ตอนที่ 133 เตรียมตัวมาพร้อม
“อีกสองวันหรือ” ได้ยินต้วนอวิ๋นหลิงเล่าจบ ซินโย่วก็พึมพำ
แววตาต้วนอวิ๋นหลิงทอประกายวาบ “พี่ชิง พี่มีวิธีหรือ”
หากเป็นเมื่อก่อน แค่ความกล้าหาญที่จะขอร้อง นางก็ยังไม่มี นางรู้สึกว่าตนเองต่ำต้อยอย่างที่สุด ไม่รู้สึกว่าตนเองมีความสามารถช่วยเหลือผู้ใดได้ และก็ไม่อาจร้องขอให้ผู้ใดช่วยเหลือนางเช่นกัน
พี่ชิงทำให้นางเปลี่ยนแปลงตนเอง
ซินโย่วหลุบตาลงมองแต่นิ้วมือ
หลายวันนี้เพราะเร่งเขียนต้นฉบับ นิ้วมือเสียดสีเป็นไตบางๆ ดีที่ลำบากแล้วได้บังเกิดผล
อาการนิ่งเงียบของซินโย่วทำให้ต้วนอวิ๋นหลิงสีหน้าหมองหม่นลง กัดริมฝีปากถามว่า “พี่ชิง ข้าเพียงแค่ถามดู คิดวิธีไม่ออกก็แล้วไป…”
ซินโย่วเงยหน้าขึ้นเห็นใบหน้าสาวน้อยถอดสี “น้องหลิง หากปฏิเสธการแต่งงานนี้ ก็ต้องเอาความสุขสบายในชีวิตของเจ้ามาแลก เจ้ายินดีหรือ”
“ข้าไม่สนใจ!” ต้วนอวิ๋นหลิงหลุดปากออกไป
ซินโย่วยิ้ม “เรื่องนี้ไม่ใช่กล่าวกันเล่นๆ เป็นเรื่องเกี่ยวพันกับความสุขสบายในวันหน้าของเจ้าจริงๆ เจ้าตั้งใจคิดให้ดีค่อยตอบ”
ต้วนอวิ๋นหลิงคิดแล้วก็ถามขึ้นว่า “พี่ชิงกล่าวมาหมายถึงสูญเสียชีวิตสุขสบายในตอนนี้ไปหรือ ปัญหาเรื่องการกินอยู่หรือ”
“ก็ไม่ถึงขั้นนั้น เพียงแต่เสื้อผ้าอาภรณ์เครื่องประดับทั้งปีจะไม่ได้สูงค่าหลากหลาย สินออกเรือนก็มิได้มากมายกองโต…” ซินโย่วมองตาต้วนอวิ๋นหลิง “เช่นนี้น้องหลิงไม่คับแค้นใจหรือ”
ต้วนอวิ๋นหลิงฟังซินโย่วจบก็โล่งใจ “ยังคิดว่าแม้แต่กินอยู่ก็เป็นปัญหา พี่ชิง ที่พี่ว่ามาไม่ใช่ชีวิตคุณหนูตระกูลขุนนางทั่วไปหรือ”
สหายที่ไปมาหาสู่กับนางปกติก็ไม่ต่างจากนี้สักเท่าไร บิดาและพี่ชายเป็นขุนนางตำแหน่งกลางๆ เดิมครอบครัวพอมีเงินก็ยังดี แต่หากเป็นครอบครัวยากจนคนปกติทั่วไป ชีวิตก็ไม่ได้ชื่นมื่นดังที่ชาวบ้านทั่วไปคิด อาหารการกินเสื้อผ้าอาภรณ์เครื่องประดับตลอดทั้งปีพอมี แต่ส่วนใหญ่เน้นขนาดกะทัดรัดงดงามเป็นหลัก พวกที่เสื้อผ้าอาภรณ์เครื่องประดับสูงค่าแท้จริงนั้นมีไม่มาก
ต้วนอวิ๋นหลิงคิดถึงตรงนี้ก็นิ่งอึ้งไป เป็นครั้งแรกที่นางคิดถึงปัญหานี้อย่างจริงจัง ในเมื่อนางมีชาติกำเนิดไม่ต่างกับสหาย เหตุใดชีวิตกลับดีเลิศกว่ามากได้
เงินเหล่านี้…มาจากไหนกัน
สบแววตากระจ่างใสดุจวารี ต้วนอวิ๋นหลิงพลันหนาวยะเยือก ความหนาวเหน็บลุกลามไปทั่วสรรพางค์กาย
หรือว่า…ข่าวลือเหล่านั้นเป็นเรื่องจริง
ต้วนอวิ๋นหลิงอ้าปากค้าง ลำคอคล้ายถูกมือที่ไร้รูปร่างบีบเคล้น พูดไม่ออกแม้สักคำ
“น้องหลิงคิดได้เช่นนี้ ข้าก็จะช่วยเจ้า” ซินโย่วไม่คิดว่าคำพูดนางจะทำให้ในใจต้วนอวิ๋นหลิงบังเกิดคลื่นถาโถมเข้าใส่ ยื่นมือไปตบบ่าปลอบใจอีกฝ่าย
หลายวันนี้นางไม่เพียงแต่เตรียมการเพื่อการออกหนังสือเล่มใหม่ของท่านซงหลิง แต่ยังเตรียมนำสมบัติของโค่วชิงชิงกลับคืนมา กำลังคิดจะลงมือกับจวนรองเจ้ากรมแล้ว ครั้งนี้จะได้ช่วยต้วนอวิ๋นหลิงแก้ปัญหานี้ไปด้วย น่าจะไม่ยากมาก
แววตาต้วนอวิ๋นหลิงส่องประกาย “พี่ชิง ข้าควรทำอย่างไรบ้าง”
“น้องหลิง ขอเพียงไม่เปลี่ยนความคิดก็พอ เรื่องอื่นมอบให้ข้าจัดการเถิด”
“ข้าไม่ต้องทำอันใดเลยหรือ” ต้วนอวิ๋นหลิงใจเต้นแรง ยิ่งรู้สึกละอายใจ
“ตอนนี้ยังไม่ต้อง หากต้องการเมื่อใดข้าจะบอกเอง” ซินโย่วไม่อาจเอ่ยมากเกินไปได้ “สรุปข้าจะพยายามให้ดีที่สุด น้องหลิงสบายใจได้ หากไม่ได้จริงๆ…”
ต้วนอวิ๋นหลิงขัดซินโย่วขึ้น “เช่นนั้นข้าก็ได้แต่ยอมรับชะตา พี่ชิง พี่อย่าได้เสี่ยงภัยเพราะข้า”
นางลองคัดค้านแล้ว หากไม่สำเร็จ เช่นนี้ก็มิใช่ความผิดนาง ยิ่งไม่อาจพลอยทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนไปด้วยได้
ต้วนอวิ๋นหลิงออกจากเรือนหว่านฉิง ก็ก้าวเดินผ่อนคลายขึ้นมาก
เรือนหว่านฉิงต้นฤดูหนาวกิ่งก้านดอกใบปลิดปลิว แลดูอ้างว้าง แต่ดีที่แสงแดดสาดส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่างห้องปัดเป่าความมืดสลัวและเย็นเยียบทิ้งไป
“คุณหนูไม่นอนพักกลางวันหรือเจ้าคะ” เสี่ยวเหลียนที่พอเข้าใจสีหน้าซินโย่วมากแล้ว ถามขึ้นเบาๆ
คุณหนูสามมาพูดอันใดนางไม่รู้ แต่เห็นชัดว่าไม่ได้มาคุยเล่นกับคุณหนู หลายวันนี้ซินโย่วก้มหน้าก้มตาอดทนเขียนหนังสืออย่างมุ่งมั่น เสี่ยวเหลียนรู้สึกสงสารนางมาก
“เสี่ยวเหลียน เจ้ากลับไปร้านหนังสือหยิบต้นฉบับจากช่องที่สองในชั้นหนังสือริมกำแพงฝั่งตะวันตกในห้องหนังสือมาให้ข้าหน่อย” ซินโย่วกำชับละเอียด
เสี่ยวเหลียนรับคำรีบก้าวออกจากเรือนหว่านฉิง
“พี่เสี่ยวเหลียนออกไปข้างนอกหรือ” คนเฝ้าประตูข้างเห็นเสี่ยวเหลียนก็ทักทายสนิทสนม
เสี่ยวเหลียนยิ้มรับคำ ออกจากจวนรองเจ้ากรมราบรื่น
ในเรือนตะวันออกร้านหนังสือ ทุกอย่างจัดวางเป็นระเบียบ ฟางหมัวมัวเห็นเสี่ยวเหลียนกลับมาก็สะดุ้งตกใจ “ไม่อยู่กับคุณหนูที่จวนรองเจ้ากรมหรือ เหตุใดอยู่ๆ กลับมา”
“คุณหนูมีของไม่ได้นำไป ให้ข้ามาเอา”
ฟางหมัวมัววางใจ “เช่นนั้นก็ดี ข้ายังคิดว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น”
เสี่ยวเหลียนคิดในใจ เกรงว่าจะเกิดเรื่องแล้ว แต่ความคาดเดานี้ไม่จำเป็นต้องเอ่ยออกไปทำให้ฟาง หมัวมัวเป็นห่วง นางหากล่องเก็บต้นฉบับนิยายพบอย่างรวดเร็ว นำต้นฉบับนิยายพร้อมกล่องเร่งกลับจวนรองเจ้ากรม
“คุณหนูต้นฉบับนิยายมาแล้วเจ้าค่ะ”
ซินโย่วรับกล่องมาเปิดต่อหน้าเสี่ยวเหลียน
ในกล่องมีหนังสือวางนิ่งอยู่เล่มหนึ่ง ต่างจากหนังสือที่ขายในร้านหนังสือ หน้าปกหนังสือเล่มนี้ว่างเปล่า เย็บเล่มแบบไม่ตั้งใจนัก แค่ดูก็รู้ว่าเป็นหนังสือทำมือด้วยตนเอง
เสี่ยวเหลียนหยิบต้นฉบับนิยายมาไม่ได้เปิดอ่าน ยามนี้กำลังจ้องมองต้นฉบับนิยายพลางถามอย่างอยากรู้ขึ้นว่า “คุณหนู นี่คือนิยายใหม่ที่ร้านหนังสือเราจะวางขายหรือ”
ในฐานะคนที่อยู่กับซินโย่วตลอดเวลา เสี่ยวเหลียนรู้มานานแล้วว่านิยายแม้เป็นเรื่องเล่าของท่านซงหลิง แต่คนเขียนออกมาก็คือซินโย่ว
“เล่มนี้ไม่ใช่” ซินโย่วแตะหนังสือเบาๆ ริมฝีปากแย้มเล็กน้อย “นี่เขียนเพื่อนำสมบัติคุณหนูโค่วกลับคืนมา”
เสี่ยวเหลียนเบิกตาโพลง จ้องมองต้นฉบับนิยายเขม็ง “สิ่งนี้ก็จะนำสมบัติคุณหนูเรากลับคืนมาได้หรือเจ้าคะ”
ปฏิกิริยาแรกสาวใช้คือแทบไม่อยากเชื่อ แต่เห็นท่าทางนิ่งสงบมั่นใจของสาวน้อยตรงหน้า ความสงสัยเหล่านั้นก็กลายเป็นความคาดหวัง
ตั้งแต่นางได้ติดตามคุณหนูมา ได้เห็นแต่ละก้าวของคุณหนูด้วยตาตนเองจนมีวันนี้ได้ คุณหนูก็คือคนที่ทำให้เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้
“คุณหนูข้าขอสัมผัสได้ไหมเจ้าคะ” เสี่ยวเหลียนจับจ้องหนังสือในมือเขม็งไม่วางตา
ซินโย่วคลี่ยิ้ม ยกมือออก
เสี่ยวเหลียนสูดลมหายใจเฮือกหนึ่ง ลองยื่นมือออกไปทีละน้อย
ซินโย่วไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ลูบคลำได้ตามสบาย ต้นฉบับไม่กัดคน”
ในที่สุดมือสาวใช้ก็ได้แตะหนังสือ เผยรอยยิ้มกว้าง “คุณหนูกล่าวอันใดกันเจ้าคะ บ่าวหรือจะเป็นห่วงว่าต้นฉบับนิยายกัดคน”
นางแตะๆ กลิ่นอายมงคลก่อนค่อยว่ากัน
“เอาละ ตามข้าไปพบรองเจ้ากรมต้วน” ซินโย่วเก็บต้นฉบับนิยายเรียบร้อยก็ลุกขึ้นยืน
เสี่ยวเหลียนนิ่งอึ้งไปทันที “คุณหนูไม่ไปพบนายหญิงผู้เฒ่า?”
สมบัติพวกนั้นไม่ได้อยู่ในกำมือนายหญิงผู้เฒ่าหรือ
ซินโย่วน้ำเสียงหนักแน่น ทำให้เสี่ยวเหลียนแน่ใจว่าไม่ได้ฟังผิด “ไม่ ไปพบรองเจ้ากรมต้วน”
นายหญิงผู้เฒ่าคุมการเงินในจวน แต่คนคุมเสาหลักจวนรองเจ้ากรมแท้จริงย่อมเป็นรองเจ้ากรมต้วนอย่างไม่ต้องสงสัย
นำสมบัติโค่วชิงชิงครึ่งหนึ่งกลับคืนมาเป็นเรื่องดังขอดเกล็ดจวนรองเจ้ากรมให้เจ็บปวดแสนสาหัส ย่อมควรไปหาประมุขตระกูลต้วนตัวจริง
ยามนี้รองเจ้ากรมต้วนพักกลางวันเพิ่งตื่น กำลังดื่มน้ำชาให้หายงัวเงีย ก็ได้ยินบ่าวรายงานว่าคุณหนูนอกมา
รองเจ้ากรมต้วนรู้สึกเหนือความคาดหมาย รีบสั่งการลูกน้องให้เชิญนางเข้ามา