สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 141 เก็บเงิน

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 141 เก็บเงิน

สาวน้อยในชุดเสื้อกั๊กสีขาวงาช้าง กระโปรงจีบรอบสีเขียวครามเดินเข้ามา วงหน้างามประจ่าง ท่วงท่าสบายๆ

“ท่านยาย ท่านลุง” ซินโย่วทักทายทั้งสองคนด้วยท่าทีสงบนิ่ง

เดิมนายหญิงผู้เฒ่ากำลังโมโหหลานสาวที่ก่อเรื่อง ยังมีเข็มแหลมคมที่รองเจ้ากรมต้วนฝังลงในใจนาง ยามนี้ได้เห็นซินโย่วก็แสดงท่าทีเมตตาอารีไม่ออก บอกให้นางนั่งลงด้วยใบหน้าบึ้งตึง

ซินโย่วนั่งลงตาม

“นี่คือตั๋วแลกเงินที่เมื่อวานท่านลุงเจ้าไปร้านรับฝากเงินหลายแห่งแลกมา รวมกับที่บ้านเก็บไว้ใช้จ่าย ทั้งหมด สามแสนตำลึง” นายหญิงผู้เฒ่าผลักกล่องบรรจุให้นาง

ซินโย่วเปิดกล่องต่อหน้าทั้งสองคนทันที

แม้ราชวงศ์ต้าซย่าตั้งมาเพียงยี่สิบกว่าปี แต่ร้านรับฝากเงินก็มีกำหนดระเบียบเรียบร้อยกว่าราชวงศ์ก่อน ไม่เอ่ยถึงเรื่องอื่น แค่เฉพาะตัวตั๋ว ก็จัดให้มีตั๋วแลกเงินอย่างต่ำสุดห้าตำลึง อย่างมากสุดหนึ่งพันตำลึง เป็นการกำหนดเป็นมาตรฐานของร้านรับฝากเงินทั้งเล็กและใหญ่

ว่ากันว่าเป็นการเสนอของฮองเฮาในตอนนั้น

ตั๋วแลกเงินในกล่องเป็นตั๋วชนิดหนึ่งพันตำลึงทั้งหมด สามแสนตำลึง ตั๋วแลกเงินอัดแน่นจนกล่องดูเล็กไปถนัดตา

ซินโย่วหยิบตั๋วแลกเงินปึกหนึ่งขึ้นมาดู

ตอนนั้นนายหญิงผู้เฒ่านำเงินสามแสนตำลึงฝากร้านรับฝากเงิน เพราะคำนึงถึงความปลอดภัยไว้ก่อน เงินที่ไม่ได้แลกเป็นตั๋วแลกเงินก็เก็บไว้ที่จวน ร้านรับฝากเงินเหล่านี้ยังกำหนดมาตรฐานร่วมกัน เงินที่ฝากเกินหมื่นตำลึง จะแกะสลักตราประทับทำจากทองแดงไว้เบิกเป็นตั๋วแลกเงิน ตราประทับนี้เก็บได้ปลอดภัยและสะดวกกว่าตั๋วแลกเงินที่ทำจากระดาษมาก

เมื่อวานรองเจ้ากรมต้วนก็นำตราประทับสองสามอันไปเปลี่ยนเป็นตั๋วแลกเงินกลับมา ร้านรับฝากเงินแต่ละร้านจะออกตั๋วแลกเงินต่างกัน หากคิดจะนำไปแลกเป็นเงินก้อนทองก้อนของจริง ก็ค่อยนำตั๋วแลกเงินไปร้านรับฝากเงินนั้นๆ เพื่อเบิกออกมา

“นี่คือตราประทับร้านรับฝากเงินจิ่นเซิง หนึ่งแสนตำลึง” รองเจ้ากรมต้วนมอบตราประทับอันเล็กให้นางไปด้วยสีหน้าเย็นเยียบ

ซินโย่วรับมามองอย่างละเอียด ตราประทับทองแดงเล็กกะทัดรัดประณีต ลายรองพื้นเป็นลวดลายซับซ้อน แกะอักษร ‘สิบ’ แสดงให้เห็นว่าตราประทับนี้แลกเงินจากร้านรับฝากเงินได้หนึ่งแสนตำลึง

ซินโย่วนำกล่องบรรจุตั๋วแลกเงินกับตราประทับวางไว้ข้างๆ

นี่คือสี่แสนตำลึง จำนวนห่างจากที่นางต้องการอีกสองแสนตำลึง

นายหญิงผู้เฒ่าเห็นนางเผชิญหน้ากับเงินมากมายเช่นนี้ด้วยสีหน้านิ่งสงบ ท่าทางรอคอยให้นางนำเงินออกมาต่อ ทำให้นางมีสีหน้ายิ่งเคร่งเครียดขึ้นมา

เด็กสาวผู้นี้ไม่เพียงไร้น้ำใจต่อจวนรองเจ้ากรม แม้แต่กับยายของนางก็ไม่มีใจให้แม้สักนิด

“ที่จวนยังมีเงินสดอีกห้าหมื่นตำลึง เตรียมไว้ให้เจ้าแล้ว” นายหญิงผู้เฒ่าขมวดคิ้วแน่นจนคล้ายว่าจะบีบยุงตายได้

ซินโย่วยิ้มละไมกล่าวว่า “ข้านำรถม้ากับคนงานมาด้วยเจ้าค่ะ อีกสักครู่ก็ให้เคลื่อนรถเข้ามา”

รองเจ้ากรมต้วนแค่นเสียงเอ่ยว่า “ได้”

เขาเองก็ไม่คิดเป็นที่จับตามองของผู้อื่นให้เป็นที่ซุบซิบนินทา

“แสนห้าหมื่นตำลึงที่เหลือ…” ซินโย่วลากเสียงยาว

รองเจ้ากรมต้วนฟาดกล่องอีกใบลงตรงหน้านาง “ในนี้มีสัญญาที่ดินร้านค้าสิบกว่าร้าน รวมกันแล้วก็มีค่าราวหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึง มีแต่เกินไม่มีขาด”

ซินโย่วเปิดกล่องออก ครั้งนี้ดูละเอียดเป็นพิเศษ

ตั๋วแลกเงินกับตราประทับมีปัญหาหรือไม่ รู้ได้ไม่ยาก แต่ร้านค้าพวกนี้ก็ยากแล้ว

พอดูสัญญากรรมสิทธิ์เรียบร้อย ซินโย่วก็ดึงออกมาใบหนึ่ง “ร้านอาหารนี้ข้าเคยเดินผ่าน คล้ายว่าไม่มีลูกค้า”

รองเจ้ากรมต้วนเสียงแข็งเย็นเยียบ “การค้าดีหรือไม่ล้วนเป็นเรื่องของวันหน้า ตอนนั้นที่ซื้อร้านนี้ ใช้เงินไปเท่านี้จริงๆ”

ซินโย่วคิดแล้วก็เก็บปึกสัญญากรรมสิทธิ์เรียบร้อย “ท่านลุงกล่าวได้ถูกต้อง แล้วเงินสดอีกห้าหมื่นตำลึงอยู่ที่ใด”

“บรรจุลงหีบแล้ว อยู่ในห้องด้านข้าง”

นายหญิงผู้เฒ่าสั่งการสาวใช้เป็นพิเศษ วันนี้ให้เฝ้าหน้าประตูใหญ่เรือนหรูอี้ถังไว้ ไม่ให้คนนอกเข้าใกล้ ห้องชั่วคราวที่จัดไว้วางหีบเงินทองก้อนพวกนั้น พอเปิดประตูห้องออก ก็เห็นหีบใบใหญ่สี่เหลี่ยมเท่าๆ กัน วางเรียงแน่นกันอยู่ในห้อง

ซินโย่วนับดูแล้ว หลายสิบหีบได้

เงินก้อนทองก้อนวางเรียงกันหลายสิบหีบ อย่าว่าแต่รถม้าสามคันรอบเดียวขนไม่หมด แม้อัดไปได้ รถม้าก็รับน้ำหนักไม่ไหว

“เสี่ยวเหลียน” ซินโย่วเรียกเสี่ยวเหลียน

เสี่ยวเหลียนรู้ทันที รีบก้าวเข้าไปเลือกเปิดหีบใบหนึ่ง

แสงในห้องไม่พอ แต่พอเปิดหีบออก แสงเงินขาววาววับก็กระทบนัยน์ตาทันที

เสี่ยวเหลียนสูดลมหายใจเฮือก อดหันมองไปทางซินโย่วไม่ได้

นางรู้เพียงว่าหกแสนตำลึงนั้นมากมายมหาศาลมากๆ แต่พอได้เห็นหีบบรรจุเงินก้อนอัดแน่นเต็มเช่นนี้ จึงพอนึกภาพออกว่าจะมากมายเพียงใด

นี่เพียงแค่หีบเดียว หากบรรจุเงินก้อนหกแสนตำลึงลงหีบจะมากมายเพียงใด

สาวใช้เข่าอ่อนแทบทรุด เริ่มยืนไม่มั่นแล้ว

รองเจ้ากรมต้วนสีหน้าโมโห “ชิงชิง หรือเจ้าคิดว่าพวกเราจะนำของอื่นมาบรรจุแทนเงินก้อนกัน”

ซินโย่วเม้มปาก ท่าทางยิ้มเล็กน้อยแบบสาวน้อยว่านอนสอนง่ายคนเดิม “ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อใจท่านลุง เพียงแต่ข้าไม่เคยเห็นเงินก้อนมากมายเช่นนี้ อดอยากเปิดโลกทัศน์สักหน่อยไม่ได้”

รองเจ้ากรมต้วนต้องการทำให้นางยอมสงบลงจึงได้นำออกมา หากคิดจะหลอกตาย่อมมีความเป็นไปได้น้อยมาก แม้คาดเดาเช่นนี้ แต่พอกลับถึงร้านหนังสือ เงินก้อนและสัญญากรรมสิทธิ์เหล่านี้ก็ต้องตรวจนับและพิสูจน์ให้เรียบร้อยอีกครั้ง

จากนั้นรถม้าสามคันที่จอดรออยู่ด้านนอกก็เคลื่อนเข้ามาในจวนรองเจ้ากรม จอดรออยู่ที่ประตูชั้นใน

ซินโย่วสั่งการเสี่ยวเหลียนตามรถไป ขนเงินก้อนไปเรือนตะวันออกร้านหนังสือชิงซง

รถม้าสามคันภายนอกธรรมดา ยามรถเคลื่อนไปบนท้องถนนย่อมไม่เป็นที่สังเกต มีเพียงผู้คุ้มกันรับหน้าที่คุ้มครองการขนย้ายเท่านั้นที่ต้องระวังตัวตลอดเวลา แอบคาดเดาว่ารถม้าที่หนักเพียงนี้บรรจุของอันใดไว้

“ข้าไม่เคยไปร้านรับฝากเงินจิ่นเซิง ท่านลุงไปเป็นเพื่อนข้าหน่อยได้หรือไม่”

รองเจ้ากรมต้วนพยักหน้าด้วยสีหน้าหน้าบึ้งตึง “ได้”

ซินโย่วนำกล่องตั๋วแลกเงินกับสัญญากรรมสิทธิ์ร้านค้าห่อด้วยผ้าเรียบร้อย ยกขึ้นสะพายเดินออกไปพลางเอ่ยว่า “ใช่แล้ว ท่านลุง เมื่อครู่มัวแต่ยุ่ง ไม่ได้มีเวลาคุยกับท่าน ข้าเรียกสหายผู้หนึ่งมาด้วย อีกสักครู่จะช่วยข้านำของกลับไป ตอนนี้เขารออยู่ที่โถงด้านหน้าแล้ว”

“ตะ ใต้เท้าเฮ่อ?” รองเจ้ากรมต้วนตกใจจนเสียงหลง

เฮ่อชิงเซียววางแก้วน้ำชาลุกขึ้นยืน “ข้าได้รับการไหว้วานจากคุณหนูโค่ว มาเป็นเพื่อนนางทำธุระสักหน่อย”

“อ้อ อ้อ…” รองเจ้ากรมต้วนสมองสับสนมึนงง ก่อนหันไปมองซินโย่ว

ซินโย่วกระดกมุมปากยิ้มให้รองเจ้ากรมต้วน ส่งห่อผ้าให้เฮ่อชิงเซียว “รบกวนใต้เท้าเฮ่อช่วยข้าถือหน่อยเจ้าค่ะ”

เฮ่อชิงเซียวรับไปถือด้วยสีหน้านิ่งเรียบเป็นปกติยิ่ง คุณหนูโค่วให้เขาช่วยมาคุมสถานการณ์ ยังรับปากให้ค่าตอบแทน ช่วยคุณหนูโค่วถือของก็สมควรอยู่

เห็นเขารับไปอย่างเป็นธรรมชาติเช่นนี้ รองเจ้ากรมต้วนก็ไม่อาจรักษาท่าทีสงบนิ่งได้อีกต่อไป

หลานสาวเรียกเฮ่อชิงเซียวช่วยนางถือห่อผ้า!

พวกเขามีความสัมพันธ์อันใดกัน

มิน่านังเด็กนี่จึงได้เหิมเกริมเช่นนี้ เจ้าสุนัขชายหญิงคู่นี้!

แววตาดูแคลนแวบผ่านดวงตารองเจ้ากรมต้วนแวบหนึ่ง แต่ซินโย่วสังเกตเห็นได้ทันที

เรื่องนี้นางได้แต่เพียงกระดกมุมปาก

คนเช่นรองเจ้ากรมต้วนจะคิดอันใด นางกระจ่างใจมาก

แต่นางจะสนใจหรือ

เชอะ!

ซินโย่วกับรองเจ้ากรมต้วนนั่งรถม้าคันเดียวกัน เฮ่อชิงเซียวขี่ม้าตามปกติ สามคนมาถึงร้านรับฝากเงินจิ่นเซิง

ร้านรับฝากเงินจิ่นเซิงเป็นร้านรับฝากเงินที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง ดูแล้วยิ่งใหญ่ไม่ธรรมดา

เฮ่อชิงเซียวมองทีหนึ่ง ก็แน่ใจว่าเขาไม่เคยมาที่นี่

คุณหนูโค่วกับท่านลุงนางมาร้านรับฝากเงินด้วยกัน ต้องการเจรจการค้าอันใดกัน

นึกถึงรถม้าสามคันที่ซินโย่วลากออกจากจวนรองเจ้ากรมที่เห็นชัดว่าบรรทุกของหนักมา เฮ่อชิงเซียวก็สะดุ้งตกใจ

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท