บทที่ 364 ใต้ม่านแห่งการแพทย์ (1)
อันที่จริงแล้ว แหล่งเงินเดือนของแพทย์ในโรงพยาบาลหลายแห่งในปัจจุบันหรือโรงพยาบาลส่วนใหญ่ มักจะมาจากคนไข้
ตัวอย่างเช่น เสี่ยวหมิงเป็นแพทย์ งานประจำวันของเขาคือสั่งยา ออกคำแนะนำแพทย์และรักษาผู้ป่วย รายได้ของเขาจะถูกแบ่งออกเป็นส่วนต่างๆ ดังต่อไปนี้
ส่วนที่หนึ่งคือเงินเดือนพื้นฐาน สวัสดิการโรงพยาบาลและโบนัสซึ่งส่วนใหญ่มาจากการรักษาคนไข้ นอกจากนี้ยังมีรายได้จากการจ่ายยาด้วย
ส่วนเงินใต้โต๊ะในปัจจุบันก็ยังมีอยู่บ้าง และนับเป็นรายได้ส่วนหนึ่งด้วย
ค่าคอมมิชชั่นยาก็เช่นกัน!
ตัวอย่างเช่น ยาชนิดเอใช้รักษาผู้ป่วยได้ และยาชนิดบีก็ใช้กับผู้ป่วยได้โดยที่ยาทั้งสองชนิดมีสรรพคุณเหมือนกัน แต่มีผู้ผลิตคนละรายกัน แพทย์ก็จะเลือกใช้ตัวไหนก็ได้
แต่ถ้ายาชนิดเอมีส่วนแบ่งจากค่าคอมมิชชั่นให้แพทย์ แพทย์หลายคนก็ย่อมเลือกใช้ยาชนิดเอเป็นธรรมดา
สิ่งนี้ทำให้เกิดปรากฏการณ์แบบไหน
ยิ่งจำนวนผู้ป่วยมากขึ้นเท่าใด รายได้ของแพทย์ก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น เช่นถ้าแพทย์ทั่วไปรักษาผู้ป่วยสิบคนแล้วมีรายได้ห้าพันหยวน เขาก็อาจจะมีรายได้หนึ่งหมื่นหยวนจากการรักษาผู้ป่วยยี่สิบคน
เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งนี้จะรับประกันได้หรือว่าผู้ป่วยจะได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพ
แล้วทางโรงพยาบาลจะได้รับข้อมูลการรักษาที่มีคุณภาพจากผู้ป่วยทุกคนจริงหรือโรงพยาบาลไม่ใช่โรงงาน ตลาดผักหรือโรงแปรรูป
ที่นี่คือสถานที่แห่งการพิทักษ์ชีวิต ดังนั้นจึงต้องมีการรับประกันคุณภาพการรักษาพยาบาล
หรือเป็นเพราะว่าชาวจีนมีจำนวนเยอะมาก
มีเหตุผลหลายประการ แต่สาเหตุหลักคือทรัพยากรทางการแพทย์ที่ถูกจัดสรรไม่เท่ากัน!
เมืองหลวงของมณฑลอาจจะมีโรงพยาบาลดีๆ สักสามสิบแห่ง เมืองเล็กๆ ในมณฑลมีเพียงสองถึงสามแห่ง และในอำเภออาจจะมีแค่โรงพยาบาลเดียว หรือไม่มีเลยด้วยซ้ำ
เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ป่วยจะไปรักษาอาการป่วยของตนเองได้อย่างไร
เพราะฉะนั้น คนส่วนใหญ่จึงเลือกไปยังสถานที่ที่ดีกว่า ส่วนโรงพยาบาลเล็กๆ ก็ไม่มีใครใช้บริการ วัฏจักรแห่งความเลวร้ายจึงเริ่มต้นขึ้น ทำให้ทรัพยากรทางการแพทย์ถูกจัดสรรออกไปไม่เท่ากันมากขึ้นเรื่อยๆ
ความแตกต่างระหว่างรายได้ของแพทย์ก็มากขึ้นไปด้วย
นี่คือสิ่งที่ไป๋เยี่ยต้องการจะทำ เขาหวังว่าจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ปัจจุบันด้วยรูปแบบใหม่ รายได้ของแพทย์จะขึ้นอยู่กับคุณค่าของสิ่งที่เขาสร้างขึ้น ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณพบว่าตัวยาชนิดไหนมีประสิทธิภาพในการรักษา หรือมีตัวยาชนิดหนึ่งที่กลายเป็นทางออกที่ดีที่สุดในการรักษาโรคบางชนิด เช่นนี้คุณค่าของสิ่งนั้นก็จะสูงจนช่วยเหลือสังคมได้ตามไปด้วย
ไม่ใช่การประเมินจากสภาพแวดล้อมทางการแพทย์!
เพราะว่าโรงพยาบาลไม่ใช่โรงงาน!
ความรับผิดชอบหลักของแพทย์คือผู้ป่วย แพทย์ควรใส่ใจกับอาการของผู้ป่วยตลอดเวลา ทั้งสังเกตการตอบสนองต่อยาและศึกษาเปรียบเทียบก่อนและหลังการรักษา
ปัจจุบันจึงมีการสนับสนุนให้แพทย์มีความสามารถด้านการทำวิจัยด้วย
แต่!
ไป๋เยี่ยไม่มีทางเปลี่ยนสถานะที่เป็นอยู่ในปัจจุบันได้ เขาทำได้เพียงเปลี่ยนแปลงตนเอง บางทีวันหนึ่งเมื่อเขากลายเป็นยักษ์ใหญ่แห่งวงการแพทย์และเป็นแนวหน้าสุดในวงการนี้ เขาอาจจะเปลี่ยนแปลงสถานะที่เป็นอยู่ได้ก็ได้
หลังจากที่คนจากยูเนียนมาเยี่ยมชมสถาบัน พวกเขาก็มีความรู้สึกมากมาย
นี่ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนกำลังคิดหรอกหรือ
อันที่จริง วิธีการที่ไป๋เยี่ยนำมาใช้นั้นเทียบเท่ากับการขออนุมัติเงินทุนสำหรับงานวิจัยจำนวนมากและนำไปใช้ในการปฏิบัติงานในคลินิกโดยตรง ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยและประหยัดทุนทำวิจัยได้ด้วย
เมื่อทุกคนเห็นว่าทั้งโรงพยาบาล ตั้งแต่ผู้ระดับอำนวยการไปจนถึงแพทย์ทั่วไป ตั้งแต่หัวหน้าพยาบาลไปจนถึงพยาบาลต่างก็มีส่วนร่วมในเรื่องนี้ ทุกคนก็ต่างปลื้มปีติ
เป็นวิธีการที่ดีจริงๆ!
เพราะว่าทุกๆ ปีโรงพยาบาลจะลงทุนจำนวนมากกับงานวิจัย ทว่าเงินทุนเหล่านั้นมักจะไม่ถูกนำไปใช้ให้เกิดประสิทธิภาพ ทรัพยากรทางการแพทย์จึงสูญเปล่าไปในทันที
เมื่อทุกคนได้เห็นโรงพยาบาลแห่งนี้ต่างก็มีเป้าหมายในใจ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นเพียงแพทย์และเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ทางการแพทย์ในปัจจุบันไม่ได้ แต่เมื่อได้เห็นไป๋เยี่ยใช้วิธีนี้ พวกเขาต่างก็หวังว่าจะทำตามไป๋เยี่ยได้ในระยะยาว
จนหลายคนถึงกับอยากมาทำงานที่นี่!
รวมถึงเกาเย่ว์หยางด้วย เขาเองก็ตกตะลึงไม่น้อย!
ตอนแรกเขาคิดว่าสถาบันวิจัยกระดูกของไป๋เยี่ยอาจจะเป็นโรงพยาบาลที่มีมาตรฐานค่อนไปทางสูง บางทีการที่ไป๋เยี่ยได้เป็นผู้นำนั้นอาจจะทำให้โรงพยาบาลมีแนวปฏิบัติทางการแพทย์ที่ดี มีแผนการผ่าตัดหรือเทคนิคการผ่าตัดแบบใหม่ๆ ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เกาเย่ว์หยางได้เยี่ยมชมและทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งมาทั้งวัน ในที่สุดเขาก็พบว่าสิ่งที่ไป๋เยี่ยกำลังทำอยู่เป็นเรื่องสำคัญที่จะสร้างผลกระทบในวงกว้างได้!
หลังจากที่ไป๋เยี่ยและโมนิกาพาคนเหล่านั้นเดินชมโรงพยาบาลด้วยตนเองแล้ว พวกเขาก็มาที่โรงอาหาร มื้อกลางวันที่นี่จะเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ จะมีการจัดเตรียมอาหารกลางวันให้แพทย์ทุกคนฟรี โมนิกาเดินไปพลางอธิบาย
หลังมื้ออาหารกลางวัน เกาเย่ว์หยางก็มาพูดกับไป๋เยี่ยด้วยท่าทีเคร่งขรึม “เสี่ยวเยี่ย ผมคิดว่าเราร่วมมือกันด้วยเงื่อนไขที่เท่าเทียมกันได้นะ”
ไป๋เยี่ยพยักหน้าอย่างยิ้มๆ “ผอ.เกาครับ จริงๆ ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ยังไงสถาบันของผมก็เพิ่มจะเปิดทำการและยังขาดคนจำนวนมาก แล้วยูเนียนก็เป็นวิทยาลัยแพทย์ชั้นนำในจีน ถ้าเราร่วมมือกันได้มันจะต้องเป็นเรื่องที่ดีมากแน่ๆ!”
“บอกตามตรงนะครับ อาจารย์และผู้เชี่ยวชาญที่ยูเนียนทุกคนต่างก็เป็นแนวหน้าของวงการ ถ้าพวกคุณมาที่สถาบันของผมจริงๆ ก็ย่อมเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนในแง่ของการพัฒนาการแพทย์และการศัลยกรรมกระดูกครับ!”
“ถ้าอาจารย์ไม่รังเกียจ ผมมีรายละเอียดสัญญาให้ลองอ่านก่อนนะครับ”
เลขาที่ยืนอยู่ข้างโมนิกาจึงแจกเอกสารให้กับผู้เชี่ยวชาญและอาจารย์จากยูเนียนทุกคน
ทุกคนรับมันมาอ่านอย่างใจจดใจจ่อ
มันเป็นเพียงรายละเอียดเท่านั้น เนื้อหาจึงไม่ยาวมากนัก
หลังจากที่ทุกคนอ่านจบแล้วก็พากันเบิกตากว้าง!
สิ่งที่ไป๋เยี่ยเขียนไว้ในเอกสารคือ ยิ่งคุณมีคุณค่ามากเท่าใด ก็ยิ่งได้รับค่าตอบแทนมากเท่านั้น ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณจะเข้ามาทำงานที่นี่ตอนที่ไม่มีงานที่ยูเนียนก็ไม่จำเป็นต้องมาเข้าร่วม เพราะสถาบันจะมอบหัวข้อต่างๆ ให้คุณไปศึกษา โดยคุณจะต้องแย่งชิงหัวข้อเหล่านั้นและนำมันกลับไปศึกษาที่ยูเนียน หรือจะศึกษาอยู่ที่สถาบันก็ได้ทั้งนั้น
แต่ละหัวข้อมีเงินทุนเตรียมไว้ให้เพียงพอ คุณจะต้องส่งหัวข้อไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ จากนั้นจึงจะเริ่มค้นคว้าได้ เมื่อทำสำเร็จก็จะได้รับรางวัล
อันที่จริงคุณอาจจะมองที่นี่เป็นสถานที่แจกจ่ายงานก็ได้ คุณใช้เวลาว่างไปกับการทำวิจัยได้
สิ่งสำคัญคือรายได้ที่จะได้รับนั้นสมเหตุสมผลมาก!
เงินทุนมหาศาลทำให้ทุกคนผวา!
มาดคนรวยชัดๆ
แม้แต่เกาเย่ว์หยางก็ยังขมวดคิ้วเพราะโครงการธรรมดาๆ ก็ทำให้เสร็จได้ด้วยเงินทุนเพียงไม่กี่หมื่นหยวน เพราะว่าไม่มีค่าแรงที่ต้องจ่าย ในขณะที่ไป๋เยี่ยจะต้องจ่ายค่าแรงตามมาตรฐานสากลด้วย