ตอนที่ 116 จับได้
ในห้วงความคิดซินโย่วเต็มไปด้วยภาพเจ้าของร้านหนังสือหย่าซินถูกสังหาร สีหน้าไม่เผยพิรุธเอ่ยว่า “หากจะว่าไปก็มีคนหนึ่งที่ไม่พอใจร้านหนังสือชิงซงเรา ก็คือท่านผิงอัน “
“ท่านผิงอัน?” เฮ่อชิงเซียวไม่ค่อยได้อ่านนิยาย จึงไม่ได้สนใจท่านผิงอันชื่อเสียงโด่งดังผู้นี้
“เดาว่านิยายใหม่ท่านผิงอันยอดขายย่ำแย่มาก ทำให้ร้านหนังสือหย่าซินขาดทุนไม่น้อย ก่อนหน้านี้ไม่นาน ท่านผิงอันเพิ่งถูกไล่ออก วันนั้นเขามาที่ร้านหนังสือเรา จะขอพบท่านซงหลิง ถูกผู้ดูแลร้านหูปฏิเสธไปแล้วก็จากไปอย่างโมโหมาก”
ซินโย่วพบว่าตอนได้รู้ผลลัพธ์ การจะหาเหตุผลมาอ้างถึงผลลัพธ์นี้ช่างง่ายดายยิ่ง “ท่านผิงอันเดิมเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนมากมาย ต้องตกในสภาพเช่นนี้ คิดว่าคงต้องคับแค้นใจร้านหนังสือชิงซง…”
ไหนเลยจะแค่คับแค้นใจ เห็นท่าทางบ้าคลั่งในภาพที่นางเห็น สีหน้าแสยะยิ้มบิดเบี้ยวคลุ้มคลั่งอย่างมาก
“ขอบคุณคุณหนูโค่วที่บอกกล่าว ข้าจะรีบส่งคนไปตรวจสอบท่านผิงอัน “
เฮ่อชิงเซียวออกจากร้านหนังสือชิงซง ก็รีบสั่งการลูกน้องไปตรวจสอบร่องรอยท่านผิงอัน
ผู้ดูแลร้านหูเดินไปข้างกายซินโย่ว “ท่านเจ้าของร้าน เจ้าของร้านหนังสือหย่าซินส่งตั๋วแลกเงินมาหกร้อยตำลึง”
ซินโย่วรู้ว่าพอจับเป้าหมายได้แล้ว เฮ่อชิงเซียวสืบค้นความจริงก็แค่รอเวลาเท่านั้น เพราะอารมณ์ดีไม่เลวจึงได้ยิ้มละไมเอ่ยว่า “จำนวนไม่น้อย ผู้ดูแลเก็บเข้าบัญชีไปก็แล้วกัน”
ผู้ดูแลร้านหูกลับตื่นตระหนกเล็กน้อย
จำนวนไม่น้อย แต่ท่านไม่ควรเพราะของแค่นี้แล้วก็เปลี่ยนมุมมองต่อเจ้าคนชั่วไม่ได้ความนั่น!
ผู้ดูแลร้านตัดสินใจเปิดโปงโฉมหน้าแท้จริงคนผู้นั้นทันที
“หกร้อยตำลึงไม่น้อยก็จริง แต่เทียบกับความสูญเสียของร้านหนังสือเราแล้วไม่คุ้มค่าเลยจริงๆ”
“ท่านมองให้กว้างไกลสักหน่อย ผ่านอุปสรรคนี้ไป วันหน้าร้านหนังสือเราจะทำกำไรได้ยิ่งมากขึ้น”
“มีท่านอยู่ ข้าน้อยไม่เป็นห่วง”
ดังนั้นท่านเจ้าของร้านอย่าได้รีบออกเรือนให้กำเนิดบุตรเชียวนะ!
“ผู้ดูแลร้าน ท่านรู้เรื่องเกี่ยวกับเจ้าของร้านอู๋ไหม”
ซินโย่วนั่งลงที่ข้างโต๊ะเก็บเงิน “ท่านเล่ามาได้”
“เมื่อก่อนบิดาเขาเปิดร้านขายข้าวสาร ทำการค้าไร้ความซื่อสัตย์ ผู้คนต่างมาซื้อข้าวสารที่ร้านของเจ้าของร้านผู้เฒ่าเรา ร้านของเขาจึงได้ปิดไป ตอนบิดาเจ้าของร้านอู๋ล้มป่วย เขายังเล็ก มีชีวิตที่ยากลำบากมาก ต่อมาไม่รู้เหตุใดได้เป็นบุตรเขยแต่งเข้าตระกูลฝ่ายหญิงของนายท่านท่านหนึ่ง มาเปิดร้านหนังสือหย่าซินตรงข้ามร้านหนังสือเรา…”
ผู้ดูแลร้านหูเล่าเรื่องปมแค้นของสองตระกูลคร่าวๆ กับเรื่องราวของเจ้าของร้านอู๋ ในที่สุดก็เอ่ยถึงเรื่องสำคัญ “เจ้าหมอนั่นอาศัยว่าเป็นบุตรเขยแต่งเข้าจึงได้มีชีวิตที่ดี แต่กลับไม่ซื่อสัตย์ แอบเลี้ยงดูภรรยาน้อยไว้นอกจวน”
ซินโย่วอมยิ้มนั่งฟังมาตลอด ได้ยินถึงตรงนี้ก็สีหน้าเย็นเยียบ
“ท่านเจ้าของร้าน ท่านนั่งก่อนเถิดขอรับ ข้าน้อยเก็บตั๋วแลกเงินก่อน” ผู้ดูแลร้านหูวางใจลงได้อย่างแท้จริงแล้ว ยิ้มกริ่มไปทำงานต่อ
การค้นหาคนเป็นงานถนัดของกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน ไม่นานก็สืบหาที่อยู่ท่านผิงอันมาได้
นักเขียนทรงเกียรติที่เคยเป็นที่แย่งชิงตัวกันของร้านหนังสือใหญ่ ถึงกับตกต่ำมารับจ้างเขียนจดหมายให้ชาวบ้านอยู่ริมถนน
ถนนสายนั้นอยู่ฝั่งตะวันออกของเมืองหลวง ห่างจากที่เอ้อร์โก่วขอทานไม่ไกลนัก
เฮ่อชิงเซียวพากู่จื่อมาด้วย ให้เขามาดูอยู่ห่างๆ
“เป็นเขา!” กู่จื่อได้เห็นก็จำได้ทันที ท่าทางตื่นเต้นอย่างมาก
“แน่ใจหรือ”
“เป็นเขา ข้าไม่มีทางจำคนผิด” กู่จื่อน้ำเสียงยืนยัน
เฮ่อชิงเซียวพยักหน้าให้ลูกน้อง
กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินรีบเข้าไปบอกให้คนที่กำลังให้ท่านผิงอันเขียนจดหมายอยู่ถอยออกไป
ท่านผิงอันได้ยินเสียงเคลื่อนไหวก็เงยหน้า แววตาตกใจวูบหนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเจ้าคือ…”
“กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินทำคดี ตามพวกเราไป”
“ข้าน้อยทำผิดอันใด” เห็นกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินล้อมเอาไว้จนไม่อาจหนีพ้นไปได้แล้ว ท่านผิงอันก็ฝืนถามขึ้น
คนที่มาให้เขาเขียนจดหมาย พอเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็ไม่ซักถามอันใดอีก หันหลังรีบจากไปทันที
“กลับไปคุยกันที่ทำการ นำตัวไป!”
องครักษ์กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินสองนายเข้าประกบท่านผิงอันซ้ายขวา
ในศาลซุ่นเทียน เจ้ากรมศาลซุ่นเทียนกำลังนั่งลูบเครากลัดกลุ้ม
ในเมืองหลวงไม่ว่าปีใดล้วนมีคนหายสาบสูญหรือตายอนาถไม่น้อย แต่คดีเป็นที่ฮือฮาและจับจ้องของผู้คนมากมายเช่นนี้ หาได้น้อยมากยิ่งกว่ามาก
ตายที่ไหนก็ไม่ตาย กลับมาตายหน้าประตูสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน จงใจหาเรื่องเขาเสียจริง!
“ใต้เท้า ใต้เท้าเฮ่อมาขอรับ”
เจ้ากรมศาลซุ่นเทียนถามอย่างแปลกใจ “บอกไหมว่ามีธุระอันใด”
แต่ไรมาศาลซุ่นเทียนของเขากับกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินไม่ก้าวล่วงล้ำเขตกันและกัน ก่อนหน้านี้กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินนำตัวคนปล่อยข่าวมาส่งให้เขาด้วยตนเองก็ประหลาดใจมากแล้ว เหตุใดมาอีกแล้ว
ในฐานะขุนนางเมืองหลวงธรรมดาคนหนึ่ง เจ้ากรมศาลซุ่นเทียนไม่อยากมีสายสัมพันธ์กับกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินนัก โดยเฉพาะเป่ยเจิ้นฝู่ซือ
“กล่าวว่าได้ตัวผู้ต้องสงสัยสังหารคนหน้าประตูสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนมาแล้ว…” ลูกน้องที่มารายงานยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นเจ้ากรมศาลซุ่นเทียนพุ่งตัวออกไปแล้ว
“ใต้เท้าเฮ่อ” เจ้ากรมศาลซุ่นเทียนประสานมือให้เฮ่อชิงเซียว “ได้ยินว่าท่านจับตัวผู้ต้องสงสัยได้ ไม่ทราบว่าอยู่ที่ใด”
“เพิ่งจับกุมตัวได้ ให้คนนำตัวมาแล้ว”
เจ้ากรมศาลซุ่นเทียนได้ยินก็บ่นพึมพำกับตนเอง
ยังไม่ทันได้สอบสวนก็แน่ใจว่าอีกฝ่ายเป็นคนร้ายแล้วหรือ
เฮ่อชิงเซียวสำทับ “ยังมีพยานเห็นเหตุการณ์ในคืนที่เขาฆ่าคน นำตัวมาด้วยแล้ว”
เจ้ากรมศาลซุ่นเทียน “!”
แม้แต่พยานเห็นเหตุการณ์ก็มีแล้ว?
เดี๋ยวนะ นี่ไม่ใช่ว่าสืบสถานะผู้ตายได้แล้วหรือ
“เช่นนั้นผู้ตาย…”
“ผู้ตายก็คือขอทานชื่อว่าเอ้อร์โก่ว เป็นขอทานในชุมชนตรอกเยี่ยนจื่อ…”
ได้ยินเฮ่อชิงเซียวเอ่ยถึงข้อมูลของผู้ตาย เจ้ากรมศาลซุ่นเทียนก็มองตาค้าง
ก็หมายความว่า กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินสืบสถานะผู้ตายกระจ่างแล้ว หาตัวพยานเห็นเหตุการณ์ได้แล้ว และยังจับกุมตัวคนร้ายได้แล้ว ใช่แล้ว ถึงกับนำตัวคนที่ปล่อยข่าวลือสกปรกมาก่อนหน้านี้ด้วย…
ในใจเจ้ากรมศาลซุ่นเทียนรู้สึกสับสน
แน่นอนว่าแม้อารมณ์จะสับสนเพียงใด แต่เขาไม่มีทางปฏิเสธขนมเปี๊ยะที่ร่วงลงมจากฟ้าเช่นนี้อย่างแน่นอน และเฮ่อชิงเซียวก็อยู่นั่งฟังการสอบสวนอย่างสมเหตุสมผล
เดิมท่านผิงอันถึงตายก็ไม่ยอมรับ จนกระทั่งขอทานน้อยกู่จื่อปรากฎตัวขึ้น เล่าถึงคืนวันนั้นได้อย่างไม่ขาดตก บอกเล่าขั้นตอนที่เขานำตัวเอ้อร์โก่วไปได้ทั้งหมด
“เจ้ามีอันใดจะพูดอีกไหม” เจ้ากรมศาลซุ่นเทียนฟาดไม้กรับลงบนโต๊ะ
ท่านผิงอันคล้ายว่าอ่อนแรงเข่าอ่อนยวบลงกองพับพื้นทันที ดวงตาเบิกโพลงเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมรับความพ่ายแพ้นี้ “เพราะร้านหนังสือชิงซงบีบข้า! หากไม่ใช่พวกเขาให้ร้ายข้า ทำให้ข้าไร้หนทางดำรงชีพ ข้าจะฆ่าคนไปทำไม ล้วนต้องโทษท่านซงหลิงที่เขียน ‘วาดหนัง’! เขาเขียนหนังสือปีศาจ เหตุใดพวกท่านไม่ไปจับตัวเขา เหตุใดไม่ไปเล่า”
ท่านผิงอันตวาดถามอย่างคลุ้มคลั่งกลางศาล ในที่สุดคดีฆ่าคนตายนี้ก็เป็นที่กระจ่าง
ยามนี้พระสนมซูเฟยกำลังรอฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เสด็จตำหนักฮั่นตั้นกง
ตอนได้ยินความเคลื่อนไหวนอกวัง เดิมนางคิดจะใช้ประโยชน์จากข่าวลือนี้ทำลายนิยายเลวทรามนั่นทิ้ง จะได้ไม่ต้องคิดขึ้นมาทีก็รู้สึกสะอึกค้ำคออยู่เช่นนี้
ไม่คิดว่าหลานเขยถูกเฮ่อชิงเซียวเจิ้นฝูสื่อกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินสกัดขัดขวาง
พระสนมซูเฟยสะกดกลั้นโทสะในใจ รอเข้าเฝ้าฮ่องเต้ จะได้ ‘พูดจาสวยหรู’ ใส่ไฟเจ้าตัวชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านนั่นสักหน่อย ในที่สุดโอกาสก็มาถึง
พระสนมซูเฟยรีบก้าวเข้าไปรอรับ คำนับเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฝ่าบาท”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไม่ค่อยเสด็จวังหลังนัก แต่พอองค์ชายรองชิ่งอ๋องเติบโต พระสนมซูเฟยดูแลวังหลัง ทรงต้องการให้เกียรติพระสนมซูเฟย จึงเสด็จตำหนักนางวันเว้นวัน
“ไม่ต้องมากพิธี” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เสด็จเข้าไป ทอดพระเนตรมองพระสนมซูเฟยที่แสนอ่อนโยนทีหนึ่ง
จากประสบการณ์ หญิงผู้นี้คิดฟ้องผู้ใดอีกแล้ว