บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1239 แก่งแย่งชิงดี

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1239 แก่งแย่งชิงดี

บทที่ 1239 แก่งแย่งชิงดี

คลื่นเปลวเพลิงแตกกระจายซัดสาดออกไปทั้งสองฝั่ง เผยให้เห็นครีบหลังสีแดงสดขนาดใหญ่ แม้ว่ารูปลักษณ์ที่แท้จริงของมันจะยังไม่เปิดเผย แต่กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งก็แผ่ซ่านออกมาจนรู้สึกได้

กลิ่นอายของมันกว้างใหญ่และไร้ที่ติ คล้ายหยินและหยางจะถูกหลอมรวมเข้าด้วยกัน จนสามารถบดขยี้พิภพได้!

มันคือราชาปลาหยินหยางอย่างแน่นอน เพราะมีเพียงมันเท่านั้นที่สามารถครอบครองกลิ่นอายมหึมาเช่นนี้ และไม่ใช่สิ่งที่ผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนทองคำจะสามารถต่อกรได้

กรึ๊บ!

เสียงหวีดหวิวประหลาดปะทุขึ้น ทำให้เกิดหินหลอมเหลวร้อนระอุเป็นชั้น ๆ ดุจฝนเพลิงพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ปลาขนาดใหญ่ที่มีความยาว 24 ฉื่อ ร่างกายปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีแดงสดหนาแน่น มีหัวสีทองที่ส่องประกายแวววาว และมีหางที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดแพรวพราวกำลังพุ่งออกมาจากผิวน้ำ และมาถึงใต้สะพานในบัดดล!

หัวใจของเฉินซีกระตุกอย่างรุนแรง ชายหนุ่มตกใจจนต้องก้าวถอยหลัง เนื่องจากกลิ่นอายอันโอ่อ่าของมันน่าสะพรึงกลัวเกินไป และมันก็เหมือนกับภูเขาศักดิ์สิทธิ์กำลังบดขยี้ตน ทำให้รู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก

“ลงมือ!” ทันใดนั้น หม้อใบจิ๋วคำลามลั่น ในขณะที่เปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมาจากด้านหลัง มันปรากฏขึ้นเหนือแม่น้ำหินหลอมเหลวอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็บดขยี้ลงมา

โฮกกก!

ราชาปลาหยินหยางตื่นตระหนกต่อสิ่งนี้ และเปล่งเสียงคำรามลั่นสั่นสะเทือนสวรรค์อย่างโกรธเกรี้ยว และขณะที่มันต้านทานการโจมตีของหม้อใบจิ๋ว หางของมันสะบัดขึ้นไปบนท้องฟ้า ทำให้คลื่นหินหลอมเหลวจำนวนมหาศาลพวยพุ่ง

ตูม!

เสียงดังโครมครามราวกับภูเขาไฟสองลูกปะทะกัน คลื่นนับพันสาดกระเซ็นออกมาจากแม่น้ำเพลิงขัดเกลา คลื่นพลังผันผวนอันน่าสะพรึงโหมกระหน่ำไปทั่วบริเวณโดยรอบ และปกคลุมทั้งฟ้าดิน

การโจมตีดังกล่าวนั่นเกินขอบเขตความเข้าใจของเฉินซี เพราะเพียงกระบวนท่าเดียว ฟ้าดินก็พลิกคว่ำ ท้องฟ้ามืดสลัว! แม้แต่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปราชญ์ ก็อาจจะไม่สามารถมีพลังรุนแรงเช่นนี้ได้

ชู่ว!

เฉินซีไม่กล้าคิดอะไรไปมากกว่านั้น

เมื่อหม้อใบจิ๋วเปิดฉากลงมือ เฉินซีก็ยกมือขึ้นและสร้างตราประทับด้วยนิ้ว ก่อนจะตักปลาหยินหยานในแม่น้ำด้านล่าง

ผนึกนี้ครอบคลุมพื้นที่หนึ่งลี้ครึ่ง และเต็มเปี่ยมด้วยพลังงานของตราศักดิ์สิทธิ์เบญจธาตุ แม้ว่าการกระทำดังกล่าวดูเหมือนจะไม่จริงจังนัก แต่แท้จริงแล้วพลังทั้งหมดของเฉินซีได้ไหลเวียนอยู่ภายในนั้น ทำให้แม้แต่อากาศที่อยู่ตรงหน้าก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ ไม่ต่างจากเศษกระดาษ

ฟึ่บ!

แตกต่างจากปลาหยินหยางที่หม้อใบจิ๋วกำลังต่อสู้ การกระทำของเฉินซีอาจกล่าวได้ว่า มันดำเนินไปอย่างราบรื่นมาก ไรซึ่งอุปสรรคใด ๆ เขาตักปลาหยินหยางทั้งฝูงในคราเดียว

แต่นี่เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ เพราะปลาหยินหยางถูกโจมตีโดยกลิ่นอายของบุปผาสวรรค์เริงระบำ ทำให้จิตใจของพวกมันมึนงง ไม่ต่างจากหุ่นเชิดที่ถูกแช่แข็ง จึงไม่สามารถต่อต้านได้มากนัก

“19 ตัว!”

เฉินซีรู้สึกยินดีอยู่ในใจและรีบผนึกปลาหยินหยางเหล่านี้ ด้วยศาสตร์เต๋ามหาพันธนาการ ต่อจากนั้นก็ลบล้างสติของพวกมัน และเก็บไว้ในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ ด้วยวิธีนี้ แม้พวกมันจะตื่นขึ้นมากลางคัน แต่ก็ไม่อาจฆ่าตัวตายได้

หลังจากที่ทำทั้งหมดนี้เสร็จสิ้น เฉินซีก็เงยหน้าขึ้น และมองไปที่สนามรบเหนือแม่น้ำ

สะพานสู่ห้วงลึกเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างยิ่ง การต่อสู้ระหว่างหม้อใบจิ๋วกับราชาปลาหยินหยางนั้นดุเดือดเป็นอย่างมาก แต่แท้จริงแล้วกลับไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับสะพานได้แม้แต่น้อย

นอกจากนั้น ขณะที่เฉินซียืนอยู่บนสะพาน เขาก็สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบจากพลังทำลายของการต่อสู้อันน่าสะพรึงกลัวได้เช่นเดียวกัน มิฉะนั้น หากอาศัยเพียงความแข็งแกร่งของตน ก็คงได้แต่ต้องถอยห่างออกไปนานแล้ว คงไม่สามารถเข้าใกล้บริเวณนี้ได้เลยสักนิด

ตูม!

ในขณะนี้ หม้อใบจิ๋วได้แปลงร่างเป็นหม้อหยกโบราณสูงสิบจั้งแปดฉื่อ ร่างของมันท่วมท้นไปด้วยปราณบรรพกาลโกลาหล ทุก ๆ การโจมตีแผ่กลิ่นอายน่าเกรงขามที่ครอบงำสูงสุด แม้กระทั่งอากาศก็ถูกมันบดขยี้เป็นเสี่ยง ๆ บังเกิดรอยแยกน่าสะพรึงกลัวไปทั่วบริเวณ

เมื่อเทียบกับสิ่งนี้ ความแข็งแกร่งของราชาปลาหยินหยางไม่ได้ด้อยกว่ามากนัก หางของมันโบกสะบัดไปในอากาศ ประหนึ่งกระบี่แหลมคมที่กรีดผ่านท้องฟ้า มันเหวี่ยงฟ้าดินให้เข้าสู่ความปั่นป่วนโกลาหล พร้อมกับปลดปล่อยความลึกล้ำอันสูงสุดของไท่จี๋ออกมา!

ใช่แล้ว มันคือกลิ่นอายของมหาเต๋าแห่งไท่จี๋!

เฉินซีสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน ทุก ๆ การโจมตีของราชาปลาหยินหยางนั้นไร้ที่ติ ส่วนการโจมตีของหม้อใบจิ๋วนั้นก็น่าเกรงขามอย่างยิ่ง สุดท้ายแล้ว จึงไม่สามารถปราบปรามราชาปลาหยินหยางได้ในระยะเวลาสั้น ๆ

ในช่วงแรกของสมรภูมิบรรพกาล เฉินซีได้เห็นความน่าเกรงขามของมหาเต๋าแห่งไท่จี๋ เมื่อเจิ้นหลิวชิงกับชิงซิ่วอี้รวมพลังกัน แต่นั่นคือเต๋ารู้แจ้ง ในขณะที่ราชาปลาหยินหยางกำลังใช้กฎของไท่จี๋

สำหรับไท่จี๋นั่นคือสิ่งใด?

มันคือหยินและหยางที่หลอมรวมเข้าด้วยกัน ความมืดและแสงสว่างรวมเป็นหนึ่ง ซึ่งเผยให้เห็นถึงความสมบูรณ์และไร้ที่ติของเต๋าแห่งสวรรค์ เมื่อไท่จี๋ถือกำเนิดขึ้น สัญลักษณ์ทั้งสี่ก็ถือกำเนิดขึ้นตาม พวกมันหมุนเวียนไปอย่างไม่มีสิ้นสุด เพื่อสร้างความสว่างไสวอย่างไร้ขอบเขต

นี่คือกฎแห่งมหาเต๋าที่หายากประเภทหนึ่ง หากกล่าวอย่างเคร่งครัด มันเป็นกฎแห่งเซียนทองคำที่มีกฎมหาเต๋าแห่งหยินหยาง ความมืดและแสงสว่าง!

มีเพียงกฎแห่งเซียนทองคำเท่านั้นที่สามารถรองรับและหลอมรวมกฎแห่งมหาเต๋าจำนวนมากเข้าเป็นหนึ่งเดียว

หากสัตว์ร้ายในยุคบรรพกาลครอบครองพลังของไท่จี๋ ถ้ามันหลุดออกไปในโลกภายนอก มันอาจจะกลายเป็นตัวตนระดับจ้าวเหนือหัวของทวีป… ดังนั้นเฉินซีจึงทั้งชื่นชม และกังวลอย่างมากต่อหม้อใบจิ๋ว

เพราะนี่คืออาณาเขตของราชาปลาหยินหยาง หากมันต้องการหลบหนี ความพยายามทั้งหมดของพวกเขาก็จะสูญเปล่า และจะต้องเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง เพราะด้วยความสามารถในปัจจุบันของเฉินซี เขาทำได้เพียงเฝ้ามองเท่านั้น ไม่สามารถแทรกแซงการต่อสู้ระดับดังกล่าวได้อย่างเต็มที่

“โอ้! ท่านบรรพบุรุษกล่าวถูกแล้ว ราชาปลาหยินหยางมีอยู่จริงในแม่น้ำเพลิงขัดเกลานี้!”

“รีบลงมือเร็วเข้า เราต้องจับสัตว์ร้ายตัวนี้ให้จงได้ มันเป็นสมบัติล้ำค่าที่จะได้พบด้วยวาสนาเท่านั้น และเป็นไปไม่ได้ที่จะพบในภพทั้งสาม!”

“รีบใช้สมบัติอมตะโบราณเร็วเข้า!”

ทันใดนั้น เสียงอึกทึกครึกโครมดังออกมาจากส่วนลึกของทางเดิน ทำให้สีหน้าของเฉินซีจมดิ่งลงทันที เพราะไม่คาดคิดว่าจะมีแขกไม่ได้รับเชิญมารบกวนหม้อใบจิ๋วในขณะนี้

ก่อนที่เฉินซีจะหยุดพวกเขา คลื่นพลังผันผวนอันน่าสะพรึงกลัวของสมบัติอมตะก็ถาโถมเข้าใส่ และทำลายห้วงอากาศพร้อมกับปลดปล่อยแสงเรืองรองอันน่าสะพรึงกลัวออกมามากมาย พวกมันสาดส่องอย่างต่อเนื่องไปยังราชาปลาหยินหยางในระยะไกล

อานุภาพของการโจมตีเหล่านี้น่ากลัวอย่างมาก และทำให้หนังศีรษะของเฉินซีชาด้าน มันคือสมบัติอมตะโบราณจำนวนมากที่โจมตีพร้อมกัน อานุภาพทุกชิ้นล้วนอยู่ในระดับเดียวกับน้ำเต้าฟ้าดิน เมื่อใช้อย่างพร้อมเพรียงกัน อานุภาพจึงน่ากลัวทบทวี

“ไอ้พวกบัดซบ!” ใบหน้าของเฉินซีกลายเป็นน่ากลัวทันที จิตสังหารแรงกล้าพุ่งออกมาจากดวงตาสีดำ เมื่อเห็นสมบัติอมตะโบราณเหล่านั้น เฉินซีก็จำได้ทันทีว่าพวกเขาเป็นใคร

สำนักศึกษามหาเดียวดาย สำนักศึกษาระทมสันต์ สำนักศึกษาเต๋าเร้นลับ… และสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า!

เพราะสมบัติอมตะโบราณทั้งสี่นั้น ล้วนมาจากสำนักศึกษาเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แผนภาพหยินหยางโกลาหล มันเป็นสมบัติล้ำค่าที่ทาปาเทียนซีมอบให้กับอ๋าวจ้านเป่ย เฉินซีจะลืมมันได้อย่างไร

“ประเสริฐ ประเสริฐมาก! นอกเหนือจากศิษย์ของสำนักศึกษาเมฆาหมอก สำนักศึกษากระแสวาตะ และสำนักศึกษานภาไพศาล คนอื่น ๆ ก็มารวมตัวกันที่นี่แล้ว! พวกอ๋าวจ้านเป่ยมีความสามารถจริง ๆ พวกมันเมินศิษย์ร่วมสำนัก และกำลังใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ที่ข้าเผชิญอยู่เช่นกัน!”

เฉินซีกัดฟันด้วยความเกลียดชัง เนื่องจากราชาปลาหยินหยางเป็นสัตว์ร้ายในยุคบรรพกาลที่หายากยิ่งกว่าปลาหยินหยางเสียอีก มันสูญพันธุ์ไปจากภพทั้งสามเมื่อนานมาแล้ว ไม่คิดว่าคนอื่นจะฉวยโอกาสในเวลาเช่นนี้!

ตูม!

บนท้องฟ้าเหนือแม่น้ำเพลิงขัดเกลา การต่อสู้ได้ปะทุขึ้น สมบัติอมตะโบราณปลิวว่อนไปทั่วท้องฟ้า และล้อมรอบราชาปลาหยินหยาง ทำให้ความได้เปรียบของหม้อใบจิ๋วก่อนหน้านี้ถูกทำลายทันที

ทว่าหม้อใบจิ๋วกลับสุขุมอย่างยิ่ง มันไม่ยอมแพ้แม้แต่น้อย

“หืม? หม้อหยกนั้นเป็นสมบัติของผู้ใดกัน? มันเทียบเท่ากับสมบัติอมตะโบราณของเราเลยทีเดียว”

“ไม่รู้สิ มันน่าจะเป็นสมบัติของหนึ่งในเจ็ดสำนักศึกษา”

“เป็นไปได้ไหมว่ามีคนอื่นอยู่ในบริเวณใกล้เคียง?”

“ตรงนั้น! ตรงกลางสะพานนั่น… เฉินซี ศิษย์จากสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า!”

“เฉินซี?”

“เขามาเพียงลำพังจริง ๆ หรือ”

คลื่นเสียงโห่ร้องดังขึ้นจากระยะไกล ร่างจำนวนมากทะยานเข้ามา คนเหล่านั้นเป็นศิษย์จากสำนักศึกษา อ๋าวจ้านเป่ยและจั่วชิวจวินก็ตกตะลึงอยู่ท่ามกลางพวกเขา

แต่เฉินซีกลับไม่เห็นเจิ่นลู่ จ้าวเมิ่งหลี และจี้เซวียนปิงเลย

เมื่อคนเหล่านั้นสังเกตเห็นเฉินซี ศิษย์จากสำนักศึกษาอื่น ๆ ก็ตกตะลึง ก่อนที่จะแสดงท่าทีระแวดระวังมากขึ้น ในขณะที่ใบหน้าของจั่วชิวจวินและคนอื่น ๆ จมดิ่งลง ความเกลียดชังปะทุขึ้นบนช่องว่างระหว่างคิ้วของพวกเขา

“ทุกคน พวกเจ้าคงสังเกตเห็นแล้วว่า ราชาปลาหยินหยางตัวนี้ถูกพบโดยศิษย์ของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าของเรา ดังนั้นโปรดออกไปโดยเร็วที่สุด!” ทันใดนั้น อ๋าวจ้านเป่ยก็คำรามเสียงดัง เสียงสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณโดยรอบประหนึ่งฟ้าร้อง

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เฉินซีเริ่มหัวเราะด้วยความโกรธที่อัดแน่นอยู่ในอก เพราะถึงแม้อ๋าวจ้านเป่ยจะกล่าวคล้ายปกป้องตน แต่แท้จริงกลับอ้างชื่อของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า เพื่อยึดราชาปลาหยินหยาง !

“ฮึ่ม! วาสนาจากฟ้าดินเป็นของผู้ที่ถูกกำหนดให้ได้ราชาปลาหยินหยาง และมันไม่ได้อยู่ในความควบคุมของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าของเจ้า!”

“แน่นอน เราต่อสู้เพื่อสมบัติโดยอาศัยความแข็งแกร่งของตนเอง แล้วเหตุใดเราต้องถอนตัวเพราะสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าด้วย!”

“ช่างเป็นวาจาที่ผายลมยิ่งนัก!”

ศิษย์ของสำนักศึกษาอื่น ๆ จับกลุ่มกันทันที เพื่อต่อต้านพวกอ๋าวจ้านเป่ย

ในขณะนี้ ทั้งสองฝ่ายไม่สนใจการมีอยู่ของเฉินซี!

ฉากนั้นเต็มไปด้วยบรรยากาศของการเผชิญหน้าและวุ่นวายปั่นป่วน แต่กลับไม่มีใครเปิดฉากโจมตีเพื่อแย่งชิงราชาปลาหยินหยาง

“ไสหัวไปซะ!” ทันใดนั้น เฉินซีตะโกนเสียงดังลั่น มันดังก้องไปทั่วหล้าราวกับฟ้าคำราม ทำให้ทั้งสองฝ่ายที่เผชิญหน้ากันอยู่ถึงกับตกตะลึง

“ไอ้หนู เจ้ากล่าวอันใด” การแสดงออกของเหล่าศิษย์จากสำนักศึกษาอื่น ๆ เปลี่ยนไปอย่างน่ากลัว พวกเขามองเฉินซีด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร

“เฉินซี รีบมาที่นี่เร็วเข้า เราจะร่วมมือจัดการกับไอ้สารเลวพวกนี้ด้วยกัน!” อ๋าวจ้านเป่ยและคนอื่น ๆ ไม่รู้ความหมายเบื้องหลังคำพูดของเฉินซี พวกเขาพยายามชักชวนให้เฉินซีเข้าร่วมอย่างโง่งม

“ข้าบอกว่าพวกเจ้าทุกคนไสหัวออกไปให้หมดเดี๋ยวนี้!” สิ้นเสียงที่เยือกเย็นและเฉยเมย มันเผยให้เห็นถึงจิตสังหารอันหนาแน่น ดังก้องไปทั่วบริเวณโดยรอบทันที ทำให้สีหน้าของทั้งกลุ่มอ๋าวจ้านเป่ย และศิษย์ของสำนักอื่น ๆ เปลี่ยนเป็นมืดมน

ไม่มีใครคาดคิดว่าเฉินซีที่อยู่เพียงลำพัง จะกล้ากล่าวคำเช่นนี้ออกมา สิ่งนี้เกินความคาดหมายของพวกเขา และรู้สึกราวกับเกียรติถูกเหยียบย่ำ

โดยเฉพาะกลุ่มของอ๋าวจ้านเป่ย พวกเขารู้สึกว่าเฉินซีนั้นกำลังเสียสติ!

“เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงกล่าวเช่นนี้? ช่างรนหาที่ตาย! ให้ข้าสั่งสอนบทเรียนแก่เจ้า!” ชายหนุ่มจากสำนักศึกษาระทมสันต์ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ และพุ่งตัวออกไปทันที คนผู้นั้นเคลื่อนย้ายผ่านมิติมาถึงเบื้องหน้าเฉินซี แล้วหมายฟาดฝ่ามือลงไปที่หน้าผากของอีกฝ่าย

ฝ่ามือนี้มีอานุภาพที่ทรงพลัง ราวกับอาทิตย์อัสดง

“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร? ถึงได้บังอาจกล่าวเรื่องสั่งสอนบทเรียนให้ข้า?” รอยยิ้มเย็นเยือกปรากฏขึ้นที่มุมปากของเฉินซี แสงเยียบเย็นส่องประกายวาบผ่านดวงตา ชายหนุ่มยกขาขึ้น และกระทืบไปที่ร่างของอีกฝ่ายอย่างรุนแรง ก่อนที่พลังฝ่ามือจะฟาดลงมาถึงตัว

ตูม

ชายผู้นั้นเข้าถึงตัวเฉินซีอย่างรวดเร็ว และถูกดีดกลับไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน เขาถูกกระทืบจนหน้าอกยุบ เลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็นออกจากปาก เงาร่างเกิดเป็นภาพเลือนรางเป็นทางยาวผ่านท้องฟ้า ก่อนจะตกลงตรงตำแหน่งที่ชายผู้นั้นเคยยืนก่อนหน้านี้

ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างตกตะลึง และรู้สึกไม่เชื่อเล็กน้อย เพราะทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป มันทำให้บางคนไม่สามารถรับรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนที่จะเห็นว่าชายหนุ่มจากสำนักศึกษาระทมสันต์ล้มลงกับพื้น และบาดเจ็บสาหัส

“โจมตีพร้อมกัน และฆ่าเจ้าเด็กนี้ซะ!” ศิษย์ทุกคนจากสำนักศึกษาระทมสันต์มีสีหน้าน่ากลัว ขณะตะโกนดังสนั่นอย่างต่อเนื่อง

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท