บทที่ 430 ตามลำพัง
บทที่ 430 ตามลำพัง
ตู้จ้งเหว่ยได้ยินถังซวงตอบอย่างมั่นใจ จึงอดไม่ได้ที่จะขมขื่นอยู่ในใจ
“เขา… ทำเรื่องพวกนั้นได้ยังไงกัน”
ถังซวงรู้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ยากจะยอมรับสำหรับตู้จ้งเหว่ย แต่เธอก็พูดต่อว่า “พ่อของนายทำเรื่องพวกนี้ไปจริง ๆ ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่เลื่อนตำแหน่งได้เร็วอย่างนี้”
“ฉันเข้าใจแล้ว”
ตู้จ้งเหว่ยกล่าวออกมาเสียงแผ่ว ใบหน้าของเขาทั้งซีดเซียวและไร้เรี่ยวแรง
“จ้งเหว่ย…”
แต่ก่อนที่ถังซวงจะพูดอะไรต่อ ตู้จ้งเหว่ยกล่าวขึ้นว่า “พี่สาวซวง ฉันขอตัวก่อนนะ ตอนนี้ฉันอยากอยู่คนเดียวสักพักน่ะ” หลังพูดจบ เขาหันหลังแล้วเดินออกไปทันที
“ทำไม…”
ถังซวงอยากจะพูดคุยกับตู้จ้งเหว่ยให้รู้เรื่อง แต่โม่เจ๋อหยวนรั้งเธอเอาไว้ “ซวงเอ๋อร์ให้เขาอยู่คนเดียวสักพักเถอะ ตู้จ้งเหว่ยจำเป็นจะต้องจัดการกับความรู้สึกตัวเองก่อน”
“แต่ในตระกูลตู้ยังมีโหยวอี้หง ลูกชายและชู้รักของหล่อน ฉันกลัวว่าตู้จ้งเหว่ยจะต้องเจ็บปวดกว่าเดิม”
แต่โม่เจ๋อหยวนยกยิ้มก่อนจะตอบว่า “ไม่ต้องห่วง ฉันให้คนไล่พวกเขาทั้งหมดออกไปแล้ว ตู้จ้งเหว่ยจะไม่เป็นไร”
“อย่างนั้นก็ดีแล้วละค่ะ”
ถังซวงไม่พูดอะไรต่อ
“ไปกันเถอะ เราก็ควรกลับได้แล้วละ”
“ค่ะ”
หลังจากถังซวงและโม่เจ๋อหยวนกลับมาถึงบ้านตระกูลจิง ถังชุนหยานวิ่งออกมาถามไถ่อย่างร้อนรน “พี่สาวซวงคะ ตู้จ้งเหว่ยเขา… เป็นยังไงบ้างหรือคะ?”
ก่อนหน้านี้เธอได้ถามจากเฟิงเยี่ยหานแล้ว และรู้ว่าถังซวงเป็นคนคุยกับตู้จ้งเหว่ยเอง เธอจึงนั่งรอถังซวงอยู่อย่างนี้
“วันนี้มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายเกินจะรับไหว ตู้จ้งเหว่ยเลยบอกว่าอยากอยู่คนเดียวสักพักน่ะ”
ได้ยินอย่างนั้น ถังชุนหยานเม้มปากแน่น แต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “เข้าใจแล้วค่ะ อย่างนั้นอีกสองวันฉันจะไปหาเขา”
“อื้ม คุยกับเขาดี ๆ ล่ะ”
สองสามคนเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น และเห็นว่าจิงเจ้อหรงกำลังพูดคุยกับถังเซวี่ยอยู่ เวลานี้ ถังเซวี่ยทราบแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลตู้ เธอถึงกับตกตะลึง
ทั้งพ่อและพี่สาวของเธอตรวจสอบกิจการของตระกูลตู้ทั้งหมด และได้ค้นพบความผิดปกติหลายอย่าง เวลานี้พ่อของตู้จ้งเหว่ยทำผิดกฎหมาย และโหยวอี้หงมีชู้ ส่วนตู้จ้งเหลียนก็ไม่ใช่สายเลือดตระกูลตู้ ทั้งหมดเป็นเพราะอยากจะให้ลูกชายได้อยู่สุขสบายจึงต้องสวมเขาให้กับตู้หรงหมิง
จิงเจ้อหรงเห็นถังซวงและโม่เจ๋อหยวน ก็ทักทายด้วยรอยยิ้ม “กลับมาแล้วหรือ เรื่องทั้งหมดใกล้จบแล้วแหละ เดี๋ยวพ่อจะกลับไปทำงานก่อน มีงานรอพ่อไปสะสางอีกตั้งเยอะ ถ้าแม่ถามก็บอกว่าพ่อไปทำงานนะ”
“ได้ค่ะพ่อ”
จิงเจ้อหรงออกไปทันทีหลังพูดจบ
จากนั้นถังซวงหันมาหาถังเซวี่ยก่อนจะถามว่า “เสี่ยวเซวี่ย พรุ่งนี้ไปซื้อของกัน”
ถังเซวี่ยส่ายศีรษะก่อนจะตอบกลับ “พี่คะ พรุ่งนี้ฉันต้องไปโรงเรียนค่ะ ไปกับพี่ไม่ได้หรอก”
ถังซวงจึงนึกขึ้นได้
เพราะเธอไม่ได้ไปโรงเรียนนานแล้ว เธอจึงลืมวันไปซะได้ “อ้อ งั้นเดี๋ยวสุดสัปดาห์เราค่อยไปซื้อของกันก็ได้” จากนั้นเธอหันมองถังชุนหยาน “ชุนหยาน เราไปด้วยกันนะ”
แต่ถังชุนหยานส่ายศีรษะปฏิเสธ
“สุดสัปดาห์นี้ฉันจะไปเยี่ยมตู้จ้งเหว่ยค่ะ ฉันอยากเจอเขาสักหน่อย”
ถังซวงจึงไม่พูดอะไรเพียงพยักหน้าแล้วตอบว่า “แบบนั้นก็ดี”
เวลานี้ถังชุนหยานขอตัวก่อน “พี่สาวซวง สองวันมานี้ฉันมีเรื่องไม่ได้จัดการมากมาย งั้นขอไปจัดการก่อนนะคะ”
“จ้ะ”
เมื่อถังชุนหยานออกไปแล้ว ถังเซวี่ยถอนหายใจก่อนจะพูดว่า “พี่สาวชุนหยานคงจะกังวลเรื่องของตู้จ้งเหว่ยมาก ฉันไม่รู้ว่าทั้งสองคนจะลงเอยอย่างไร เขาสองคนจะเกลียดเราไหม เป็นเพราะฉันทำให้ตระกูลตู้ต้องมาอยู่ในจุดนี้”
เฟิงเยี่ยหานที่เงียบงันมาตลอดกล่าวขึ้นเมื่อเห็นถังเซวี่ยกังวล
“เสี่ยวเซวี่ย คุณไม่ต้องสนใจหรอกว่าคนอื่นจะคิดยังไง เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นแล้ว ตู้จ้งเหลียนไม่ใช่ลูกชายของตู้หรงหมิง และตู้หรงหมิงเป็นคนทำเรื่องผิดกฏหมายพวกนั้นเอง ถ้าตู้หรงหมิงยังไม่ถูกจัดการ เขาจะยิ่งกอบโกยผลประโยชน์ และจะเป็นตัวเขาที่ทำลายหน่วยงานของตัวเอง”
“อื้ม ฉันก็หวังว่าเขาจะคิดได้”
ถังเซวี่ยเองไม่ได้พูดอะไรต่อ
โม่เจ๋อหยวนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กล่าวขึ้นว่า “วันนี้พวกเราก็อยู่พร้อมหน้าแล้ว ทำไมเราไม่ไปดูหนังสักหน่อยล่ะ?” เขาหันมองถังซวงและถังเซวี่ย “อยากไปด้วยกันไหม?”
“ค่ะ”
ถังซวงค่อนข้างสนใจ
ถังเซวี่ยเองก็พยักหน้ารับเช่นกัน เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องเธอยังไม่ได้ดูหนังเลย
ทั้งสี่คนบอกกับครอบครัวก่อนจะไปที่โรงหนัง
หลังจากหนังจบ ท้องฟ้าก็เริ่มมืด
“เสี่ยวเซวี่ย วันนี้ออกไปทานมื้อเย็นข้างนอกกันนะ ฉันบอกกับที่บ้านไว้แล้ว”
“ค่ะ”
โม่เจ๋อหยวนที่คุ้นเคยกับเมืองหลวงที่สุด พาทุกคนไปที่ร้านอาหารส่วนตัว ทุกคนรับประทานอาหารอย่างอิ่มเอม หลังจากมื้อเย็นจบลงแล้ว พวกเขากลับไปที่บ้านตระกูลจิงด้วยกัน
เฮ่อหลานเห็นว่าลูกสาวกลับมาดึกดื่นก็กล่าวตำหนิเล็กน้อย “แม่ตื่นมาแล้วไม่เจอใครสักคน ได้รู้จากคุณย่าว่าพวกลูกออกไปดูหนังแล้วยังไม่กลับมากินมื้อเย็นที่บ้านด้วย”
“พวกเราเห็นแม่หลับอยู่เลยไม่ได้ปลุกค่ะ”
เฮ่อหลานรู้ดีว่าทุกคนเป็นห่วงเธอมาก เธอยกยิ้มและไม่ได้พูดอะไรต่อ “แต่ถ้าอยากออกไปเดินเล่นข้างนอก อย่าลืมเรียกชุนหยานด้วยล่ะ ทำไมถึงปล่อยให้เธออยู่บ้านคนเดียวอย่างนี้ล่ะจ๊ะ”
ถังซวงไม่สามารถพูดเรื่องของตระกูลตู้ได้ เธอพยักหน้ารับก่อนจะตอบว่า “ค่ะ คราวหน้าหนูจะชวนเธอไปด้วย”
“จ้ะ”
เฮ่อหลานยิ้มก่อนจะเชิญชวนให้พวกเขาทั้งหมดนั่งลง “กินผลไม้สักหน่อยสิ วันนี้มีส้มโอนะ”
“ค่า”
ทั้งสี่คนกลับห้องของตัวเองหลังจากกินส้มโอลูกใหญ่หมด
วันรุ่งขึ้น เฟิงเยี่ยหานไปส่งถังเซวี่ยที่โรงเรียน และยังคงไปรับเธอกลับเช่นเดิม ส่วนถังซวงและโม่เจ๋อหยวนก็ยังอ่านหนังสือด้วยกันต่อ
ในช่วงสุดสัปดาห์ ถังชุนหยานไปหาตู้จ้งเหว่ย และเมื่อเห็นเขาอีกครั้ง เธอแทบจะจดจำเขาไม่ได้
“จ้งเหว่ย… พี่… ผอมเกินไปแล้ว”
ตู้จ้งเหว่ยตกใจที่เห็นถังชุนหยานมาที่นี่ “ทำไมเธอถึงมาที่นี่ได้?”
เห็นความเย็นชาของตู้จ้งเหว่ยแล้ว ถังชุนหยานถึงกับขมวดคิ้ว
“ฉันมาหาพี่”
“เฮ้อ… ดูสิว่าตอนนี้มันมีอะไรดี? ฉันไม่เหลืออะไรเลย พ่อฉันติดคุก ส่วนแม่เลี้ยงและน้องชายที่ฉันเกลียดมาตลอดก็จากไปแล้ว ที่นี่เหลือแค่ฉันคนเดียว”
เห็นใบหน้าที่ขมขื่นของตู้จ้งเหว่ยอย่างนั้น ถังชุนหยานปลอบโยน “ตู้จ้งเหว่ย ต่อให้พี่จะอยู่คนเดียวพี่ก็ควรจะสู้ต่อไป พี่ต้องตั้งใจเรียนสอบเข้ามหาวิทยาลัยดี ๆ และชีวิตของพี่จะดีขึ้น”
“หึ… เธอคิดว่ามันง่ายนักหรือ”
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมามันกระทบจิตใจของตู้จ้งเหว่ยอย่างหนัก เขาไม่คิดที่จะวิ่งหาอนาคตอีกแล้ว เวลานี้เขาต้องการอยู่เงียบ ๆ คนเดียว “ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็กลับไปเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียว”
“พี่…”
ก่อนถังชุนหยานจะได้พูดอะไร ตู้จ้งเหว่ยหันหลังเดินหนีเข้าบ้านไปซะแล้ว
………………………………………………