บทที่ 1244 ความงามที่ไม่มีใครเทียบได้
บทที่ 1244 ความงามที่ไม่มีใครเทียบได้
ในชั่วพริบตา ร่างเพรียวบางก็ปรากฏตัวขึ้น และครอบครองความงามที่ไม่มีใครเทียบได้!
แม้ว่าจะเป็นเพียงแวบเดียว แต่มันทำให้เฉินซีรู้สึกว่าลมหายใจถูกพรากไป จิตใจสั่นคลอน มันเป็นลักษณะบุคลิกจากต่างโลก และอบอวลไปด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ที่ไร้ขอบเขต ซึ่งดูเหมือนกับรัศมีศักดิ์สิทธิ์ที่เปล่งประกายเป็นวงกลม ทำให้ร่างนั้นดูเหมือนเทพเซียน
ใช่ เฉินซีสังเกตเห็นเพียงรูปร่าง และรู้สึกถึงลักษณะเฉพาะที่อธิบายไม่ได้ แต่กลับไม่สามารถเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของร่างนั้นได้
อย่างไรก็ตาม ถึงอย่างนั้นเฉินซีก็ยังตกตะลึง เพราะเขาจะได้เห็นกฎแห่งมหาเต๋ามากมายคุ้มกันอยู่รอบร่างเพรียวบาง และหมอบกราบบูชานาง!
“นี่เป็นตัวตนประเภทใดกัน? ช่างงดงามหาที่เปรียบมิได้!”
หลังจากนั้น เฉินซีก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง แล้วตระหนักได้ว่านอกจากตัวเขาและชิงชิงแล้ว มีเพียงหม้อใบจิ๋วเท่านั้นที่อยู่ในห้องโถงที่กว้างขวางและว่างเปล่าแห่งนี้
“หรือว่า… ร่างนั้นจะเป็นหม้อใบจิ๋ว?” เฉินซีตกใจกับการคาดเดาของตน แม้จะสงสัยว่าหม้อใบจิ๋วอาจจะเป็นสตรี แต่มันก็เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น
ทว่าตอนนี้เขามีข้อสงสัยบางอย่าง
“เจ้าบรรลุแล้วหรือ? ไม่เลว เจ้าไม่ทำให้พลังงานที่มีอยู่ในปลาหยินหยางต้องเสียเปล่า” ในขณะเดียวกัน เสียงของหม้อใบจิ๋วก็ดังก้อง จากนั้นเฉินซีก็เห็นแสงเจิดจ้า ก่อนหม้อใบจิ๋วจะปรากฏขึ้นจากอากาศ
หม้อใบจิ๋วมีความบริสุทธิ์และใสยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีกลิ่นอายของสวรรค์ที่ไหลอยู่แผ่วเบา ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยจิตวิญญาณและพลังมากขึ้น
เห็นได้ชัดว่าหม้อใบจิ๋วได้ดูดซับพลังของราชาปลาหยินหยางเรียบร้อยแล้ว นับว่าเป็นผลดีกับมันอย่างมาก
แต่เฉินซีไม่สามารถใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดได้ เขาเอ่ยถามทันทีเมื่อเห็นหม้อใบจิ๋ว “ผู้อาวุโส…ก่อนหน้านี้…”
“ก็อย่างที่เจ้าเห็น…” หม้อใบจิ๋วขัดจังหวะ ไม่คิดฟังคำของอีกฝ่าย
เฉินซียังคงไม่ยอมแพ้และต้องการพิสูจน์ “ผู้อาวุโส ร่างเมื่อครู่ คือรูปลักษณ์ที่แท้จริงของท่านใช่หรือไม่?”
ชายหนุ่มส่ายศีรษะหลังกล่าวจบ และคิดว่าหม้อใบจิ๋วอาจจะไม่ตอบคำถามของตน เพราะร่างที่งดงามอย่างไม่มีใครเทียบได้ ปรากฏขึ้นรวดเร็วเกินไป และถ้าเขาเป็นหม้อใบจิ๋ว ย่อมไม่ยอมรับว่าตนเป็นสตรีอย่างแน่นอน
ตามความเข้าใจของเฉินซีเกี่ยวกับอุปนิสัยหม้อใบจิ๋วในตลอดหลายปีที่ผ่านมา มันรู้สึกภาคภูมิและเย็นชาไปถึงกระดูก มันดูแคลนต่อฟ้าดิน และมักจะกล่าวคำที่น่าตกใจ เป็นเหมือนผู้อาวุโสที่มาจากยุคบรรพกาล
“เจ้าสังเกตเห็นด้วย?” ตรงข้ามกับความคาดหวังของเฉินซี หม้อใบจิ๋วไม่ปฏิเสธ!
สิ่งนี้ทำให้ชายหนุ่มตกตะลึงและรู้สึกไม่เชื่อเล็กน้อย “ผู้อาวุโส เป็นไปได้หรือไม่ว่าท่านเป็น… สตรี?”
“แล้วเจ้าคิดเห็นอย่างไร?” หม้อใบจิ๋วถามกลับด้วยน้ำเสียงที่สงบ
ทว่าคำกล่าวนี้ มันทำให้หัวใจของเฉินซีกระตุกวูบ และกล่าวด้วยความลำบากใจ “ข้าคิดว่า…”
ชู่ว!
แต่พูดยังไม่ทันจบ ม้วนกระดาษก็ลอยออกมาจากหม้อใบจิ๋ว และร่อนลงบนฝ่ามือของเฉินซี “เอาละ เรื่องไร้สาระพอได้แล้ว นี่ของเจ้า”
เฉินซีถอนหายใจ นางเปลี่ยนเรื่องอีกแล้ว! โอ้ หม้อใบจิ๋ว เจ้าเป็นผู้หญิงอย่างแน่นอน เพราะมีเพียงผู้หญิงเท่านั้นที่ชอบเปลี่ยนหัวข้อเมื่อพวกนางไม่อยากพูดถึงมัน
เฉินซีส่ายศีรษะและหยิบม้วนกระดาษขึ้นมา ก่อนที่จะพินิจมันชั่วครู่ น่าตกใจที่มันเป็นแผนภาพหยินหยางโกลาหล!
นี่เป็นหนึ่งในสมบัติล้ำค่าของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า และเทียบเท่ากับน้ำเต้าฟ้าดิน ตะเกียงวังไหมเขียว กระบี่จ้าวโลหิต และสมบัติอมตะโบราณอื่น ๆ
“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าผู้อาวุโสจะยึดสมบัตินี้มาจากพวกเขา” เมื่อนึกถึงสีหน้าของอ๋าวจ้านเป่ยและคนอื่น ๆ จากการสูญเสียสมบัติชิ้นนี้ ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะเริ่มหัวเราะ ความรู้สึกสับสนปนเป เพราะคนเหล่านั้นไม่ได้ใช้สมบัติล้ำค่าเพื่อจัดการกับศิษย์ของสำนักศึกษาอื่น ๆ แต่ใช้มันเพื่อปล้นตนกับหม้อใบจิ๋วแทน…
แล้วอย่างไร พวกเขาไม่ได้ทะนุถนอมสมบัติชิ้นนี้ ระหว่างนี้ข้าจะดูแลมันเอง และข้าจะมอบมันให้กับผู้อาวุโสเหล่านั้น หลังจากกลับไปที่สำนัก เฉินซีก็เก็บแผนภาพหยินหยางโกลาหลอย่างระมัดระวัง
ชายหนุ่มไม่กล้าคิดครอบครองสมบัตินี้ เพราะถึงอย่างไรมันก็เป็นสมบัติของสำนัก แต่จะไม่ส่งคืนให้จั่วชิวจวิน อ๋าวจ้านเป่ย หรือคนอื่น ๆ
ชู่ว!
หม้อใบจิ๋วดึงบางสิ่งออกมาอีกครั้ง และมันเป็นกระดูกสีขาวใสที่มีความยาวทั้งหมดสี่จั้งแปดฉื่อ ครึ่งหนึ่งเป็นสีดำเหมือนท้องฟ้ายามค่ำคืน ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นสีขาวราวหิมะเหมือนกลางวัน และเต็มไปด้วยกลิ่นอายของหยินหยางที่จู่โจมใบหน้า
ยิ่งไปกว่านั้น ฉากของการสลับระหว่างแสงสว่างและความมืดยังก่อตัวขึ้นบนยอดของมัน โดยที่มันควบแน่นเป็นรูปเป็นร่างจากกลิ่นอายของมหาเต๋าแห่งแสงสว่างและความมืด!
ด้วยการเหลือบมองเพียงแวบเดียว เฉินซีก็จำสิ่งนี้ได้ มันคือก้างปลาของราชาปลาหยินหยาง!
“นี่คือกระดูกต้นกำเนิดของราชาปลาหยินหยาง มันถูกประทับตราด้วยอักขระมหาเต๋าที่สมบูรณ์ของมหาเต๋าแห่งแสงสว่างและความมืด จงทำความเข้าใจมัน บางทีเจ้าอาจจะสามารถเข้าใจความลึกล้ำของมหาเต๋าที่หายากทั้งสองประเภทได้” หม้อใบจิ๋วชี้แนะอย่างไม่ใส่ใจ “แน่นอน หากเจ้าบรรลุความสมบูรณ์ในมหาเต๋าทั้งสองนี้ เจ้าจะสามารถควบรวมกฎของไท่จี๋ได้ และนั่นคือคุณค่าที่แท้จริงของกระดูกชิ้นนี้”
แสงสว่าง ความมืด ไท่จี๋!
ทั้งหมดนี้เป็นความลึกล้ำของมหาเต๋าที่ทุกคนในโลกใฝ่ฝันถึง!
เมื่อหลายปีก่อนชิงซิ่วอี้และเจิ้นหลิวชิงมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วหล้า และทำให้โลกแห่งการบ่มเพาะของราชวงศ์ต้าฉู่ตกตะลึง เพราะพวกนางเข้าใจเต๋ารู้แจ้งแห่งแสงสว่างและความมืด ตอนนี้หลังจากหลายปีผ่านไป มหาเต๋าที่หายากเหล่านี้ได้มาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
เฉินซีรู้สึกตกใจอย่างมาก ไม่คิดว่าตนจะได้รับผลประโยชน์ที่น่าตกใจในเวลาอันสั้น และจะไม่เสียใจเลย หากถูกเตะออกจากสุสานในตอนนี้
ชู่ว!
แสงศักดิ์สิทธิ์อีกดวงหนึ่งสว่างวาบขึ้น และมันเป็นตัวอักษร ‘仙’ โบราณอันทรงพลัง ทั้งเยือกเย็น เสียดแทง และเดือดดาล มันถูกผนึกไว้ในแผ่นยันต์หยก จังหวะการเขียนเป็นสีแดงเข้มเหมือนเลือด เผยให้เห็นพลังงานสูงสุดแห่งชีวิตและความตายจู่โจมใบหน้า
เสียงของหม้อใบจิ๋วดังก้องอีกครั้ง “จงเก็บยันต์นี้ไว้ แล้วเจ้าจะเข้าใจพลังงานแห่งชีวิตและความตายภายในนั้นเมื่อเจ้าได้บรรลุสู่ขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้น อย่างไรก็ตาม เจ้าจะสามารถเข้าใจและใช้มันได้หรือไม่นั้น ล้วนขึ้นอยู่กับโชคชะตาของเจ้าเอง”
ในขณะนี้เฉินซีรู้สึกว่าเขามึนงงกับเรื่องประหลาดใจอันน่ายินดี
มันช่วยไม่ได้ เพราะตนได้รับสิ่งต่าง ๆ มากมายเกินไปในสุสานนี้ ประการแรก เขาพึ่งพาพลังงานภายในปลาหยินหยางเพื่อทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเซียนทองคำขั้นกลาง จากนั้นได้รับแผนภาพหยินหยางโกลาหลจากหม้อใบจิ๋ว กระดูกต้นกำเนิดของราชาปลาหยินหยาง และแผ่นยันต์หยกที่บรรจุพลังงานแห่งชีวิตและความตาย…
“ตอนนี้เราต้องไปรับมรดกที่แท้จริงของสุสาน…” หม้อใบจิ๋วพูดอีกครั้ง
เฉินซีรู้สึกตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เพราะมีเรื่องประหลาดใจที่น่ายินดีมากกว่านี้ที่ยังไม่ถูกค้นพบ…
…
“นี่คือวังนพเก้าหม้อกลั่นของจักรพรรดิอวี่ แม้มันจะมีทั้งหมดเก้าหม้อกลั่น แต่มรดกที่แท้จริงภายในมันคือหม้อกลั่นสัมฤทธิ์โบราณเก้าใบ”
“จักรพรรดิอวี่? สุสานนี้เป็นของจักรพรรดิอวี่ในยุคบรรพกาลหรือ?”
“ใช่แล้ว จักรพรรดิอวี่อยู่ในระดับเดียวกับจักรพรรดิแห่งการต่อสู้ จักรพรรดิสิ่งประดิษฐ์ จักรพรรดิวิญญาณ และจักรพรรดิเต๋า พวกเขาถูกเรียกว่าห้าจักรพรรดิบรรพกาล ดำรงอยู่ในภพทั้งสาม ซึ่งยืนอยู่บนจุดสูงสุดของมหาเต๋าอย่างภาคภูมิในยุคบรรพกาล สถานที่นี้ถูกทิ้งไว้โดยจักรพรรดิอวี่เมื่อเขาสิ้นใจ”
“สุสานนี้มีภูมิหลังที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ไม่น่าแปลกใจ ไม่น่าแปลกใจที่มันสามารถใช้พลังของกระแสห้วงมิติเป็นทางเข้า และสร้างทางเดินอนิจจังด้วยพลังงานแห่งชีวิตและความตาย…”
“นี่เป็นเรื่องธรรมดายิ่ง เพราะกฎสูงสุดของมิติ เวลา ชีวิต และความตาย เป็นความสามารถสูงสุดที่สามารถคว้าได้ในขอบเขตราชันเซียน”
ภายในห้องโถงที่กว้างขวางและว่างเปล่า หม้อใบจิ๋วกล่าวกับเฉินซี ขณะเปล่งรัศมีแห่งสวรรค์ ซึ่งสร้างข้อจำกัดลึกลับเก้าประการ
ข้อจำกัดเหล่านี้เหมือนกับหม้อหยกที่ทำด้วยแสง ตั้งอยู่รอบ ๆ เบาะในตำแหน่งของวังทั้งเก้า หม้อใบจิ๋วทำให้พวกมันค่อย ๆ สมบูรณ์ และปล่อยพลังงานที่ผันผวนออกมาอย่างน่าตกใจ
ความสนใจของเฉินซีไม่ได้อยู่ที่พวกมัน แต่อยู่ที่หม้อใบจิ๋วแทน ชายหนุ่มสามารถยืนยันได้ว่า ความคุ้นเคยของหม้อใบจิ๋วกับสถานการณ์ในสุสานนั้นไม่ปกติอย่างยิ่ง
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน เฉินซีก็เปิดปากถามอย่างอดไม่ได้ “ ผู้อาวุโส หรือว่า… ท่านเป็นสหายกับจักรพรรดิอวี่”
“สหาย?” หม้อใบจิ๋วตกตะลึง พร้อมกับหยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่ และนิ่งเงียบไปนาน ก่อนที่มันจะกล่าวว่า “ไม่”
ก่อนที่เฉินซีจะรุกไล่คำตอบ หม้อใบจิ๋วก็ถอนหายใจเบา ๆ “เจ้าคงตระหนักดีถึงความชิงชังอันขมขื่นของข้าที่มีต่อคนต่างพิภพ และข้าไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการทำลายล้างพวกมันทั้งหมด และเหตุผลก็คือจักรพรรดิอวี่… จากไปเพราะพวกมัน”
หัวใจของเฉินซีเต้นแรง คล้ายความลับที่น่าตกใจกำลังจะถูกเปิดเผย
ครั้งแรกที่เขาได้พบกับหม้อใบจิ๋ว เป็นช่วงแรกในสมรภูมิบรรพกาล และหากหม้อใบจิ๋วกล่าวถึงสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับคนต่างพิภพ มันจะไม่สามารถละเว้นจากการแสดงความเกลียดชังและความแค้นอันไร้ขอบเขตได้
ยิ่งไปกว่านั้น ในระหว่างการบ่มเพาะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หม้อใบจิ๋วได้ช่วยเขาบดขยี้ผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพมาหลายต่อหลายครั้ง ทว่าไม่คาดคิดว่าหม้อใบจิ๋วจะเกลียดชังคนต่างพิภพมากขนาดนี้ เพราะจักรพรรดิอวี่!
“เจ้าคงสงสัยว่าทำไมข้าถึงทำเช่นนี้ใช่หรือไม่?” เสียงของหม้อใบจิ๋วมีความซับซ้อนเล็กน้อย มันแผ่วเบาและหนักหน่วงสลับกัน “มันง่ายมาก จักรพรรดิอวี่… คือบิดาของข้า”
“บิดา!”
เฉินซีรู้สึกราวกับว่าสายฟ้าฟาดเข้าที่หัวใจ จักรพรรดิอวี่คือบิดาของหม้อใบจิ๋ว!
สิ่งนี้เกินความคาดหมายไปมาก และรู้สึกยากที่จะเชื่อ ทว่าในใจของเขากลับมีเสียงแผ่วเบากระซิบว่า “มันสมเหตุสมผล และนี่คือความจริง…”
“ข้าอยู่เคียงข้างบิดา ตอนที่เขาสร้างสุสานแห่งนี้เมื่อหลายปีก่อน และข้าก็ได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถรักษาให้หายได้ ข้าจึงทำได้เพียงเฝ้าดู… ดูเขาจากไปและหายไปจากภพทั้งสาม”
“ต่อมาข้าก็ได้เศษเสี้ยวพลังกลับคืนมา แต่ข้าก็หมดกำลังใจ ดังนั้นข้าจึงออกจากสถานที่นี้ ล่องลอยไปอย่างไร้จุดหมายผ่านภพทั้งสามเป็นเวลากว่าหนึ่งล้านปี ข้าสังหารผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพไปนับไม่ถ้วน บางทีมันอาจจะเป็นความบังเอิญที่ข้าได้พบกับผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพ คนที่ทำให้บิดาได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากนั้น…
“ข้าทุ่มเททุกอย่างที่มีและบดขยี้ชายคนนั้น ทำให้ตัวข้าหลับลึกเพราะสูญเสียพลังไปมาก ข้าหลับใหลจนกระทั่งเมื่อไม่กี่ปีก่อน… เมื่อข้าพบเจ้า”
เสียงทุ้มต่ำของหม้อใบจิ๋วดังก้องไปทั่วห้องโถงที่กว้างขวางและว่างเปล่า มันไม่ได้แฝงอารมณ์ใด ๆ แต่มันเผยให้เห็นร่องรอยของความรู้สึกที่เกินบรรยายของวัยและความเศร้าโศก
“ข้าสิ้นหวังและได้ตัดสินใจว่าจะไม่กลับมายังสถานที่โศกเศร้านี้อีกตลอดชีวิต แต่ใครจะคาดคิดว่าเจตจำนงแห่งสวรรค์จะเล่นตลกกับข้า แล้วข้าก็ได้พบเจ้าหลังจากผ่านกาลเวลามากมายจนนับไม่ถ้วน”
“ข้า?” เฉินซีตกตะลึง
“ใช่แล้ว” เมื่อหม้อใบจิ๋วกล่าวมาจนถึงตรงนี้ ดูเหมือนว่าสงบอารมณ์ได้แล้ว น้ำเสียงกลับมาสุขุมดังเดิม “เจ้ามีชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก เป็นผู้สืบทอดของเขาเทพพยากรณ์ และแม้แต่ข้าก็มองไม่เห็นชะตาของเจ้า แต่ข้าสามารถเห็นร่องรอยแห่งความหวังจากเจ้า”
“ความหวังหรือ?” เฉินซีตกตะลึงอีกครั้ง ชายหนุ่มทราบอย่างชัดเจนว่า ปฏิกิริยาเยี่ยงนี้ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง แต่เขาไม่สามารถยับยั้งความตกตะลึงในใจได้ เพราะความประหลาดใจที่น่ายินดีและความตกใจที่ได้รับในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้มากเกินไป
“ข้าได้บอกเรื่องที่ควรบอกเจ้าหมดแล้ว ตอนนี้เรามาเริ่มรวบรวมหม้อกลั่นสัมฤทธิ์โบราณที่มีตรามรดกที่แท้จริงของจักรพรรดิอวี่กันเถอะ” หม้อใบจิ๋วปฏิเสธที่จะพูดถึงเรื่องนี้ และทันใดนั้นมันเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์อันเจิดจรัสพุ่งเข้าสู่ข้อจำกัดลึกลับที่จัดวางอยู่ในตำแหน่งของวังทั้งเก้า