มุมริมฝีปากของสวี่รั่วฉิงกระตุกเล็กน้อย
เขาพูดราวกับว่าเธอเป็นคนติดเหล้าหนักอย่างงั้นแหละ!
เธอไม่ได้ดื่มไวน์แดงสุดชีวิตขนาดนั้นซะหน่อย มันก็เหมือนกับการปรุงกลิ่นรสนั่นแหละ
แต่เมื่อเธอถูกลี่ถิงเซิ่งพากลับไปที่อพาร์ตเมนต์ในวันนั้น ภาพเรื่องราวยังคงปรากฏชัดเจน หูของสวี่รั่วฉิงตกลงเมื่อลมเย็นพัดมา ร่างกายสั่นไหวโดยไม่ตั้งใจ
โดยปกติ การนัดพบปะกันในวันนี้เป็นผู้อาวุโส ไม่ควรที่จะแต่งตัวสบายๆ ดังนั้นจึงต้องแต่งตัวให้เป็นทางการขึ้นมาหน่อย
แม้ยังเป็นฤดูร้อน แต่ลมในตอนกลางคืนก็ยังมีความเย็นอยู่บ้าง
สวี่รั่วฉิงจามออกมาอย่างไม่รู้ตัว
จากนั้นลี่ถิงเซิ่งก็ค่อยๆสังเกตเห็นว่าชุดของสวี่รั่วฉิงในวันนี้ค่อนข้างแตกต่างจากวันอื่นๆ
ไม่ใช่ว่าสวี่รั่วฉิงนั้นไม่เคยไปงานเลี้ยงอาหารค่ำกับเขา แต่การแต่งตัวในวันนี้ของเธอแตกต่างจากงานกินเลี้ยงครั้งนั้น
ผู้หญิงที่เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำไม่แต่งกายเท่านี้มาก่อน ทำแต่หน้าที่การงานของตนเท่านั้น
ความหนาวเย็นระหว่างคนสองคน นำพามาซึ่งสัมผัสแห่งรักที่เธอไม่รู้ตัว
แต่วันนี้แตกต่างออกไป อาจเป็นเพราะคนที่ทานอาหารเย็นกับเธอเป็นคนที่เธอคุ้นเคย ดังนั้นเธอจึงแต่งตัวสบายขึ้น และชุดเล็กๆ บนร่างกายของเธอก็ไม่ได้เข้มงวดเหมือนเมื่อก่อน
ชุดดำยาวลงไปที่ต้นขาเพียงไม่กี่เซนติเมตร ด้านล่างเผยให้เห็นขาที่เรียวยาว เธอไม่เคยใส่รองเท้าส้นสูงไปที่ทำงานมาก่อนเลยด้วยซ้ำ
ลี่ถิงเซิ่งมองออกไปอย่างสงบและพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆว่า “ถ้ากลัวหนาวก็ควรใส่เสื้อผ้าให้เยอะกว่านี้หน่อย”
สวี่รั่วฉิง “?”
เธอกลัวหนาวที่ไหนกัน?ตอนนี้ก็เป็นฤดูร้อน จะให้เธอใส่เสื้อคลุมงั้นเหรอ?
อย่างที่ทุกคนรู้ เรียวขาที่เปลือยเปล่ากับชุดเดรสเล็กๆ ที่มีสายเอี๊ยม นั้นดูเหมือนจะใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นไปหน่อยในสายตาของผู้ชาย
“คุณแอน ของทั้งหมดถูกย้ายไปที่อพาร์ตเมนต์ของคุณแล้ว” พนักงานของอพาร์ตเมนต์กล่าว
เมื่อสวี่รั่วฉิงกล่าวคำขอบคุณเสร็จ เธอก็นึกถึงคำถามในรถขึ้นมาได้ “วันนี้พี่สาวคนโตของตระกูลสวี่เรียกท่านไปที่นั่นงั้นเหรอคะ?”
ถ้ามันเป็นเช่นนั้น ก็เป็นไปตามที่ซูจิ่วเอ๋อร์พูด สวี่รั่วยีจ้างคนมาแอบถ่ายรูปเธอกับลุงซู เพื่อปลุกความสงสัยของลี่ถิงเซิ่งนั่นเอง
เขาไม่ได้บอกคำตอบใดๆแก่สวี่รั่วฉิงจนเขาได้กลับไป
หลังจากกลับไปที่รถ ลี่ถิงเซิ่งหยิบโทรศัพท์ออกมา หาอีเมลอันนั้น เขาหรี่ดวงตาสีดำแคบลง
เขาส่งหมายเลขไปให้หลี่อาน ภายในครึ่งชั่วโมง หลี่อานก็พบเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์มือถือ
“ประธานลี่ เบอร์โทรศัพท์นี้น่าจะเป็นของคุณสวี่รั่วยีครับ” หลี่อานดูอีเมลจากบริษัทคมนาคม ใบหน้ามีความอึมครึมเล็กน้อย “หล่อนน่าจะใช้การรับรองของคนอื่นมาลงทะเบียนเบอร์นี้ครับ แต่ที่ใช้บ่อยๆก็จะเป็นที่คฤหาสน์เซียวซานและที่ที่ท่าน…เคยไป”
คฤหาสน์เซียวซานเป็นทรัพย์สินของตระกูลสวี่
ลี่ถิงเซิ่งพ่นเสียงที่เย็นชาออกมา “การเคลื่อนไหวเล็กน้อยนี่มากขึ้นเรื่อยๆเลย”
สวี่รั่วยีช่วยชีวิตเขาเอาไว้ ตระกูลลี่ไม่ใช่คนเนรคุณ ดังนั้นเขาจึงยอมทนกับพฤติกรรมบางอย่างของเธอภายในขอบเขตที่เขาสามารถทนได้
แต่ดูเหมือนว่าช่วงนี้สวี่รั่วยีจะเริ่มทำอะไรเกินเลย ถึงขนาดวางกับดักไว้เพื่อรอให้เขากระโดดเข้าไป
เมื่อดูรูปในข้อความ ดูเหมือนว่าสวี่รั่วยีน่าจะส่งคนไปติดตามคุณผู้ชายซูและสวี่รั่วฉิงมานานแล้ว
ดวงตาของลี่ถิงเซิ่งจมดิ่งลง
“ประธานลี่ การเคลื่อนไหวของคุณสวี่นั้นมีบ่อยมาก ผมเกรงว่าหล่อนตั้งใจที่จะแต่งงานกับตระกูลลี่ รวมถึงเป็นคุณนายหญิง…”
หากสวี่รั่วยีต้องการจะเป็นคุณนายน้อยของตระกูลลี่ล่ะก็ ดูไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากอะไร
ตระกูลสวี่นี้ดูไม่เข้าตาของลี่ถิงเซิ่งแม้แต่น้อย
แต่คุณนายลี่นั้นชอบสวี่รั่วยี แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างลี่ถิงเซิ่งกับคุณนายลี่จะเข้ากันไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรเธอก็ยังเป็นแม่ของเขา
…..
สวี่รั่วยีกลับไปที่คฤหาสน์เซียวซาน สีหน้าของหล่อนนั้นดูไม่ได้เลยทีเดียว
คุณนายสวี่กอดแมวของเธอ พร้อมกับเดินไปที่โซฟาแล้วนั่งลง “ทำไม หล่อนไม่ได้บอกฉันหรอกเหรอว่าแผนการราบรื่นดี?”
สวี่รั่วยีกระแทกน้ำชาลงบนโต๊ะอย่างแรง ทำให้เกิดเสียงดังขึ้น
หล่อนบอกคุณนายสวี่ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นใน Tivano จากนั้นด่าออกไปว่า “แอนนามันเป็นนังจิ้งจอก แม้แต่ประธานซูที่มีเมียอยู่แล้วก็ยังโดนหลอกได้!”
คุณนายสวีลูบแมวที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอ น้ำเสียงที่พูดเย็นชาขึ้นเล็กน้อย “ฉันเคยบอกแกไปแล้วไง แทนที่จะเล่นกลยุทธ์กับลี่ถิงเซิ่งเล็กๆแบบนี้ เอาเวลาไปนอนให้มันเร็วขึ้นดีกว่า ตระกูลของเราทั้งสองก็ไม่ใช่ตระกูลเล็กๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือการรักษาหน้า ถ้าหากแกสองคนแต่งงานกันจริง แล้วแกจะแน่ใจเหรอว่ามันจะไม่หายไปน่ะ?”
“ตอนนี้เขาอยู่ที่เฉินซาน ไม่กลับมานี่เลยสักครั้งเดี๋ยว แล้วฉันจะให้ยาเขาได้ยังไงกัน!”
ไม่ใช่ว่าสวี่รั่วยีนั้นไม่เคยคิดเรื่องการวางยามาก่อน คุณนายซูเคยเอายาที่ไม่มีสีและไม่มีรสมาให้หล่อน
แต่ถ้าคนที่จะวางยาให้ไม่อยู่ แล้วมันจะมีความหมายอะไร?
“ตกลงว่าแอนนาคนนั้นคือชู้ของประธานซูจริงๆงั้นเหรอ?” คุณนายซูถามเมื่อเห็นสวี่รั่วยีเงียบ
หล่อนมักรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายสักเลย
ตระกูลซูเป็นตระกูลที่มีธุรกิจมากมาย เป็นตระกูลที่ร่ำรวยและมีชื่อเสียง ภูมิหลังขอคุณนายซูเองก็ไม่ธรรมดา ทำไมเขาจะต้องคบชู้ด้วยล่ะ?
“ถ้าไม่ใช่ความสัมพันธ์เชิงชู้สาว หรือว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบพ่อลูกกัน?” สวี่รั่วยีกล่าวอย่างเย็นชา “พวกเขาทั้งสองคนไม่เห็นจะหน้าตาคล้ายกันตรงไหน อีกอย่างคุณนายซูจะทนได้เหรอถ้าลูกสาวของตนไม่ได้แซ่ซูน่ะ แล้วเธอก็คงทนไม่ได้ที่เห็นสามีไปมีลูกนอกสมรสอยู่ดี”
คุณนายซูลองคิดทบทวน หรือจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ
“งั้นก็น่าแปลกนะ เป็นแค่นักปรุงน้ำหอมเอง มันจำเป็นที่ตระกูลซูต้องให้การช่วยเหลือเช่นนี้หรือ?” คุณนายสวี่คิดคำนวณผ่านทางดวงตา จากนั้นบอกกับสวี่รั่วยีว่า “เรื่องความสัมพันธ์ของแอนนากับตระกูลซู ฉันจะช่วยแกสืบเอง ถ้าเธอสนิทสนมกับตระกูลซูจริง คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการเธอ”
สวี่รั่วยี :“หลังจากการอภิปรายทางเศรษฐกิจจบลง คุณผู้ชายซูจะต้องกลับไปฝรั่งเศส เป็นไปได้ไหมที่ตระกูลซูจะส่งคนมาคอยคุ้มกันแอนนาตลอด?”
คุณนายสวี่เหล่ตามองสวี่รั่วยี พูดอย่างใช้ไม่ได้ว่า “ที่ฉันสอนแกไปแกลืมแล้วหรือไง?อย่าประมาท คิดให้รอบคอบก่อนทำอะไร แกต้องหาทางให้ลี่ถิงเซิ่งมาคุยกับแกให้ได้ จากนั้นค่อยวางยาซะ แล้วค่อยมาคุยกัน รู้บ้างสิ ว่าสถานการณ์บริษัทของพ่อแกมันไม่ค่อยจะดี”
วันรุ่งขึ้น หลังจากที่คุณนายสวี่แต่งตัวเสร็จ เธอก็ออกไปจากคฤหาสน์เซียวซาน
ก่อนที่คุณนายสวี่จะออกไป เธอปฏิเสธไม่ให้คนขับและเลขาตามไปด้วย จากนั้นก็ได้ขับรถออกจากคฤหาสน์ไปเพียงลำพัง
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เธอมาที่ร้านกาแฟ
ในร้านกาแฟไม่มีใครนอกจากบริกร
“คุณนายสวี่ มาแล้วเหรอครับ?”
คุณนายสวี่เหลือบมองบริกรและพูดอย่างเย็นชาว่า “รับเหมือนเดิมค่ะ”
บริกร :“ครับ”
ไม่กี่นาทีต่อมา พนักงานเสิร์ฟก็นำกาแฟมอคค่าหนึ่งแก้วมาให้คุณนายสวี่ “เราได้ทำตามที่คุณสั่ง ไล่บริกรทั้งหมดไปแล้วครับ”
คุณนายสวี่พยักหน้า
เธอกำลังจิบกาแฟในร้านกาแฟ ราวกับว่ากำลังรอใครบางคนอยู่
ครึ่งชั่วโมงต่อมา มีคนเข้ามาในร้านกาแฟอีกครั้ง
เขาเป็นชายวัยกลางคนที่มีรูปลักษณ์ที่ดูประณีต สวมแว่นตาสีทอง
เขาเดินไปหาคุณนายสวี่และนั่งลงอย่างเป็นธรรมชาติ “โทรหาฉันเวลานี้ รั่วยีมีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?”