สวี่รั่วฉิงรู้ว่าตนเองนั้นเติบโตมาอย่างสวยงาม แต่ผู้ชายคนที่เพิ่งหน้าเธอเพียงครั้งเดียว อยู่ๆก็ตามจีบเธอ ทำให้เธออดคิดมากไม่ได้
สวี่รั่วฉิงคิดถึงตรงนี้ ก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีเหลืองอร่ามสดใส
อากาศที่ลานจอดรถนั้นค่อนข้างร้อน เธอพิงกับรถก็รู้สึกถึงไอร้อนผ่าว
“ประธานฉิน คุณคงไม่ได้จะ…”
เธอพูดได้เพียงครึ่งประโยค ก็หยุดไม่ได้พูดต่อไป
ฉินซวี่มองสวี่รั่วฉิง ด้วยสายตาที่เงียบสงบอย่างไม่มีทางเลือก
เขาให้คนไปสืบเรื่องราวชีวิตของสวี่รั่วฉิง ดูก็รู้ ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่ฉลาดมาก
แต่คิดไม่ถึงว่า ต่อหน้าคนที่กำลังจีบอยู่นั้น เธอนั้นจะดูอ่อนหัดไปหน่อย ถึงขนาดที่สงสัยในตัวเขาว่าต้องการใช้เธอนั้นเพื่อจะได้รู้ความลับอื่นๆของบริษัท
คิดถึงตรงนี้ ฉินซวี่ก็พูดไม่ออกเล็กน้อย น้ำเสียงนั้นแปรเปลี่ยนเป็นจนปัญญา
“คุณมองผมเป็นคนแบบนั้นเหรอ?”
สวี่รั่วฉิงลืมตากว้างมองชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ หรือว่าเธอคิดผิดไปเหรอ?
สวี่รั่วฉิงเม้มปากสักพัก “งั้นคุณหมายความว่ายังไงล่ะประธานฉิน”
ฉินซวี่ไม่มีทางเลือก เขามองสวี่รั่วฉิงอย่างจริงจัง พร้อมถอนหายใจออกมาแรงๆ “ผมตั้งใจจะจีบคุณจริงๆ”
สวี่รั่วฉิงนั้นสับสนวุ่นวาย
“เดี๋ยวก่อนนะประธานฉิน บางทีคุณอาจจะยังไม่เข้าใจดี ตอนนี้ฉันยังไม่ได้มีความคิดอยากจะมีความรัก ดังนั้น…”
ฉินซวี่มองสวี่รั่วฉิงอย่างลึกซึ้ง สีหน้าของเธอนั้นดูออกว่าโกหกอย่างร้อนรน
ไม่ได้มีความคิดจะมีความรักงั้นเหรอ? งั้นผู้หญิงที่อยู่บนรถกับลี่ถิงเซิ่งเย็นเมื่อวานคนนั้นคือใคร?
“ไม่เห็นเป็นไร ผมยังมีโอกาสที่จะทำให้คุณรักผมได้”
หลังจากพูดจบ ฉินซวี่ไม่ก็เปิดเปิดประตูขึ้นรถคันสีดำไปอย่างไม่ลังเลพร้อมกับคาดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย
สวี่รั่วฉิงนิ่งเงียบไปชั่วขณะ แล้วจึงเปิดประตูรถของตัวเองขึ้นรถไป หลังจากคาดเข็มขัดนิรภัยก็สตาร์ทรถพร้อมขับออกไป
แต่ฉินซวี่นั้นยังไม่ออกไป เขามองตามหลังสวี่รั่วฉิงที่กำลังออกไป รอยยิ้มอบอุ่นอ่อนโยนเมื่อครู่นั้นค่อยๆเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นขึ้นมา
ถ้าเขาเดาไม่ผิดแล้วล่ะก็ ลูกของญาติที่สวี่รั่วฉิงพูดถึง น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับสวี่รั่วฉิงโดยตรง และไม่ใช่เพียงแค่เป็นผู้ปกครองของพวกเขาอย่างที่สวี่รั่วฉิงพูด
นิ้วเรียวยาวของฉินซวี่ เคาะพวงมาลัยเบาๆพักหนึ่ง หลังจากไตร่ตรองอยู่หลายนาที เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรหาเลขา
เลขาถาม “ประธานฉิน คุณมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?”
ฉินซวี่ “รีบตรวจสอบเด็กสองคนที่อาศัยอยู่บ้านกับแอนนาทันที และโดยเฉพาะอย่าลืมตรวจสอบว่าระหว่างเธอและตระกูลสวี่นั้นมีเรื่องอะไรกัน”
นั้นคือความลับที่เขาอยากรู้มากที่สุด
เลขารู้สึกประหลาดใจ เขาไม่เคยเห็นฉินซวี่เอาใจใส่ผู้หญิงไหนแบบนี้มาก่อน
“ประธานฉิน หรือว่าคุณกำลังตามจีบคุณแอนเหรอครับ? คุณควรจะรู้ว่า ท่านปู่ฉินนั้นไม่มีทางยอมรับผู้หญิงที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างแน่นอน”
ฉินซวี่ยิ้มนิ่งๆ ไม่ได้สนใจ
เขาเม้มปากนิ่งๆ พร้อมพูด “ฉันรู้แล้ว นายไปสืบค้นตามที่ฉันสั่งเถอะ ห้ามบอกเรื่องนี้กับท่านปู่”
…
หลังจากสวี่รั่วฉิงกลับถึงบ้าน สวี่อี้ฟานและสวี่อี้หานก็รอเธออยู่ที่หน้าประตูอยู่แล้ว
“แม่กลับมาแล้ว!” เด็กน้อยสองคนพูดขึ้นมาพร้อมกัน
สวี่รั่วฉิงก้มตัวลงหยิบกล่องไอศกรีมที่ออกมาจากถุงซูเปอร์มาเกต ส่งให้เด็กน้อยทั้งสอง
หลังจากนั้นก็บอกปัญหาเล็กน้อยที่ครูประจำชั้นฝากมาให้สองคนรู้ พร้อมกับชื่นชมเจาะจงทั้งสองคนเป็นพิเศษ
สวี่อี้หานหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อหลานของฉินซวี่
สวี่รั่วฉิงมองไปทางเธอแล้วก็เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้
“วันนี้คุณครูเหมือนจะพูดถึงเกี่ยวกับเพื่อนร่วมโต๊ะของหนูเป็นพิเศษนะ”
น้ำเสียงของสวี่รั่วฉิงที่พูดนั้น ทำให้ใบหน้าของสาวน้อยนั้นยิ่งเปลี่ยนเป็นแดงมากขึ้นขึ้น มืออ่อนนุ่มคู่นั้นรีบยกขึ้นมาปิดหน้าตัวเองไว้
น้ำเสียงกังวลของเธอนั้นลอยผ่านออกมาจากมือคู่นั้น “แม่พูดอะไรอ่ะ? หนูไม่ค่อยเข้าใจเลย?”
สีหน้าของพี่ชายที่ยืนอยู่ข้างๆสวี่อี้หานนั้นไม่มีทางเลือก เขานั้นไม่อยากจะสนใจน้องสาวที่คลั่งผู้ชายคนนี้แล้ว!
สวี่รั่วฉิงมองลูกชายของตัวเอง พร้อมส่งสายตาเป็นสัญญาณบอกให้เขาเข้าไปเล่นในห้องก่อน
หลังจากที่สวี่อี้ฝานยออกไป สวี่รั่วฉิงก็ก้มตัวเอง ลากมือของลูกสาวตนเองไปที่ห้องรับแขก
ใบหน้าของสวี่อี้หานยังคงเขินอายกับเรื่องที่เก็บไว้ในใจอยู่ “แม่รู้ได้ยังไงอ่ะ?”
สวี่รั่วฉิงคิดในใจ ทุกวันเวลาเธออยู่บ้านก็มักจะพูดถึงเพื่อนร่วมโต๊ะของตัวเองอยู่ทุกวัน และยังบอกว่ารูปร่างหน้าตาคล้ายฉินซวี่ แค่นี้ก็จะไม่รู้เชียวหรือว่าเพื่อนร่วมโต๊ะของลูกสาวตัวเองนั้นตกลงแล้วเป็นเด็กแบบไหน?
สวี่รั่วฉิงคิดถึงตรงนี้ ก็อดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้
ทำไมสวี่อี้หานนั้นไม่ได้รับถ่ายทอดยีนความงามจากลี่ถิงเซิ่งบ้างเลยนะ แต่กลับได้รับการถ่ายทอดยีนบ้าผู้ชายจากเธอไปอีกด้วย!
สาวน้อยนั้นยังไม่รู้ว่าสวี่รั่วฉิงนั้นคิดยังไง เธอกุมมือสองข้างไว้แน่น พร้อมพูดอย่างสงบเสงี่ยม “แม่รู้หรือเปล่า ปกติเขาเป็นคนที่มีมารยาทมาก! โจทย์ข้อไหนที่หนูไม่รู้เขาก็บอกหนู! และอีกอย่าง เขานั้นเติบโตขึ้นมาราวกับเจ้าชายในละครโทรทัศน์อีกด้วย!”
สวี่รั่วฉิงพูดด้วยความจริงใจและจริงจัง “แม่ไม่สามารถไปขัดขวางหรือบอกให้หนูชอบใคร ถ้าหนูชอบเขา งั้นก็ต้องบอกแม่ ของเพียงแค่พวกหนูสองคนไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อกฎระเบียบของโรงเรียน แม่ก็ไม่ว่าอะไรหนูหรอก!”
หลังจากสวี่รั่วฉิงพูดจบ สวี่อี้หานก็ค่อยๆผ่อนคลายมือที่กุมแน่นออก ใบหน้าแดงก่ำเมื่อครู่นี้กลับมาเป็นปกติแล้ว
เธอพยักหน้าหนักแน่น พร้อมพูดเสียงอ่อน “แม่วางใจเถอะ หนูต้องให้ความสำคัญกับเรื่องเรียนที่สุดอยู่แล้ว! และคนที่หนูชอบมากที่สุดบนโลกใบนี้มีเพียงแค่แม่แล้วก็พี่เท่านั้น ส่วนพ่อนั้นยกให้เป็นอันดับสองละกัน!”
หลังจากสวี่อี้หานพูดจบก็หันมายิ้มหวานให้สวี่รั่วฉิง
สวี่รั่วฉิง “…”
เธอคิดในใจเงียบๆ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ช่วยคุณนะลี่ถิงเซิ่ง แต่นี่ลูกสาวของคุณพูดออกมาเองกับปาก ว่าในใจของเธอนั้นจัดอันดับให้คุณอยู่ที่สอง…
เย็นวันนั้นหลังจากสวี่รั่วฉิงอาบน้ำเสร็จและเป่าผมแห้งแล้ว ก็มาที่ห้องหนังสือพร้อมเริ่มทำงาน
หลังจากเธอเพิ่งจะเริ่มเคลียร์งาน โทรศัพท์มือถือก็สั่นขึ้นมา
ทีแรกเธอคิดว่าลี่ถิงเซิ่งส่งข้อความมา แต่พอหยิบขึ้นมาดูกลับเป็นฉินซวี่
ฉินซวี่ “ผมได้ยินหลานของผมบอกว่า เพื่อนร่วมโต๊ะของเขาคือสาวน้อยครอบครัวของคุณเหรอ?”
สวี่รั่วฉิงกังวลใจอยู่สักพัก
เธอคิดในใจ คงไม่ใช่ว่าเด็กสิบขวบสองคนนี้ แอบชอบกันหรอกใช่ไหม?
สวี่รั่วฉิงคิดไตร่ตรองอยู่สักพักก็ตอบกลับลี่ถิงเซิ่ง “หลานของคุณคงไม่ได้ชอบสาวน้อยบ้านฉันหรอกมั้ง…”
หลังจากนั้นไม่กี่นาทีสวี่รั่วฉิงก็ได้รับข้อความตอบกลับจากลี่ถิงเซิ่ง
เขาตอบกลับว่า “คุณเดาออกได้ยังไง?”
เสียงคลิ๊กดังขึ้นในใจสวี่รั่วฉิง เธอว่าแล้ว ทำไมช่างบังเอิญขนาดนี้นะ เป็นไปได้ยังไง?!
เธอกุมปิดหน้าตัวเองอย่างปวดใจ พร้อมถอนหายใจออกมา หลังจากนั้นก็กำโทรศัพท์ขึ้นมา “บังเอิญจริงๆ สาวน้อยบ้านฉัน ก็ชอบหลานชายของคุณ…”
ชายในห้องหนังสือนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา
เขาเพิ่งเล่นต่อไม้เป็นเพื่อนหลานไปเมื่อครู่
เด็กสิบขวบคนนี้ คาดไม่ถึงว่าจะมีเด็กสาวมาชอบแล้ว อีกอย่างยังเป็นสาวน้อยคนนั้นของครอบครัวผู้หญิงที่เขากำลังคิดจะจีบอีกด้วย
นี่มันบังเอิญเกินไปแล้ว
ฉินซวี่เป็นคนยังไง?
คนภายนอกนั้นล้วนบอกว่าเขาอ่อนโยนเหมือนสายน้ำ แต่กลับลืมไปว่าเขายังซ่อนอีกด้านของการเป็นประธานห้างสรรพสินค้าไว้อยู่