ตอนที่ 105 สภาทมิฬ
แม้ดาบน้ำแข็งอยู่ห่างจากหลินเซวียน แต่ความเย็นอันน่าสะพรึงของมันก็ได้กระทบกับร่างกายของเขาแล้ว
หลินเซวียนโคจรพพลังสายฟ้าในตัวเพื่อต่อต้านพลังนี้
“อยู่ขั้นเปิดชีพจรระดับแปด แต่ความสามารถไม่ธรรมดา เจ้าเป็นคนแรกที่ทําให้ข้าประ หลาดใจได้ขนาดนี้!” หยินเจ้าหลี่กล่าวด้วยน้ำเสียงอันเย็นเยือกพร้อมโคจรพลังไปยังดาบน้ำแข็งตรงหน้าอีก
ไอเย็นสีน้ำเงินได้พุ่งขึ้นใต้เท้าของเขา จากนั้นมันแพร่กระจายไปทั่วขั้นที่สอง เวลานี้ขั้นสองราวกับตกอยู่ในถ้ำน้ําแข็ง
บรรดานักสู้รอบด้านต่างพากันโคจรพลังต้านไอเย็น เมื่อมองไปยังดาบน้ําแข็งตรงหน้าพวก เขาถึงกับตัวสั่นสะท้าน เพราะดาบน้ําแข็งนั้นได้กลายเป็นภูเขาน้ําแข็งขนาดใหญ่ มันราวกับภูเขา น้ำแข็งพันปี นอกจากนั้นยังมีมังกรสีน้ําเงินที่กําลังแยกเขี้ยวอยู่!
หลินเซวียนราวกับตกอยู่ในภาพลวงตา แต่เขาก็ทราบตัวเองดีว่าสิ่งตรงหน้าไม่ใช่ภาพลวงตามันคือพลังดาบแฝงเร้นระดับสูง
หากชายผ้าคลุมสีขาวตรงหน้าใช้พลังวิญญาณเข้าสู้ เช่นนั้นหลินเซวียนคงไม่สามารถเอาชนะ ได้แน่นอน เพราะขั้นพลังของชายตรงหน้าสูงกว่า แต่ตอนนี้เขาและหลินเขวียนกําลังใช้พลังของ ดาบปะทะกัน ซึ่งมันทําให้หยินเจ้าหลี่กําลังจะตกหลุมอย่างไม่รู้ตัว
หลินเขวียนเหวี่ยงดาบยาว และรัศมีในร่างกายของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที มันราวกับว่ามีดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ตื่นขึ้น
พลังกดดันอันน่าสะพรึงกระจายไปรอบด้าน จากนั้นเงาดาบอันแหลมคมได้แทงไปยังโลกน้ำแข็งตรงหน้า
ทันใดนั้น ภูเขาน้ํำแข็งก็พังทลายและแผ่นดินก็แตกออกราวกับว่าโลกกําลังระเบิด ทุกสิ่งทุกอย่างค่อย ๆ แตกเป็นเสี่ยง
ชายหนุ่มผ้าคลุมสีขาวขมวดคิ้ว เขาสัมผัสได้ถึงพลังทําลายล้างอันน่าสะพรึง มันน่าสะพรึงจนมือของเขาสั่นเทา
“เป็นไปได้ยังไง?” หยินเจ้าหลี่ตัวสั่นขึ้นมา แต่เขาก็ไม่มีเวลาคิดอะไรมาก เพราะโลกน้ําแข็งของตนกําลังแตกออก!
ทันใดนั้นพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งจากขั้นสมุทรวิญญาณได้โคจรออกมา จากนั้น
โลกน้ําแข็งที่กําลังแตกออกได้ฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิม
ดาบมังกรน้ําแข็งคํารามอย่างเกรี้ยวกราดพร้อมพุ่งไปทางหลินเซวียนราวกับจะกลืนกินเขา
“นี่คือพลังของขั้นสมุทรวิญญาณสินะ?” หลินเขวียนรู้สึกตื่นเต้นในใจ นัยน์ตาสีส้มของเขา จดจ้องไปที่หยินเจ้าหลีทุกการเคลื่อนไหว เขาเห็นพลังวิญญาณที่ท้วมท้นในตัวของคู่ต่อสู้อย่างชัดเจน
“หากพลังวิญญาณในขั้นเปิดชีพจรเปรียบเสมือนแม่น้ํา เช่นนั้นพลังวิญญาณในขั้นสมุทรวิญญาณก็เปรียบได้ดั่งทะเล ไม่ว่ายังไงขั้นเปิดชีพจรก็ไม่มีทางสู้ได้เลย มันคือรวมพลังจากจุตชีพจรทั้งเก้าเพื่อกลายเป็นทะเลวิญญาณ!
ดวงตาหลินเซวียนเปล่งประกาย เขาเห็นการไหลเวียนพลังภายในตัวหยินเจ้าหล่อย่างชัดเจน “เชื่อว่าอีกไม่นานเราคงบรรลุขั้นนี้ได้
เวลานี้ดาบมังกรน้ําแข็งได้มาอยู่ตรงหน้าแล้ว หลินเซวียนรีบกระตุ้นพลังภายในตัวราวกับสายฟ้าที่พิโรธจากสวรรค์ทั้งเก้า
ตุ้ม!!
พลังของเจตนารมณ์แห่งดาบได้กวาดไปทั่วทั้งชั้น จากนั้นดาบมังกรน้ําแข็งที่ใกล้จะถึงก็ร่วงลงกับพื้น เพียงไม่นาน มันได้แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ภายในพลังของเจตนารมณ์แห่งดาบ
เวลานี้อาวุธรอบด้านของบรรดานักสู้ถึงกับสั่นอย่างไม่หยุดยั้ง
โดยเฉพาะอาวุธประเภทดาบ มันสั่นจนหลุดออกมาจากฝัก
” เกิดอะไรขึ้น?” พวกเขารีบหยุดการสั่นของอาวุธพร้อมเผยแววตาที่ผวา
หยินเจ้าหลี่เองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน นอกจากดาบมังกรน้ําแข็งของเขาที่แตก ดาบสีน้ําเงินที่เอวของเขาเองก็สั่นและร้องราวกับว่าตื่นเต้นจากอะไรบางอย่าง
ผมสีดําของหลินเซวียนปลิวไสวกับสายลมขณะยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา พลังอันน่าสะพรึงได้ แผ่กระจายออกมาจากร่างชายผู้นี้อย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแค่ขั้นที่สอง แต่คนในร้านอาหารสัมผัส ได้ทุกคน
” ดาบทั้งหมดผสานเสียงพร้อมกัน นี่มันเจตนารมณ์แห่งดาบ!”
หยินเจ้าหลี่ตกตะลึงขึ้นมาทันใด ศิษย์สํานักเหมันต์ด้านหลังมองเขาด้วยดวงตาที่ไม่น่าเชื่อ
“เจตนารมณ์แห่งดาบ…เจตนารมณ์แห่งดาบของจริง! เขาเป็นศิษย์สํานักชวนเทียนงั้นหรือ?”
พวกเขาต่างมองไปยังหลินเซวียน
เวลานี้ เจตนารมณ์แห่งดาบ พลังในตํานานที่นักดาบทั่วโลกใฝ่ฝันได้ปรากฏต่อหน้าสายตาทุกคนแล้ว
ไม่นานจากนั้น ลมหายใจอันแหลมคมยังไม่ได้หายไป พวกมันได้กลับคืนสู่ร่างของหลินเซวียน
เขาแอบถอนหายใจเล็กน้อย เมื่อครู่นี้ภายใต้การใช้พลังของหยินเจ้าหลี่ มันทําให้เขา รู้สึกว่าดาบมังกรน้ําแข็งตรงหน้าเป็นการโจมตีที่รุนแรงที่สุด
แต่ในวินาที่ขับขัน หยินเจ้าหลีก็ได้พ่ายต่อพลังของหลินเซวียนไป
ดูเหมือนเจตนารมณ์แห่งดาบของเขาจะพัฒนาขึ้นไปอีกนิดแล้ว
“ไม่ มันยังเป็นเพียงเจตนารมณ์แห่งดาบครึ่งก้าวเท่านั้น ซึ่งต่างจากเจตนารมณ์แห่งดาบที่ แท้จริงอยู่เล็กน้อย” หยินเจ้าหลี่กล่าวอย่างเคร่งขรึม ” ข้าเคยเห็นเจตนารมณ์แห่งดาบที่แท้จริงมา แล้ว มันสามารถตัดทุกสรรพสิ่งได้เพียงแค่สายตา”
หลินเขวียนรู้สึกประหลาดใจในความรู้ของชายคนนี้
“ในนามของหยินเจ้าหลี่ ข้าไม่ทราบว่าน้องชายมีนามว่าอะไร?
” หลินเซวียน”
” หลินเขวียน” หยินเจ้าหลี่เอ่ยขึ้นเบา ๆ “ข้าจะจดจําเจ้าไว้โอกาสหน้าพวกเราจะตัดสินกันที่เทียบอันดับมังกรแฝง!”
หยินเจ้าหลี่ได้จากไปพร้อมกับศิษย์สํานักเหมันต์ เวลานี้เขายังไม่รีบร้อน ด้วยความสา มารถของหลินเซวียน เขาจะต้องเข้าสู่เทียบอันดับมังกรแฝงได้ในไม่ช้านี้แน่นอน เมื่อถึงเวลานั้น หลินเขวียนจะมีคุณสมบัติเพียงพอให้เขาใช้ดาบที่เอว
หลังจากหยินเจ้าหลี่จากไป ผู้คนบนชั้นที่สองก็เข้ามาหาหลินเซวียนทันที พวกเขาส่วนใหญ่ถามเกี่ยวกับวิธีบรรลุเจตนารมณ์แห่งดาบอย่างตื่นเต้น หลินเซวียนตอบได้แค่รอยยิ้มแห้ง
ท้ายที่สุดหลินเซวียนได้หนีออกจากร้านอาหารเพราะเขาทําอะไรไม่ถูก คนเหล่านั้นคะยั้นคะยอเขามากเกินไป
” ศิษย์พี่หญิงฮู ศิษย์พี่เฟิง ข้ายินดีที่ได้พบพวกท่านทั้งสอง ไว้เจอกันใหม่โอกาสหน้า!” หลินเซวียนและฮูหมานกล่าวอําลากัน เขาได้ออกจากเมืองเปยเหว่ยและคิดจะกลับไปยังสํานัก
แต่ก่อนจะกลับไปสํานัก เขาได้ไปยังที่พักของแม่ทัพเจิ้ง เพราะดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
ในห้องโถงที่เรียบง่ายและสง่างาม แม่ทัพเจิ้งกําลังตบไหล่หลินเซวียนพร้อมกล่าว “สหายน้อย หลิน ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเข้าใจเจตนารมณ์แห่งดาบ ข้ารู้สึกยินดีด้วยเป็นอย่างมาก!”
หลินเซวียนยิ้มอย่างขมขึ้น เขาไม่คิดว่าข่าวจะกระจายไปเร็วขนาดนี้
“ท่านแม่ทัพเจิ้ง ที่มาหาท่านตอนนี้เพราะข้ามีสิ่งหนึ่งจะบอกท่าน” หลินเซวียนพลิกฝ่ามือจากนั้นตราสีดําได้ปรากฏขึ้น
มันคือตราสีดําที่มีอักขระคําว่า “ทมิฬ” และด้านหลังเป็นสัญลักษณ์มังกรกําลังแยกเขี้ยว ๆ ตรานี้เต็มไปด้วยจิตวิญญาณที่ชั่วร้าย
“ข้าได้มันมาจากวันที่สังหารกลุ่มชายชุดดําวันนั้น”
แม่ทัพเจิ้งหันดูตราสีดํา ท่าทีบนใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที
“สภาทมิฬ!”
“ไม่สงสัยเลยว่าทําไมพวกสัตว์อสูรถึงจู่โจมในฤดูร้อนได้ มันเป็นเพราะมีสภาทมิฬอยู่ เบื้องหลัง” ใบหน้าของแม่ทัพเจิ้นเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมา
“สหายน้อยหลิน เจ้าได้รายงานเรื่องที่ใหญ่มาก หากไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าเกรงว่าพวกเรา จะยังตาบอดอยู่”
“ข้าจะไปรีบรายงานเรื่องนี้กับเบื้องบนทันที!”
“มันร้ายแรงมากเลยหรือขอรับ?” หลินเขวียนสงสัยเพราะเขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับสภาทมิฬ มาก่อน
“มันยิ่งกว่าร้ายแรงอีก หากเป็นพวกสภาทมิฬจริง เช่นนั้นเรื่องคงไม่ง่ายเหมือนพวกสัตว์อสูร แน่นอน!” แม่ทัพเจิ้งกล่าวอย่างหนักแน่น “มันใหญ่เกินไป ข้าต้องส่งไปสืบสวนก่อน”
“สหายน้อยหลิน ข้าขออภัยด้วย แต่ข้าคงต้องรีบไปตอนนี้” ทันใดนั้น แม่ทัพเจิ้งก็จากไปอย่างรวดเร็ว
” ท่านรู้หรือเปล่าว่ามันคืออะไรลุงขี้เมา ?” หลินเซวียนเอ่ยถามในใจ
“ข้าหลับใหลมานานจนตื่นมาพบกับเจ้า เช่นนั้นจะรู้ได้ยังไง?” เซียนสุราส่ายหัว “ไม่ว่าจะ เป็นอะไร เจ้าควรรีบแข็งแกร่งขึ้นให้เร็วที่สุดก่อน”