สวี่รั่วยีมองไปที่บรรยากาศแปลกๆ และสับสนมากขึ้นเรื่อยๆ
ลี่ถิงเซิ่งดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำถามของหล่อน แต่คุณผู้ชายซูกลับขมวดคิ้ว แล้วมองไปที่สวี่รั่วยี
ดูจากการแต่งตัวแล้ว คงเป็นคนจากตระกูลที่ร่ำรวยที่ไหนสักแห่งในหลินชวน แต่คำพูดที่ไร้การศึกษาเกินไป หลังจากที่คุณผู้ชายซูมองขึ้นลงหัวจรดเท้า เขายังคงรักษาท่าทางและความสุขุม “แอน คนนี้เป็นใครกัน?”
เมื่อสวี่รั่วยีได้ยินสิ่งที่คุณผู้ชายซูพูด จากเดิมที่หล่อนอารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว ก็เพิ่มทวีคูณขึ้นไปกันใหญ่
รู้จักแอนนา แต่ไม่รู้จักหล่อน?ในหลินชวนหล่อนมีชื่อเสียงมากกว่าแอนนาหรือไง?
แต่สวี่รั่วยีลืมไปว่าอิทธิพลที่แท้จริงของตระกูลซูนั้นไม่ได้อยู่ที่หลินชวน ไม่ว่าหล่อนจะมีชื่อเสียงมากแค่ไหนในหลินชวน คุณผู้ชายซูก็ไม่รู้ทั้งนั้น
สวี่รั่วฉิงเหลือบมองใบหน้าที่แดงก่ำของสวี่รั่วยี พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “คุณผู้หญิงจากตระกูลสวี่ในหลินชวนค่ะ”
เธอไม่ได้แนะนำชื่อเต็มของสวี่รั่วยีด้วยซ้ำ
คุณผู้ชายซูออกเสียง‘อืม’ออกมา
ปรากฏว่านี่คือคุณสวี่ คนที่ใส่ร้ายสวี่รั่วฉิงเมื่อหกปีก่อน
คุณผู้ชายซูยิ้มจางๆ เขามองไปที่สวี่รั่วยีสองสามครั้ง จากนั้นเขาก็พอจะเข้าใจสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้ต้องการจะทำ
ต้องการวางกับดักเพื่อประเมินเขา อ่อนหัดเกินไปแล้ว
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยครับ”
หลังจากที่คุณผู้ชายซูพูดจบ ใบหน้าที่แดงก่ำของสวี่รั่วยีก็ดูน่าเกลียดมากขึ้น
คุณผู้ชายซูก้มศีรษะลงจากนั้นเหลือบมองนาฬิกา นี่มันก็ดึกมากแล้ว เขาเงยหน้าขึ้นมามองลี่ถิงเซิ่ง พร้อมกับพูดว่า “ประธานลี่ ตอนนี้ก็ดึกมาแล้ว อีกเดี๋ยวฉันมีธุระ ไม่ทราบว่าพอจะพาแอนไปส่งแทนฉันทีได้ไหม?”
ใบหน้าของสวี่รั่วยีนั้นดูบูดเบี้ยวเข้าไปใหญ่
“เดี๋ยวก่อน ทำไมต้องให้ลี่ถิงเซิ่งไปส่งเธอด้วย–”
คุณผู้ชายซูไม่ได้มองสวี่รั่วยีแม้แต่น้อย “ประธานลี่ เรื่องนี้นายคงไม่ปฏิเสธหรอกนะ”
ลี่ถิงเซิ่งยิ้มจางๆ “แน่นอนครับ ขอบคุณประธานซูที่ดูแลลูกน้องของผมในวันนี้”
คุณผู้ชายซู “ที่ไหนกันล่ะ”
คุณผู้ชายซูขอให้เลขานำของขวัญของซูจิ่วเอ๋อร์ที่นำมาให้สวี่รั่วฉิงลงมาที่ชั้นล่างและพูดเบาๆว่า “การอธิปรายเศรษฐกิจกับประธานลี่ครั้งนี้ได้พูดเปิดอกกันเยอะเลย หวังว่าในอนาคตเราคงได้ทำงานร่วมกันมากขึ้นนะครับ”
จนกระทั่งเลขาให้สั่งให้คนย้ายของขวัญออกไปจนหมด ภายในห้องวีไอพีก็ไม่มีใครสนใจสวี่รั่วยีเลย
สวี่รั่วยีกำมือแน่น
แต่คำสอนของคุณนายสวี่ที่บอกหล่อนว่าหล่อนไม่ควรอารมณ์เสียง่าย
หล่อนเม้มริมฝีปากสีแดงของตน อดทนต่อความโกรธเอาไว้ พร้อมกับพูดว่า “ถิงเซิ่ง ฉันควรทำยังไง?”
ลี่ถิงเซิ่งมองสวี่รั่วยีอย่างผิดหวัง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไร หยิบโทรศัพท์โทรออกไป พูดไม่กี่คำ จากนั้นก็วางสายลง
“อีกสักพักจะมีคนขับรถไปส่งนะ”
หลังของสวี่รั่วยีนั้นชะงัก
ลี่ถิงเซิ่งชี้แจงอย่างชัดเจนว่าเขาจะไม่ไปส่งหล่อน!
หล่อนกลืนความโกรธลงไปจากนั้นทำตัวเป็นหญิงสาวที่ยิ้มแย้ม “ถ้าอย่างนั้น ฉันไม่รบกวนก็แล้วกันค่ะ”
เมื่อสวี่รั่วยีพูดจบ หล่อนก็เหยียบส้นสูงและเดินออกไปด้วยความโกรธ
“คุณสวี่ครับ คุณยังไม่เช็กบิลเลยนะครับ” เมื่อบริกรเห็นสวี่รั่วยีกำลังจะออกไป เขาจึงรีบหยุดเอาไว้
เป็นถึงลูกสาวคนโตของตระกูลสวี่คงไม่คิดกินฟรีหรอกใช่ไหม?
สวี่รั่วยีที่โกรธอยู่เป็นทุนเดิม แล้วมีบริกรมาพูดแบบนี้กับหล่อนอีก มันทำให้หล่อนด่ากราด “รีบอะไรนักหนา ฉันไม่มีปัญญาจ่ายเงินหรือไง?จำชื่อฉันไม่ได้เหรอ?แกเป็นเด็กใหม่หรือไงกัน?ไปเรียกผู้จัดการมาถามสิว่าฉันต้องจ่ายเงินไหม!”
เมื่อบริกรเห็นเช่นนี้ เขาจึงไม่กล้าพูดอะไร
สวี่รั่วยีพ่นเสียงออกมาอย่างเย็นชา เดินออกจากร้านอาหารอย่างไม่เป็นมิตร
คนขับที่รออยู่ด้านนอกร้าน เมื่อเห็นสวี่รั่วยีด้วยไม่ค่อยสบอารมณ์ จึงไม่กล้าที่จะถามอะไร
สวี่รั่วยีกระแทกประตูอย่างแรง
จากนั้นก็เริ่มตะโกนด่าว่า “ลี่ถิงเซิ่งถูกนังจิ้งจอกนั่นหว่านเสน่ห์ให้แล้ว แม้กระทั่งชายแก่คนนั้นก็โดนไปด้วย!”
ลี่ถิงเซิ่งเป็นคนยังไงกัน เห็นลูกน้องของตนไปกินข้าวกับประธานบริษัทอื่นแ่กลับไปสงสัยอะไรเลยสักนิด!
ตั้งแต่แอนนาปรากฏตัว ลี่ถิงเซิ่งไม่ได้กลับไปที่คฤหาสน์ที่เขาชื่นชอบด้วยซ้ำ!หล่อนคิดว่าลี่ถิงเซิ่งต้องชอบยัยตัวร้ายนั่นแน่ แต่วันนี้แอนนาก็สวมเขาให้ลี่ถิงเซิ่งไม่ใช่หรือไง ทำไมเขาไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบสนองเลยล่ะ?
สวี่รั่วยีสาปแช่งไปตลอดทาง แม้ว่าคุณนายสวี่จะโทรมาถามว่าหล่อนอยู่ที่ไหน แต่หล่อนก็ยังคงมีสีหน้าที่ไม่ดี
ร้านอาหารTivano ห้องวีไอพีหมายเลขเจ็ด
สวี่รั่วฉิงต้องการคุยกับคุณผู้ชายซู แต่เห็นได้ชัดว่าลี่ถิงเซิ่งนั้นไม่ต้องการอยู่อีกต่อไป
คุณผู้ชายซูที่ผ่านมา เห็นลี่ถิงเซิ่งก็พอสามารถเดาได้ถึงเหตุผลที่เขาไม่อดทนอีกต่อไป
เขาพูดออกมาประโยคหนึ่ง “ประธานลี่ ฉันคิดว่าการที่คุณสวี่มาที่นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกนะครับ”
ลี่ถิงเซิ่งนั้นรู้อยู่แล้วว่าการปรากฏตัวของสวี่รั่วยีที่ร้านอาหารTivanoนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ภายในรถสีดำ มีแต่ความเงียบงัน
สวี่รั่วฉิงเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมา “วันนี้มีคนเรียกท่านมาที่Tivanoใช่ไหม?”
ดวงตาทั้งคู่ของลี่ถิงเซิ่งยังคงมองไปที่ถนนด้านหน้า พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆว่า “ระวังสวี่รั่วยีไว้ล่ะ”
สวี่รั่วฉิงพยักหน้า “ดูเหมือนว่าเราจะคิดเหมือนกันนะคะ”
จิ่วเอ๋อร์เตือนเธอเป็นพิเศษให้ระวังสวี่รั่วยี หล่อนส่งคนไปแอบถ่ายรูปตัวเองและคุณผู้ชายซู เกรงว่าคงอยากให้ลี่ถิงเซิ่งสงสัยในตัวเธอ
สวี่รั่วฉิงไม่แน่ใจว่าลี่ถิงเซิ่งคิดอย่างไรกับเธอ แต่มีสิ่งหนึ่งที่มั่นใจ ลี่ถิงเซิ่งเป็นคนที่มีพรสวรรค์ด้านธุรกิจอย่างมาก เขาจะไม่ยอมให้ผู้ผลิตน้ำหอมที่มีความสำคัญต่อบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปไปติดต่อกับบริษัทอื่นแน่ๆ
แม้ว่าเธอเคยบอกลี่ถิงเซิ่งถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับคุณผู้ชายซู แต่การแสดงออกของลี่ถิงเซิ่งช่วงนี้ก็ยังคงดูผิดปกติ
เขายังเรียกคุณผู้ชายซูว่าลุงซูอยู่เลย
“ประธานลี่ ท่านไม่สงสัยในตัวฉันเหรอคะ?”สวี่รั่วฉิงถาม
แสงสลัวในรถสาดส่อง ส่องให้เห็นใบหน้าเชิงมุมของชายคนนั้น
ดวงตาสีดำถูกย้อมด้วยความอบอุ่น
เขาเม้มริมฝีปาก ใช้มือลูบพวงมาลัยเบา ๆ แล้วพูดอย่างช้าๆว่า “ฉันสงสัยว่าเธอทำอะไรงั้นเหรอ?”
สวี่รั่วฉิงลังเล “ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ พนักงานของบริษัทท่านไปพบปะกับประธานบริษัทอื่นเป็นการส่วนตัว ท่านจะไม่สงสัยหน่อยเหรอคะ?”
หลังจากลี่ถิงเซิ่งฟังเสร็จ เขาหัวเราะเบาๆ ราวกับว่าสวี่รั่วฉิงได้ถามคำถามที่ตลกมากออกมา
เขาถาม “นี่เธอหักหลังตระกูลลี่แล้วเหรอ?”
สวี่รั่วฉิงตกใจ ตอบทันทีว่า “ไม่ค่ะ”
“งั้นก็เพียงพอแล้ว” ลี่ถิงเซิ่งละสายตาออกไปเล็กน้อย มองหยุดไปที่สวี่รั่วฉิงไม่กี่วินาที ก็ถอนสายตาออกมา เขาพูดว่า “ฉันไม่เคยสงสัยคนที่ฉันจ้างมาก่อน”
จนถึงชั้นล่างของอพาร์ตเมนต์ ลี่ถิงเซิ่งก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับการพบปะกันระหว่างสวี่รั่วฉิงและคุณผู้ชายซูในวันนี้อีกเลย
เขาเปิดท้ายรถ ที่เต็มไปด้วยของขวัญจำนวนมาก
เขาขมวดคิ้ว ก่อนรอให้ผู้จัดการอพาร์ตเมนต์ส่งคนให้ขนของขึ้นไป เขาเอนตัวไปทางพื้นที่ปลูกดอกไม้ด้านข้าง แขนทั้งสองข้างกอดอก
“ทั้งหมดนี่มันคืออะไรกัน?”
ซูจื่อหานพูดอย่างเบาๆว่า “เป็นไวน์แดงที่เพื่อนสนิทของเธอให้ลุงซูเอามาให้น่ะ”
ใบหน้าของลี่ถิงเซิ่งนั้นดูถอดสีไปในทันที
เขาจำได้อย่างชัดเจนว่าไวน์ของสวี่รั่วฉิงนั้นมีรสชาติแย่แค่ไหน
เมื่อมองดูพนักงานที่ยกของขึ้น ริมฝีปากบางของลี่ถิงเซิ่งก็ขยับเล็กน้อย “งั้นเธอต้องดื่มให้มันน้อยๆหน่อยนะ ฉันไม่ต้องการนักปรุงน้ำหอมที่ติดเหล้า”