สวี่รั่วฉิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วขยับพิงหัวเตียง
ขาเรียวยาวขาวใสไขว้กันเอาไว้อย่างสบายๆ
นิ้วมือเรียวกดปลดล็อกหน้าจอ เพื่อที่จะติดตามข่าวสาร แต่กลับเห็นแจ้งเตือนสายที่ไม่ได้รับ
ปรากฏเป็นเบอร์ของลี่ถิงเซิ่ง
ดวงตาดำขลับของสวี่รั่วฉิงหดเล็กลงเล็กน้อย เธอเหลือบมองเวลาปารีสในตอนนี้ ก็พบว่าสี่โมงเย็นแล้ว
เมื่อลองคำนวณดู ก็พบว่าเวลาที่เมืองหลินชวนในตอนนี้ประมาณสี่ทุ่ม
ลี่ถิงเซิ่งโทรมาหาเธอเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว ตอนนี้คงพักผ่อนแล้วล่ะมั้ง?
แต่ว่าเจ้านายโทรมา เธอไม่โทรกลับก็คงไม่ดีเท่าไหร่
แต่ถ้าหากลี่ถิงเซิ่งกำลังพักผ่อน แล้วเธอโทรไปจนเขาตื่นก็คงไม่ดีเหมือนกัน เพราะถึงยังไงลี่ถิงเซิ่งก็มีปัญหาเรื่องการนอนหลับ แม้จะใช้น้ำหอมที่เธอปรุงให้รักษาอาการ แต่ก็ยังไม่ได้ผลขนาดนั้น
สวี่รั่วฉิงคิดอยู่สักพัก สุดท้ายก็กดเข้าวีแชท แล้วเลื่อนหาวีแชทของลี่ถิงเซิ่ง
เมื่อเธอจ้องภาพโปรไฟล์ของลี่ถิงเซิ่ง มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อย
ใครจะไปคิดว่าผู้ชายบ้างานอย่างเขา จะตั้งรูปโปรไฟล์เป็นดอกกุหลาบหิน
ดูน่ารักแบบไม่ตรงปกยังไงไม่รู้
ต้นไม้ในห้องทำงานส่วนใหญ่แล้วเธอกับหลี่อานจะเป็นคนรดน้ำ ส่วนลี่ถิงเซิ่งมีแค่หน้าที่ชี้นิ้วสั่งเท่านั้น
สวี่รั่วฉิงกดเข้าไปในแชทของลี่ถิงเซิ่ง แล้วกดส่งเสียงไปว่า
“ประธานหลี่ นอนหรือยัง?”
หลังจากกดส่ง สวี่รัวฉิงก็เปลี่ยนไปเข้าแอพอื่น เพื่อดูข่าวสาร
แต่ใครจะไปคาดคิดว่าเธอกดส่งออกไปยังไม่ถึงนาที แจ้งเตือนวีแชทก็เด้งกลับมา
ลี่ถิงเซิ่งตอบกลับมาว่า “ไม่รับโทรศัพท์ผม?”
สวี่รั่วฉิง “……….” เขายังไม่นอนจริงๆด้วย!
“ประธานลี่คุณพูดอะไร!ใครจะไปกล้า!ถึงปารีสปุ๊บ ฉันก็อาบน้ำปั๊บ!”นิ้วมือของสวี่รั่วฉิงพิมพ์คำอธิบายของตัวเองรัวๆ
ภายในห้องทำงาน แสงไฟสีนวลสาดส่องเพื่อเพิ่มความอบอุ่น ลงบนใบหน้าเย็นชาสมบูรณ์แบบของเขา
เมื่อเห็นสวี่รั่วฉิงตอบกลับมา มุมปากของชายหนุ่มก็ยกโค้งขึ้นเล็กน้อย
เขาเอนพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายๆ ขายาวๆทั้งสองข้างไขว้กันเอาไว้
จู่ๆเขาก็รู้สกสนุก นึกอยากจะแกล้งผู้หญิงในโทรศัพท์เล่น
“อาบน้ำตั้งสองชั่วโมงเลยเหรอ?” ลี่ถิงเซิ่งเอ่ยถาม
สวี่รั่วฉิงจึงตอบกลับว่า “ประธานลี่ คุณนี่มันไม่เข้าใจผู้หญิงเลย…..บางเรื่องพวกผู้หญิงต้องทำกันช้าๆ ไม่ใช่แค่แช่น้ำอย่างเดียวนะไหนจะแต่งหน้าอีก ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็ไม่เสร็จหรอก
คงไม่ใช่ว่าลี่ถิงเซิ่งไม่เคยรอผู้หญิงอาบน้ำมาก่อนนะ? สวี่รั่วฉิงไม่อยากจะเชื่อความคิดของตัวเอง
ดวงตาลึกล้ำของลี่ถิงเซิ่งหรี่ลงเล็กน้อย รอยยิ้มเปลี่ยนจากอบอุ่นเป็นอ่านยาก
“ผมไม่เข้าใจผู้หญิงงั้นเหรอ?” ลี่ถิงเซิ่งรัวนิ้วมือเรียวลงบนหน้าจอโทรศัพท์ “งั้นคุณอยากลองอีกครั้งไหมล่ะ?”
“ลองอะไร?”
สวี่รั่วฉิงกดส่งออกไปได้ไม่ทันไร ก็เข้าใจนัยแฝงในคำพูดของลี่ถิงเซิ่งทันที
ใบหน้าที่แช่น้ำมาจนแดงระเรื่อ บัดนี้เปลี่ยนเป็นแดงก่ำเพราะคำพูดของชายหนุ่ม
สวี่รั่วฉิงกัดปากอย่างฟึดฟัด อยากจะถอนคำพูดเมื่อกี้เหลือเกิน
แต่มันก็สายไปแล้ว
สวี่รั่วฉิงเริ่มอยู่ไม่สุข
โอ๊ยๆๆ เธอพอจะจินตนาการออกแล้วว่าอีกสักพักลี่ถิงเซิ่งจะตอบอะไรกลับมา
เธอถึงกับนึกภาพออกว่าใบหน้าหล่อเหลาปานรูปปั้นของเขากำลังทำสีหน้ายังไงอยู่
มุมปากของเขาต้องกำลังยกยิ้มร้ายๆ รู้สึกสนุกกับการแกล้งเธออยู่แน่ๆ
สวี่รั่วฉิงกอดหมอน พร้อมกับฝังหน้าลงไป
เธอไม่ชอบความรู้สึกที่เหมือนถูกใครสักคนกำลังชักจูงแบบนี้เลย
โดยเฉพาะลี่ถิงเซิ่ง
เมื่อลี่ถิงเซิ่งเห็นข้อความตอบกลับจากหญิงสาว ก็ยกยิ้มเงียบๆ
ผู้หญิงคนนี้เกินเยียวยาจริงๆ
แค่คำพูดไม่กี่คำก็หลงกลซะแล้ว
เมื่อก่อนเขาคิดไปได้ยังไงว่าเธอฉลาด?
ในตอนที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง สวี่รั่วฉิงก็ส่งข้อความตอบกลับมาอย่างจำยอมว่า
“ประธานลี่ ถือซะว่าคุณไม่เห็นข้อความของฉันเมื่อกี้แล้วกันนะ…….”
สวี่รั่วฉิงกดส่งสติกเตอร์ยกธงขาวกลับมา
ใบหน้าเย็นชาเหมือนภูเขาน้ำแข็งของลี่ถิงเซิ่ง พลันแย้มรอยยิ้มกว้างออกมาอย่างอดกลั้นไม่ได้
เขาส่ายหน้าอย่างยอมใจ
ถ้าขืนยังแกล้งเธอต่อไป จากนิสัยของสวี่รั่วฉิงแล้ว คาดว่าคงอายจนโกรธไม่ยอมสนใจเขาไปหลายวันแน่
แบบนั้นเขาก็แย่น่ะสิ
“อืม ผมไม่เห็นก็ได้” ลี่ถิงเซิ่งส่งข้อความเสียงกลับไป จากนั้นก็พูดว่า “ผมยังมีงานต้องทำ รอให้ทางนั้นค่ำก่อนแล้วค่อยคุยกันอีกทีนะ”
ในน้ำเสียงของลี่ถิงเซิ่งเจือปนไปด้วยความอบอุ่นที่แม้แต่ตัวเขาก็ไม่รู้ตัว
พูดจบ เขาก็วางโทรศัพท์ไว้ข้างๆ สายตาวกกลับมาที่เอกสารบนหน้าจอคอมอีกครั้ง
หลังจากที่สวี่รั่วฉิงได้ฟังข้อความเสียงของลี่ถิงเซิ่ง เธอก็กดหน้าอกตัวเองเบาๆ
หัวใจของเธอเต้นแรงมาก
เต้นจนดังตึกตักๆๆๆ——
ลี่ถิงเซิ่งอบอุ่นได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ?
สวี่รั่วฉิงนั่งนิ่งอยู่สักพัก แก้มแดงจนแทบระเบิด
จนกระทั่งถึงตอนทานข้าวเย็น ท่าทางของสวี่รั่วฉิงก็ยังคงเหม่อลอย
เธอเอาแต่คิดว่า ลี่ถิงเซิ่งคิดยังไงกับเธอกันแน่
เห็นเธอเป็นลูกน้องที่มีความสามารถ?
หรือว่าเห็นว่าเธอสวยเฉยๆ เลยหยอกเล่นอะไรแบบนั้น?
สวี่รั่วฉิงตบหน้าตัวเองอย่างอึดอัด ซูจิ่วเอ๋อร์ที่นั่งอยู่ข้างๆมองมาที่เธออย่างแปลกใจ “รั่วฉิง แกไม่สบายหรือว่าอะไร? ทำไมตบหน้าตัวเองอย่างนั้น?”
สวี่รั่วฉิงส่ายหน้ารัวๆ เพื่อที่จะบอกว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไร
ซูจิ่วเอ๋อร์มองสวี่รั่วฉิงอย่างจับผิด “จริงเหรอ……”
จานที่วางอยู่ตรงหน้าสวี่รั่วฉิง เต็มไปด้วยอาหารที่คุณผู้หญิงซูและซูจิ่วเอ๋อร์ตักให้จนเต็มจาน
พวกเขากลัวว่าสวี่รั่วฉิงจะไม่ถูกปากอาหารที่เมืองหลินชวน
มาอยู่ที่ตระกูลซูยังไงเธอก็ได้กินอาหารฝีมือเชฟระดับโลกเชียวนะ!เชฟที่เมืองหลินชวนสามารถทำให้เธอพึงพอใจในรสชาติอาหารได้หรือเปล่า!
สวี่อี้หานกับสวี่อี้ฝานเองก็ถูกขุนพอๆกับคนเป็นแม่
สวี่อี้หานลูบพุงกลมๆของตัวเอง “อี้หานอิ่มแล้ว….ไม่อยากกินข้าวแล้ว!”
ซูจิ่วเอ๋อร์หัวเราะฮิๆออกมา “ยังเหลือพาเฟต์อีกนะ!”
ดวงตาของสวี่อี้หานเป็นประกายขึ้นมาทันที “งั้นหนูยังไม่อิ่มก็ได้!”
คุณผู้ชายซูที่ปกติมักจะเคร่งขรึมก็ยังหลุดยิ้มออกมาอย่างกลั้นไม่ได้
สวี่รั่วฉิงไม่รู้จะพูดอะไร “โลภมากขนาดนี้ ไม่รู้ว่าได้ใครมา”
ซูจิ่วเอ๋อร์ส่งพาเฟต์ไปให้สวี่รั่วฉิง “ได้ใครงั้นเหรอ? ก็ได้แกมาไง!กินอิ่มแล้วแท้ๆ แต่พอได้ยินว่ามีของหวาน ก็จะกินให้ได้ทันที!”
“ซูจิ่วเอ๋อร์แกนี่รู้ใจฉันจริงๆ” สวี่รั่วฉิงไม่อาจปกปิดความรักที่มีต่อพาเฟต์ได้
“เอาล่ะ พวกแกสองคนนี่นะ พากันเห็นแก่กินจริงๆ!” คุณผู้หญิงซูมองหญิงสาวสองคนที่กำลังตักขนมเข้าปากอย่างหมดคำจะพูด
จากนั้นเธอก็เอ่ยพูดกับคนใช้ว่า “ไปเอาชาแดงมะนาวมาอีก อย่าลืมใส่น้ำแข็งมาด้วยล่ะ สองคนนี้ชอบกินชาแดงมะนาวหลังจากกินพาเฟต์เสร็จ”
“คุณน้านี่รู้ใจพวกฉันดีจริงๆ”
“คุณแม่นี่รู้ใจพวกฉันดีจริงๆ”
สวี่รั่วฉิงกับซูจิ่วเอ๋อร์เอ่ยพูดพร้อมกัน จากนั้นก็หันมาสบตากันยิ้มๆ
หลังทานข้าวอิ่ม สวี่รั่วฉิง สวี่อี้ฝานและสวี่อี้หานนอนพักผ่อนเสร็จ ก็รีบเก็บกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวไปที่วิลล่าตระกูลซูพรุ่งนี้
ซูจิ่วเอ๋อร์เคาะประตูห้องเบาๆ “รั่วฉิง ฉันเข้าไปได้ไหม?”