ตอนที่ 101 เชื้อเชิญ
ในลานด้านหน้าผู้คนยืนกันอยู่หนาแน่นไม่น้อย
มีชายแต่งกายแบบขันทีกำลังคุยกับนายหญิงผู้เฒ่า ได้ยินคนบอกว่าคุณหนูนอกมาถึง เขาก็มองไปอย่างอยากรู้อยากเห็น พอเห็นใบหน้าซินโย่วกระจ่างก็แอบตกใจ
เหมือนดังคำเล่าลือจริงๆ คุณหนูนอกจวนรองเจ้ากรมใบหน้าละม้ายคล้ายองค์หญิงใหญ่เจาหยาง
ใบหน้าคล้ายอยู่บ้าง แล้วยังช่วยบุตรีองค์หญิงใหญ่เจาหยาง เขาอดส่งเสียงอุทานในใจไม่ได้ วันหน้าคุณหนูนอกท่านนี้ไม่แน่อาจมีอนาคตประมาณมิได้
ขันทีที่ดำรงชีวิตอยู่ในวังระดับหัวหน้าย่อมเป็นคนฉลาดเป็นกรด รีบแสดงท่าทีนอบน้อมต่อซินโย่ว “คุณหนูโค่ว ฝ่าบาททรงได้ยินความกล้าหาญที่ท่านให้ความช่วยเหลือบุตรีองค์หญิงใหญ่ ทรงชื่นชมอย่างมาก รับสั่งให้บ่าวนำของพระราชทานมามอบให้ท่าน”
ซินโย่วนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง พยักหน้าเล็กน้อยเอ่ยขึ้นว่า “ขอบคุณ”
ขันทีเลิกคิ้วมองสีหน้าสงบนิ่งของสาวน้อยตรงหน้าอย่างตกใจ
นี่คือพระเมตตาที่พระราชทานให้เชียวนะ เขาก้าวเข้าประตูจวนรองเจ้ากรมมาก็เห็นอาการตื่นเต้นยินดีของทุกคนในจวน แม้แต่นายหญิงผู้เฒ่าจวนรองเจ้ากรมก็เช่นกัน แต่คุณหนูนอกท่านนี้ถึงกับไม่สนใจอันใดเช่นนี้
ขันทีไม่คิดมากมายอันใด เอ่ยเสียงก้องกังวานดังขึ้นว่า “รับราชโองการ”
นายหญิงผู้เฒ่านำทุกคนลงคุกเข่า
ซินโย่วเม้มริมฝีปากค่อยๆ คุกเข่าลง ขันทีมองมาด้วยสายตาสงสัย
คำว่าราชโองการก็คือพระดำรัสราชโองการ ขันทีน้ำเสียงก้องกังวานกล่าวจบ ก็ยิ้มให้ซินโย่ว “ขอแสดงความยินดีกับคุณหนูโค่ว”
คนมากมายใฝ่ฝันอยากได้รับสิ่งของพระราชทาน แต่กลับไม่อาจได้มา คุณหนูท่านนี้พริบตาก็ได้ผ้าแพรไหมเงินทองมากมายเช่นนี้ไม่ว่า กำไลท่อนแขนหยกฝังทองคำคู่หนึ่งในนั้น ก็เพียงพอจะสืบทอดเป็นสมบัติตระกูลได้
ซินโย่วกล่าวขอบคุณอีกครั้ง แต่ไม่ได้เอ่ยอันใดอีก
ขันทีได้แต่คิดว่าคุณหนูโค่วท่านนี้พูดน้อย ก่อนจะคุยตามมารยาทกับนายหญิงผู้เฒ่าอีกครู่หนึ่งก็นำคนกลับวัง
พอคนในวังกลับไป บรรยากาศเคร่งเครียดก็ผ่อนคลายลง
ต้วนอวิ๋นเยี่ยนดึงแขนเสื้อจูซื่อ “ท่านแม่ เมื่อครู่ข้าไม่กล้าหายใจดังเลยเจ้าค่ะ”
จูซื่อยิ้มลูบศีรษะบุตรสาว “เยี่ยนเอ๋อร์ทำได้ถูกต้องแล้ว”
ต้วนอวิ๋นหลิงคล้องแขนซินโย่ว “พี่ชิง พี่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก แม้แต่ฝ่าบาทยังพระราชทานของให้พี่!”
นายหญิงผู้เฒ่าหัวเราะดีใจ “ชิงชิง ของพระราชทานไม่อาจดูแลไม่สมฐานะ เก็บไว้บูชาที่บ้านก็แล้วกัน”
“ส่งไปร้านหนังสือก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ ส่วนพวกผ้าแพรต่วนหรือพัดไหมปักลายล้วนต้องนำมาใช้ เก็บไว้นานก็จะเสียหาย”
นายหญิงผู้เฒ่าลังเลเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ดึงดันอีก
ต้วนอวิ๋นหวาค้อนใส่สาวน้อยที่ถูกรุมล้อม พลางปัดฝุ่นที่ชุดตอนลงคุกเข่า
นี่คือข้อดีของการทรงอำนาจหรือ ทำให้ท่านย่าที่เอะอะก็ตำหนินางยอมอ่อนข้อได้เพียงนี้
จนกระทั่งยามค่ำ เพราะมีของพระราชทานจากในวัง จวนรองเจ้ากรมก็เต็มไปด้วยบรรยากาศมงคลแช่มชื่น
เสี่ยวเหลียนปรนนิบัติซินโย่วอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ดวงตาจับจ้องแต่ใบหน้าสาวน้อยที่สวมชุดขาวหิมะ
“เป็นอันใดไปหรือ” ซินโย่วถาม
“คุณหนู ท่านมีความสามารถจริงๆ เจ้าค่ะ” สาวใช้เอ่ยชื่นชมจากใจ
ซินโย่วยิ้มไม่เอ่ยตอบอันใด
เสี่ยวเหลียนสะกดความตื่นเต้นไว้ไม่ได้ “คุณหนูไม่เห็นสีหน้าหานเสวี่ยตอนในวังนำของพระราชทานมาหรือ”
หานเสวี่ยเดิมเป็นสาวใช้เรือนหว่านฉิง ซินโย่วย้ายออกจากจวนรองเจ้ากรมแล้วทิ้งหานเสวี่ยไว้เฝ้าเรือน ไม่นานหานเสวี่ยก็คิดหาทางย้ายไปเรือนนายหญิงผู้เฒ่า
เพราะเรื่องนี้ เสี่ยวเหลียนนับว่าจดชื่อหานเสวี่ยไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว
“อีกอย่าง คุณหนูให้หวางมามากับหลี่หมัวมัวเลือกดอกไม้ประดิษฐ์ ทำให้พวกนางดีใจอย่างมาก”
เสี่ยวเหลียนกล่าวได้จริงแท้ ในห้องด้านข้างยามนี้ หวางมามากำลังคุยกับหลี่หมัวมัว
“ดอกไม้ประดิษฐ์จวนองค์หญิงใหญ่ของแท้เลย ดูสิสวยกว่าของจริงอีก” หลี่หมัวมัวยกดอกไม้ประดิษฐ์ขึ้นส่องกับโคมไฟ ใบหน้ามีแต่รอยยิ้ม
หวางมามาเองก็ตื่นเต้น “ไว้พรุ่งนี้เอาดอกไม้ประดิษฐ์ไปให้ลูกสาวข้าทั้งสองคน พวกนางจะต้องดีใจแทบกรีดร้อง”
หลี่หมัวมัวเองก็ยิ้มเอ่ยว่า “เจ้าไม่เก็บไว้ปักสักดอกหรือ”
“ข้าอายุปูนนี้แล้ว ปักดอกไม้ประดิษฐ์งามเช่นนี้ ถือว่าเสียของ”
หลี่หมัวมัวพลันถอนหายใจ “ติดตามคุณหนูนอกดีกว่ามากจริงๆ”
เริ่มแรกตอนคุณหนูนอกย้ายออกไป ผู้อื่นล้วนรุมว่าพวกนางจบสิ้นแล้ว พอนานวันเข้าจึงได้พบว่าเงินเดือนจ่ายตามปกติ งานไม่ได้มีมาก มีชีวิตแสนสบายแทะเม็ดแตงยามว่าง ตอนนี้คุณหนูนอกมีหน้ามีตาแล้ว พวกนางยังพลอยได้อานิสงส์ไปด้วย
วันต่อมาทั้งสองคนรีบทำงานตนให้เสร็จ ไปขอลาซินโย่วกลับบ้านของตนเอง
บุตรสาวของคนของหวางมามากับหลานสาวหนึ่งคนของหลี่หมัวมัวล้วนทำงานในจวนรองเจ้ากรม ทั้งสามต่างปักดอกไม้ประดิษฐ์บนศีรษะ ไม่นานก็ลือกันไปทั่วในหมู่บ่าวจวนรองเจ้ากรม
“เห็นดอกไม้ประดิษฐ์บนเรือนผมซิ่งเอ๋อร์ไหม นั่นเป็นของจากจวนองค์หญิงใหญ่เลยนะ ได้ยินว่าทำจากในวังเลยนะ”
“โอ๊ะโอ หานเสวี่ย หากเจ้ายังอยู่เรือนหว่านฉิง ไม่แน่อาจได้เลือกสักสองดอกนะ ได้ยินว่าเสี่ยวเหลียนยังได้ปิ่นปักผมไปหนึ่งอันเลย เจี้ยงซวงก็มี…”
หานเสวี่ยฟังไม่จบ สะบัดหน้าเดินหนีไปทันที
ผู้หญิงที่เอ่ยเบ้ปาก ตอนแรกเดิมคิดให้หลานสาวนางได้มาทำงานในเรือนของนายหญิงผู้เฒ่า คิดไม่ถึงว่าถูกหานเสวี่ยใช้เล่ห์กลกลแย่งชิงไปก่อน ตอนนี้นับว่าได้ระบายแค้นแล้ว
ซินโย่วไม่รู้ว่าดอกไม้ประดิษฐ์กลายเป็นกระแสในแวดวงบ่าวรับใช้จวนรองเจ้ากรม เช้ามาก็พาเสี่ยวเหลียนไปเรือนหรูอี้ถังคำนับนายหญิงผู้เฒ่า ได้พบกับต้วนอวิ๋นเฉินกับต้วนอวิ๋นหลางสองพี่น้องกลับมาในวันหยุดของสำนักศึกษา
“น้องชิง ข้าได้ยินว่าเจ้าช่วยบุตรีองค์หญิงใหญ่ไว้ รีบเล่ามาให้ละเอียด”
ซินโย่วรู้สึกดีต่อต้วนอวิ๋นหลางที่เปิดเผยจริงใจ จึงเล่าเรื่องราวที่มาที่ไปคร่าวๆ
“น่าเสียดาย เมื่อวานต้องเรียนหนังสือ!” ต้วนอวิ๋นหลางเผยสีหน้าคับแค้นใจที่เมื่อวานไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย
นายหญิงผู้เฒ่าเหลือบมองต้วนอวิ๋นหลาง “ไม่เรียน คิดจะก่อเรื่องเหมือนซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อหรือ”
ต้วนอวิ๋นหลางอดอารมณ์ไม่ได้ “ท่านย่า พวกท่านได้ยินมาไหมว่าเหตุใดซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อจึงทำให้หมูป่าโมโหได้”
เมื่อวานหลังกลับจากเขาไป๋ลู่ซาน ก็มีคนมาจากจวนองค์หญิงใหญ่ ยังต้องต้อนรับขับสู้คนในวัง จวนรองเจ้ากรมจึงไม่ได้ยินข่าวซุบซิบเหมือนจวนอื่นๆ ในเมืองหลวง
ดังนั้นนายหญิงผู้เฒ่าถามขึ้นว่า “อย่างไรหรือ”
“ตอนซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อเข้าไปปลดทุกข์ในป่า เขาปลดทุกข์ใส่ลูกหมูป่า จึงได้ทำให้แม่หมูป่าไล่กวดเอา เรื่องนี้องค์หญิงใหญ่เข้าไปทูลฟ้องฮ่องเต้ ซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อถูกกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินนำตัวออกไปนอกประตูจวนโบยยี่สิบไม้ต่อหน้าสาธารณชน…”
เรื่องนี้ช่างเหลือเชื่อ นายหญิงผู้เฒ่าอดมองไปทางหลานชายคนโตไม่ได้
ต้วนอวิ๋นเฉินพยักหน้าเล็กน้อย “หลานเองก็ได้ยินมาเช่นนี้”
ว่ากันว่าจังซวี่หลานชายจังโส่วฝู่ลาเรียนครึ่งวันเพื่อไปเยี่ยมอาการสหายสนิทที่ได้รับบาดเจ็บ
นายหญิงผู้เฒ่าเอ่ยว่า “เหลวไหลจริง”
ต้วนอวิ๋นหลางเปลี่ยนบทสนทนา “น้องชิง เจ้าช่วยบุตรีองค์หญิงใหญ่ไว้เป็นที่กล่าวขานกันไปทั่ว การค้าร้านหนังสือคงยิ่งดีขึ้น เช้านี้ข้ากับพี่ใหญ่ผ่านมา เห็นว่ายังไม่เปิดประตูก็มีคนต่อแถวกันยาวแล้ว”
ได้ยินต้วนอวิ๋นหลางเอ่ยถึงร้านหนังสือ ซินโย่วก็คิดอยากกลับไปดู “ท่านยาย ร้านหนังสือลูกค้ามากอาจเกิดเหตุผิดพลาด ข้าอยากกลับไปดูสักหน่อยเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นรอหลังอาหารเที่ยงค่อยไป”
ซินโย่วพยักหน้า ไม่คิดว่าผ่านไปไม่นาน คนจากจวนองค์หญิงใหญ่ก็มา
ครั้งนี้เป็นผู้หญิงที่แต่งกายภูมิฐานอายุราวสามสิบ เป็นหัวหน้านางกำนัลในจวน คอยรับใช้ประจำตัวองค์หญิงใหญ่เจาหยาง
พอทักทายกับนายหญิงผู้เฒ่าเรียบร้อย หัวหน้านางกำนัลบอกจุดประสงค์ที่มา “ไม่ทราบว่าคุณหนูโค่ว สะดวกไปจวนองค์หญิงใหญ่สักครั้งหรือไม่”