สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 120 เหมือนเคยได้ยินมาก่อน

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 120 เหมือนเคยได้ยินมาก่อน

ต้วนอวิ๋นหลางกลับถึงสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน ก็บอกคำพูดซินโย่วให้เมิ่งเฝ่ยฟัง

เมิ่งเฝ่ยก็เหมือนต้วนอวิ๋นหลาง รู้สึกคำพูดนี้สุดยอดมาก จึงรีบไปบอกต่อเมิ่งจี้จิ่ว

แววตาเมิ่งจี้จิ่วแปรเปลี่ยน “คำพูดนี้เป็นคำพูดคุณหนูโค่วเจ้าของร้านหนังสือชิงซงหรือ”

“ใช่ ดังนั้นจึงไม่ได้ถามว่าท่านซงหลิงมีความเป็นมาอย่างไร”

เมิ่งจี้จิ่วโบกมือให้หลานชายออกไป เช้าวันต่อมาก็รีบไปร้านหนังสือชิงซง

ผู้ดูแลร้านหูกับหลิวโจวล้วนรู้จักเมิ่งจี้จิ่ว อย่างไรก็อยู่ละแวกสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน ปกติได้เห็นใต้เท้าท่านนี้เดินผ่านอยู่

แต่เมิ่งจี้จิ่วไม่ค่อยได้เข้ามาเดินดูในร้านหนังสือ ควรรู้ว่าสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนเองก็พิมพ์หนังสือ คุณภาพหนังสือดีกว่าหนังสือชาวบ้านมาก ส่วนใหญ่เป็นหนังสือใช้ในราชสำนักที่เรียกว่า เจี้ยนเปิ่น

ผู้ดูแลร้านหูผลักหลิวโจวออก เข้ามาต้อนรับนอบน้อม

หลิวโจวพอเข้าใจความตื่นเต้นของผู้ดูแลร้านที่ได้พบกับจี้จิ่วแห่งสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน เมื่อวานตอนเขาเห็นเมิ่งจี้จิ่วก้าวเข้ามาในร้านหนังสือ ก็ตื่นเต้นจนพูดจาติดขัด

“เจ้าของร้านท่านอยู่ไหม”

ผู้ดูแลร้านหูรู้สึกแปลกใจ เช้าวานนี้เมิ่งจี้จิ่วมาขอพบท่านซงหลิง วันนี้ก็มาขอพบเจ้าของร้าน มีเรื่องสำคัญอันใดหรือ

“เจ้าของร้านของเราอยู่ขอรับ ท่านรอสักครู่” ผู้ดูแลร้านหูรีบให้สือโถวไปรายงาน

วันนี้ซินโย่วไม่ออกจากเรือน เขียนต้นฉบับต่อ พอได้รับรายงานจากสือโถวก็ออกไปที่โถงด้านหน้า

“คารวะใต้เท้าจี้จิ่ว”

ผู้ดูแลร้านหูเชิญเมิ่งจี้จิ่วเข้ามาในห้องรับรอง ผมและหนวดขาวโพลน ใบหน้ากลับมีริ้วรอยไม่มาก เรียวตาหงส์ทั้งสองคล้ายกับเมิ่งเฝ่ย แลดูกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวา

ตอนซินโย่วมองประเมินเมิ่งจี้จิ่ว เมิ่งจี้จิ่วเองก็มองประเมินนาง

เมื่อวานตอนมาขอพบท่านซงหลิง ได้ยินผู้ดูแลร้านหนังสือท่านบอกว่าติดต่อไม่ได้ เขาไปแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบคุณหนูโค่วในคำร่ำลือ

สำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนมีหนุ่มน้อยในวัยอยากรู้อยากเห็นมากมาย เมิ่งจี้จิ่วเดินไปที่ใดก็ล้วนได้ยินคนซุบซิบกัน ในนั้นมีเรื่องเกี่ยวกับร้านหนังสือชิงซงไม่น้อย ย่อมได้ยินชื่อเสียงคุณหนูโค่ว

สาวน้อยตรงหน้าแววตากระจ่างใส ท่าทางสุขุม ต่อหน้าเขาที่เป็นจี้จิ่วสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนก็ไม่มีอาการขลาดกลัว หาได้ยากยิ่ง

“คุณหนูโค่วอย่าได้มากพิธี นี่ไม่ใช่ที่ทำการทางการ ก็ถือว่าข้าเป็นลูกค้าธรรมดาก็พอ”

ซินโย่วยิ้มแสดงท่าทีเข้าใจแล้ว ถามถึงจุดประสงค์ที่มาของเมิ่งจี้จิ่ว

เมิ่งจี้จิ่วลูบเครา เอ่ยตรงไปตรงมา “เมื่อวานบังเอิญได้ยินคำพูดหนึ่งจากนักเรียนคนหนึ่ง เขาบอกว่า ได้มาถามแล้วคุณหนูโค่วตอบเช่นนั้น ข้าจึงรู้สึกอยากรู้ว่าคุณหนูโค่วอายุน้อยๆ นำหลักการลึกซึ้งมากล่าวได้อย่างเห็นภาพกระจ่างด้วยคำพูดง่ายๆ ทำให้รู้สึกตัวตื่นรู้ อดอยากมาพบไม่ได้”

ซินโย่วจิบน้ำชาท่าทางเก้กัง

นางเพิ่งกล่าวกับต้วนอวิ๋นหลางก็แพร่ไปถึงหูจี้จิ่วสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน ต้วนอวิ๋นหลางเป็นคนปากสว่างเพียงใดกัน

เก้กังก็ไม่ใช่อันใด แต่เพราะคำกล่าวนี้ไม่ใช่คำกล่าวของนาง

ซินโย่วเผยรอยยิ้มเก้อเขิน “คงต้องทำให้ใต้เท้าจี้จิ่วผิดหวังแล้ว คำกล่าวนี้มิใช่คำกล่าวของข้า”

“อ้อ ไม่ทราบว่าเป็นคำกล่าวผู้ใด” เมิ่งจี้จิ่วแววตาผิดหวังวูบหนึ่ง

ที่เขาผิดหวัง ไม่ใช่เพราะสาวน้อยตรงหน้า แต่เพราะสาเหตุอื่น

ไข่ไก่อร่อย ไม่จำเป็นต้องเห็นแม่ไก่ที่ออกไข่ คำพูดนี้ได้ยินแล้วรู้สึกแปลกใหม่ แต่ทำให้เขาอดอยากมาพบไม่ได้ ไม่ใช่เพราะนิยาย แต่เป็นเพราะคำพูดนี้เหมือนเคยได้ยินมาก่อน

เคยมีหญิงสาวอัศจรรย์ผู้หนึ่งเคยกล่าวคำพูดทำนองนี้ ก็คือฮองเฮาซินที่หายตัวไปไร้ร่องรอยมาหลายปีแล้ว

ตอนนั้นเขาได้มารับใช้ฝ่าบาทแล้ว เพราะต้องการบุกโจมตีเมืองหนึ่ง ที่ปรึกษาหลายคนโต้เถียงกันไม่หยุด เพราะผู้ปฏิบัติหน้าที่นี้ที่เหมาะสมที่สุดชื่อเสียงไม่ดีนัก

ฮองเฮาซินกล่าวว่า “สนใจทำไมว่าเขาเป็นแมวดำหรือแมวขาว แค่จับหนูได้ก็คือแมวดี ทุกคนไยต้องโต้เถียงกันไม่เลิกราเช่นนี้ด้วย”

คำพูดตรงไปตรงมาจนแม้แต่คนเขลาไม่รู้หนังสือยังเข้าใจได้ ทำให้คนได้สติตื่นรู้

ตอนเมิ่งจี้จิ่วได้ฟังหลานชายบอกต่อ ก็พลันนึกถึงฮองเฮาซิน แม้รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ เขาก็ยังทำตามความคิดตนเอง มาพบสักครั้ง

“เป็น…ท่านซงหลิงกล่าว” ซินโย่วไม่หน้าหนาพอจะบอกว่าเป็นคำกล่าวตนเอง แต่ก็กลัวว่ามารดาจะเคยกล่าวเช่นนี้กับผู้ใด โยนไปที่ท่านซงหลิงเหมาะสมที่สุด

พอได้ยินว่าเป็นท่านซงหลิง แววตาเมิ่งจี้จิ่วก็วูบไหวเล็กน้อย “เมื่อวานข้ามาขอพบท่านซงหลิง ก็ไร้วาสนาได้พานพบ ไม่ทราบว่าคุณหนูโค่วอำนวยสะดวกให้พบได้หรือไม่”

ซินโย่วกระพริบตายิ้มละไม “ใต้เท้าจี้จิ่ว คิดถึงคำพูดท่านซงหลิงสิเจ้าคะ”

คำพูดท่านซงหลิง…

เมิ่งจี้จิ่วนิ่งอึ้งไปทันที จากนั้นก็หัวเราะพึงใจ “ข้าทำให้ผู้อื่นลำบากใจแล้ว”

ซินโย่วรู้สึกดีต่อใต้เท้าท่านนี้มากยิ่งขึ้น ผู้ทรงอำนาจมากมายแสดงท่าทีให้คนรู้สึกเข้าหาง่าย ก็เพื่อแสดงความใจกว้างของตนเอง แต่หากถูกคนสถานะต่ำกว่าปฏิเสธขึ้นมาจริงๆ ในใจก็ย่อมไม่พอใจ

แต่ใต้เท้าจี้จิ่วท่านนี้ นางกลับรู้สึกได้ถึงความจริงใจ

ก่อนเมิ่งจี้จิ่วจากไป ยังเอ่ยเตือนคำหนึ่ง “ท่านซงหลิงมีความสามารถ เกรงว่าคงไม่อาจเก็บซ่อนแสงสว่างไว้ได้”

ซินโย่วมองเมิ่งจี้จิ่วจากไป กลับถึงเรือนตะวันออกเขียนนิยายต่อเงียบๆ

นางเข้าใจความหมายของเมิ่งจี้จิ่ว แต่ที่นางต้องการก็คืออาศัยสถานะท่านซงหลิงให้คนผู้นั้นได้รู้ ส่งข้อความไปถึงเขา

เรื่องนี้เสี่ยงอยู่สักหน่อย แต่หากศัตรูนางเป็นจวนกู้ชางป๋อจริง ศัตรูก็คือชิ่งอ๋องและพระสนมซูเฟย เผชิญหน้ากับบุคคลยิ่งใหญ่ระดับนี้ นางได้แต่อาศัยแรงที่ส่งมาสะท้อนคืนกลับไป

มีอันตรายบางอย่างจำต้องเสี่ยงภัย ผลที่แย่ที่สุดก็แค่ชีวิตนางเท่านั้น สิ่งที่นางทำได้ทุ่มเทเต็มที่แล้ว สำเร็จหรือล้มเหลวย่อมไม่คิดเสียใจภายหลัง

หมึกหยดหนึ่งหยดลงบนกระดาษเซวียนจื่อ[1] หมึกซึมกระจายอย่างรวดเร็ว

ซินโย่วจ้องมองรอยหมึกซึมกระจายอย่างตกในภวังค์ความคิด

แม้นางจะไม่นึกเสียใจ แต่กลับมีเรื่องที่ยังจัดการไม่เรียบร้อย หนึ่ง คำสัญญาต่อเสี่ยวเหลียนที่จะนำสมบัติคุณหนูโค่วกลับคืนมา สอง ได้รับการช่วยเหลือจากใต้เท้าเฮ่อมากมาย แต่ไม่เคยได้ตอบแทน

ดูท่าต้องรีบเร่งช่วยโค่วชิงชิงนำสมบัติกลับคืนมาแล้ว ส่วนใต้เท้าเฮ่อ…

ส่วนใต้เท้าเฮ่อ เขาเป็นผู้บัญชาการสำนักเจิ้นฝู่ซือสังกัดกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินที่สง่างามเกรียงไกร ฉางเล่อโหวที่ตำแหน่งบรรดาศักดิ์สืบทอดต่อเนื่องได้ตลอดไป แต่นางเป็นเพียงแค่ ‘คุณหนูโค่ว’ ที่เปิดร้านหนังสือ ทั้งยังถูกจวนรองเจ้ากรมจับจ้องเอาแต่ได้

ก็คงต้องติดค้างเช่นนี้ต่อไป

นางโตมาจนอายุสิบหก เพราะมีดวงตาพิเศษ แต่ไรมาจึงได้ช่วยเหลือคนไว้มาก คนบนโลกนี้ติดหนี้น้ำใจนางมากมาย แต่คนที่นางติดค้างมีเพียงหนึ่งเดียว

ซินโย่วพลันบอกไม่ถูกว่ารู้สึกเช่นไร เม้มปากเบาๆ ยกพู่กันขึ้นเขียนต่อ

ค่ำคืน ซินโย่วแช่มือในน้ำร้อนเป็นนาน เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้า

เสี่ยวเหลียนรู้สึกปวดใจ ลำบากท่านแล้ว เริ่มนวดบ่าให้นางเบาๆ

“คุณหนู ร้านหนังสือเราทำกำไรได้มาก ท่านอย่าได้ลำบากมากเกินไป ออกหนังสือใหม่ช้าหน่อยก็ไม่เป็นอันใดกระมัง”

“ไม่ต้องร้อนใจก็จริง แต่ข้าไม่ชอบรั้งรอ อย่างไรระยะนี้ก็ไม่มีอันใดทำ” ซินโย่วหลับตารับการปรนนิบัติจากเสี่ยวเหลียน ถามขึ้นเบาๆ ว่า “เสี่ยวเหลียน ไว้รอให้นำสมบัติคุณหนูโค่วกลับมาได้แล้ว เจ้าวางแผนทำอันใดต่อ”

มือที่กำลังนวดของเสี่ยวเหลียนชะงัก เดินไปตรงหน้าซินโย่ว

“คุณหนูมีวิธีนำสมบัติกลับคืนมาหรือเจ้าคะ”

“พูดไปอย่างนั้น” ซินโย่วยิ้มเอ่ย

วิธีนั้นมีอยู่ นางรอเพียงแค่เวลาเท่านั้น

เสี่ยวเหลียนถูกถามก็ตอบไม่ถูก “ข้า…ไม่รู้ ตอนนี้ข้านึกภาพไม่ออก…”

เห็นอยู่ว่าจะไม่ได้คำตอบจากเสี่ยวเหลียน ในใจซินโย่วกลับรู้สึกผ่อนคลายลง

“เช่นนั้นก็ไม่ต้องคิดแล้ว ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน” ซินโย่วบอกกับเสี่ยวเหลียนและก็บอกกับตนเอง

[1] กระดาษสำหรับเขียนพู่กันจีน คล้ายกระดาษสา

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท