ซูจิ่วเอ๋อร์ตะลึงงัน : ????
พวกเพื่อนๆที่รู้จักลักษณะนิสัยอันเลื่องลือของเสิ่นเชียนดีนั้นรีบปิดหน้าอย่างหนักใจ : ไอ้เด็กคนนี้มันเริ่มเอาอีกแล้ว
แต่จะไม่พูดก็ไม่ได้ รสนิยมของเสิ่นเชียนนั้นยอดเยี่ยมมาก
ผู้หญิงที่เคยเจอมาก่อนหน้านี้ ก็พูดได้ว่าล้วนเป็นผู้หญิงที่สวยมากทั้งนั้น เช่นผู้หญิงของลี่ถิงเซิ่งอย่างแอนนาที่เขาชวนคุยที่ชายหาดครั้งที่แล้ว…
ซูจิ่วเอ๋อร์ขี้เกียจจะควบคุมอารมณ์ จึงเหลือกตามองบนให้เสิ่นเชียนไปหนึ่งที ขี้เกียจจะพูดคุยกับผู้ชายที่ทักทายเธอด้วยประโยคไร้สาระพวกนี้
แต่ว่า ชายคนนี้ก็หน้าตาไม่เลว ดูหล่อมีเสน่ห์มากกว่าพวกดารานักแสดงชายที่เธอเคยเจอมาก่อนหน้านี้เสียอีก
ริมฝีปากแห้งๆของลี่ถิงเซิ้งนั้นค่อยๆเปิดพูด “เธอคือคุณหนูใหญ่ตระกูลซู”
หลังจากพูดจบ เขาก็รับน้ำชาที่หลี่อานยื่นมาให้ พร้อมก้มลงดื่มให้ลำคอที่แห้งผากนั้นกลับมาชุ่มชื่น
“คุณหนูใหญ่ตระกูลซู? ตระกูลซูไหนอ่ะ?” สมองของเสิ่นเชียนยังไม่กลับเข้าที่ สมองที่คล้ายกับเสื่อมนั้นคิดอยู่สักพัก จู่ๆก็ตบมือ แววตาเหมือนดวงดาวนั้นก็เปล่งประกายออกมา “ซูจิ่วเอ๋อร์?”
เขาเคยได้ยินความเย่อหยิ่งของคุณหนูใหญ่ตระกูลซูมาตั้งนานแล้ว เป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูลซู คุณผู้ชายซูและคุณผู้หญิงซูนั้นให้ความรักกับเธออย่างที่สุด
ได้เจอกันวันนี้ เกินความคาดหมายจริงๆ
ผู้หญิงแบบนี้ ทำไมถึงมาอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนอันดับหนึ่งแบบนี้? หรือว่าความสัมพันธ์ของซูจิ่วเอ๋อร์กับพี่ลี่? นี่หลังจากได้ยินเรื่องราวของพี่ลี่กับแอนนา จึงรีบมาซักถามถึงโรงพยาบาลเลยเหรอ?
เป็นไปไม่ได้หรอก หรือเขาชวนผู้หญิงของพี่ลี่คุยอีกแล้วเหรอ? สีหน้าของเสิ่นเซียนนั้นจู่ๆก็เจ็บปวดขึ้นมา เขาเงยหน้าขึ้นมาอย่างงกๆเงิ่นๆ แอบเพ่งมองไปทางลี่ถิงเซิ่งที่นั่งพักหลับตาอยู่บนเก้าอี้ พร้อมกับเบนสายตามามองที่ซูจิ่วเอ๋อร์ใหม่อีกรอบหนึ่ง
“น้อง น้องสาว เธอคงไม่ได้เป็นแฟนของพี่ลี่อีกคนหรอกใช่ไหม?” เสิ่นเชียนถามเสียงเบา
ลี่ถิงเซิ่ง “…”
เขาลืมตามองไปที่เพื่อนสนิทของตัวเองอย่างพูดไม่ออก
ซูจิ่วเอ๋อร์ “? ? ?”
ดวงตาคู่นั้นกวาดมองที่เสิ่นเชียนขึ้นๆลงๆ ริมฝีปากสีซีดอ่อนนั้นเม้มเบาๆ “ประธานลี่ เพื่อนของคุณคนนี้ช่างน่าสนใจจริงๆ”
หลังจากพูดจบ ซูจิ่วเอ๋อร์ก็ชำเลืองมองไปที่เสิ่นเชียนอย่างเย็นๆ มุมปากยกขึ้น พร้อมกลับไปนั่งที่เก้าอี้ นั่งรอการผ่าตัดของสวี่รั่วฉิงอย่างเงียบๆ
ถ้าหากสวี่รั่วฉิงเชื่อมั่นในลี่ถิงเซิ่งจริงๆ งั้นเธอก็ต้องทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีของสวี่รั่วฉิง ยังไงก็ต้องเห็นแก่หน้าของลี่ถิงเซิ่งบ้าง
แม้เธอจะไม่ค่อยพอใจ เมื่อคิดว่าเพื่อนสนิทของตัวเองนั้นกำลังจะถูกลี่ถิงเซิ่งแย่งตัวไปแล้ว ลึกๆในใจเธอก็รู้สึกไม่ค่อยดีนัก
เห็นชัดๆอยู่ว่าสวี่รั่วฉิงนั้นลำบากเพราะเขาขนาดไหน
และชายคนเมื่อครู่นี้ก็เช่นกัน ไม่รู้เลยจริงๆว่ามองยังไง ถึงได้คิดว่าเธอกับลี่ถิงเซิ่งนั้นมีความสัมพันธ์กัน
เธอมีท่าทีตรงไหนกันแน่ที่ดูเหมือนมีความสัมพันธ์กับลี่ถิงเซิ่ง?
เสิ่นเชียน : หรือว่าเขาเดาผิดเหรอ? ซูจิ่วเอ๋อร์ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับพี่ลี่หรอกเหรอ?
คิดได้ถึงตรงนี้ เสิ่นเชียนก็ดีใจไม่หยุด มุมปากนั้นยิ้มอ่อนๆ
มีเพื่อนทนดูต่อไปไม่ไหว จึงยื่นมือมาตบบ่าของเสิ่นเชียน
ลี่ถิงเซิ่งจ้องเขม็งไปที่เพื่อนของตนเอง พร้อมก้มลงมองหน้าปัดนาฬิกาบนข้อมือ อีกครึ่งชั่วโมงก็จะตีห้าแล้ว
เขาพูดนิ่งๆ บอกให้เพื่อนไม่ต้องอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้วก็กลับไปเถอะ
คนที่ดูจะมีอายุมากกว่าหน่อยคนหนึ่งเมื่อได้ยินแล้ว ก็เข้าใจความหมายที่ลี่ถิงเซิ่งจะสื่อ มันคือการไล่แขกกลับอย่างสุภาพนี่เอง
ที่จริงแล้ว พวกเขาอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้ช่วยให้การผ่าตัดนั้นเสร็จเร็วขึ้น แถมยังรบกวนการพักผ่อนของลี่ถิงเซิ่งอีก
“งั้นรอหลังจากคุณแอนผ่าตัดเสร็จ พวกเราค่อยหาเวลามาอีกรอบเถอะ” หนึ่งในนั้นพูดขึ้นมา
พูดจบ คนคนนั้นก็ลากคอเสื้อของเสิ่นเชียนเตรียมจะกลับ
“เสิ่นเชียนอยู่ก่อน” ริมฝีปากบางของลี่ถิงเซิ่งนั้นเปิดพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เสิ่นเชียนตะลึงไปพักหนึ่ง นิ้วชี้ชี้ไปทางตัวเอง “ผม?”
พี่ลี่เปลี่ยนใจแล้วเหรอ? เมื่อก่อนพี่ลี่ต้องเป็นคนแรกที่บอกให้เขากลับไป!
เสิ่นเชียนอยู่ต่อ เขาแอบชำเลืองมองไปที่ซูจิ่วเอ๋อร์ที่อยู่ตรงนั้น หลังจากนั้นก็รีบละสายตากลับมา พร้อมพูดอย่างจริงจัง “พี่ลี่ พี่ให้ผมอยู่ต่อ มีเรื่องอะไรใช่ไหม?”
ลี่ถิงเซิ่งมองเสื่นเชียนอย่างละเอียด แล้วพูดสั่งกับหลี่อาน “ถ้าแอนนาผ่าตัดเสร็จแล้ว ให้มาบอกฉันต่อหน้า”
หลังจากพูดจบ เขาก็เรียกให้เสิ่นเชียนมาอยู่ต่อหน้าเขาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“เรื่องที่ให้นายช่วยสืบหาก่อนหน้านี้ มีเค้าโครงขึ้นมาแล้ว” ลี่ถิงเซิ่งพิงกับกำแพง แสงอาทิตย์สาดส่องมาบนหน้าเขา ทำให้เกิดเงาขึ้นมา
เสิ่นเชียนมึนงงพักหนึ่ง “คือเรื่องของพวกไหนเหรอ? พี่ลี่ พี่นี่ขี้ลืมเกินไปแล้วนะ ไม่ใช่วันนี้ตอนเช้าผมบอกพี่ไปแล้วเหรอ?”
ลี่ถิงเซิ่งเงียบนิ่งไปสักพัก “…”
เขาไม่ควรฝากความหวังไว้กับความทรงจำของเสิ่นเชียนจริงๆ
“ตระกูลสวี่”
คำพูดที่ลี่ถิงเซิ่งพูดออกมา เหมือนเปิดประตูสมองเสิ่นเชียน “คิดออกแล้ว!”
ลี่ถิงเซิ่งมองเสิ่นเชียนด้วยสายตาจริงจัง สีหน้าเสิ่นเชียนค่อนข้างขรึม เสียงเขาไม่ได้ดังแต่เคร่งขรึมขึ้นมากว่าก่อนหน้านี้ “สวี่รั่วยีไม่ได้ติดต่ออะไรกับพวกคนใต้ดินของเมืองหลินชวนมาก่อน แต่แน่นอน ถ้าหากเธอนั้นติดต่อขึ้นมาจริงๆ ก็คงไม่ได้ไปติดต่ออย่างเปิดเผยขนาดนั้น จากวิธีการของคุณนายสวี่ อะไรที่ควรสอนเธอก็คงสอนหมดแล้วแหละ”
เสิ่นเชียนพูด พร้อมกับขมวดคิ้วขึ้นมา
เขาคิดถึงข้อมูลที่ลูกน้องของเขากับสายข่าวของเขารายงาน ก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้นอีก
“พูดต่อ” ลี่ถิงเซิ่งพูดนิ่งๆ
เสิ่นเชียนตอบ “อือ” หนึ่งคำ พร้อมพยักหน้า “แม้สวี่รั่วยีจะไม่ได้ติดต่อกับกลุ่มคนพวกนั้นของเมืองหลินชวนโดยตรง แต่มีคนหนึ่งที่มักจะมีความเกี่ยวข้องกับพวกนั้น”
เสิ่นเชียนถอนหายใจหนัก พร้อมมองไปที่เพื่อนสนิทของตัวเอง พร้อมพูดอย่างจริงจัง “คุณนายสวี่”
สายตาของลี่ถิงเซิ่งที่เยือกเย็นเหมือนน้ำแข็งนั้น ปรากฏความลึกล้ำขึ้นมา
“คุณนายสวี่?”
“ใช่ครับ คือคุณนายสวี่ แม้จะไม่รู้ว่าเธอมักจะติดต่อกับคนพวกนั้นเพราะเรื่องอะไร แต่สิ่งที่มั่นใจได้แน่นอนก็คือ เธอมักจะติดต่อกับคนคนหนึ่งที่นามสกุลเฉิง แถมคนคนนั้นยังรับช่วงสืบทอดต่อจากสมาคมลับที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในเมืองหลินชวนเมื่อสิบกว่าปีก่อนอีกด้วย”
เสิ่นเชียนพูด พร้อมหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เปิดข้อมูลที่ตัวเองหามาได้ ส่งให้ลี่ถิงเซิ่ง “พี่ลี่ นี่คือรูปที่แอบถ่ายมาได้ของคนคนนั้นกับคุณนายสวี่”
ลี่ถิงเซิ่งรับโทรศัพท์มา รูปนี้เป็นรูปที่แอบถ่ายมา ดังนั้นจึงดูลักษณะรูปร่างของสองคนนี้ไม่ค่อยชัด แต่จากรูปร่างคร่าวๆก็สามารถดูออกได้ว่าผู้หญิงดูแพงในรูปนั้นน่าจะเป็นปฏิคมของตระกูลสวี่
เสิ่นเชียนพูด “แต่เรื่องนี้ ผมรู้สึกไม่ค่อยแน่ใจ ถึงอย่างไรในครอบครัวก็อาจจะสามารถแอบมีชู้ได้ถูกไหม? เพียงแค่ถ้าเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป เกรงว่าคนที่จะเสียหน้าคงจะเป็นคุณสวี่เอง”
ลี่ถิงเซิ่งพูด “ระหว่างพวกเขามีการค้าขายแลกเปลี่ยนยาอะไรบ้างไหม”
“ยา?” เสิ่นเชียนขมวดคิ้ว เขาคิดพร้อมกลับถามคืน “พี่ลี่ ที่พี่พูดคงไม่ได้หมายถึงยาเสพติดหรอกใช่ไหม? ถ้าอันนั้นคงเป็นไปไม่ได้ และก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าตระกูลสวี่มีคนติดยา”
ลี่ถิงเซิ่งสีหน้าสงบ นิ้วของเขากำลังเลื่อนอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ มองรูปภาพรูปนั้นอย่างละเอียด ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา “ยา”
“ยา? เรื่องนั้นยังพูดได้ยากจริงๆ คาดว่าต้องให้คนไปสืบหาเพิ่มอีก ถ้าหากสามารถรู้ว่าเป็นยาประเภทไหน น่าจะง่ายกว่านี้” เสิ่นเชียนพูดอย่างตรงไปตรงมา