บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1266 ประสบการณ์ดั่งตำนาน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1266 ประสบการณ์ดั่งตำนาน

บทที่ 1266 ประสบการณ์ดั่งตำนาน

หลังจากที่เดินออกจากห้องรับรองพิเศษ ท่าทางของทุกคนนอกเหนือจากเฉินซีก็ดูงุนงงราวกับถูกครอบงำ

วิปลาสหลิ่วรู้สึกประหลาดใจ และมักจะกัดฟันอยู่บ่อยครั้ง พลางถอนหายใจยาวเหยียด

ชีเซียวอวี่กลับมีท่าทางสับสน และมักจะเอียงศีรษะขณะครุ่นคิดด้วยใบหน้าคิ้วขมวด ซึ่งดูเหมือนกำลังมึนงงกับการคำนวณที่ซับซ้อน

ในส่วนของผู้ดูแลแสนสวยจื่ออวี้ นางก็ดูงุนงงเช่นกัน ทั้งยังเดินอย่างไม่มั่นคง จนเกือบชนเฉินซี

“มีอะไรผิดปกติหรือ?” เฉินซีขมวดคิ้ว ในขณะที่ใช้พลังเพื่อช่วยนางให้ยืนได้อย่างมั่นคง

“มะ…ไม่มีอะไร” จื่ออวี้ตกตะลึง และจิตใจของนางก็ปลอดโปร่งขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่นางจะรีบส่ายหน้า

เฉินซีพยักหน้าและไม่กล่าวอะไร

จื่ออวี้ถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างลับ ๆ และหวนนึกถึงฉากในห้องรับรองพิเศษก่อนหน้านี้อย่างไม่ได้ตั้งใจ ทำให้คลื่นพายุพัดโหมเข้าสู่หัวใจน้อย ๆ ของนางอย่างอดไม่ได้

ภายในห้องรับรองพิเศษก่อนหน้านี้ เฉินซีได้หยิบวัตถุดิบเซียนที่ล้ำค่าออกมากองเป็นภูเขาอย่างต่อเนื่อง มากถึงขนาดสามารถเติมเต็มห้องรับรองพิเศษได้ถึงเก้าห้อง!

พวกเขาล้วนตกใจอย่างรุนแรงถึงเก้าครั้ง!

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อนางนึกถึงใบหน้าที่เปลี่ยนไปมาของเซวียนจง และแววตาที่ดูเหมือนจะกลายเป็นเสียสติ จื่ออวี้ก็รู้สึกขบขันในใจอย่างอดไม่ได้ เพราะแม้แต่ผู้ประเมินสมบัติที่รอบรู้ ก็ไม่สามารถสงบจิตใจได้ แล้วจะนับประสาอะไรกับคนอื่น ๆ?

หลังจากนั้น ดวงตาที่งดงามของนางก็เหลือบมองเฉินซีที่ยืนอยู่ข้างเคียงอย่างไม่รู้ตัว ความอยากรู้อยากเห็นที่ไม่อาจควบคุมได้ก็ผุดขึ้นในใจของจื่ออวี้ทันที “เขา…เขารวบรวมสมบัติล้ำค่ามากมายขนาดนี้ได้อย่างไร? หรือว่าเขาจะเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ที่น่าเกรงขามเช่นกัน?”

“นี่คือห้องโถงสมบัติใช่หรือไม่??” เฉินซีหยุดขณะที่จ้องมองไปทางห้องโถงที่ใหญ่โตและโอ่อ่าตรงหน้า ในชั่วพริบตา ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะมองดูแสงเรืองรองอันงดงามต่าง ๆ ของสมบัติที่มีอยู่เต็มไปหมด

มันมีสมบัติมากมายเรียงรายอยู่บนชั้น ทั้งยังเป็นสมบัติที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง นอกจากนี้ เฉินซียังรู้สึกราวกับไม่อาจเห็นจุดสิ้นสุดของแถวสมบัติ ในขณะนี้มีลูกค้ามากมาย ทั้งชายและหญิงกำลังมองไปที่สมบัติเหล่านั้น ทุกคนล้วนสวมเสื้อผ้าที่หรูหราและมีเกียรติ

เฉินซีเหลือบมองวิปลาสหลิ่วและชีเซียวอวี่ที่ยืนอยู่ข้างเคียง จากนั้นไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าต้องการสมบัติอมตะและโอสถทิพย์ที่ผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนสวรรค์และขอบเขตเซียนลึกลับต้องการ”

ดวงตาของจื่ออวี้สว่างวาบ เพราะนี่เป็นการค้าครั้งใหญ่ ขอบเขตเซียนสวรรค์ถูกแบ่งออกเป็นสี่ขั้น ส่วนขอบเขตเซียนลึกลับนั้นถูกแบ่งออกเป็นสามขั้น ซึ่งทุก ๆ ขั้นจะมีสมบัติและโอสถทิพย์ที่เหมาะแก่การบ่มเพาะโดยเฉพาะ

ตัวอย่างเช่น ในแง่ของโอสถทิพย์ มันมีไม่น้อยกว่าร้อยชนิดที่ผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นต้นจะต้องกินและบ่มเพาะด้วย!

“ข้าต้องการสิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้น” เฉินซีกล่าวเสริม

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของจื่ออวี้ก็สว่างวาบยิ่งขึ้น ดียิ่ง! นั่นหมายความว่า หากนางสามารถทำการค้าครั้งนี้ได้สำเร็จ นางก็จะได้รับส่วนแบ่งจากมันมากขึ้น!

โดยไม่ต้องไตร่ตรองใด ๆ ให้มากความจื่ออวี้จึงนำเฉินซีและคนอื่น ๆ เข้าไปในห้องโถงสมบัติ และพาผู้ดูแลวัยกลางคนเข้ามา หลังจากที่นางระบุความต้องการของเฉินซีอย่างชัดเจน ดวงตาของผู้ดูแลวัยกลางคนก็สว่างวาบเช่นกัน จากนั้นเขาก็ต้อนรับเฉินซีและคนอื่น ๆ อย่างอบอุ่น ก่อนจะพาเข้าไปในห้องส่วนตัว

หลังจากนั้น ห้องส่วนตัวก็ไม่เงียบอีกต่อไป และมันก็คึกคักเป็นอย่างยิ่ง

“คุณชาย โปรดดูสิ่งนี้ โอสถหลอมหทัยครามขวดนี้ มีราคาตลาดอยู่ที่ศิลาอมตะแปดหมื่นก้อน แม้มันจะมีราคาที่สูงลิ่ว แต่โอสถธรรมดาทั่วไปก็ไม่สามารถเทียบได้ มันได้รับการกลั่นจากสมุนไพรอมตะอันล้ำค่าถึงหนึ่งร้อยเจ็ดชนิด และนอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อการบ่มเพาะแล้ว ยังส่งเสริมการบ่มเพาะของคนคนหนึ่ง ทำให้รากฐานแข็งแกร่งยิ่งขึ้นอีกด้วย สำหรับผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นต้น มันจึงเป็นสมบัติที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง!” ผู้ดูแลวัยกลางคนมีนามว่าหลูเซิง มีรูปร่างอ้วนท้วน แต่การเคลื่อนไหวกลับคล่องแคล่วว่องไว เขาหยิบขวดยาออกมาทันที ก่อนจะแนะนำให้กับเฉินซี

“ข้าจะซื้อมัน!” เฉินซีไม่ลังเลเลยสักนิด และก่อนที่หลูเซิงจะรู้สึกยินดีจากสิ่งนี้ เฉินซีก็กล่าวเสริมว่า “ข้าเอาสองขวด”

“สองขวด!” นั่นคือศิลาอมตะหนึ่งแสนหกหมื่นก้อน เมื่อเห็นเฉินซีตรงไปตรงมา หลูเซิงก็รู้สึกยินดีทันที “ชายหนุ่มตรงหน้าจะต้องเป็นทายาทของตระกูลที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน! ชายผู้นี้คงมาจากครอบครัวที่มั่งคั่งเป็นแน่ เพราะท่าทางและการกระทำต่าง ๆ ของเขา ย่อมไม่มีทางที่คนธรรมดาจะลอกเลียนแบบได้!”

หลังจากนั้นเขาก็หายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบจิตสงบใจอย่างแข็งขัน “ข้าไม่อาจตุกติกต่อลูกค้ารายนี้ ข้าต้องให้ส่วนลดและสิทธิพิเศษทั้งหมดที่ข้าควรให้ สรุปก็คือ… ข้าไม่สามารถทำให้เขารู้สึกว่าถูกโกงได้!” ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่ข้าจะมีโอกาสทำให้เขาเป็นลูกค้าประจำ”

“รองเท้าเมฆาม่วงเกลียวแสงคู่นี้ เป็นหนึ่งในรองเท้าที่ดีที่สุดในบรรดาสมบัติอมตะระดับสามัญ และได้รับการหลอมสร้างโดยยอดปรมาจารย์ แม้ว่าจะเป็นเพียงสมบัติอมตะระดับสามัญ แต่สรรพคุณของมันก็ไม่ธรรมดา นอกจากจะสามารถเพิ่มความเร็วให้กับผู้สวมได้ถึงสามส่วนแล้ว ยังมีความสามารถอีกหลายอย่าง เช่น กันฝุ่น กันน้ำ กันลม กันไฟ และอื่น ๆ อีกมากมาย”

“ตกลง! เอามาสองคู่!” เฉินซีพยักหน้าอีกครั้ง

เฉินซีไม่กังวลว่าอีกฝ่ายจะกล้าหลอกลวงตน ประกอบกับความจริงที่ว่าเขาได้สังเกตเห็นคุณภาพของสมบัติตรงหน้าเหล่านี้ และรู้สึกว่ามันคุ้มค่าสมราคาอย่างยิ่ง จึงไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ

“เกราะดาราเก้าเรืองรองชุดนี้ มีคุณภาพสูงที่สุดในระดับวิญญาณทมิฬ มันมีม่านพลังป้องกันถึงสามสิบหกชั้น ทำให้ยากต่อการสั่นคลอน นอกจากนี้เมื่อสวมชุดเกราะนี้ในระหว่างบ่มเพาะ มันจะส่งผลลัพธ์อันยอดเยี่ยมอย่างมาก สมบัติอันล้ำค่าเช่นนี้ มีราคาเพียงหนึ่งแสนเก้าหมื่นก้อนเท่านั้น”

“ตกลง เอามาสองชุด” เฉินซีพยักหน้าอย่างไม่ลังเลอีกครั้ง แม้ว่าวิปลาสหลิ่วและชีเซียวอวี่จะยังห่างไกลจากขอบเขตเซียนลึกลับ แต่เวลานั้นจะมาถึงในไม่ช้า ซึ่งมันจะมีประโยชน์อย่างยิ่ง

“ผงนวชาดลึกล้ำ…”

“ข้าจะซื้อมัน!”

“เกราะไหล่บัญชาดารา…”

“ข้าจะซื้อมัน!”

“ข้าจะซื้อมัน!”

“ข้าจะซื้อมัน!”

“ข้าจะซื้อมัน!”

จนกระทั่งเฉินซีและคนอื่นจากไปพร้อมกับสมบัติอมตะและโอสถทิพย์ต่าง ๆ หลูเซิงยังคงตื่นเต้นและงุนงง เพราะประสบการณ์ของเขาในวันนี้เป็นเหมือนกับความฝัน!

สมบัติอมตะและโอสถทิพย์ที่เขาแนะนำเกือบทั้งหมด ถูกเฉินซีกวาดซื้อไปหมดสิ้น อันที่จริงเขาเคยเห็นคนที่เต็มใจจะใช้จ่าย แต่ไม่เคยเห็นคนที่เต็มใจขนาดนี้มาก่อน!

“บ้าเอ๊ย! ข้ากลับลืมถามชื่อของคุณชายผู้สูงศักดิ์เสียได้!” หลังจากผ่านไปนาน หลูเซิงก็ได้สติกลับมา เขาตบหน้าผากทันที ก่อนจะคร่ำครวญด้วยความเสียใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด รู้สึกว่าวันนี้ได้ทำผิดพลาดอย่างไม่น่าอภัย

ในทางกลับกัน จื่ออวี้ผู้ดูแลคนสวยกำลังมองดูร่างของกลุ่มของเฉินซีหายไปจากทางเข้าของศาลาเซียนคลื่นทองคำ และท่าทางของนางก็ดูงุนงงอย่างมาก ทั้งยังไม่สามารถสงบจิตใจ แม้จะผ่านมานานแล้วก็ตาม

“เขาขายวัตถุดิบอมตะไปทั้งหมดเก้าหมื่นสามพันชิ้นเพื่อแลกกับศิลาแก่นแท้อมตะ แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะใช้มันเกือบทั้งหมดในพริบตาเดียว ข้าสงสัยนักว่าคุณชายคนนี้มีความสัมพันธ์อะไรกับชายชราและสาวน้อยคนนั้น? ถึงดูแลพวกเขาดีถึงขนาดนี้ เกรงว่าคงไม่มีอะไรต้องกังวลต่อเส้นทางการบ่มเพาะในอนาคตอย่างแน่นอน…”

จื่ออวี้รู้สึกอิจฉาในใจอยู่ลึก ๆ และถ้าเฉินซีขอให้นางเป็นสาวใช้ของตน นางก็คงจะตอบตกลงโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย!

นี่คือเสน่ห์ของความมั่งคั่ง และมันสามารถพิชิตใจผู้คนหรือสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างเหลือเชื่อ ซึ่งใคร ๆ ก็คงคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้

เมืองเซียนสัประยุทธ์ ณ ภัตตาคารเซียนเสน่หา

ในห้องส่วนตัวที่กว้างขวางและสว่างไสวด้วยแสงไฟในชั้นบนสุด จากมุมนี้สามารถมองเห็นเมืองเซียนสัประยุทธ์ได้เกือบทั้งเมือง และมันเป็นขอบเขตการมองเห็นที่กว้างใหญ่ ทำให้รู้สึกว่ามันเปิดโล่งและชัดเจน

ในขณะนี้มีเพียงเฉินซี วิปลาสหลิ่ว และชีเซียวอวี่เท่านั้นที่อยู่ในห้องส่วนตัว โต๊ะตรงหน้าเต็มไปด้วยอาหารอันโอชะมากมาย

ผัดเนื้อกวาง น้ำแกงเก้าสมบัติ มังกรคำรามหยกนภา เต่ามังกรต้มในซุปใส… มีอาหารรสเลิศทั้งหมดแปดสิบเอ็ดอย่างบนโต๊ะ และทุกอย่างได้รับการปรุงโดยปรมาจารย์พ่อครัววิญญาณ

แน่นอนว่ามูลค่าของอาหารเลิศรสบนโต๊ะนี้ เพียงพอที่จะทำให้ผู้เป็นเซียนส่วนใหญ่ต้องตัวสั่น

แต่เฉินซีหาได้สนใจไม่ ตราบใดที่สามารถทำให้วิปลาสหลิ่วและชีเซียวอวี่มีความสุขได้ เงินทองเพียงเล็กน้อยนี้ก็ไร้ค่า!

“โอ้ เจ้า…” วิปลาสหลิ่วถอนหายใจ สายตาที่จดจ้องไปทางเฉินซีนั่นทอแววซับซ้อนเล็กน้อย แต่กลับกล่าวสิ่งใดไม่ออก ดังนั้นจึงถอนหายใจแทน

“ท่านอาจารย์ ศิษย์ขอเลี้ยงฉลองให้แก่ท่าน” เมื่อเห็นสิ่งนี้ ความรู้สึกในใจของเฉินซีก็พลุ่งพล่าน ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนและยกจอกสุรา ก่อนจะโค้งคำนับอย่างเคร่งขรึม “หากไม่มีท่านอาจารย์ ก็คงไม่มีวันที่ศิษย์จะเข้าสู่แดนภวังค์ทมิฬได้ หรือได้บ่มเพาะในนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง ศิษย์จะไม่มีวันลืมบุญคุณอันยิ่งใหญ่นี้ไปตลอดชีวิต”

ทันทีที่กล่าวจบ เฉินซีก็กระดกสุราในจอกรวดเดียวหมด

วิปลาสหลิ่วเหม่อมองอย่างว่างเปล่าเป็นเวลานาน ก่อนที่ดวงตาจะเริ่มเปียกชื้นเล็กน้อย เขาจึงกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือและแหบแห้งว่า “ข้าวิปลาสหลิ่วมีความสามารถอะไรถึงได้รับสิ่งนี้? มีความสามารถอะไร!”

เขาดื่มสุราจนหมดจอก แต่ก็ไม่สามารถหยุดน้ำตาไม่ให้ไหลรินได้

ชายชราที่มีชีวิตมายาวนานอย่างเขา กลับไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้ในตอนนี้ และร่ำไห้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด หากเป็นในยามอื่น วิปลาสหลิ่วคงจะทนทุกข์ทรมานจากสายตาเหยียดหยามและเสียงหัวเราะเยาะเย้ยของผู้คน

แต่เฉินซีไม่ได้ทำเช่นนั้น ในทางกลับกัน เฉินซีก็มีความรู้สึกซับซ้อนในใจเช่นกัน ชายหนุ่มรู้อย่างชัดเจนว่า วิปลาสหลิ่วคงทุกข์ทรมานอย่างมากเมื่อครั้งอยู่ในพื้นที่เหมืองหลอมวิญญาณ และขณะนี้วิปลาสหลิ่วได้รับการปลดปล่อยจากที่นั้นแล้ว ความรู้สึกของเขาจึงไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นจะสามารถเข้าใจได้

“เซียวอวี่ ข้าขอฉลองให้แก่เจ้าเช่นกัน เจ้าเป็นบุตรสาวบุญธรรมของท่านอาจารย์ ดังนั้นเจ้าจึงเป็นน้องสาวของข้าเช่นกัน หากไม่ได้ข้อมูลที่เจ้าส่งมาในครั้งนี้ ข้าคงจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต” เฉินซีหันกลับมาและจ้องมองไปที่ชีเซียวอวี่ ซึ่งกำลังปลอบใจวิปลาสหลิ่ว และตะลึงทันทีเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้างดงามของนางพลันแดงระเรื่อ ทั้งไม่รู้จะว่าจะวางตัวอย่างไรดี

นางเติบโตมาในพื้นที่เหมืองหลอมวิญญาณตั้งแต่อายุยังน้อย และแทบไม่ได้ติดต่อกับโลกภายนอก ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า นางไม่รู้เรื่องทางโลกและไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน

“ฮ่า ฮ่า! ยัยหนู รีบยกจอกสุราเร็วเข้า!” วิปลาสหลิ่วหัวเราะดังสนั่นเมื่อเห็นสิ่งนี้ และตบไหล่ของชีเซียวอวี่เพื่อเป็นการปลอบใจ

“อืม” ชีเซียวอวี่รีบลุกขึ้นและยกจอกสุราขึ้นมาอย่างเร่งรีบ ก่อนที่จะดื่มจนหมดจอก ทว่านางไม่เคยดื่มสุรามาก่อน จึงสำลักและไอซ้ำ ๆ ใบหน้าแดงก่ำเหมือนพระอาทิตย์ยามอัสดง ทั้งดูงดงามและน่ารักเป็นอย่างยิ่ง

เฉินซีแย้มยิ้ม ก่อนจะเทน้ำค้างอมตะให้นางเพื่อล้างคอ จากนั้นก็ดื่มสุราในจอกของตนจนหมด

หลังจากนั้น พวกเขาต่างพูดคุยขณะร่ำสุราไปด้วย วิปลาสหลิ่วสอบถามเกี่ยวกับประสบการณ์ของเฉินซีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เฉินซีก็บอกกล่าวทุกอย่างโดยไม่ปิดบังใด ๆ

แม้จะกล่าวด้วยท่าทีผ่อนคลาย แต่เมื่อมันเข้าหูของวิปลาสหลิ่ว ชายชราก็อุทานด้วยความประหลาดใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพราะไม่กล้าเชื่อว่าศิษย์ของตนจะประสบกับเหตุการณ์อันน่าอัศจรรย์มากมายถึงเพียงนี้

สำหรับชีเซียวอวี่ นางรู้สึกทึ่งกับประสบการณ์ของชายผู้นี้มานานแล้ว นางเท้าคางด้วยมือที่ขาวดุจปุยหิมะ ดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้า และไม่ได้กินอาหารตรงหน้าเลยสักคำ นางกำลังตั้งใจฟังเรื่องราวของเฉินซีอย่างตั้งใจ ราวกับกำลังฟังตำนานที่เต็มไปความพิศวงมากมาย

ชีวิตของบางคนนั้นพิเศษและเต็มไปด้วยตัวแปร ชีวิตของพวกเขามักเต็มไปด้วยภัยอันตรายนับไม่ถ้วน และมาพร้อมกับวาสนา สำหรับคนอื่น ๆ ทั้งหมดนี้จึงเต็มไปด้วยสีสันของตำนาน

สำหรับเฉินซี มันเป็นดั่งรอยเท้าที่ประทับอยู่บนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะ มันบันทึกอดีต สั่งสมประสบการณ์ ทำให้สามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและราบรื่น

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ประสบการณ์ที่เฉินซีได้พบพาน ทำให้เส้นทางการบ่มเพาะของเขากลายเป็น…ดั่งตำนาน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท