สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 103 ซิ่วอ๋อง

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 103 ซิ่วอ๋อง

องค์หญิงใหญ่เจาหยางเผยสีหน้าจริงจังอย่างให้ความสำคัญยิ่ง “คุณหนูโค่วลองเอ่ยมาดูหน่อย”

“ข้าได้ยินว่าลูกหมูป่าเหล่านั้นถูกนำกลับมาด้วย ไม่ทราบว่าจัดการอย่างไร”

องค์หญิงใหญ่เจาหยางมองไปยังหลิวกูกูข้างกาย

หลิวกูกูรีบตอบว่า “ยังไม่ได้จัดการอันใด เลี้ยงไว้ที่สวนตะวันตกชั่วคราวเพคะ”

ได้ยินว่ายังไม่จัดการลูกหมูป่า ซินโย่วก็เอ่ยความคิดตนเองออกไปว่า “หากองค์หญิงเป็นห่วงว่าคุณหนูข่งจะไม่อาจขจัดความหวาดกลัวไปจากใจได้หมดสิ้น ไม่ลองใช้พิษต้านพิษดูเพคะ”

“ใช้พิษต้านพิษ?”

ซินโย่วพยักหน้าเล็กน้อย “ในสายตาคุณหนู หมูป่าเป็นดังสัตว์ประหลาด แต่ลูกหมูป่าส่วนใหญ่น่ารัก องค์หญิงเลือกสักหนึ่งตัวมาเลี้ยง ให้คุณหนูได้ไปดู การได้เห็นหมูป่าเริ่มเติบโตมาจากลูกหมูป่าด้วยตนเอง บางทีความหวาดกลัวในใจก็อาจค่อยๆ ลบเลือนหายไปได้เพคะ”

สายตาองค์หญิงใหญ่เจาหยางฉายแววชื่นชม “ความคิดคุณหนูโค่วไม่เลว ไว้ข้าจะลองดู”

องค์หญิงใหญ่เจาหยางให้ซินโย่วอยู่กินอาหารเที่ยง มีบุตรชายคนโตข่งรุ่ยเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะด้วย

หลังอาหาร ซินโย่วเอ่ยกล่าวอำลา “คุณหนูข่งติดมารดา หม่อมฉันไม่รบกวนแล้วเพคะ”

องค์หญิงใหญ่เจาหยางส่งซินโย่วออกจากห้องแล้วก็กำชับบุตรชาย “รุ่ยเอ๋อร์ ไปส่งคุณหนูโค่วแทนแม่หน่อย”

ข่งรุ่ยเดินออกไปพร้อมซินโย่ว หลิวกูกูตามมาด้านหลัง

“โชคดีที่คุณหนูโค่วช่วย น้องสาวข้าจึงปลอดภัย วันหน้าหากต้องการความช่วยเหลือ ขอเพียงคุณหนูโค่วเอ่ยปาก อย่าได้เกรงใจ”

“เช่นนั้นข้าก็ขอขอบคุณคุณชายข่งแล้ว”

ข่งรุ่ยมองตามซินโย่วขึ้นรถม้าจวนองค์หญิงใหญ่ จนกระทั่งรถม้าเลี้ยวลับสายตาไป

หลิวกูกูกระแอมไอ “คุณชาย?”

ข่งรุ่ยถอนสายตากลับคืน หันหลังเดินกลับ เดินไปพลางถามขึ้นว่า“หลิวกูกู น้องฝูได้พบคุณหนูโค่วแล้วมีท่าทีอย่างไร”

หลิวกูกูนึกถึงข่งฝูก็สงสารถอนหายใจ “คุณหนูเห็นคุณหนูโค่วก็คว้ามือไว้ไม่ยอมปล่อย พูดมากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย”

“ดูท่าการได้เห็นคุณหนูโค่วทำให้จิตใจสงบลงได้” ข่งรุ่ยเป็นห่วงน้องสาวอย่างมาก ยามเห็นน้องสาวตกใจหวาดกลัวเช่นนี้ก็ไม่รู้จะทำเช่นไร

“คุณหนูโค่วไม่ธรรมดาจริงๆ เห็นเป็นคุณหนูเช่นนี้ นางยังคิดหาวิธี…”

ได้ยินหลิวกูกูพูดจบ ข่งรุ่ยก็นึกสนใจ ตรงไปสวนตะวันตกดูลูกหมูป่า

หลิวกูกู “…” แต่ไรมาคุณชายเป็นคนเย็นชา นี่เกิดอันใดขึ้นกัน!

กลับถึงเรือนกลาง ได้ฟังหลิวกูกูรายงานว่าข่งรุ่ยไปที่ใด องค์หญิงใหญ่เจาหยางก็ตกใจ

เหตุใดรุ่ยเอ๋อร์จึงผิดไปจากปกติได้เช่นนี้ คงมิใช่ว่า…

คิดถึงความเป็นไปได้หนึ่ง องค์หญิงใหญ่เจาหยางถึงกับรู้สึกมีความหวัง

คุณหนูที่ทำให้นางชื่นชมหลายเรื่อง หากได้เป็นครอบครัวเดียวกัน คล้ายว่าไม่เลว

ซินโย่วกลับถึงจวนรองเจ้ากรม นายหญิงผู้เฒ่าก็รีบเข้ามาถามตามคาด ได้ทำอันใดผิดมารยาทไปหรือไม่ บุตรีองค์หญิงใหญ่เป็นอย่างไรบ้าง ตามมาด้วยคำถามมากมาย

ซินโย่วตอบทีละคำถาม ยิ้มบางพลางเอ่ยขึ้นว่า “ท่านยาย ข้ากลับร้านหนังสือก่อน รบกวนส่งคนขนของที่ในวังและองค์หญิงใหญ่มอบให้ไปร้านหนังสือด้วยนะเจ้าคะ”

นายหญิงผู้เฒ่านึกถึงว่าของพระราชทานไม่อาจเก็บไว้ที่จวนรองเจ้ากรมได้ก็เสียดายมาก ทำอย่างไรได้ นี่ของพระราชทานให้หลานสาว จึงไม่อาจเอ่ยปากเก็บไว้ที่จวนได้

“ได้ ให้พี่ชายทั้งสองไปส่งเจ้า”

“พี่ชายทั้งสองยังต้องทบทวนตำราให้ดี อย่าได้เสียเวลาพวกเขาเลยเจ้าค่ะ”

“ร้านหนังสือชิงซงก็มิได้ไกล จะเสียเวลามากมายอันใดกัน ของล้ำค่ามากมายเช่นนี้ มีเพียงบ่าวตามไป ยายไม่วางใจ”

ซินโย่วไม่ปฏิเสธอีก

เรื่องอื่นเรื่องเล็ก การขนย้ายของล้ำค่าเกินกว่าจะประเมินได้นี้ไปยังพื้นที่ตนเองเป็นเรื่องใหญ่กว่า

ต้วนอวิ๋นเฉินได้ข่าวว่าจะต้องไปส่งน้องชิงกลับร้านหนังสือ ในใจก็รู้สึกสับสน ระหว่างเดินทางยังอดส่งสายตามองไปที่รถม้าที่ซินโย่วนั่งไม่ได้

ต้วนอวิ๋นหลางตบไหล่ต้วนอวิ๋นเฉิน “พี่ใหญ่ พี่ดูเร็ว มีคนต่อแถวหน้าร้านหนังสือชิงซงยาวอยู่เลย น้องชิงดูแลกิจการร้านหนังสือได้เช่นนี้ ช่างเก่งกาจจริงๆ”

“อืม” ต้วนอวิ๋นเฉินรู้สึกไม่พอใจอย่างไร้สาเหตุ แค่นเสียงรับเยียบเย็น

ซินโย่วเลิกม่านรถม้ามองไปที่ร้านหนังสือ สั่งให้สารถีตรงไปประตูใหญ่เรือนตะวันออก

ฟางหมัวมัวเข้ามารอรับ มีเสี่ยวเหลียนช่วยกำกับให้บ่าวขนย้ายของเข้าไปจัดวางให้ดี

ซินโย่วเอ่ยเรียกให้พวกต้วนอวิ๋นเฉินทั้งสองอยู่ดื่มน้ำชาตามมารยาท

“ได้…”

ต้วนอวิ๋นหลางยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกต้วนอวิ๋นเฉินขัดขึ้น

“ข้าว่าร้านหนังสือมีงานมาก ไม่รบกวนน้องชิงแล้ว”

“เช่นนั้นท่านพี่ทั้งสอง ค่อยๆ เดินนะเจ้าคะ”

ซินโย่วส่งทั้งสองคนออกจากเรือนตะวันออก พลันถูกต้วนอวิ๋นหลางดึงไว้

“น้องชิง เจ้าดูผู้ดูแลร้านร้านหนังสือตรงข้ามผลุบๆ โผล่ๆ ระวังเขาหน่อย เห็นว่าร้านหนังสือเจ้ากิจการดีแล้วจะเล่นไม่ซื่อ”

ฟังคำเตือนของต้วนอวิ๋นหลาง ซินโย่วก็กวาดตามองไป เห็นผู้ดูแลกู่ของร้านหนังสือหย่าซินผลุบๆ โผล่ๆอยู่ดังคาด สีหน้าเคร่งเครียดอย่างที่สุด

“ข้าทราบแล้ว ขอบคุณพี่รองที่เตือน”

พอทั้งสองคนเดินจากไปไกลแล้ว ซินโย่วเดินไปร้านหนังสือชิงซง เพิ่งจะเดินไปได้ไม่ก้าว ด้านหลังพลันมีเสียงตะโกนเรียกขึ้น

“คุณหนูโค่ว”

ซินโย่วชะงักฝีเท้า หันหลังย่อกายคำนับ “ถวายบังคมชิ่งอ๋อง”

ชิ่งอ๋องแต่งกายในชุดแพรกำลังทอดสายตาประเมินมองซินโย่วด้วยแววตาสนอกสนใจ “วันนั้นที่ได้พบคุณหนูโค่ว ข้าคิดว่าคุณหนูโค่วเป็นเพียงหญิงสาวตระกูลใหญ่ทั่วไป ไม่คิดว่าจะเป็นจอมยุทธ์หญิงช่วยชีวิตคนได้ด้วย”

เขาช่างเหลวไหลแท้ พอได้เห็นคุณหนูโค่ว แล้วได้เห็นเสด็จพ่อ ก็รู้สึกว่าทั้งสองคนคล้ายกัน เหตุใดจึงลืมไปได้ว่าเสด็จอาหน้าตาคล้ายคลึงกับเสด็จพ่อ

พอนึกถึงองค์หญิงใหญ่เจาหยาง ชิ่งอ๋องก็รู้สึกรังเกียจอย่างยิ่ง ทุกคนในราชสำนักมีผู้ใดไม่ให้ความเคารพเขา มีเพียงเสด็จอาที่ไม่ชายตาแลเขาแม้แต่น้อย

“ชิ่งอ๋องชมเกินไปแล้วเพคะ” ซินโย่วตอบรับด้วยสีหน้าปกติ

ในเมื่อองค์หญิงใหญ่เจาหยางไม่โปรดพระสนมซูเฟย พระสนมซูเฟยสองแม่ลูกก็ย่อมไม่ได้รู้สึกดีต่อองค์หญิงใหญ่เจาหยางอย่างแน่นอน ชิ่งอ๋องจะมีท่าทีต่อนางที่ช่วยบุตรีอันเป็นที่รักขององค์หญิงใหญ่ไว้ได้อย่างไร แค่คิดก็พอรู้ได้แล้ว

ชิ่งอ๋องจ้องมองซินโย่วครู่หนึ่งก็ยิ้มบางกล่าวว่า “คุณหนูโค่วอย่าได้วิตกไป ข้าเพียงแค่มาซื้อหนังสือสองเล่ม”

เขาพูดไปก็กวาดตามองแถวยาวเหยียดไปพลาง “อืม ต้องเข้าแถวหรือ”

“ชิ่งอ๋องล้อเล่นแล้ว เชิญตามหม่อมฉันมาเพคะ”

ชิ่งอ๋องรู้สึกเหมือนหมัดต่อยไปไร้การตอบสนอง รู้สึกหมดความสนใจขึ้นมาทันที “เอาละ ก็ไม่ได้รีบร้อนอ่าน รอให้คนน้อยลงอีกหน่อย ข้าค่อยมาใหม่ก็แล้วกัน”

แม้แต่เสด็จพ่อได้ยินเรื่องของสาวน้อยผู้นี้ก็ยังพระราชทานของให้ อย่าได้หาเรื่องนางตอนนี้จะดีกว่า

ชิ่งอ๋องจากไปทันที

ซินโย่วมองดูความครึกครื้นในร้านหนังสือแล้วก็ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไปหมดสิ้น ออกจากประตูข้างกลับไปยังเรือนตะวันออก พอตอนเย็นเดาว่าไม่มีลูกค้าแล้ว จึงได้ออกมาด้านหน้าต่อ

ผู้ดูแลร้านหูกำลังคิดบัญชีอยู่ เคลื่อนไหวดีดลูกคิดว่องไว ได้ยินคนงานทักทายซินโย่วก็ไม่คิดหยุดมือ

เสี่ยวเหลียนแอบถามหลิวโจว “ผู้ดูแลร้านกำลังคิดบัญชีหรือ”

“ใช่ กำลังคิดว่าขายหนังสือไปได้เท่าไร” หลิวโจวน้ำเสียงแม้จะเบา แต่หนักแน่นเต็มที่

สาวใช้เท้าคาง ส่งเสียงพึมพำคาดเดา “จะได้กำไรเท่าไรกันนะ!”

ซินโย่วไม่ได้รบกวนผู้ดูแลร้านหู เดินไปที่ชั้นหนังสือกวาดตามองหนังสือแต่ละเล่ม ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาก็พลันเงยหน้ามองไปที่ประตู

ครานี้เหนือความคาดหมายของนาง คนที่เดินเข้ามาไม่ใช่เงาร่างในชุดแดงที่คุ้นเคย และก็มิใช่ชิ่งอ๋องที่ท่าทีสุภาพ แต่เป็นชายหนุ่มท่าทีสุขุมนิ่งผู้หนึ่ง ดูแล้วยังไม่ได้เข้าสู่วัยสวมกวน

เพราะความรู้สึกฉับไวหลังได้ช่วยบุตรีองค์หญิงใหญ่เจาหยางไว้ ซินโย่วกวาดตามองคนที่มาอย่างไร้พิรุธ มองดูรองเท้าลายงูใหญ่ที่เผยออกมาอย่างที่ไม่ตั้งใจแสดงสถานะ

ท่านนี้น่าจะเป็นองค์ชายอีกพระองค์ที่ได้แต่งตั้งบรรดาศักดิ์อ๋อง ‘องค์ชายใหญ่ซิ่วอ๋อง’

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท