บทที่ 401 อาการซึมเศร้าก่อนคลอด
บทที่ 401 อาการซึมเศร้าก่อนคลอด
เสิ่นอี้โจวก็ตกใจเช่นกัน “ชิงหยวน?”
เซี่ยชิงหยวนรีบเช็ดน้ำตาโดยไม่ยอมหันหน้าไปมอง
ปี่เหลาซานลดเสียงลงและพูดว่า “ช่วงนี้นายไม่อยู่บ้าน แม้ว่าชิงหยวนจะไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจของเธอก็ตั้งตารอคอยการกลับมาของนายนะ”
เขาพลันสังเกตเห็นรอยบนคอของเสิ่นอี้โจวเช่นกัน ความโกรธที่สั่งสมมาก่อนแล้วจึงระเบิดขึ้น “นายเพิ่งกลับมาก็ทะเลาะกับชิงหยวนเลยงั้นเหรอ?”
เขารีบดึงตัวเซี่ยชิงหยวนมาพร้อมมองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า “เขาไม่ได้ตีเธอใช่ไหม?”
เซี่ยชิงหยวนสั่นศีรษะ “ไม่ค่ะ ไม่เกี่ยวอะไรกับอี้โจว”
เธอเองก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่จู่ ๆ อารมณ์ของเธอก็ปะทุขึ้นมา
เสิ่นอี้โจวพูดกับปี่เหลาซานว่า “อาจารย์ครับ ผมขอคุยกับชิงหยวนสักหน่อยนะครับ”
เขาดึงเซี่ยชิงหยวนไปที่ห้องรับแขกเล็กข้าง ๆ ก่อนจะช่วยพยุงเธอให้นั่งลง
ชายหนุ่มนั่งยองลงต่อหน้าหญิงสาว จับมือเธอแล้วถามว่า “ชิงหยวน คุณบอกผมได้ไหมว่าคุณเป็นอะไร?”
เซี่ยชิงหยวนทำเสียงฮึดฮัดและพยายามดึงมือของเธอกลับ แต่เขาไม่ยอมปล่อย “คุณมาถามฉันแทนงั้นเหรอ? ทำไมคุณไม่พูดมาล่ะว่ารอยข่วนที่คอของคุณมาจากผู้ช่วยหญิงอะไรนั่นน่ะ”
เสิ่นอี้โจวชะงักพลางจับไปที่คอของตน ราวกับว่ากำลังหวนนึกถึง
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้พูดอะไร เซี่ยชิงหยวนจึงคิดว่าที่เรื่องนี้เป็นไปตามที่เธอพูด หญิงสาวพลันลุกขึ้นเพื่อจะเดินออกไปทันที
เสิ่นอี้โจวรีบกอดเธอไว้ ก่อนจะกดภรรยาให้นั่งบนตัก จับขาเรียวยาวของเธอและกอดเธอไว้แน่นในอ้อมแขนของเขา
เขากล่าวว่า “รอยนี้เป็นรอยข่วนที่เกิดจากคนก็จริง แต่มันไม่เกี่ยวอะไรกับเด็กคนนั้นเลยนะ”
เซี่ยชิงหยวนกัดริมฝีปากอย่างนิ่งเงียบ
เมื่อเสิ่นอี้โจวเห็นว่าผู้เป็นภรรยาเต็มใจที่จะฟังคำอธิบายก็เบาใจลง “วันก่อนที่พวกเราจะกลับมา เราบังเอิญพบเด็ก ๆ กำลังโหนเชือกข้ามแม่น้ำเพื่อไปโรงเรียนน่ะ ในตอนนั้นฝนเพิ่งหยุดตก อีกทั้งเชือกก็ลื่น ทำให้เด็กสองคนสุดท้ายเกือบตกลงไปในแม่น้ำ ผมกับเสี่ยวตงจึงช่วยกันดึงเด็กกลับมา และด้วยเพราะเด็ก ๆ กำลังตื่นตกใจก็เลยข่วนเข้าที่คอของผม”
แต่ใครจะคาดคิด เธอกลับถามเขาว่า “ใครคือเสี่ยวตง?”
คิ้วของเสิ่นอี้โจวขมวดเล็กน้อย
เขาสังเกตว่าเซี่ยชิงหยวนผิดแปลกไปจากปกติอยู่นิดหน่อย
ปกติแล้วเธอไม่เคยเป็นแบบนี้
หญิงสาวอาจจะหัวเราะพร้อมหยิกจุดตายของเขาแล้วบอกว่า ‘ถ้าคุณกล้าก็ลองดู’
หรือไม่ก็อาจจะถากถางอย่างไม่แยแสว่า ‘คุณว่าคุณจะถูกล่อลวงไปได้หรือเปล่าล่ะ? ถ้าถูกชักจูงไปได้ก็บอกให้ฉันรู้ล่วงหน้าสักหน่อยแล้วกัน’
สมองของเขาพลิกดูบันทึกการตั้งครรภ์ที่ทำการบ้านไว้ก่อนหน้านี้อย่างรวดเร็ว และในที่สุดก็มาหยุดอยู่ที่ภาวะซึมเศร้าก่อนตั้งครรภ์
หัวใจของเขาพลันหล่นวูบ ก่อนเอ่ยออกมาว่า “ผู้ช่วยของผมน่ะ ผู้ช่วยหญิงคนนั้นแหละ”
เมื่อเซี่ยชิงหยวนได้ยินสิ่งนี้ก็เบะปากอย่างไม่พอใจอีกครั้ง ทั้งยังเหมือนจะร้องไห้ออกมา
เธอถอนหายใจออกไป แล้วหยุดลง
จากนั้นจึงพูดทั้งน้ำตาคลอว่า “ตอนนี้ฉันมีอะไรที่ผิดปกติไปใช่ไหม?”
วิตกกังวล หดหู่ โศกเศร้า ร้องไห้ได้ง่าย…
เสิ่นอี้โจวกลั้นใจและไม่ได้ตอบเธอไปโดยตรง “หลังมื้อเช้า ผมจะพาคุณไปหาคุณหมอฮวงนะ”
เซี่ยชิงหยวนเองก็ตระหนักได้ถึงบางอย่างจึงตอบตกลงกลับไป “ค่ะ”
….
ในตอนที่ทั้งสองกลับออกมาอีกครั้ง เสิ่นอี้โจวก็เช็ดน้ำตาให้เธอแล้ว
ปี่เหลาซานยังคงมองไปยังเสิ่นอี้โจวด้วยสายตาไม่พอใจ
เสิ่นอี้โจวจำต้องใช้โอกาสในตอนที่เซี่ยชิงหยวนไปห้องอาหารเพื่ออธิบายให้ชายชราฟังเล็กน้อยว่า “ชิงหยวนอาจจะมีภาวะซึมเศร้าระหว่างตั้งครรภ์อยู่เล็กน้อยน่ะครับ เดี๋ยวผมจะพาเธอไปโรงพยาบาลทีหลังเอง”
ปี่เหลาซานไม่รู้ว่าภาวะซึมเศร้าระหว่างตั้งครรภ์หมายถึงอะไร แต่ทันทีที่ได้ยินว่าต้องพาไปโรงพยาบาล เขาก็รับรู้ได้ว่าไม่ใช่เรื่องดีนัก
ริ้วรอยบนใบหน้าชราของเขาพลันขมวดเข้าหากัน “ร้ายแรงไหม?”
เสิ่นอี้โจวเอ่ยปลอบใจ “ในตอนนี้น่าจะเป็นเพียงสัญญาณเตือนครับ แต่หากรู้ตัวเร็วก็ย่อมดีกว่า”
เมื่อนึกย้อนกลับไปในช่วงเวลานี้ บังเอิญว่าเซี่ยเจิ้งเองก็กำลังเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเช่นกัน ทำให้เขาต้องรับทำหน้าที่แทนในงานหลายอย่างชั่วคราว จึงค่อนข้างละเลยในการดูแลเซี่ยชิงหยวนไป
อีกทั้งเรื่องราวเลวร้ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในตระกูลเซี่ย ก็เป็นเซี่ยชิงหยวนที่ต้องแบกรับมันไว้ด้วยตัวเองทั้งหมด ไม่ว่าเรื่องอะไรก็เพียงพูดให้ตัวเองฟังเท่านั้น
ยิ่งเธอยุ่งมากเท่าไหร่ในตอนกลางวัน ก็ยิ่งมีแนวโน้มที่จะเก็บมาครุ่นคิดในตอนกลางคืนมากขึ้นเท่านั้น ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายระหว่างตั้งครรภ์ เมื่อเวลาผ่านไป หญิงสาวย่อมเกิดอาการซึมเศร้าไปโดยปริยาย
เมื่อคิดอย่างนั้น ก็เป็นเขาผู้เป็นสามีที่ละเลยหน้าที่ของตน
เส้นบะหมี่เป็นเส้นบะหมี่แบบดึงมือที่เสิ่นอี้โจวตื่นแต่เช้ามาทำ
ได้ยินมาว่ายิ่งเส้นบะหมี่ยาวเท่าไหร่ ก็เป็นพรสำหรับเจ้าของวันเกิดได้นานขึ้นเท่านั้น เสิ่นอี้โจวซึ่งตื่นแต่เช้ามาทำก็ล้มเหลวในการดึงเส้นบะหมี่ไปหลายครั้ง ก่อนที่ในท้ายที่สุดจะดึงเส้นบะหมี่ที่ยาวที่สุดได้
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกอายเล็กน้อยกับความเข้าใจผิดที่เธอก่อขึ้น
เธอมองไปยังเสิ่นอี้โจว “ขอบคุณที่ทำบะหมี่ให้ฉันนะ”
เสิ่นอี้โจวยิ้มอย่างอ่อนโยน “นี่คือสิ่งที่ผมควรทำอยู่แล้ว”
หลินตงซิ่วยกยิ้มพลางเอ่ย “หลังจากกินบะหมี่ชามนี้ ชิงหยวนของพวกเราจะคลี่คลายทุกอย่างได้อย่างราบรื่นและปลอดภัยแน่นอน”
แม้ไม่ได้เป็นถ้อยคำอวยพรที่สวยหรูงดงามนัก แต่ก็เป็นความปรารถนาอย่างจริงใจที่สุด
เซี่ยชิงหยวนยิ้ม “ขอบคุณค่ะแม่”
อายุครรภ์ของเธอตอนนี้เกือบสามเดือนแล้ว อาการคลื่นเหียนอาเจียนนั้นนับว่าดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก เธอสามารถกินอาหารได้มากกว่าตอนที่ตั้งครรภ์แรก ๆ ไม่น้อย
ปี่ฟู่หมานได้มอบกล่องไม้แกะสลักสวยงาม มีขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือของผู้ชาย ซึ่งเขาเป็นคนทำขึ้นมาเองให้เซี่ยชิงหยวน
เด็กหนุ่มพยายามแสร้งทำเป็นหนักใจพร้อมบอกว่า “ผมไม่รู้จะให้อะไร นี่เป็นของที่ผมทำขึ้นเอง ขอมอบมันให้คุณแล้วกันนะ”
เซี่ยชิงหยวนเปิดกล่องไม้ออก พบว่าข้างในมีชั้นเล็ก ๆ เพื่อให้สามารถจัดวางสิ่งของไว้เป็นหมวดหมู่ต่าง ๆ ได้ ส่วนด้านนอกมีกระดุมเล็กซ่อนอยู่ และยังมีที่สำหรับสอดตัวล็อกด้านข้างอีกด้วย ทั้งหมดนี้ล้วนประณีตงดงาม
เซี่ยชิงหยวนยกยิ้ม “ขอบคุณนะ ฉันชอบมันมากเลย”
นี่เป็นกล่องที่เหมาะสำหรับใส่เครื่องประดับจริงๆ
เธอวางกล่องไว้ในมือแล้วมองดูลวดลายบนนั้น พลางคิดว่ามีอะไรบางอย่างดูคุ้นเคย เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็คิดไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
—————————————————-