรื่องยากมากที่จะค้นพบมันในโลกภายนอก สิ่งสำคัญที่สุดคือพวกมันเกิดในยุคบรรพกาล ดังนั้นการตายของพวกมันย่อมหมายความว่าจะมีจำนวนน้อยลงไปอีกหนึ่ง และเป็นไปไม่ได้เลยจะเพิ่มจำนวนขึ้นได้”

“ปลาหยินหยาง! ปลาสายพันธุ์โบราณ!”

พวกมันครอบครองลวดลายแห่งเต๋าที่เกี่ยวข้องกับมหาเต๋าแห่งไท่จี๋!

เมื่อคำพูดที่เย้ายวนเหล่านี้เข้าหูของเฉินซี มันทำให้ดวงตาของเขาเป็นประกายทันที และไม่สามารถยับยั้งความตื่นเต้นในใจได้อีกต่อไป ชายหนุ่มกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “ผู้อาวุโส ปลาหยินหยางเหล่านี้มีสรรพคุณอย่างไร?”

หม้อใบจิ๋วอารมณ์ดี เมื่อพบว่ายังสามารถหาปลาหยินหยางในแม่น้ำเพลิงขัดเกลาได้ “มันมีประโยชน์มหาศาล เช่น การกลั่นยาเม็ด การหลอมศัสตรา การทำความเข้าใจในมหาเต๋า การขัดเกลาร่างกายที่เป็นเซียน การเสริมความแข็งแกร่งให้กับจิตวิญญาณ… สรุปก็คือ ทั้งร่างของมันเป็นสมบัติทั้งหมด”

ดวงตาของเฉินซีสว่างวาบเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขาเพิ่งประสบกับอันตรายของวิถีอนิจจัง ดังนั้นการได้พบกับโชคก้อนใหญ่เช่นนี้จึงสอดคล้องกับคำกล่าวที่ว่า ที่ใดมีภัยพิบัติ ที่นั่นมีโชคลาภ

“ผู้อาวุโส ในเมื่อมันเป็นเช่นนี้ ปลาหยินหยางเหล่านี้คงจับได้ยากมากใช่หรือไม่?” เฉินซีชำเลืองมองแม่น้ำเพลิงขัดเกลาที่ลุกโชน และสงบลงอย่างรวดเร็ว

“สำหรับคนอื่น ๆ มันยากพอ ๆ กับไต่ขึ้นสวรรค์ เพราะปลาพวกนี้เฉลียวฉลาดนัก เมื่อพวกมันสัมผัสได้ถึงอันตราย พลังชีวิตภายในร่างจะเปลี่ยนจากมีชีวิตไปสู่ความตาย พวกมันยอมปลิดชีพตัวเองมากกว่าปล่อยให้คนอื่นได้ตัวมันไป ดังนั้นไม่ว่าจะมีฝีมือที่ไม่ธรรมดาเพียงใด ก็ไม่อาจหยุดสิ่งนั้นไม่ให้เกิดขึ้นได้”

จากนั้นหม้อใบจิ๋วกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “ทว่าสำหรับเรา มันง่ายมาก เจ้าจำบุปผาสวรรค์เริงระบำที่ข้าให้เจ้ารวบรวมได้หรือไม่? ดอกไม้นี้สามารถทำให้ปลาหยินหยางมึนงงเป็นเวลาราวหนึ่งถ้วยชา เราสามารถจับพวกมันได้ในช่วงเวลานี้”

บุปผาสวรรค์เริงระบำ!

จิตวิญญาณของเฉินซีเบิกบานอย่างถึงที่สุด นึกไม่ถึงว่าการที่หม้อใบจิ๋วขอให้เขารวบรวมดอกไม้เหล่านั้น ก็เพื่อจัดการกับปลาหยินหยางเหล่านี้

เมื่อคิดว่าท่ามกลางผู้คนที่เข้ามาในสุสานครั้งนี้ มีเพียงตนที่รวบรวมบุปผาสวรรค์เริงระบำได้ เฉินซียิ่งแน่ใจมากขึ้นว่าการตัดสินใจนำหม้อใบจิ๋วมาด้วยในครั้งนี้ เป็นทางเลือกที่ถูกต้องอย่างยิ่ง

การมีผู้อาวุโสคอยชี้แนะ ก็เหมือนมีขุมทรัพย์อยู่ในมือ

ชู่ว!

เฉินซีหยุดลังเล และพุ่งขึ้นไปบนสะพาน

ชายหนุ่มยืนนิ่ง สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าอุณหภูมิของแม่น้ำน่ากลัวเพียงใด มันบีบให้เขาต้องโคจรพลังบ่มเพาะทั้งหมด เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเผาและบาดเจ็บ

นอกจากนี้แม่น้ำยังไม่สงบ คลื่นไฟที่สูงราวลี้ครึ่ง ปรากฏขึ้นอยู่บ่อยครั้ง คลื่นเหล่านี้แผดเผาพื้นที่รอบ ๆ ได้อย่างง่ายดาย และทำให้เฉินซีตัวสั่นสะท้านด้วยความหวั่นเกรง

โชคดีที่สะพานสู่ห้วงลึกถูกสร้างขึ้นจากโครงกระดูกของสัตว์ร้ายที่มีสนามพลังไร้รูปร่างมาแต่กำเนิด และมันสามารถป้องกันคลื่นไฟได้อย่างสมบูรณ์

“เจ้าแค่โยนบุปผาสวรรค์เริงระบำลงไปในแม่น้ำ จากนั้นเตรียมจับปลาหยินหยาง จงจำไว้ว่า แม้ว่าเจ้าจะไม่สามารถหาปลาหยินหยางได้ แต่อย่าได้ผลีผลามลงไปในแม่น้ำ มิฉะนั้น แม้แต่ข้าก็ไม่สามารถช่วยเจ้าได้” หม้อใบจิ๋วเอ่ยเตือน มันบอกว่าแม่น้ำเพลิงขัดเกลามีความลับอยู่มากมาย ดังนั้นผู้ใดสัมผัสมัน หากไม่มีผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตราชันเซียนมาช่วย จุดจบเดียวที่รออยู่ มีแต่จะถูกขัดเกลาและสิ้นใจทันที

เฉินซีหายใจเข้าลึก และพยายามควบคุมใจให้กลับมาสงบอย่างสมบูรณ์ ก่อนจะหยิบบุปผาสวรรค์เริงระบำทั้งสิบดอกออกมา และโยนลงไปในแม่น้ำใต้สะพาน

บุปผาสวรรค์เริงระบำเหล่านี้ มีขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ และมันงดงามยิ่ง หลังจากตกลงไปในแม่น้ำ พวกมันก็เป็นเหมือนทรายที่จมลงไปในมหาสมุทร ถูกกลืนหายไปในเกลียวคลื่นร้อนระอุ

แต่ในเวลาไม่นาน เฉินซีก็สังเกตเห็นว่า กลิ่นอายซึ่งไม่สามารถปกปิดได้ กำลังไหลขึ้นมาบนผิวน้ำ และซึมเข้าไปในส่วนลึกของจิตวิญญาณ ดึงเอาความทรงจำและการรำลึกที่อยู่ในส่วนลึกที่สุดของหัวใจผู้คน มันทำให้รู้สึกมึนงง หลงทาง และจมอยู่กับมัน จนไม่สามารถถอนตัวได้ตลอดกาล…

“ช่างโชคดีเสียจริง!”

เฉินซีรู้เกี่ยวกับความสามารถของบุปผาสวรรค์เริงระบำมาก่อนแล้ว ดังนั้นเมื่อสังเกตเห็นกลิ่นอายนี้หลั่งไหลออกมา ชายหนุ่มรีบผนึกประสาทสัมผัสทั้งหกทันที และมอบจิตวิญญาณให้กับชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก

เพื่อป้องกันไม่ให้ตนได้รับผลกระทบใด ๆ จากกลิ่นอายนี้

ฟิ่ว! ฟิ่ว!

ในช่วงเวลาสั้น ๆ เกิดคลื่นพวยพุ่งจากแม่น้ำหินหลอมเหลวที่ใต้สะพาน ภายใต้การจ้องมองของเนตรเทวะแห่งความจริง เฉินซีสามารถเห็นปลาสีแดงสดที่สง่าและงดงามจำนวนมากผุดขึ้นมาจากทุกทิศทุกทาง

ปลากว่าสิบตัวมารวมกันอย่างรวดเร็ว ให้ความรู้สึกราวกับว่าพวกมันถูกดึงดูดโดยแรงที่ไร้รูปร่าง

เมื่อเห็นฉากนี้เข้า ดวงตาของเฉินซีเป็นประกาย ชายหนุ่มไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย เขาสะสมพลังไว้ในร่างกาย และรอจังหวะที่จะลงมือ

ฝูงปลาหยินหยางค่อย ๆ รวมตัวกันใต้สะพาน หางที่ถูกปกคลุมด้วยเกล็ดอันงดงามราวภาพฝันแกว่งไกวท่ามกลางคลื่นเพลิง พวกมันเปล่งแสงอันน่าหลงใหลและคลุมเครือออกมา

“ช้าก่อน!” ทันทีที่เฉินซีตั้งใจจะจับพวกมันทั้งหมดในคราวเดียว หม้อใบจิ๋วก็ขัดจังหวะทันที “เมื่อปลาหยินหยางมารวมกันมากกว่าเก้าตัว ราชาปลาหยินหยางจะต้องอยู่ในหมู่พวกมันอย่างแน่นอน ข้าจะจัดการกับราชาปลาหยินหยางเอง ส่วนเจ้าต้องจับปลาหยินหยางพวกนั้นทั้งหมดเท่านั้น”

“ราชาปลาหยินหยาง!”

เฉินซีรู้สึกตกใจอย่างมาก และรู้สึกหายใจไม่ออก ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าเป้าหมายของหม้อใบจิ๋วไม่ใช่ปลาหยินหยางเหล่านี้ แต่เป็นราชาของพวกมัน!

ครืนนน!

ไม่นานนัก หางของปลาก็ยื่นออกมาจากแม่น้ำหินหลอมเหลวที่อยู่ห่างไกล หางนั่นยาวกว่า 12 จั้ง ปกคลุมด้วยเกล็ดที่สวยงามและแวววาวอย่างยิ่ง ด้วยการแกว่งหางเบา ๆ ของมัน ทำให้เกิดคลื่นไฟจำนวนมหาศาลพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า คลื่นพายุไฟเหล่านี้พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับแรงผลักดันที่ทรงพลังอย่างยิ่ง

เฉินซีมองเห็นได้ราง ๆ ว่าร่างที่มีหัวสีทองอร่าม กำลังว่ายน้ำด้วยความเร็วที่น่าตกใจใต้พื้นผิวน้ำ มันทะยานผ่านคลื่นเพลิงจำนวนมหาศาลตรงเข้ามาไม่ลดละ!

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท